ข่าว
เป็นเรื่อง! ร้านกาแฟระดับโลก "สตาร์บัค" จี้รถกาแฟข้างถนน "สตาร์บัง" เปลี่ยนโลโก้

“สตาร์บัคส์” ร้านกาแฟระดับโลก ร่อนหนังสือจี้ "ร้านสตาร์บัง" เปลี่ยนโลโก้ อ้างละเมิดลิขสิทธิ์ หลังภาพว่อนเน็ต

จากกรณีที่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กได้มีการเผยแพร่ภาพร้านรถพ่วงข้างมอเตอร์ไซต์ขายกาแฟชื่อ"ร้านสตาร์บัง" (STARBUNG COFFEE) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนพระอาทิตย์ โดยมีนายดำรง มัสแหละ เป็นเจ้าของ เนื่องจากความแปลกที่ชื่อและป้ายร้านจนร้านสตาร์บังกลายเป็นประเด็นบอกต่อในโลกออนไลน์นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ต.ค.) ได้มีหนังสื่อจากบริษัทติลลิกิแอนด์กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า ทางบริษัทเป็นผู้รับมอบอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายในประเทศไทยของ สตาร์บัคส์ คอร์ปอเรชั่น และเป็นเจ้าของทะเบียนเครื่องหมายการค้า “STARBUCKS COFFEE และรูปวงกลมสีเขียวซ้อนกัน” ส่งมาถึงนายดำรง มีข้อความสรุปว่า ร้านสตาร์บังได้ละเมิดเครื่องหมายทางการค้าของสตาร์บัคส์ คอร์ปอเรชั่น เจ้าของร้านสตาร์บัคส์คอฟฟี่ (STARBUCKS COFFEE) และแจ้งให้เปลี่ยนเครื่องหมายการค้า ภายในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ซึ่งหากไม่ได้รับคำตอบภายใน 7 วัน จะมีการดำเนินการตามกฎหมาย

ภาพลักษณ์ผู้นำ'ยิ่งลักษณ์'พุ่ง 'ทักษิณ'ยังครองใจคนจนเสมอ

เอแบคโพลล์ เผยภาพลักษณ์ผู้นำ "นายกฯ ปู" พุ่งทุกตัวชี้วัด เป็นตัวของตัวเอง-คนรุ่นใหม่-ตปท.ยอมรับ-มีความอดทนอดกลั้น คุมอารมณ์ คนส่วนใหญ่อยากเห็นกลุ่มรากหญ้ามีรายได้เพิ่ม มีกระทรวงกีฬาพัฒนานักกีฬาไทย มอง "ทักษิณ" อันดับ 1 นักการเมืองที่ช่วยเหลือคนจนให้มีชีวิตดีขึ้น "มาร์ค" รั้งที่ 3...

เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2555 ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะผู้นำประเทศ และก้าวต่อไปของประเทศไทยในสายตาประชาชน" พบว่า ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพิ่มสูงขึ้นในทุกตัวชี้วัด โดยร้อยละ 63.7 ระบุความเป็นตัวของตัวเอง ร้อยละ 60.9 ระบุเป็นคนรุ่นใหม่ ร้อยละ 58.9 ระบุได้รับการยอมรับภายในประเทศและต่างประเทศ ร้อยละ 57.1 ระบุมีความคิดสร้างสรรค์ ร้อยละ 55.1 ระบุมีความเสียสละ ร้อยละ 54.0 ระบุมีความโอบอ้อมอารี ร้อยละ 53.7 ระบุมีวิสัยทัศน์ ร้อยละ 53.5 ระบุประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ร้อยละ 52.5 ระบุกล้าคิดกล้าตัดสินใจ ร้อยละ 51.9 ระบุมีความสุภาพอ่อนโยน ร้อยละ 51.3 ระบุมีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 50.8 ระบุมีจริยธรรมทางการเมือง ร้อยละ 49.8 ระบุรวดเร็วฉับไวในการแก้ไขปัญหา ร้อยละ 49.6 ระบุมีความยุติธรรม ร้อยละ 49.2 ระบุแก้ปัญหา (บริหาร) ความขัดแย้งได้ดี ร้อยละ 47.8 มีความอดทนอดกลั้น รู้จักควบคุมอารมณ์ และร้อยละ 44.6 มีความรู้ความสามารถเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ

ส่วนก้าวต่อไปของประเทศไทยที่อยากเห็น ร้อยละ 82.8 ระบุทำให้คนไทยรากหญ้ามีรายได้เพิ่มขึ้น คนรวยใส่ใจคนจนให้มากขึ้น รองลงมาคือ ร้อยละ 80.3 ระบุกระจายทรัพยากรให้โอกาสประชาชนทั่วไปได้ครอบครองเป็นเจ้าของมากขึ้น ร้อยละ 79.9 ระบุหยุดสร้างเงื่อนไขขัดแย้งรุนแรงของคนในชาติ อยากเห็นนักการเมืองปรองดองกันให้ชาวบ้านเห็น ร้อยละ 75.4 ระบุยึดกระบวนการยุติธรรมในการคลี่คลายปัญหาบ้านเมือง และร้อยละ 73.3 ระบุเพิ่มความพร้อมให้คนไทยและเจ้าหน้าที่รัฐเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนเต็มรูปแบบ

ในส่วนกระทรวงที่อยากเห็นอยากให้เกิดขึ้นในอนาคต พบว่า ร้อยละ 91.4 อยากให้มีกระทรวงกีฬา เพราะช่วยจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอในการพัฒนานักกีฬาไทยสู่กีฬาระดับโลก มีทรัพยากรที่เพียบพร้อมในการฝึกเด็กและเยาวชนไทย สร้างโอกาสและความเป็นธรรมกับกลุ่มประชาชนที่มีความสามารถด้านกีฬาทุกหมู่เหล่ามากขึ้น มีเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ครบถ้วนสมบูรณ์ให้นักกีฬาได้มากยิ่งขึ้น เป็นต้น รองลงมาร้อยละ 90.5 อยากเห็นประเทศไทยมีกระทรวงอาหาร เพราะจะมีหน่วยงานรัฐโดยตรงที่ช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโลก ประเทศไทยเหมาะที่จะเป็นคลังอาหาร วัตถุดิบอุดมสมบูรณ์ มีการจัดสรรทรัพยากร ช่วยควบคุมลดความเสี่ยงในความปลอดภัยด้านอาหารให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยทำให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านอาหาร และทำให้เกิดความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนอย่างยั่งยืน เป็นต้น

ขณะที่นักการเมืองที่ช่วยเหลือคนยากจนให้มีชีวิตที่ดีขึ้นมากที่สุด พบว่า อันดับแรกร้อยละ 22.4 ระบุ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รองลงมาร้อยละ 21.2 ระบุ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 14.3 ระบุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 7.8 ระบุ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ร้อยละ 6.5 ระบุ นายชวน หลีกภัย ร้อยละ 3.8 ระบุ นายบรรหาร ศิลปอาชา และร้อยละ 5.1 ระบุอื่นๆ ได้แก่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 18.9 ระบุไม่มีนักการเมืองคนใดเลย

เมื่อถามว่า ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งทั่วประเทศ พรรคการเมืองใดที่ตั้งใจจะเลือก ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 52.7 จะเลือกพรรคเพื่อไทย รองลงมาคือ ร้อยละ 35.9 จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 11.4 จะเลือกพรรคอื่นๆ เช่น พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคพลังชล และพรรคมาตุภูมิ เป็นต้น

สิ้น"ครูเพลง"ดัง มีศักดิ์ นาครัตน์

สิ้นนักร้อง - ลูกสาวและญาติพี่น้องร่วมรดน้ำศพนายมีศักดิ์ นาครัตน์ อดีตนักร้อง นักแสดง และนักแต่งเพลงแปลงชื่อดัง หนึ่งในสมาชิกคณะสามศักดิ์ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ขณะอายุ 74 ปี ที่วัดเสมียนนารี เมื่อวันที่ 18 ต.ค.

วงการเพลงเศร้าอีก สิ้น "มีศักดิ์ นาครัตน์" นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง เจ้าของผลงานเพลง แดดออก น้ำพริกปลาทู ท่าเตียน เพลงแปลงและเพลงชวนหัวอีกหลายเพลง สิ้นลมอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด ที่โรงพยาบาลทรวงอก ในวัย 74 ปี ญาติพี่น้องและเพื่อนศิลปินร่วมงานศพด้วยความอาลัย ตั้งศพสวดอภิธรรม 7 วัน ที่ศาลา 1 วัดเสมียนนารี

เมื่อเวลา 08.26 น. วันที่ 18 ต.ค. มีศักดิ์ นาครัตน์ อายุ 74 ปี อดีตนักร้อง นักแสดง และนักแต่งเพลงแปลงชื่อดัง หนึ่งในสมาชิกคณะสามศักดิ์ เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด ที่ โรงพยาบาลทรวงอก ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว

น.ส.จันทนา นาครัตน์ อายุ 50 ปี ลูกสาวคนโต เผยถึงการเสียชีวิตของคุณพ่อ ว่า ช่วงเช้าทางโรงพยาบาลโทร.แจ้งว่าคุณพ่อหายใจอ่อนลง และเสียชีวิตในเวลา 08.26 น. ปกติตนและครอบครัวจะมาเยี่ยมคุณพ่อเวลา 11.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ห้องไอซียูเปิดให้เข้าเยี่ยม ก่อนหน้านี้คุณพ่อกลับไปรักษาตัวที่บ้าน กระทั่งวันที่ 10 ต.ค. มีอาการหายใจไม่ออกจึงนำตัวส่งโรงพยาบาล ช่วงที่อยู่โรงพยาบาลยังมีอาการปกติ อาจจะรู้สึกเหนื่อยง่ายบ้างแต่ไม่ได้มีอาการรุนแรงอะไร

"เมื่อคืนยังคุยกันและร้องเพลงโปรดของ คุณพ่อคือเพลง ?มาย เวย์? ท่านก็ฮัมเพลงตาม จนมาตอนเช้าหมอโทรศัพท์มาบอกว่าคุณพ่อหายใจอ่อนลง ออกซิเจนและความดันลดลงอย่างรวดเร็วจนหยุดหายใจ" ลูกสาวอดีตนักร้อง กล่าว

น.ส.จันทนากล่าวต่อว่า ครอบครัวเพิ่งทราบว่าคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา แต่ไม่มีใครบอกพ่อ เพราะไม่อยากให้เสียกำลังใจ ระหว่างนั้นลูกๆ ดูแลคุณพ่ออย่างดีและทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด ทุกคนรู้ว่าคุณพ่อเป็นศิลปิน อารมณ์อ่อนไหว หากรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย จะเกิดความเครียดได้ เพราะระหว่างนั้นคุณพ่อจะเข้าใจว่าตัวเองเป็นโรคน้ำท่วมปอด รวมถึงคุณพ่อมีโรคประจำตัวคือเบาเหวานและความดัน แต่ด้วยความที่เป็นคนอารมณ์ดี คุณพ่อจึงไม่ได้แสดงอาการเจ็บป่วยออกมาให้เห็น ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็จะหัวเราะสนุกสนาน พยาบาลที่ดูแลมักพูดให้ฟังเสมอว่าคุณพ่อไม่เหมือนคนป่วย ในส่วนของครอบครัวแม้จะทำใจไว้แล้วแต่ก็รู้สึกเสียใจ เพราะถือว่าคุณพ่อจากไปกะทันหัน

การสวดอภิธรรมศพ มีศักดิ์ นาครัตน์ กำหนด 7 วัน ที่ศาลา 1 วัดเสมียนนารี โดยทางสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิดนตรีการดนตรีแห่งประเทศไทย ได้ทำเรื่องของพระราชทานเพลิงศพในการจากไปครั้งนี้ สำหรับประวัติ มีศักดิ์ นาครัตน์ เกิดวันที่ 25 พ.ค. 2481 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เป็นนักร้อง นักแสดง และนักแต่งเพลงแปลง มีผลงานเด่นในช่วงปี พ.ศ.2500-2509 มีชื่อเสียงจากการแต่งและร้องเพลงไทยแปลงจากทำนองต่างประเทศแนวชวนหัว คู่กับ สุรพล โทณะวณิก เพลงที่มีชื่อเสียง อาทิ แดดออก, น้ำพริกปลาทู, ท่าเตียน ฯลฯ มีเพลงดังอื่นๆ ยุคแผ่นเสียงสปีด 78 ช่วงต้น พ.ศ.2500 เช่น แม่แตงร่มใบ, ผมบ๊อบ, แตกดังโพละ, เห่เรือจ้าง, ท่าแฉลบ เป็นต้น เคยทำอัลบั้ม "มีศักดิ์" บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ปี พ.ศ.2520-2530 นอกจากนี้ ยังเคยแสดงภาพยนตร์ เงิน เงิน เงิน, เป็ดน้อย, รักสยามเท่าฟ้า รวมทั้งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ นเรศวร รับบทเป็น พระยายมราช

ส่วนผลงานด้านโทรทัศน์และวิทยุ มีศักดิ์ นาครัตน์ เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะสามศักดิ์ ร่วมกับ ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา และ สักกรินทร์ ปุญญฤทธิ์ ทางไทยทีวี ช่อง 4 บางขุนพรหม มีบทเพลงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสมัยนั้น เช่น เพลงผู้ใหญ่ลี และเพลงแมวเหมียว จนได้รับรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำ และสร้างสรรค์ผลงานเพลง อีกทั้งยังเคยเป็นผู้กำกับละครโทรทัศน์และฝ่ายศิลปกรรมของไทยทีวีสีช่อง 3 ยุคเริ่มแรก และเป็นพิธีกรคู่กับ สุดา ชื่นบาน รายการ มิวสิคสแควร์ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 พ.ศ.2520 และยังได้รับรางวัลเมขลาผลงาน ผู้ประพันธ์เพลงดีเด่น และรางวัลอื่นๆ อีกหลายรางวัล