'ประชา'อ่านแถลงการณ์ ศอ.รส. เตือนขรก. พนักงานรัฐวิสาหกิจ และปชช. ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มกปปส. อาจเข้าข่ายถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและวินัย เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรงเข้าข่ายกบฏ มีอายุความ 20 ปี แนะให้ยึดกฎระเบียบหน่วยงานเป็นหลัก..
เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 17 ม.ค. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ อ่านแถลงการณ์ ศอ.รส. ระบุมีความตอนหนึ่งว่า จากการชุมนุมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. และพวก ซึ่งถูกออกหมายจับไปแล้วนั้น นับเป็นการกระทำอันเป็นกบฏ ซึ่งบัดนี้เป็นคดีพิเศษแล้ว มีการแจ้งข้อกล่าวหาแกนนำ 58 คน ตามความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 113 มาตรา 114 ฐานร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ตามมาตรา 116 และร่วมกันมั่วสุมตามมาตรา 215 ซึ่งความผิดดังกล่าว นอกจากบุคคลที่เป็นแกนนำจะต้องถูกดำเนินคดีแล้ว บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย วันนี้อาจยังไม่โดนดำเนินคดี แต่ในอนาคตจะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน ซึ่งคดีมีอายุความ 20 ปี
พล.ต.อ.ประชา กล่าวต่อว่า นอกจากนายสุเทพแล้ว ยังมีข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ เข้าไปมีส่วนร่วมหรือให้การสนับสนุนการชุมนุมอีกจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเวที การร่วมบริจาคเงิน ไปจนถึงการเดินขบวนทำให้ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย รวมถึงการประกาศต่อสาธารณชน ว่าให้การสนับสนุนกลุ่มกปปส. อย่างชัดเจน
ซึ่งความผิดดังกล่าว นอกจากจะผิดทางกฎหมายอาญาแล้ว ยังผิดวินัยอีกด้วย ศอ.รส. จึงขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนและข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รัฐวิสาหกิจที่สนับสนุนการชุมนุมอยู่ ขอให้คำนึงถึงข้อปฏิบัติและข้อห้ามในการดำรงตนของหน่วยงานของท่าน โดยไม่กระทำการเป็นความผิดทางกฎหมายอาญาและทางวินัย จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ อาจเกิดผลเสียต่อตนเองและครอบครัวแล้ว และยังเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูลด้วย
“เต้น-ตู่” อัด "สุเทพ" เทียบไม่ได้ “เนลสัน” รณรงค์ประชาชนเปลี่ยนหน้าเฟซบุ๊ค-ทำสติ๊กเกอร์ “จับกบฏสุเทพ”
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวในรายการพิเศษ “ถลกหนังเทือก” ช่วงหนึ่งว่าพรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เกี่ยวกับ กปปส.เพราะกองบัญชาการใหญ่ทั้งการประชุม ส่งกองกำลังบำรุงมาจากศาลาว่าการกทม.โดยได้ข้อมูลมาจากหน่วยข่าวกรอง ทั้งนี้นายสุเทพประกาศด้วยอารมณ์สะเทือนใจว่าตลอดการชุมนุม ขายทรัพย์สิน ที่ดิน เพื่อมาต่อสู้ด้วยจำนวนมาก โดยการขายที่ดินนั้นได้ไปตามดู จึงทราบว่า นายสุเทพ แสดงบัญชีทรัพย์สิน หลังจากเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 ที่แสดงต่อ ป.ป.ช.เมื่อ 2 ส.ค.54 โดยเฉพาะการถือครองที่ดินนั้นมีจำนวน 54 แปลง มูลค่ากว่า 98 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ใน อ.พุนพิน และยื่นบัญชีอีกครั้งเมื่อ 9 พ.ค.55 หลังจากพ้นตำแหน่ง ส.ส.1 ปี ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่ามีที่ดิน 149 แปลง มูลค่า 164 ล้านบาท นอกจากอยู่ใน อ.พุนพิน ยังอยู่ใน อ.สมุย อ.ดอนสัก
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า แต่จากการตรวจสอบถึงทุกวันนี้พบว่านายสุเทพยังมีที่ดินครบถ้วนทั้ง 149 แปลง ที่บอกว่าขายที่ดินนำเงินมาต่อสู้ นายสุเทพ กำลังเล่นบทพระเอกโกหกประชาชน เพราะไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้ขายที่ดินให้ใครไป ถามว่านายสุเทพขายที่ดินเพื่อเอามาต่อสู้ตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ ถ้าไม่ได้ขายแล้วเอาที่ดินใครไปขาย หรือถ้าเป็นของนายสุเทพแสดงว่าเอาที่ดินใครไปขายแล้วซุกบัญชีไว้ใช่หรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีที่นายธีรยุทธ บุญมี เปรียบเทียบนายสุเทพ กับนายเนลสัน เมนเดลลา อดีตประธานนาธิบดีแอฟริกาใต้ ซึ่งนายสุเทพเทียบเคียงได้เพียงอย่างเดียวคือผิวสี นายเนลสันต่อสู้ให้คนผิวสีมีสิทธิทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ออกเสียงเท่ากับคนผิวขาว แต่นายสุเทพเคลื่อนไหว ไม่ต้องการให้คนไทยได้ใช้สิทธิ์ ออกเสียง ซึ่งเทียบกันไม่ได้ หวังว่านายสุเทพคงไม่เคลิ้มประกาศตัวเองว่า นายเนลสัน เทือกสุบรรณ แต่การกระทำต้องการให้มีการวิ่งราวหีบบัตรเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว เราอยู่ในสังคมแบบนี้ไม่ได้ คนอยู่ข้อหากบฏ ประกาศจะจับคน ยึดทรัพย์ยังไปไหนมาไหนได้ ขอรณรงค์ให้พี่น้องเปลี่ยนหน้าเฟซบุ๊ค เปลี่ยนป้ายทำสติ๊กเกอร์ว่า “‘จับกบฏสุเทพเท่านั้น”
ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช.กล่าวว่า นายสุเทพประกาศสู้จนกว่าชนะ ดูแล้วมีแต่หนทางสู้ไปมีแต่ติดคุก เพราะผบ.ตร.กำลังรอจังหวะจับนายสุเทพ หากจับได้เป็นเรื่องที่ดี ถ้าจับช้า นายสุเทพก็คงเดินทุกวัน เดินเหมือนคนบ้าไปเรื่อย สายไหนได้เงินมากก็ไปสายนั้น การที่ตำรวจจับการ์ดที่เป็นหน่วยซีลของทหารเรือนั้น ชื่อว่าผู้บัญชาการคงไม่ทราบ แต่การนำอาวุธมา อาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง นายสุเทพ ไม่ต้องการสันติ อหิงสา มีสันติ อหิงสาอยู่เพียงตอนเดียวคือ ไปรับเงินเราจะปล่อยให้นายสุเทพ พูดเท็จฝ่ายเดียวไม่ได้ หากประชาชนฟังเท็จทุกวันอย่าว่าแต่ประชาชน นายสุเทพก็จะเชื่อแม้แต่สิ่งที่ตัวเองพูด
นายจตุพร กล่าวว่า การเคลื่อนเดินขบวนของนายสุเทพ เป็นการเคลื่อนแบบวางยุทธการแบบทหาร คนออกแบบเรื่องนี้เป็นอดีตทหาร ที่ออกแบบแผนยุทธการในการปราบปราบประชาชน เม.ย.-พ.ค.53 การเดินไม่ใช่เดินแบบการเมือง แต่เดินแบบทหาร เชื่อว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรง การปิดถนนยังไม่หนักพอนำไปสู่รัฐประหาร ดังนั้นเขาก็จะเปิดประตูไปต่อ หากมีการรัฐประหารเชื่อว่าคงไม่ได้มีแต่คนเสื้อแดงที่ออกมา นอกจากนี้องค์กรอิสระหลายแห่งล้วนเป็นคุณกับนายสุเทพ แต่ก็ยังล้มรัฐบาลไม่ได้ กกต.เลื่อนเลือกตั้งไปในวันที่ 4 พ.ค. เพราะรอให้ ป.ป.ช.จัดการกับ ส.ส. ส.ว.ในพวกเราให้หมดก่อน.
"นิด้าโพล" เผย คนกรุงส่วนใหญ่ 71.04% ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. คปท. และ กปท. แต่มีส่วนหนึ่งเคยไปบางวัน โดยเฉพาะช่วงวันที่ 9 ธ.ค. 56 ส่วนชัตดาวน์ พบว่าส่วนใหญ่ 80.10% ไม่ได้ไป ขณะที่คนเข้าร่วมระบุ นิยมไปแยกปทุมวันฯ...
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 57 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "คนกรุงกับการเข้าร่วมปิดกรุงเทพฯ (Bangkok Shutdown)" จากประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,975 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ ที่เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. คปท. กปท. และการเข้าร่วมปิดกรุงเทพฯ (Bangkok Shutdown) โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานไม่เกิน 1.0
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงการมีส่วนร่วมในการชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. คปท. กปท. ของคนกรุงเทพฯ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.04 ระบุว่าไม่เคยเข้าร่วมในการชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. คปท. กปท. ขณะที่ร้อยละ 28.96 ระบุว่าเคยเข้าร่วม
ด้านการเคยเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ (D-Day) กับ กปปส. (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) พบว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 31.26 ระบุว่า เคยไปวันที่ 9 ธ.ค. 56 รองลงมา ร้อยละ 29.85 ระบุว่า เคยไปวันที่ 22 ธ.ค. 56 ร้อยละ 28.81 ระบุว่า เคยไปวันที่ 24 พ.ย. 56 และร้อยละ 10.08 ระบุว่า ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ (D-Day) แต่เคยเข้าร่วมชุมนุมในวันอื่นๆ
เมื่อถามถึงการไปเข้าร่วมในการปิดกรุงเทพฯ (Bangkok Shutdown) กับกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 13-15 ม.ค. 57 พบว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 80.10 ระบุว่าไม่ได้ไปร่วมในการปิดกรุงเทพฯ (Bangkok Shutdown) กับกลุ่ม กปปส. ขณะที่ร้อยละ 19.90 ระบุว่าได้ไปเข้าร่วมด้วย
ท้ายสุด เมื่อถามถึงจุดชุมนุม/เวทีต่างๆ ที่ผู้ชุมนุมได้เข้าร่วมในการปิดกรุงเทพฯ (Bangkok Shutdown) กับกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 13-15 ม.ค. 57 พบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 21.47 ระบุว่าไปชุมนุมที่แยกปทุมวัน รองลงมาร้อยละ 20.94 ระบุว่าไปชุมนุมที่ราชประสงค์ ร้อยละ 14.66 ระบุว่าไปชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ร้อยละ 13.26 ระบุว่าไปชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว ร้อยละ 11.87 ระบุว่าไปชุมนุมที่อโศก ร้อยละ 9.95 ระบุว่าไปชุมนุมที่ลุมพินี ร้อยละ 4.36 ระบุว่าไปชุมนุมที่แจ้งวัฒนะ 2 ติด ถ.วิภาวดี และร้อยละ 3.49 ระบุว่าไปชุมนุมที่แจ้งวัฒนะ 1 หน้าดีเอสไอ.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012