ข่าว
'น้องเนย' รับ 2 ล้าน คว้ามิสทิฟฟานี่2014

"น้องเนย" สาวประเภท 2 สุดสวย-น่ารัก จาก ม.เทคโนโลยีราชมงคล คว้าตำแหน่งมิสทิฟฟานี่รับเงินและของรางวัลมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 2 พ.ค. ณ โรงละครทิฟฟานี่โชว์ พัทยา ได้มีการจัดประกวดรอบตัดสิน “Miss Tiffany’s Universe 2014” หรือสาวประเภทสองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ ปีที่ 17 โดยมี ดร.เสรี วงษ์มณฑา เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน และมีกองเชียร์ของผู้เข้าร่วมประกวดอย่างคึกคัก ซึ่งมีผู้เข้าประกวด 100 คน คัดเลือกจนเหลือ 30 คน

นางสาวอลิสา พันธุศักดิ์ ประธานคณะกรรมการ จัดการประกวดมิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส กล่าวถึงการประกวดในครั้งนี้ว่า การประกวด Miss Tiffany’s Universe 2014 ในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของทิฟฟานี่ โชว์ พัทยา และมีวัตถุประสงค์เพื่อแพร่และสนับสนุนของเมืองพัทยาให้เป็นที่รู้ของคนไปทั่วโลก สำหรับรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดประกวดมอบให้กับสภากาชาดไทยในโครงการ“คืนชีวิตให้พ่อแม่เพื่อลูกน้อยที่ปลอดเอดส์” ในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัตดามาตุฯ แล้วพบกันอีกครั้งกับการประกวดบนเวทีระดับโลก Miss International Queen 2014 ในช่วงปลายปีนี้

สำหรับ ตำแหน่ง Miss Tiffany’s Universe ประจำปี 2014 ตกเป็นของ "ณิศศา เกตุระหงษ์" อายุ 22 ปี บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล กรุงเทพฯ รับมงกุฎเพชร, รางวัลเงินสด 120,000 บาท, รถยนต์ 1 คัน, สายสะพาย, ถ้วยรางวัล รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดบนเวทีระดับโลก “Miss International Queen 2014” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปีนี้ด้วย ส่วนรองชนะเลิศอันดับ1ได้แก่ รชยา นพการุณ อายุ 22 ปี รองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ ตรีทิพย์นิภา ทิพย์ปภาดา อายุ24ปี

"ผีเมีย"เฮี้ยน! ชี้ตัวผัวมือฆ่า สิงร่างพยานพ้อผัว”ฆ่าทำไม”

ขนลุกไปทั้งโรงพักบางปะอิน วิญญาณสาวผมทอง เฮี้ยนขณะตร.สอบปากคำผัว หลังพบเป็นศพถูกบีบคอฆ่า แล้วเชิญสาวเพื่อนบ้านมาให้ปากคำ จู่ๆ ก็ล้มพับ แล้วร้องไห้ฟูมฟาย พูดพร่ำเพ้อ "พี่บีบคอฆ่าหนูทำไม" สุดท้ายฝ่ายชายยอมเปิดปากรับสิ้นเป็นคนฆ่าเอง เชื่อวิญญาณเมียสาวเข้าสิงเพื่อนบ้านจริง จึงสารภาพ อ้างแค้นไปมีสัมพันธ์กับชายอื่น พอกลับมาบ้านเลยบีบคอ แล้วอุ้มศพขึ้นรถนำไปทิ้ง

จากกรณีพบศพหญิงสาว บริเวณริมถนนทางเข้าหมู่บ้านวารุณี หมู่ 8 ต.คลองจิก อ.บาง ปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ เป็นคนหน้าตาดี ที่บริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำ ไม่พบหลักฐานเป็นใครมาจากไหน ตำรวจสันนิษฐานในเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายกับผู้ตายน่าจะรู้จักกันดี มีเหตุทะเลาะวิวาทกัน และถูกคนร้ายบีบรัดคอจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 เม.ย. พ.ต.อ.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา ผกก.สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าเมื่อกลางดึกวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา นายธีระพงษ์ กัมมลานนท์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/9 หมู่ 3 ต.บ่อตาโล่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อขอดูภาพถ่ายศพหญิงสาว ก่อนจะยืนยันว่าเป็นศพภรรยาของตนเอง ชื่อ นางศิริพร หรือเล็ก เทียมอาจ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 4 ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

จากการสอบสวนนายธีระพงศ์ให้ การว่า หลายปีก่อนภรรยาทำงานโรงงานอุตสาหกรรม ก่อนจะให้ออกจากงานมาคอยดูแลบ้าน และรับเสื้อผ้ามาเย็บที่บ้าน นอกจากนี้ ภรรยายังทำหน้าที่เป็นเหรัญญิกของหมู่บ้าน พอมาระยะหลังจับได้ว่าภรรยาไปมีความสัมพันธ์กับนายบาส ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง แล้วยังขอร้องตนว่าให้แบ่งวันไปอยู่กับนายบาส 2 วันและอยู่กับตนเอง 2 วัน แต่ไม่ยอม จนล่าสุดผู้ตายขอไปเที่ยวกับนายบาส ที่จ.ชลบุรี โดยอ้างว่าเพื่อไปตกลงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก

นาย ธีระพงษ์ให้การต่อว่า ระหว่างนั้นตนส่งข้อความผ่านไลน์สอบถามว่าเดินทางถึงไหนเป็นอย่างไร โดยส่งข้อความเน้นย้ำไปว่า รักของสงวน อย่าให้ใครรุกล้ำเด็ดขาด แค่จากไป 1 วันหัวใจก็จะสลายแล้ว จนกระทั่งภรรยาเดินทางกลับมาเมื่อกลางดึกวันที่ 27 เม.ย. ตนขับรถออกไปรับ หลังจากนั้นลางานหยุด 1 วัน เพื่ออยู่กับภรรยาจนถึงช่วงค่ำวันที่ 28 เม.ย. ตนเตรียมตัวจะออกไปทำงาน แต่ปรากฏว่าผู้ตายออกจากบ้าน โดยมีรถเก๋งมารับตัวไป พยายามติดตามแต่ไม่พบ ก่อนจะไปทำงาน จนมาทราบข่าวว่าภรรยาเสียชีวิต รู้สึกเสียใจมาก ทางญาติๆ ภรรยาคิดว่าตนเป็นคนฆ่า ทั้งที่รักภรรยามาก ยอมทั้งที่รู้ว่าไปกับผู้ชายอื่น ก็ยอมรับได้ ถ้าจะฆ่าคงจะฆ่าตั้งแต่ที่รู้แล้ว แต่ยอมรับว่าเคยมีปากเสียงกันบ้าง แต่ไม่รุนแรง

จากนั้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบหาพยานหลักฐานในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กต 3943 พระนครศรี อยุธยา ของนายธีระพงศ์ พบว่าผ่านการล้างอัดฉีดทำความสะอาดภายในรถมาแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเก็บดินบนพื้นรถ และคราบเลือดภายในรถ รวมถึงลายนิ้วมือแฝงในรถอย่างละเอียด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายธีระพงษ์ถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่นั้น มีนางจันทร์เพ็ญ มะทะธง อายุ 51 ปี ประธานชุมชนหมู่บ้าน ซึ่งสนิทสนมกับนางศิริพร ผู้ตาย ที่ตำรวจเชิญมาสอบปากคำ มีอาการเป็นลมล้มพับไป สักพักก็ได้สติแล้วร้องไห้ฟูมฟาย และพูดว่า "พี่ธีฆ่าหนูทำไม นี่หนูเล็กเอง พี่ธีเขานอนกับหนู เขาบีบคอหนู จับหนูขึ้นรถเอาศพหนูมาทิ้ง ขอพบพี่ธี หนูจะคุยกับพี่ธี" ปรากฏว่าสร้างความตกใจให้แก่ตำรวจและประชาชนที่มาติดต่อราชการ

จาก นั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายธีระพงษ์มาพบนางจันทร์เพ็ญ โดยในทันทีที่เจอหน้ากัน นางจันทร์เพ็ญโผเข้ากอดนายธีระพงษ์ และบอกว่า "หนูรักพี่ธีนะ พี่ธีทำหนูทำไม" นายธีระพงษ์มีสีหน้าตกใจทันที พร้อมกับบอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวนายธีระพงษ์ไปสอบสวนต่อ จนกระทั่งยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่านางศิริพร ภรรยาเอง เพราะเชื่อว่าวิญญาณของนางศิริพรมาเข้าสิงร่างนางจันทร์เพ็ญ ด้วยความกลัวจึงยอมรับสารภาพ โดยระบุว่าฆ่าด้วยการบีบคอ เพราะโกรธแค้น จับได้ว่ามีสัมพันธ์กับนายบาส หลังจากบีบคอจนหมดสติแล้ว จึงจับใส่เสื้อผ้าและนำศพใส่รถเก๋งไปทิ้ง

ต่อมาเวลา 16.30 น. พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.พระนครศรีอยุธยา และ พ.ต.อ.ชัยยะ ผกก.สภ.บางปะอิน นำกำลังตำรวจ ควบคุมตัวนายธีระพงษ์ ไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพที่บ้านเลขที่ 15/9 หมู่ 3 ต.บ่อตาโล่ อ.วังน้อย โดยเริ่มตั้งแต่บีบคอผู้ตายบริเวณที่นอน แล้วอุ้มร่างลงจากบ้านขึ้นรถ และขับมาทิ้งที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านวารุณี หมู่ 8 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน

นายธีระพงษ์ให้การระหว่างทำ แผนด้วยว่าฆ่าภรรยาของตนเองจริง ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชายที่ภรรยาที่อยู่กับเราทุกวัน ถูกเพื่อนหรือคนที่ไม่รู้จักมาล้วงไปอยู่ด้วย เจอมาทุกปีนับตั้งแต่อยู่กินด้วยกันมา ขอเตือนไปยังครอบครัวต่างๆ อินเตอร์เน็ต ไลน์ เฟซบุ๊ก เป็นชนวนเหตุทำให้ครอบครัวแตกแยก หากปล่อยให้เล่นกันไม่อยู่ในสายตา ก็จะถูกบุคคลที่แอบแฝงมาหลอกลวงภรรยา ลูกเรา คนในครอบครัวเราไป ทำให้ครอบครัวแตกแยก และตัดสินปัญหาด้วยวิธีการแบบตนเอง

พท.เย้ย‘มาร์ค’ลวงเว้นวรรค แท้จริงขาดคุณสมบัติลงสมัคร

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 2 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมแถลงเปิดเผยร่างพิมพ์เขียวปฏิรูปการเมืองในวันที่ 3 พ.ค. โดยยังประกาศจะเว้นวรรคทางการเมืองหากทุกฝ่ายเห็นด้วยกับข้อเสนอว่า ถือเป็นการสร้างเงื่อนไข อยากขอให้ประชาชนเข้าใจว่านายอภิสิทธิ์กำลังสร้างภาพให้ดูดี ซึ่งที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ไม่เคยสนใจจะร่วมหาทางออก เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยตั้งสมัชชาปฏิรูปและเชิญชวนนายอภิสิทธิ์เข้าร่วมแต่ก็ปฏิเสธ เมื่อรัฐบาลยุบสภาฯ นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ก็บอยคอตการเลือกตั้งและยังไปเคลื่อนไหวกับ กปปส. เมื่อรัฐบาลและ กกต.หารือและกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ นายอภิสิทธิ์กลับมาพูดเข้าข้างตัวเองด้วยการสร้างเงื่อนไขที่จะเว้นวรรคทางการเมืองอีก ถือเป็นการทำบาปกับประเทศแล้วยังมาพูดให้ตัวเองดูดี

ทั้งนี้ ทราบข้อมูลมาจากพรรคประชาธิปัตย์และขอฟ้องประชาชนว่า การประกาศเว้นวรรคทางการเมืองครั้งนี้ เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ถูกกระทรวงกลาโหมปลดออกจากราชการ ทำให้ขาดคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 (6) ถือเป็นลักษณะต้องห้าม ขณะที่ศาลปกครองยังไม่สั่งเพิกถอนคำสั่งปลดออก เท่ากับว่าคำสั่งยังมีผล เหตุนี้เองทำให้นายอภิสิทธิ์ประกาศเว้นวรรคทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้

“นายอภิสิทธิ์เอาเรื่องการปฏิรูปมาเป็นข้ออ้างเว้นวรรคทางการเมือง เพราะนายอภิสิทธิ์ไม่มั่นใจในคุณสมบัติของตัวเอง ขณะที่พรรคเพื่อไทยเคยร้องกับศาลรัฐธรรมนูญกรณีดังกล่าวแต่ยุบสภาฯ เสียก่อน นายอภิสิทธิ์คงทราบดีว่าพรรคเพื่อไทยยังจองกฐินเรื่องนี้ เพราะหากนายอภิสิทธิ์ลงสมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทยก็จะยื่นร้องอีก เลยชิงประกาศเว้นวรรคทางการเมือง แล้วมาสร้างภาพว่าต้องการหาทางออกให้บ้านเมือง ผมทราบว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์พยายามเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ต้องถามนายอภิสิทธิ์ว่าจริงหรือไม่ ข้ออ้างเรื่องเว้นวรรคทางการเมืองถือเป็นเรื่องลวงโลก โกหกทั้งเพ ไม่รู้ว่าเป็นฮีโร่หรือฮีลวงกันแน่ อย่าว่าแต่ลงสมัคร ส.ส.เลย ลงสมัคร อบต.ยังไม่ได้เลย ผมขอเสนอให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปเลย อย่าเห็นประเทศเป็นสนามเด็กเล่น อย่ามาสร้างภาพให้ประชาชนสับสน แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ควรทบทวนบทบาทของตัวเองเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค อย่าผูกติดกับนายอภิสิทธิ์” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้ายวันที่ 14 พ.ค. ว่า มองว่าการเคลื่อนไหวของนายสุเทพเป็นการกระทำเพื่อตนเอง พยายามล้มรัฐบาลเพื่อแย่งชิงอำนาจ แต่กลับกลัวการเลือกตั้ง ไม่ฟังเสียงประชาชน ทั้งนี้ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอยู่แล้ว ที่นายสุเทพบอกว่าจะทวงอำนาจอธิปไตยคืนให้กับประชาชนนั้น จึงเป็นเรื่องลวงโลก มองว่าเป็นการยึดอำนาจจากประชาชนมากกว่า ดังนั้นนายสุเทพควรหยุดเคลื่อนไหว หยุดทำร้ายและสร้างหายนะให้กับประเทศ หยุดสร้างความเสียหายให้ประชาชน สิ่งที่นายสุเทพต้องการอำนาจโดยวิธีพิเศษด้วยการอาศัยโอกาสที่องค์กรอิสระจะวินิจฉัยคดีความของรัฐบาลให้ได้มาซึ่งอำนาจ ตนขอร้องให้นายสุเทพยุติการสร้างความเสียหายและทำลายระบบประชาธิปไตย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.บริหารกิจการเลือกตั้ง ออกมาเปิดเผยว่า กกต.จะเสนอ พรฎ.การเลือกตั้งแก้ไขเพิ่มเติมอย่างช้าภายในวันที่ 8 พ.ค.ว่า ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยเห็นว่าการเสนอในวันที่ 8 พ.ค.นั้นเป็นกรอบเวลาที่ช้าเกินไป อาจจะเกิดปัญหาได้ ขอเรียกร้องให้ กกต.เร่งออกพระราชกฤษฎีกาจากวันที่ 8 พ.ค.เป็นวันที่ 6 พ.ค.แทน ทั้งนี้ ถ้า กกต.เสนอพระราชกฤษฎีกาฯ เร็วขึ้นย่อมจะเป็นประโยชน์ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วย ทั้งนี้ ที่นายสมชัยเสนอ 5 ข้อให้กับรัฐบาลซึ่งระบุว่าถ้าแก้ไขแล้วจะทำให้การเลือกตั้งเกิดความเรียบร้อยนั้น ข้อเสนอดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ กกต.ทั้งสิ้น ดังนั้น กกต.อย่าสร้างเงื่อนไขและอย่าผลักภาระให้กับรัฐบาล