ฮือฮาหนักมาก! พบต้นไม้พลังวิเศษ “ไวอากร้าเรียกพี่” ออกฤทธิ์เตะปี๊บกระจุย “เห็นเมียสวยทุกวินาที” แถมมียางเหนียวกว่า “ครั่ง” ใช้ยึดด้ามดาบมานาน 800 ปี
9 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณไร่มันสำปะหลัง ในซอยวัดเขาเดื่อ หมู่ 5 บ้านวัดโบสถ์ ต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ชาวบ้านได้มีการอนุรักษ์ต้นไม้ท้องถิ่นชนิดหนึ่ง ซึ่งหายาก และบนที่ราบในหมู่บ้านเหลือเพียงต้นเดียวให้ศึกษาเรียนรู้ นั่นก็คือ “ต้นผ่าด้าม” ที่มีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี ถึงขั้นไวอากร้ายังต้องเรียกพี่ แถมยังมียางเหนียวกว่า “ยางครั่ง”ซึ่งนักรบโบราณเมื่อ 800 ปีก่อน นำมาใช้ยึดติดด้ามดาบไม่ให้หลุด ในยามสู้รบกับศัตรูด้วย
นายพิภพ ไขแจ้ง อายุ 60 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวัดโบสถ์ และนักวิจัยท้องถิ่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ต้นกาวหรือต้นผ่าด้าม ที่คนในหมู่บ้านนี้เรียกขาน บนเขาเดื่อใกล้ๆกันก็ยังพอมีให้เห็นอีกหลายต้น แต่บนที่ราบในหมู่บ้านเจอต้นนี้ต้นเดียว เลยต้องอนุรักษ์ไว้ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ของเมืองโบราณบางขลัง เมื่อกว่า 800 ปีก่อน
“ผ่าด้ามเป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่ม สูง 8-15 เมตร ออกดอกสีเหลืองสวยงามเต็มต้น ที่ปลายยอดอ่อนมียางสีเหลือง คนโบราณเมืองบางขลังเอาไว้ใช้ยึดติดกับด้ามหอก ด้ามดาบ ไม่ให้หลุดเวลาฟันสู้รบกัน และมีความเหนียวแน่นกว่ายางครั่ง ถ้าจะเอาดาบออกจากด้ามมาซ่อมแซม ก็ต้องผ่าด้ามทิ้งเท่านั้น เพราะยางยึดติดแน่นดึงไม่ออก จึงเป็นที่มาของชื่อต้นผ่าด้าม”ผอ.พิภพ กล่าว
นอกจากนี้ ผลของต้นผ่าด้ามที่มีลักษณะกลมรี พอสุกมีสีเหลือง เนื้อในก็กินได้ด้วย รสชาติเหมือนฝรั่ง หวานนิดๆ ถ้าเอาเม็ดไปคั่วจะมีกลิ่นหอม แกะเนื้อในเม็ดออกมากินได้ มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย ทำให้กระปรี้กระเปร่า และช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ กินเข้าไป 2 ชั่วโมง จะเห็นแม่บ้านสวยทุกวินาที คนเตะปี๊บไม่ดังมาแรมปีให้กินสามลูก รับรองได้ผลยิ่งกว่าไวอากร้าร้อยเปอร์เซ็นต์ ผอ.พิภพ กล่าวย้ำ พร้อมเก็บลูกผ่าด้ามไปกินต่อที่บ้านอีกหลายเม็ด
ด้านนายกอย มีเกิด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.เมืองบางขลัง กล่าวว่า นอกจากต้นผ่าด้ามที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ไว้ให้ศึกษาแล้ว ใกล้ๆกันยังมีบ่อตัดศิลาแลงอีก 3 แห่ง ให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์กันอีกด้วย ซึ่งคนสมัยก่อนนำไปใช้สร้างวัด สร้างเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมืองบางขลัง เมืองบางยมและเมืองศรีสัชนาลัย ก็ล้วนแต่นำศิลาแลงจากที่นี่ไปสร้างทั้งนั้น
วันที่ 12 เม.ย. 61 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เป็นประธานพิธีอัญเชิญ "พระพุทธสิหิงค์" ออกจากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และอัญเชิญไปตามเส้นทางที่กำหนดเริ่มตั้งแต่สวนสันติชัยประการ เพื่อนำขึ้นประดิษฐานบนมณฑป ณ สวนลุมพินี เขตปทุมวัน เพื่อให้ประชาชนได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในเทศกาลสงกรานต์นี้
12 เม.ย.61 นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวประเมินสถานการทางการเมืองในขณะนี้ว่า จากรายงานของหน่วยงานด้านความมั่นคง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ กิจกรรมของพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้ก็มีการดำเนินการตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้ให้แล้ว และบางส่วนเขาก็กำลังทำอยู่ บางส่วนก็อยู่ระหว่างการเรียกร้องขอให้ยกเลิกในบางสิ่งบางอย่าง ก็เป็นเรื่องที่ คสช. จะพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ในส่วนที่สอง เป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวที่มีการชุมนุม การรวมตัวกันชุมนุมเรียกร้องของบางกลุ่ม ซึ่งช่วงนี้จะมีมาอย่างต่อเนื่อง
"ผมมองว่า เป็นเรื่องที่อยู่ในช่วงเวลาที่เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง และงานการเมืองในอนาคต ถือเป็นลักษณะที่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงทำคือการติดตามเฝ้าดูโดยยึดหลักกฏหมาย การทำความเข้าใจ และการมีวิธีการปฏิบัติเพื่อให้เดินต่อไปได้"
เมื่อถามว่า มีอะไรน่าเป็นห่วงที่จะทำให้การเมืองสะดุดหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปให้ได้ ทางนี้ก็จะดูไปตามช่วงของเวลาว่า เหตุการณ์สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร หน้าที่ของรัฐบาลคือ การทำให้ไปถึงเป้าหมายหรือตามโรดแมปที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่า ดูแล้วแนวโน้มเหตุการณ์หรือสถานการณ์อาจจะมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เท่าที่ดูรายงานยังไม่มีสิ่งบอกเหตุที่จะไปถึงขั้นนั้น และเท่าที่ทราบฝ่ายความมั่นคงก็จะดูแลในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างใกล้ชิด ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ราบรื่นทุกอย่าง และดูแลความปลอดภัยของประชาชนในขั้นสูงสุด และหลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็คงจะได้มีการประเมินกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะมีการยกระดับการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น โดยมีข้ออ้างครบรอบ 4 ปี ของการรัฐประหาร นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งในภาพรวมมั่นใจว่า จะดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อยได้
เมื่อถามว่า ประเมินกลุ่มเคลื่อนไหวจะเป็นคนกลุ่มเดิม หรือกลุ่มนิสิตนักศึกษา นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า คงต้องดูว่า ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีใครบ้าง จำนวนคนที่มาร่วมมีเท่าไหร่ ทั้งนี้ตนไม่ได้ร่วมประเมินสถานการณ์กับฝ่ายความมั่งคงจึงไม่สามารถพูดอะไรได้
“ในฐานะอดีต ผอ.สำนักข่าวกรอง มองว่า วันนี้ ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุที่จะก่อให้เกิดความผิดปกติ หรือทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ ที่สำคัญรัฐบาลมีความตั้งใจ ที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยและเดินไปตามโรดแมป ก็ต้องดูแลในเรื่องดังกล่าวอย่างดี จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” นายสุวพันธุ์ กล่าว
ผบก.ปปป.เผยแจ้งข้อหาแล้วทุจริตรถดูดโคลนฯประเดิม อดีตผู้บริหารท้องถิ่น 2 จังหวัดคือ ระยอง และเพชรบูรณ์
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 เม.ย. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา บก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักษ์ เพ็งสาธร รอง ผบก.ปปป.ให้สัมภาษณ์สรุปผลปฏิบัติการลงค้นพื้นที่เป้าหมาย 10 จังหวัดกรณีการทุจริตรถดูดโคลนและรถขยะ
โดย พล.ต.ต.กมล เผยว่า ขณะนี้ปฏิบัติการตรวจค้นสิ้นสุดลงทุกจุดแล้วโดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 กับอดีตผู้บริหารท้องถิ่น 2 จังหวัดคือ ระยอง และเพชรบูรณ์ ส่วนการตรวจค้นและมีการอายัดเอกสารบางส่วนมาตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลหรือไม่มี 2 จังหวัด คือ เชียงใหม่ และเพชรบูรณ์ นอกนั้นอีก 8 จังหวัดที่เหลือไม่พบหลักฐานและไม่ได้อายัดเอกสารใดๆมาตรวจสอบ ส่วนจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ในฐานะผู้เสียหายเหลืออีก 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ สมุทรสาคร สิงห์บุรี และศรีสะเกษ หลัง
"นอกจากนี้จะมีการเรียกผู้บริหารบริษัทเอกชนมาแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันสนับสนุนการฮั้วประมูล พ.ร.บ.ฮั้วประมูล หลังช่วงสงกรานต์จะสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ตามกรอบระยะเวลาการทำงานภายใน 30 วัน พร้อมรายงานให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) หน่วยงานปราบปรามทุจริต ที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรมเป็นประธานให้ทราบ" พล.ต.ต.กมล กล่าว
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 เม.ย. พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี พ.ศ.2560 ประเภทเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ในส่วนของตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง ศูนย์ประสานงานโครงการฯ และสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ซึ่งได้รับงบประมาณรวมวงเงินประมาณ 370,000,000 บาท
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ท. ได้ดำเนินการตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง/ศูนย์ประสานงานโครงการฯ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งภาคใต้ จำนวน 8 แห่ง รวมวงเงินงบประมาณ 135,435,00 บาท ดังนี้
1.นิคมสร้างตนเองเชียงพิณ จังหวัดอุดรธานี งบประมาณ 7,030,000 บาท รับไว้ไต่สวน
2.ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่ฯ สันกำแพง เชียงใหม่ งบประมาณ 23,747,000 บาท รับไว้ไต่สวน
3.นิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดข่อนแก่น งบประมาณ 11,700,000 บาท ส่ง ป.ป.ช.
4.นิคมสร้างตนเองห้วยห้วง จังหวัดอุดรธานี งบประมาณ 5,030,000 บาท ส่ง ป.ป.ช.
5.นิคมสร้างตนเองบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ งบประมาณ 5,643,000 บาท ส่ง ป.ป.ช.
โดยพฤติการณ์ทั้ง 5 นิคมที่ตรวจสอบพบเช่นเดียวกับศูนย์คุ้มครองฯ แต่มีลักษณะมุ่งเน้นให้เงินทุนกลุ่มวิชาชีพและเบิกสงเคราะห์จำนวนหลายครั้ง นอกจากนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ท.
6.นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้จังหวัดสตูล งบประมาณ 10,980,000 บาท พฤติการณ์ที่ตรวจสอบพบเช่นเดียวกับศูนย์คุ้มครองฯ แต่มีลักษณะมุ่งเน้นให้เงินทุนกลุ่มวิชาชีพและเบิกสงเคราะห์จำนวนหลายครั้ง ส่วนที่อยู่ระหว่างหาข้อมูลเพิ่มเติมและจัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ท.
7.ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ งบประมาณ 66,605,000 บาท 8. สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช งบประมาณ 4,700,000 บาท พฤติการณ์ที่ตรวจสอบพบเช่นเดียวกับศูนย์คุ้มครองฯ แต่มีลักษณะการกระทำความผิดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง เพราะในเบื้องต้นพบว่าประมาณ 90% ที่สุ่มตรวจไม่ได้รับเงินเลย
พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.เปิดเผยความคืบหน้าในส่วนการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี พ.ศ.2560 ประเภทเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง (12 ก.พ.-9 เม.ย.61) วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 123,159,000 บาท ดังนี้ ตรวจสอบพบความผิดปกติ จำนวน 56 จังหวัดตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว งบประมาณรวม 109,299,000 บาท คิดเป็นประมาณ 89% ของงบศูนย์คุ้มครองฯทั้งสิ้น 76 ศูนย์ฯ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ท. รับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง จำนวน 33 จังหวัด และอยู่ระหว่างตรวจสอบ จำนวน 17 จังหวัด คิดเป็นประมาณ 11% ของงบประมาณศูนย์คุ้มครองฯ
กัวลาลัมเปอร์ (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - ฝ่ายค้านมาเลเซียระบุว่า การที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันพุธ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามจะปล้นการเลือกตั้งด้วยการให้คนออกไปใช้สิทธิ์น้อย
นายวัน ไซฟุล วัน จัน สมาชิกพรรคพีพีบีเอ็ม หรือ เบอร์ซาตู ที่มี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพรรคกล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งความพยายามของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค และพรรคอัมโน ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลผสม ที่จะโกงการเลือกตั้ง เพราะต้องการให้คนออกไปใช้สิทธิ์น้อย เนื่องจากรู้ดีว่า ชาวมาเลเซียจำนวนมากจะไม่ลงคะแนนให้ นักวิชาการในออสเตรเลียคาดว่า หากมีคนออกไปใช้สิทธิ์ต่ำกว่าร้อยละ 65 รัฐบาลผสมมีสิทธิ์ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย
ปกติแล้วมาเลเซียจัดการเลือกตั้งในวันช่วงวันหยุดสัปดาห์ ครั้งหลังสุดที่จัดการเลือกตั้งในวันธรรมดาคือปี 2542 บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองมองว่า การเลือกตั้งวันธรรมดาทำให้คนหนุ่มสาวที่อยู่ในต่างประเทศไม่สะดวกที่จะกลับมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะที่มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในต่างประเทศส่วนใหญ่สนับสนุนฝ่ายค้าน คณะกรรมการการเลือกตั้งมาเลเซียประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า ผู้อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน ภาคใต้ของไทย จะต้องกลับมาลงคะแนนในประเทศเท่านั้น ไม่สามารถลงคะแนนทางไปรษณีย์ นอกจากนี้การเลือกตั้งวันธรรมดายังทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐด้อยพัฒนาอย่างกาลิมันตัน ซาบาห์ ซาราวัก ไม่สะดวกที่จะลางานเพื่อไปเลือกตั้ง
ด้านรัฐมนตรีศึกษาธิการมาเลเซียประกาศให้โรงเรียนทั่วประเทศหยุดในวันเลือกตั้ง เพราะทางการมักใช้โรงเรียนเป็นหน่วยเลือกตั้ง และให้ครูอาจารย์เป็นเจ้าหน้าที่ประจำคูหา อย่างไรก็ดี ทางการเปิดให้ลงคะแนนล่วงหน้าได้ในวันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม สำหรับผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์กว่า 300,000 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในวันเลือกตั้งและครอบครัว ข้อมูลล่าสุดจนถึงไตรมาสสุดท้ายปีก่อน มาเลเซียมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 14.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งปี 2556 ที่มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้ง 13.3 ล้านคน และออกไปใช้สิทธิ์ร้อยละ 85
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012