ข่าว
เปิดคำสารภาพ‘เขมรเถื่อน’ กลับบ้านตามคำท่านผู้นำ อดอยาก-ไร้เงิน เสี่ยงแอบเข้าไทย

12 พฤศจิกายน 2568 พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2568) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี (ชค.ทพ.นย.2) ภายใต้การควบคุมของ นาวาเอก วีระเชษฐ์ ขยันทำ บูรณาการร่วมกับ สภ.สะตอน , ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจสันติบาล จ.จันทบุรี ดำเนินการจับกุมผู้นำพาแรงงานต่างด้าวและแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาจำนวน 108 คน บริเวณบ้านสวนส้ม ต.สะตอน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี

ผลการสอบสวนเบื้องต้น พบว่า กลุ่มแรงงานทั้งหมดมีความประสงค์จะเดินทางเข้ามาทำงานในพื้นที่ส่วนหลังของประเทศ เช่น จ.จันทบุรี ระยอง ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยจ่ายค่าเดินทางให้กับผู้นำพาตั้งแต่ 5,500-7,000 บาทต่อคน

จากการสอบปากคำเพิ่มเติมทราบว่า แรงงานจำนวนมากได้อพยพกลับประเทศกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ภายหลังเกิดสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้หลายพื้นที่ฝั่งกัมพูชามีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ขาดแคลนรายได้และโอกาสในการทำงาน แรงงานบางส่วนจึงพยายาม ลักลอบกลับเข้ามายังประเทศไทยเพื่อหางานทำ แม้จะทราบถึงความเสี่ยงและการเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการเข้มงวดมาตรการควบคุมและปิดช่องทางเข้าออกตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ของกองทัพเรือ เพื่อ ป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย การลักลอบข้ามแดน และการย้ายฐานปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะเครือข่าย Cyber Scam ซึ่งกองทัพเรือได้ให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

'เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี'โปรดพระราชทานผ้าถุง-ถุงผ้าแก่กทม.ให้ปชช.ยืมสวมถวายสักการะพระบรมศพ

‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี’ โปรดให้ พล.อ.ศิวะ ภระมรทัต เชิญสิ่งของพระราชทาน ได้แก่ ผ้าถุง ถุงผ้า และริบบิ้นสีดำติดดอกไม้ ไปมอบแก่ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อให้ประชาชนที่จะเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพฯยืมสวมใส่

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โปรดให้ พล.อ.ศิวะ ภระมรทัต เชิญสิ่งของพระราชทานได้แก่ ผ้าถุง ถุงผ้า และริบบิ้นสีดำติดดอกไม้ ไปมอบแก่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนที่จะเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพฯ ได้ยืมสวมใส่ ณ ห้องอมรพิมาน ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร


‘คันกั้น’แตกอีก!บริเวณ‘วัดสำโรง’ น้ำทะลักท่วม‘อินทร์บุรี-ทับยา’เตือนปชช.‘ขนของขึ้นที่สูง’

13 พฤศจิกายน 2568 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งว่า “เกิดเหตุคันกั้นน้ำบนทางหลวงหมายเลข 311(สายลพบุรี-ชัยนาท) ที่กั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดสำโรง ทต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ชำรุด ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ ทต.อินทร์บุรี ต.ทับยา และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

ขอให้ผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และพื้นที่ใกล้เคียง ยกของขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายรถไปในที่สูง เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังที่ปลอดภัย ติดตามข่าวสารราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด”

ปภ. จึงได้ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS True และ NT ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast แจ้งเตือนน้ำท่วม ทต.อินทร์บุรี ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

ทั้งนี้ สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” เพิ่มเพื่อนที่ Line ID @1784DDPM หรือโทรสายด่วนนิรภัย (ปภ.) 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (12 พ.ย.68) ที่ จ.สิงห์บุรี เกิดเหตุแนวอุดช่องฟันหลอคันกั้นน้ำชั่วคราว บริเวณริมแม่น้ำช่วงวัดปราสาท ได้เกิดการแตกและพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มวลน้ำจำนวนมากทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ได้แก่ ที่ว่าการอำเภออินทร์บุรี , สภ.อินทร์บุรี, และวัดสำโรง เป็นต้น


ไต้ฝุ่น'ฟงวอง'พัดถล่ม'ไต้หวัน' สั่งอพยพกว่า 8,000 คน

12 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ไต้หวันได้อพยพประชาชนกว่า 8,300 คน ล่วงหน้าก่อนที่พายุไต้ฝุ่น "ฟงวอง" (Fung-wong) ที่อ่อนกำลังลงอย่างมากจะพัดเข้าสู่ประเทศในวันนี้

ซึ่งพายุดังกล่าวทำให้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งตะวันออกที่เป็นภูเขา และก่อให้เกิดน้ำท่วมสูงถึงระดับคอในบางพื้นที่ ธุรกิจและโรงเรียนถูกสั่งปิดในพื้นที่ทางใต้ส่วนใหญ่ของประเทศและมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 51 คน

ภาพทางโทรทัศน์แสดงให้เห็นน้ำท่วมรุนแรงในหลายส่วนของเขตชนบทอี๋หลาน (Yilan) โดยระดับน้ำสูงถึงคอ ขณะที่ทหารได้ปฏิบัติการกู้ภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่

นายหง ชุน-อี้ ชาวประมงรายหนึ่งกล่าวว่าน้ำมาเร็วมาก เขาต้องใช้เวลาตลอดคืนเพื่อเก็บกวาดโคลนออกจากบ้านของเขาในเมืองท่าซูอ่าว (Suao) ทางตะวันออก เนื่องจากชั้นหนึ่งของบ้านถูกน้ำท่วมสูง 60 เซนติเมตร เขากล่าวว่า ฝนตกหนักมากและเร็วมาก ระบบระบายน้ำจึงระบายไม่ทัน

สำนักงานดับเพลิงกล่าวว่า มีการอพยพประชาชนประมาณ 8,300 คน ออกจากบ้านไปยังพื้นที่ปลอดภัย ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอี๋หลาน และ ฮวาเหลียน (Hualien) ที่อยู่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยากล่าวว่า เมืองตงซาน (Dongshan) ในเทศมณฑลอี๋หลาน ได้รับปริมาณน้ำฝนสูงถึง 794 มิลลิเมตร เมื่อวันอังคาร

เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าพายุ "ฟงวอง" จะเคลื่อนผ่านปลายสุดทางใต้ของไต้หวันในวันพุธ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก โดยพายุได้อ่อนกำลังไปมากหลังจากพัดผ่านฟิลิปปินส์และคร่าชีวิตผู้คนไป 27 ราย

ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน เคยมีพายุไต้ฝุ่นที่ก่อให้เกิดน้ำท่วมและคร่าชีวิตผู้คนไป 18 รายในฮวาเหลียนมาแล้ว พายุไต้ฝุ่นในสัปดาห์นี้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเมืองซินจู (Hsinchu) ทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งไต้หวัน (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) หรือ ทีเอสเอ็มซี บริษัทผลิตชิปตามสัญญาที่ใหญ่ที่สุดในโลก


พกแล้วอุ่นใจ?! 'กัมพูชา'แจกกระติกน้ำรูป'ฮุน เซน'ให้ทหารชายแดน

12 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าว Fresh News ของกัมพูชา รายงานว่า นายแก้ว ฟง ผู้ช่วยส่วนตัวของ สมเด็จเตโช ฮุน เซน และหัวหน้าหน่วยสันติภาพ ได้นำทีมลงพื้นที่เพื่อมอบขวดน้ำร้อนจำนวน 3,750 ขวด ให้แก่กองกำลังกองพลแทรกแซงที่ 3 และกองกำลังทหารประจำการบริเวณ ปราสาทตาควาย เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ขวดน้ำแต่ละใบมี ภาพของ ฮุน เซน และบุน รานี ในเครื่องแบบทหาร พร้อมข้อความภาษาเขมรแปลว่า “พ่อแม่อยู่กับลูกเสมอ”

นายแก้ว ฟง ยังได้กล่าวถ่ายทอด คำอวยพรจากฮุน เซน และบุน รานี ถึงทหารทุกนายที่ประจำการตามแนวชายแดน โดยขอให้กองกำลังทุกคนดูแลสุขภาพ รักษาความสามัคคี และร่วมมือกันในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน ไม่ให้ศัตรูภายนอกรุกราน

หน่วยสันติภาพระบุว่า นอกจากที่ปราสาทตาควายแล้ว จะมีการแจกจ่ายกระติกน้ำเหล่านี้ให้แก่กองกำลังทหารตามแนวชายแดนในจังหวัดพระวิหาร จังหวัดอุดรมีชัย และจังหวัดบันเตียเมียนเจย


'มาลี'มาแล้ว! แถลงประณาม อ้างทหารไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงพลเรือน

สำนักข่าว Khmer Times รายงานเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ว่า พลโท มาลี โสเชตา ปลัดกระทรวงกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงข่าวระบุว่า เกิดเหตุ ทหารไทยใช้อาวุธยิงใส่พลเรือนชาวกัมพูชาผู้บริสุทธิ์ ในหมู่บ้านเปรยจัน ตำบลโอบีเจือน อำเภอโอวเจียโรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชา

ตามรายงานระบุว่า เหตุเกิดเวลาประมาณ 15.50 น. ขณะที่ พลเรือนกัมพูชา 3 คน กำลังเดินอยู่บนถนนคันดินในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรทุกวัน โดยในบริเวณใกล้เคียงมีกองกำลังกัมพูชาที่ไม่มีอาวุธ

กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการกระทำทั้งหมดที่คุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคโดยทันที ขณะเดียวกัน กัมพูชาเรียกร้องให้ฝ่ายไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิง,ปฏิญญาสันติภาพ และพันธกรณีทั้งหมดภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์และจริงใจ

กัมพูชายึดมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะเคารพและยึดมั่นในเงื่อนไขการหยุดยิง และข้อตกลงทั้งหมดที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุร่วมกัน ด้วยผลประโยชน์และความรับผิดชอบสูงสุด กัมพูชายึดมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงสนธิสัญญา อนุสัญญา และข้อตกลงที่มีอยู่ รวมถึงการต่อต้านการข่มขู่ หรือการใช้กำลัง และต้องการแสวงหาทางออกที่ยุติธรรม เหมาะสม ยั่งยืน และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ

ฟ้องยูเอ็น! 'กัมพูชา'ยื่นคำร้อง7ข้อ อ้างไทยยิงพลเรือนดับ

13 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวขแมร์ไทมส์รายงานว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC) ได้ออกแถลงการณ์ว่าได้ยื่นคำร้องไปยังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาค เพื่อเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเป็นอิสระเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กัมพูชาอ้างว่ากองทัพไทยได้เปิดฉากยิงเข้ามาในบ้านเปรยจัน จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา จนทำให้พลเรือนกัมพูชาเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 3 ราย

CHRC ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกองทัพไทยถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวกัมพูชา และกฎหมายระหว่างประเทศ อาทิ กฎบัตรสหประชาชาติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และถ้อยแถลงร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาที่ลงนามในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ทาง CHRC จึงยื่นคำร้องไปยังสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) สำนักงาน OHCHR ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในกรุงเทพ สถาบันอิสระด้านสิทธิมนุษยชนในอาเซียน และประธาน ผู้แทนถาวรของมาเลเซียประจำคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ICAI)

โดยในการอุทธรณ์อย่างเร่งด่วน CHRC ได้ยื่นคำร้องสำคัญดังต่อไปนี้

1. เรียกร้องให้ทางการไทยยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งหมด และให้ความเคารพอย่างเต็มที่ต่อความปลอดภัยของพลเรือนชาวกัมพูชาตามแนวชายแดน

2. ร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อให้แน่ใจว่ามีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นอิสระ เป็นกลาง และโปร่งใส และเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลใด ๆ ที่รับผิดชอบในการอนุมัติหรือดำเนินการอันผิดกฎหมายนี้จะต้องรับผิดทางอาญา

3. เรียกร้องให้ทางการไทยให้การรักษาพยาบาล การชดเชย และการชดเชยแก่เหยื่อและครอบครัวอย่างเร่งด่วน

4. เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเสริมสร้างกลไกการป้องกันและการสร้างความเชื่อมั่น และดำเนินการตามปฏิญญาสันติภาพอย่างเต็มที่

5. พิจารณานำเรื่องนี้ขึ้นหารือต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือขั้นตอนพิเศษที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจว่ามีการรับผิดชอบและไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก

6. พิจารณาส่งคณะผู้แทนตรวจสอบข้อเท็จจริงลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนโดยตรงและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ

7. เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการปล่อยตัวและส่งทหารกัมพูชา 18 นายกลับประเทศโดยทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข CHRC ยืนยันถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของกัมพูชาต่อหลักการของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้ชุมชนระหว่างประเทศต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดร้ายแรงเหล่านี้ และดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับรองความยุติธรรมให้กับเหยื่อและการคุ้มครองพลเรือนทั้งหมดตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย