ข่าว
หลายชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยินดี อียูเลื่อนบังคับใช้กฎหมายต้านการตัดไม้ทำลายป่า

ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของมาเลเซีย และอุตสาหกรรมกาแฟของเวียดนาม แสดงความยินดีที่สหภาพยุโรป (อียู) เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า ที่จะเป็นการห้ามนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด หากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมาจากที่ดิน ซึ่งเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ว่า การเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าออกไปเป็นเวลา 1 ปี ก่อให้เกิดการประท้วงทันที จากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน ก็เผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักจากรัฐบาลและอุตสาหกรรมหลายแห่ง

สมาคมกาแฟเวียดนามออกแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจของอียู ถือเป็นการบรรเทาความกดดัน เนื่องจากกฎหมายยังคงมีความซับซ้อน และไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง “การเลื่อนมีความจำเป็นและสมเหตุสมผล” แม้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ราคากาแฟที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากบริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนถึงกำหนดบังคับใช้กฎหมาย และยืนยันว่า เวียดนามให้ความจริงจังกับการต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่ามาตลอด

รายของของ “โกบอล ฟอเรส วอตช์” ระบุว่า แม้การสูญเสียพื้นที่ป่าหลักของเวียดนาม ลดลงจากจำนวนจุดสูงสุดเมื่อปี 2559 แต่ยังคงมีการสูญเสียพื้นที่ประมาณ 16,500 เฮกตาร์ (ราว 103,125 ไร่) เมื่อปี 2566 โดยการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ ถือเป็นสาเหตุหลัก

ตามข้อมูลขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (ดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ) การนำเข้าของอียูคิดเป็นร้อยละ 16 ของการตัดไม้ทำลายป่าที่เชื่อมโยงกับการค้าโลก เมื่อปี 2560 แต่หลังจากนำกฎหมายมาใช้ในปี 2566 ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ในการปกป้องธรรมชาติและสภาพอากาศ ผ่านการให้ผู้ผลิตสินค้าต่าง ๆ ต้องรับรองว่าสินค้าของตนไม่ได้ผลิตบนผืนดินที่ถูกทำลายป่าหลังเดือน ธ.ค. 2563

ประเทศต่าง ๆ รวมถึงมาเลเซียและอินโดนีเซีย ต่างคัดค้านกฎใหม่นี้อย่างเปิดเผย และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อใกล้ถึงกำหนดการบังคับใช้ ในเดือน ธ.ค. นี้ ขณะที่บราซิลและสหรัฐ ต่างแสดงความกังวลเช่นกัน

ด้านสภาปาล์มน้ำมันของมาเลเซีย ยินดีกับข้อเสนอการเลื่อนกำหนดดังกล่าว นายเบลวินเดอร์ คัวร์ สรอน ประธานสภาปาล์มน้ำมันมาเลเซีย กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ถือเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับธุรกิจทั้งหมด “มาเลเซียได้ให้หลักฐานอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ว่าวันที่บังคับใช้ 30 ธ.ค. 2567 นั้นทำไม่ได้ และระบบของอียูไม่พร้อม” สภาปาล์มน้ำมันมาเลเซีย ระบุในแถลงการณ์

ในอินโดนีเซีย สมาคมน้ำมันปาล์มชั้นนำของประเทศร่วมยินดีเช่นกัน นายเอ็ดดี มาร์โตโน ประธานสมาคม เรียกร้องให้อียูยอมรับมาตรฐานความยั่งยืนของอินโดนีเซีย และยอมรับความพยายามต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า

ทั้งนี้ น้ำมันปาล์มเป็นสินค้าส่งออกหลักอย่างหนึ่งของอินโดนีเซีย แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า โดยในปี 2566 พื้นที่ป่าถูกทำลายไปเกือบ 300,000 เฮกตาร์ (ราว 1.8 ล้านไร่) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า แต่ยังคงลดลงจากจุดสูงสุด เมื่อปี 2559

อย่างไรก็ดี นักสิ่งแวดล้อมจากอินโดนีเซียเตือนว่า ความล่าช้าของอียูในเรื่องนี้ อาจส่งผลให้มีการตัดไม้ทำลายป่าที่ไม่ได้รับการควบคุมมากขึ้น....

Thai Fest by The Beach”ประสบความสำเร็จ ชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมงานเนืองแน่น

🎡เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลไทย “Thai Fest by the Beach” ณ Santa Monica Pier เมือง Santa Monica รัฐ California และเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ภายในงานกับชุมชนไทยและชาวต่างชาติที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง

🎡ระหว่างพิธีเปิดงาน กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส กล่าวยินดีที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้มีโอกาสจัดงานเทศกาลไทยในครั้งนี้ ร่วมกับทีมประเทศไทย ได้แก่ นายนิวัฒน์ หาญสวัสดิ์ ผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส และ นางพรพรรณ อินทรทัต ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงาน ลอสแอนเจลิส โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้เชิญนางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากนาย Phil Brock นายกเทศมนตรีเมือง Santa Monica เข้าร่วมในพิธีเปิดงานอีกด้วย

🎡บรรยากาศในงานเทศกาลไทย Thai Fest by the Beach เป็นไปอย่างครึกครื้นสนุกสนาน มีซุ้มขายอาหารไทยที่ได้รับรางวัล Thai Select และร้านอาหารแนว Street food และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากบริษัทสิงห์ นอร์ธอเมริกา จำกัด เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) ในสหรัฐฯ และบริษัท Sun Lee, Inc. เข้าร่วมจำหน่ายในงานด้วยรวมทั้งมีการจัดกิจกรรม workshop การเล่นหมุนวงล้อ การสักยันต์ไทย พร้อมมุมถ่ายภาพและร่วมสนุกกับการถ่ายรูปกับตัวละคร Warbie นอกจากนั้น ยังมีการแสดงมวยไทยและศิลปะการป้องกันตัวจากนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงจากประเทศไทยอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ และ ศุภชัย แสนพงษ์ หรือที่รู้จักกันในนามแสนชัย การแสดงดนตรีไทยทั้งในลักษณะไทยเดิมและร่วมสมัย การสาธิตการประกอบอาหารไทย การแสดงเดินแบบแฟชั่นโชว์ผ้าไทย การแสดงนาฏศิลป์ไทย การแสดงโขน รวมทั้งการแสดงจากกลุ่มเยาวชนไทยจากประเทศไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน World Championships of Performing Arts (WCOPA) 2024 โดยการแสดงและกิจกรรมทั้งหมดสามารถสร้างความสนุกสนานและความประทับใจแก่ผู้ร่วมงานทั้งชาวไทย ชาวอเมริกัน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี

🎡การจัดกิจกรรมและการแสดงในงานเทศกาลไทยดังกล่าว มีส่วนสำคัญในการประชาสัมพันธ์ ประเทศไทย ซึ่งจะต่อยอดและจุดประกายความนิยมไทยรวมทั้งนำไปสู่ผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ในอนาคต อาทิ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้า ในการนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดงานในครั้งนี้และเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานเทศกาลไทยต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป ด้วย


"เมลาเนีย ทรัมป์" เห็นต่างโดนัลด์ ทรัมป์ สนับสนุนการทำแท้ง

เมลาเนีย ทรัมป์ แสดงความสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อสิทธิการทำแท้ง โดยแสดงจุดยืนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ สามีของเธอ

เมลาเนีย ทรัมป์ แสดงความสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อสิทธิการทำแท้ง ในหนังสือบัทึกความทรงจำเล่มใหม่ของเธอ โดยแสดงจุดยืนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโดนัลด์ ทรัมป์ สามีของเธอซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน

ทีมหาเสียงของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส แสดงความคิดเห็นอย่างรวดเร็วในวันพฤหัสบดี (3 ต.ค.) ต่อการเปิดเผยที่ไม่คาดคิดของอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.

หนังสือบันทึกความทรงจำเล่มใหม่ของนางเมลาเนีย ทรัมป์ ระบุว่า "จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับประกันว่า ผู้หญิงจะมีอำนาจตัดสินใจเองว่าต้องการมีลูกหรือไม่ โดยอิงตามความเชื่อของตนเอง โดยไม่ต้องถูกแทรกแซงหรือกดดันจากรัฐบาล"

ความคิดเห็นของอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งนับว่าแตกต่างไปจากสามีของเธอ ซึ่งมักจะกล่าวว่าการเลือกผู้พิพากษาในศาลฎีกาของเขาช่วยปูทางไปสู่การพลิกคำตัดสินคดี Roe v Wade และยุติสิทธิในการทำแท้ง โดยนับตั้งแต่คำตัดสินของศาลในปี 2022 รัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ อย่างน้อย 20 รัฐได้นำข้อจำกัดทั้งหมดหรือบางส่วนมาใช้ โดยรัฐจอร์เจียห้ามการทำแท้งในกรณีส่วนใหญ่หลังจากตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์

ประเด็นการทำแท้งนับเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีความสูสีอย่างมาก และทีมหาเสียงของนางคามาลา แฮร์ริส ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ต่อการแสดงความเห็นที่ไม่ตรงกันของทั้งสองคน

ซาราฟินา ชิติกา โฆษกทีมหาเสียงของแฮร์ริสกล่าวว่า "น่าเศร้าสำหรับผู้หญิงทั่วอเมริกา สามีของนางทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับเธออย่างหนักแน่น และเป็นสาเหตุที่ผู้หญิงอเมริกันมากกว่า 1 ใน 3 ต้องใช้ชีวิตภายใต้กฎหมายห้ามการทำแท้งของทรัมป์ ซึ่งคุกคามสุขภาพ เสรีภาพ และชีวิตของพวกเธอ" และยังกล่าวต่อว่า "โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้เห็นชัดเจนอย่างยิ่งว่า หากเขาชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน เขาจะห้ามการทำแท้งทั่วประเทศ ลงโทษผู้หญิง และจำกัดการเข้าถึงการดูแลการสืบพันธุ์ของผู้หญิง"

ทรัมป์กล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำแท้งแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ของประเทศ และเขาได้สนับสนุนให้ภรรยาของเขาแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา "เราคุยกันเรื่องนี้ และผมบอกว่า 'คุณต้องเขียนสิ่งที่คุณเชื่อ ฉันจะไม่บอกคุณว่าต้องทำอะไร คุณต้องเขียนสิ่งที่คุณเชื่อ’"

ตามรายงานของเดอะ การ์เดียน ซึ่งระบุว่าได้รับสำเนาหนังสือบันทึกความทรงจำดังกล่าว ก่อนที่จะตีพิมพ์ในสัปดาห์หน้า นางเมลาเนียเขียนว่า "การจำกัดสิทธิของผู้หญิงในการเลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ต้องการหรือไม่ ก็เหมือนกับการปฏิเสธการควบคุมร่างกายของตัวเอง"

เมลาเนีย ทรัมป์ ซึ่งแทบไม่ปรากฏตัวในช่วงการหาเสียงของสามี ยังได้โพสต์วิดีโอขาวดำบนโซเชียลมีเดียด้วย แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดถึงการทำแท้งโดยตรงก็ตาม โดยระบุว่า "เสรีภาพส่วนบุคคลเป็นหลักการพื้นฐานที่ฉันปกป้องไว้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่มีพื้นที่สำหรับการประนีประนอมเมื่อพูดถึงสิทธิพื้นฐานที่ผู้หญิงทุกคนมีมาตั้งแต่เกิด"

ทั้งนี้ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจากพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ เช่น นางแนนซี เรแกน นางบาร์บารา บุช และนางลอรา บุช ก็แสดงจุดยืนที่สนับสนุนการทำแท้งเช่นกัน แม้ว่าจะออกจากทำเนียบขาวไปแล้วก็ตาม.

ที่มา CNA


ระเบิดครั้งใหญ่กลางกรุงเบรุต หลังอิสราเอลโจมตีทางอากาศซ้ำ

การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่บริเวณนอกสนามบินนานาชาติกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน

การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (3 ต.ค.) ทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่บริเวณนอกสนามบินนานาชาติกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่ชัดเจนว่าเป้าหมายคืออะไร แต่สนามบินอยู่ติดกับพื้นที่เขตดาฮีห์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

ด้านกองทัพเลบานอนกล่าวว่า ทหารของตนเสียชีวิต 2 นายทางภาคใต้ของประเทศ ขณะที่กองกำลังอิสราเอลยังคงเดินหน้าบุกโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และสั่งให้ประชาชนในเมืองและหมู่บ้านอีก 20 แห่งอพยพ ส่วนกองทัพอิสราเอลไม่ได้ให้ความเห็น แต่ระบุว่าทหารของตนสังหารนักรบของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใกล้ชายแดน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์กล่าวว่าได้โจมตีทหารอิสราเอลทั้งสองฝั่งของชายแดน

การโจมตีทหารเลบานอน 2 ครั้งที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต เกิดขึ้นห่างกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงในวันพฤหัสบดี (3 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่สามของการบุกโจมตีเต็มรูปแบบ กองทัพเลบานอนกล่าวว่าในการโจมตีครั้งแรก ทหาร 1 นายเสียชีวิต และอีก 1 นายได้รับบาดเจ็บ อันเป็นผลจากการรุกรานของอิสราเอลระหว่างปฏิบัติการอพยพและกู้ภัยกับสภากาชาดเลบานอนในหมู่บ้านเทย์เบห์ ด้านสภากาชาดกล่าวว่าอาสาสมัคร 4 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และการเคลื่อนย้ายพวกเขาได้รับการประสานงานกับเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประชาชาติ

กองทัพเลบานอนยังกล่าวว่าในเหตุการโจมตีครั้งที่สอง ทหารอีก 1 นายเสียชีวิต หลังจากอิสราเอลโจมตีฐานทัพในพื้นที่บินต์จาเบล และกล่าวเสริมว่า เจ้าหน้าที่ที่ฐานทัพตอบสนองต่อแหล่งที่มาของการโจมตี

ข่าวนี้เกิดขึ้นขณะที่กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) แจ้งให้ผู้อยู่อาศัยในเมืองและหมู่บ้านอีก 24 แห่งในภาคใต้ของเลบานอน รวมถึงเมืองเนบาตีห์ เมืองหลักของภูมิภาค ออกจากพื้นที่ทันทีเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ก่อนการโจมตี อิสราเอลเรียกร้องให้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถอนทัพไปยังแม่น้ำลิตานี ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อยุติสงครามครั้งสุดท้ายในปี 2549

การโจมตีทางอากาศครั้งล่าสุดของอิสราเอลในกรุงเบรุต เกิดขึ้น 24 ชั่วโมงหลังจากอาคารที่พักอาศัยในย่านใจกลางเมืองโจมตี หน่วยงานป้องกันพลเรือนที่เชื่อมโยงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัย 7 คนอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้จำนวน 9 คน ต่อมารัฐมนตรีสาธารณสุขของเลบานอนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิงมากกว่า 40 คน เสียชีวิตจากการยิงของอิสราเอลในช่วง 3 วันที่ผ่านมา

กองทัพอากาศอิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศในวันพฤหัสบดี ต่อเป้าหมายที่ระบุว่าเป็นกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมถึงสำนักงานใหญ่ด้านข่าวกรองของกลุ่ม สถานที่ผลิตอาวุธ และสถานที่จัดเก็บอาวุธ โดยการโจมตีของอิสราเอลและการโจมตีอื่นๆ ที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,300 คนทั่วเลบานอน และทำให้ผู้คนต้องพลัดถิ่นมากกว่า 1 ล้านคน

อิสราเอลเปิดฉากโจมตีหลังจากเผชิญการสู้รบข้ามพรมแดนนานเกือบปี ซึ่งมีชนวนมาจากสงครามในฉนวนกาซา โดยระบุว่าต้องการให้แน่ใจว่าประชาชนที่พลัดถิ่นฐานจากการโจมตีด้วยจรวด ขีปนาวุธ และโดรนของฮิซบอลเลาะห์จะเดินทางกลับอย่างปลอดภัย

ฮิซบอลเลาะห์เป็นองค์กรทางทหาร การเมือง และสังคม ของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ที่มีอำนาจอย่างมากในเลบานอน โดยอิสราเอล สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และประเทศอื่นๆ กำหนดให้ฮิซบอลเลาะห์เป็นองค์กรก่อการร้าย

กองทัพอิสราเอลประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เครื่องบินของตนได้โจมตีเป้าหมายก่อการร้ายของฮิซบอลเลาะห์ 200 แห่งทางตอนใต้ของเลบานอนและที่อื่นๆ ในช่วงกลางคืน ซึ่งรวมถึงคลังแสงและจุดสังเกตการณ์ด้วย นักรบของฮิซบอลเลาะห์ราว 15 นายเสียชีวิต เมื่ออาคารเทศบาลในบินต์จาเบลถูกโจมตี ต่อมา กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าอาคารที่พักของผู้บัญชาการฮิซบอลเลาะห์ 3 นายถูกทำลายระหว่างปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกองทัพอากาศและทหารราบ.

อิสราเอล โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยตุลคาเร็ม ในเขตเวสต์แบงก์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ศพ นับเป็นการโจมตีนองเลือดรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาส ปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

วันที่ 3 ต.ค.2567 กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 18 ศพ หลังจากอิสราเอล โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยตุลคาเร็ม ในเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งนับเป็นการโจมตีนองเลือดรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาส ปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ด้านกองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า การโจมตีครั้งนี้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงภายในของชินเบต และได้สังหารผู้นำกลุ่มฮามาส ในเมืองตุลคาเร็ม ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายในเขตเวสต์แบงก์

ขณะที่กลุ่มฮามาสประณามการโจมตีของอิสราเอล แต่ไม่ได้ยืนยันว่ามีสมาชิกกลุ่มคนใดเสียชีวิตหรือไม่

ทั้งนี้ ความรุนแรงปะทุขึ้นทั่วเขตเวสต์แบ็งและฉนวนกาซา นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้นในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ในขณะที่เมืองตุลคาเรมและเมืองอื่นๆ ทางภาคเหนือของปาเลสไตน์ก็โดนอิอสราเองโจมตีอย่างหนักหน่วง.

ศปช. จ่อชง ครม. ปรับเงินช่วยเหลือน้ำท่วมเป็นอัตราเดียว 9,000 บาทต่อครัวเรือน

ภัยน้ำท่วมเป็นอัตราเดียว 9,000 บาทต่อครัวเรือน เตรียมชง ครม. โอนเงินช่วยเหลือให้เพิ่มสำหรับครัวเรือนที่เคยได้ 5,000 บาท

วันที่ 4 ตุลาคม 2567 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า ด้วยสถานการณ์อุทกภัยที่ได้สร้างผลกระทบต่อบ้านเรือนและความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง และนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่าให้แต่ละหน่วยงานพิจารณามาตรการให้การช่วยเหลือเยียวยาด้วยเกณฑ์สูงสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้พิจารณามาตรการในส่วนของกระทรวงมหาดไทย และได้ส่งหนังสือไปยังศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เพื่อพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ที่ได้ผ่านมติ ครม. เมื่อ 17 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนผู้ประสบความเดือดร้อนได้รับการช่วยเหลือมากที่สุดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปช. ได้ให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยได้ปรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือจากเดิมที่แยกตามระยะเวลาน้ำท่วมขังในพื้นที่อยู่อาศัย และให้อัตราการช่วยเหลืออยู่ที่ 5,000 บาท 7,000 บาท และ 9,000 บาทตามลำดับ โดยปรับเป็นทั้งกรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย และกรณีน้ำท่วมขังเกินกว่า 7 วัน ให้ได้รับในอัตราเหมาจ่ายอัตราเดียวที่ 9,000 บาทต่อครัวเรือน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับกรณีผู้ประสบภัยที่ได้รับความช่วยเหลือตามมติ ครม. เดิมไปแล้วครัวเรือนละ 5,000 บาทนั้น ให้มีการโอนเงินช่วยเหลือเพิ่มให้อีก แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 9,000 บาท ซึ่งการปรับเกณฑ์ในครั้งนี้เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เหมาะสมกับภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติโดยเร็ว

“เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือด้วยเกณฑ์สูงสุด ท่าน มท.1 ได้เร่งพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่และเสนอต่อ ศปช. และท่านภูมิธรรมในฐานะ ผอ.ศปช. ได้เห็นชอบแล้ว หลังจากนี้จะได้เร่งเสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบการปรับหลักเกณฑ์และจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนในอัตราเดียวที่ครัวเรือนละ 9,000 บาทต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว