08 เม.ย. 65 : ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ 193 ประเทศลงมติด้วยเสียงข้างมาก 93 ต่อ 24 เสียง ให้รัสเซียยุติบทบาทในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน สืบเนื่องจากการโจมตียูเครนมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและเป็นระบบ โดยมี 58 ประเทศรวมถึงไทย งดออกเสียง
สำหรับการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ จะต้องได้รับการเลือกตั้งจากสมัชชาใหญ่ฯ มีวาระการทำงาน 3 ปี โดยรัสเซียจะครบวาระในสิ้นปีหน้า (2566) ซึ่งภายหลังจากทราบผลการลงมติ นายเกนนาดี คุซมิน รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า เป็นขั้นตอนการลงมติที่ผิดกฎหมายและมีแรงจูงใจทางการเมือง พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า รัสเซียมีการตัดสินใจมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะลาออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน เพราะไม่ต้องการทำงานร่วมกับประเทศตะวันตกที่กล่าวหารัสเซีย
ขณะที่ นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติส่งข้อความที่ชัดเจนว่าความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจะไม่ถูกละเลย และเป็นการรับรองว่าผู้ก่อเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำรงตำแหน่งผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนที่สหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม การลงมติในครั้งนี้ยังนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เกี่ยวกับการที่รัสเซียโจมตียูเครน โดย 2 ครั้งแรกจะเกี่ยวกับการออกแถลงการณ์ประณามรัสเซีย ซึ่งจีนมีความไม่เห็นด้วยกับการลงมติในทุกครั้ง นายจาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า เป็นการเร่งรีบให้ประเทศต่างๆ เลือกข้าง ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความแตกแยกระหว่างประเทศสมาชิก ทำให้มีการเผชิญหน้าที่รุนแรงมากขึ้น
วันเดียวกันข่าวจาก VOA : ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือยูเอ็นลงมติให้ยุติบทบาทสมาชิกของรัสเซียในคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชน เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียก่อความโหดร้ายในประเทศยูเครน
ในการโหวตครั้งนี้ ประเทศสมาชิกยูเอ็น 93 ประเทศสนับสนุนให้รัสเซียหมดหน้าลงในคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชน โดยมี 24 ประเทศคัดค้าน และอีก 58 ประเทศซึ่งรวมถึงไทย งดออกเสียง
ทูตของประเทศยูเครน เซอร์เกย์ คิสลิตส์ยา กล่าวก่อนการลงมติว่า "รัสเซียไม่เพียงเเต่จะก่อเหตุละเมิดสิทธิมนุยชน แต่ยังสร้างความความสั่นคลอนให้กับสันติภาพและความมั่นคงของโลก"
ทั้งนี้ การเป็นสมาชิกคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติซึ่งอยู่ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์ จะต้องผ่านการเลือกตั้งจากสมัชชาใหญ่ยูเอ็น
ตามกำหนดเดิมรัสเซียเป็นสมาชิกคณะมนตรีดังกล่าวได้จนถึงสิ้นปีหน้า
ที่ผ่านมา รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ความรุนเเรงเกินขอบเขตและความโหดเหี้ยมในยูเครน โดยกล่าวว่ามีการปล่อยข่าวเท็จ และว่าความโหดร้ายที่เห็นอาจเป็นการกระทำจากฝ่ายยูเครนเพื่อสร้างผลร้ายต่อรัสเซีย
หลังการลงมติ รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เกนนาดี คุซมิน กล่าวว่ารัสเซียตัดสินใจเองอยู่เเล้วที่จะยุติความเป็นสมาชิกในคณะมนตรีดังกล่าว และว่าไม่ต้องการอยู่ร่วมทำงานกับประเทศตะวันตกที่เขากล่าวหาว่าดำเนินการกระทำผิด หรือยั่วยุให้เกิดการกระทำผิดด้านสิทธิมนุษยชน
8 เม.ย.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทรถไฟแห่งยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ยิงจรวด 2 ลูกใส่สถานีรถไฟในเมืองครามาทอสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า เมืองโบโรเดียนกา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ถูกโจมตีอย่างหนักและโหดร้ายกว่าเมืองบูจาที่อยู่ใกล้กัน ด้านรัสเซียยอมรับว่าสูญเสียทหารจำนวนมากในสงครามยูเครน และถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศ ขณะที่สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ลงมติระงับสถานะสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) หลังได้รับรายงานว่ารัสเซียได้กระทำการข่มเหงและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบในยูเครน
บริษัทรถไฟแห่งยูเครนระบุในแถลงการณ์วานนี้ (8 เม.ย.)ว่า รัสเซียได้ยิงจรวด 2 ลูกถล่มสถานีรถไฟในเมืองครามาทอสก์ ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน สถานีรถไฟดังกล่าวเป็นเพียงสถานีแห่งเดียวในแถบพื้นที่ตะวันออกสุดของยูเครนที่ยังคงเปิดให้บริการเพื่ออพยพพลเรือนออกจากเมืองครามาทอสก์ที่ถูกกองทัพรัสเซียโจมตีอย่างหนัก ขณะที่ผู้ว่าการแคว้นโดเนสตก์ระบุว่า มีประชาชนหลายพันคนอยู่ที่สถานีรถไฟดังกล่าวเพื่อขึ้นรถไฟเดินทางออกจากเมืองในขณะที่รัสเซียยิงจรวดถล่ม ประธานบริษัทรถไฟแห่งยูเครนเผยว่า สถานีรถไฟครามาทอสก์เป็นที่รับรู้ในวงกว้างว่าเป็นเส้นทางอพยพที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกของยูเครน และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตารางเดินรถไฟออกจากเมืองให้ทุกคนทราบ ก่อนหน้านี้ มีรถไฟ 3 ขบวนที่บรรทุกผู้อพยพในภูมิภาคเดียวกันถูกโจมตีทางอากาศเมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อขัดขวางบริการเดินรถไฟ
ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า เมืองโบโรเดียนกา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ถูกโจมตีอย่างหนักและโหดร้ายกว่าเมืองบูจาที่อยู่ใกล้กัน เจ้าหน้าที่ของยูเครนกำลังเร่งรื้อซากปรักหักพังในเมืองโบโรเดียนกา และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากจากฝีมือของกองทัพรัสเซีย ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ในเมืองโบโรเดียนกานั้นโหดร้ายรุนแรงกว่าที่อื่นมาก ทั้งนี้ เมืองโบโรเดียนกาและเมืองบูจาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองนอกกรุงเคียฟ และเป็นสนามรบดุเดือดในระหว่างที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเพื่อตั้งเป้ายึดกรุงเคียฟก่อนประกาศถอนกำลังทหารออกไป ขณะที่อัยการสูงสุดของยูเครน เผยว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนได้พบร่างผู้เสียชีวิต 26 รายในซากปรักหักพังของอพาร์ทเมนต์ 2 แห่งที่เมืองโบโรเดียนกา และกล่าวหารัสเซียว่าจงใจโจมตีย่านที่พักอาศัยของพลเรือน เนื่องจากเมืองโบโรเดียนกาไม่มีที่ตั้งฐานทัพยูเครน รวมถึงตั้งใจทิ้งระเบิดอาคารที่พักอาศัยในช่วงค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ในที่พักอาศัยเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งอ้างว่า เธอมีหลักฐานการก่ออาชญากรรมสงครามของกองทัพรัสเซียทั้งหมด
รอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2565 ว่า มีจรวด 2 ลูกยิงถล่มสถานีรถไฟเมืองครามาทอร์สค์ ทางตะวันออกของยูเครน เจ้าหน้าที่เผยว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กจำนวน 5 ศพจากยอดรวมกว่า 50 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 87 คน บางรายถึงขั้นสูญเสียแขนขา เป็นหนึ่งในการโจมตีรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนมากว่า 6 สัปดาห์
เปาโล ไครีย์เลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ของยูเครนเผยว่า ขณะเกิดเหตุจรวด 2 ลูกยิงโจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สค์ มีพลเรือนอยู่ที่สถานีรถไฟแห่งนี้หลายพันคน เขาระบุว่าเป็นการโจมตีที่ตั้งใจถล่มสถานีรถไฟ ผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนอาการสาหัส
ไครีย์เลนโกกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ต้องการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกตื่นและหวาดกลัว และคร่าชีวิตพลเรือนให้มากที่สุด เขาโพสต์ภาพทางออนไลน์ของผู้เสียชีวิตหลายศพที่นอนตายอยู่ข้างกระเป๋าเดินทางและหีบห่ออื่นๆ
สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานการแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า จรวดมิสไซล์ที่ยิงถล่มสถานีรถไฟแห่งนี้ เป็นอาวุธที่ใช้ในกองทัพยูเครนเท่านั้น และทหารรัสเซียไม่ได้รับมอบหมายให้โจมตีเมืองครามาทอร์สค์ในวันศุกร์
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวระหว่างแถลงทางวีดีโอกับรัฐสภาฟินแลนด์ว่า ขณะเกิดเหตุโจมตีสถานีรถไฟแห่งนี้ ไม่มีทหารยูเครนอยู่ที่สถานีรถไฟแต่อย่างใด ทหารรัสเซียโจมตีสถานีรถไฟทั่วไป โจมตีประชาชนธรรมดา ไม่มีทหารอยู่ที่นั่น และเป็นการกระทำของปีศาจที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า
มีรายงานว่าชิ้นส่วนของจรวดขนาดใหญ่ที่เขียนเป็นภาษารัสเซียว่า “เพื่อลูกๆ ของเรา” ตกอยู่ใกล้อาคารหลักของสถานีรถไฟแห่งนี้
การรุกรานยูเครนภายใต้การสั่งการของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียผ่านมาแล้ว 6 สัปดาห์ รัสเซียเปลี่ยนการโจมตีไปทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน หลังถูกยูเครนต่อต้านอย่างสู้ไม่ถอย ทำให้รัสเซียไม่สามารถยึดกรุงเคียฟไว้ได้
ดูเหมือนว่าทหารรัสเซียต้องการสร้างดินแดนที่เชื่อมโยงระหว่างแคว้นไครเมียที่ยึดครองมากับแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ซึ่งอยู่ในภูมิภาคดอนบาส
รัสเซียเริ่มยิงปืนใหญ่ถล่มอย่างหนักในหลายเมืองของภูมิภาคดอนบาส ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเครนขอร้องให้พลเรือนรีบหนีออกจากเมือง แต่การสู้รบอย่างหนักเป็นอุปสรรคในการอพยพออกจากเมือง
ไครีย์เลนโกผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์เผยว่า ขบวนรถไฟ 3 ขบวนที่อพยพประชาชนออกจากเมืองต้องหยุดชะงักหลังจากรัสเซียโจมตีทางอากาศใส่รางรถไฟที่สะพานข้ามแห่งหนึ่ง.
8 เม.ย. 65 เว็บไซต์ อัลจาซีรา รายงาน กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ดำเนินการจับกุมนายทาเคชิ เอบิซาวะ อายุ 57 ปี หัวหน้าองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือรู้จักกันดีในชื่อ แก๊งยากูซ่า และชายไทย 3 คน ประกอบด้วย นายสมภพ สิงห์ศิริ อายุ 58 ปี นายสมภักดิ์ รักษ์สราณี อายุ 55 ปี และนายสุขสันต์ จุลนันท์ อายุ 53 ปี ในข้อหาลักลอบค้าเฮโรอีน และยาไอซ์ รวมทั้ง กำลังพยายามจัดหาจรวดต่อต้านอากาศยานที่ผลิตในสหรัฐฯ ส่งไปขายให้แก่กลุ่มติดอาวุธชาติพันธ์ุหลายกลุ่มในเมียนมา และกลุ่มแบ่งแยกพยัคฆ์ทมิฬอีแลมในศรีลังกา
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังระบุว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่นิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ที่ 3 เม.ย. และวันอังคารที่ 4 เม.ย. 2565 ในข้อหาลักลอบค้ายาเสพติด, ลักลอบค้าอาวุธข้ามชาติ และข้อหาฟอกเงิน
เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐฯ ประจำเขตนิวยอร์กใต้ ระบุในแถลงการณ์ว่า ยาเสพติดเหล่านี้ได้ถูกนำมาขายบนท้องถนนในนิวยอร์ก ในขณะที่อาวุธถูกลักลอบไปขายให้แก่กลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในชาติที่ไร้เสถียรภาพ โดยนายวิลเลียมส์ ยังระบุว่า ผู้ต้องหาชายเหล่านี้ได้อยู่ภายใต้การสืบสวนโดยเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ ในประเทศไทย มาตั้งแต่อย่างน้อยปี 2562 ขณะเตรียมการจัดหาเฮโรอีนและยาไอซ์ลอตใหญ่จากกองกำลังรัฐว้า (UWSA) ซึ่งมีชายแดนติดกับจีน
นายเอบิซาวะ มีแผนจัดซื้ออาวุธปืนอัตโนมัติ, จรวด, ปืนกล ไปขายให้แก่กองกำลังรัฐว้า และกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU และ กองทัพรัฐฉาน
เมื่อ 3 ก.พ. 2564 นายเอบิซาวะ และผู้สมรู้ร่วมคิดคนหนึ่งได้เดินทางยังกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงเดนมาร์ก ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ และตำรวจเดนมาร์ก 2 นายได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าอาวุธ เพื่อขายอาวุธทหารหลายชนิด ให้แก่นายเอบิซาวะ ซึ่งทางการสหรัฐฯ ยังได้แสดงหลักฐาน ภาพนายอิบาซาวะถือเครื่องยิงจรวด รวมทั้งจรวดสติงเกอร์ ระหว่างการพบกันครั้งนี้ด้วย
ตามสำนวนคำฟ้อง ยังระบุว่า ในระหว่างการสอบสวน นายเอบิซาวะ ได้เคยบอกแก่เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ ที่ปลอมตัวว่า นายสุขสันต์ เป็นอดีตนายพลของกองทัพอากาศไทย ส่วน นายสมภักดิ์ เป็นเจ้าหน้าที่ทหารประจำกองทัพบกไทยที่เกษียณอายุราชการ
ขณะที่ เว็บไซต์ อัลจาซีรา ระบุว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ไม่ได้อธิบายว่าชายทั้ง 4 คนเดินทางมาประเทศสหรัฐฯ ได้อย่างไร ส่วนระวางโทษสูงสุดในคดีลักลอบค้ายาเสพติดและค้าอาวุธข้ามชาติ ในสหรัฐฯ คือการถูกจำคุกตลอดชีวิต.
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า นายเอบิซาวะ นายสมภักดิ์ นายสมภพ และนายสุขสันต์ ถูกจับกุมที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 4 และ 5 เมษายนที่ผ่านมา ในข้อหาลักลอบขนยาและอาวุธ และข้อหาฟอกเงิน
ภายใต้การสอบสวนของเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐ (ดีอีเอ) ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2019 พบว่า ชายกลุ่มนี้ได้แอบขายเฮโรอีนและยาไอซ์ล็อตใหญ่ที่มาจากกองทัพรวมแห่งรัฐว้า ซึ่งเป็นกลุ่มกบฎในเมียนมา ให้กับเจ้าหน้าที่ที่แฝงตัวไป ในขณะที่นายเอบิซาวะหาช่องทางขายปืนอัตโนมัติ จรวด ปืนกลและขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศให้กับขบวนการปลดปล่อยพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (แอลทีทีอี) หรือพยัคฆ์ทมิฬ, กองทัพรวมแห่งรัฐว้า,สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง กองทัพรัฐฉาน และกองกำลังของชนกลุ่มน้อยอื่นๆที่ต้องสู้รบกับกองกำลังของรัฐบาลอย่างยาวนาน
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายเอบิซาวะ และพวกได้เดินทางไปกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เพื่อพบกับสายลับของดีอีเอ และตำรวจเดนมาร์ก 2 คนที่แฝงตัวไป ซึ่งโชว์อาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐสำหรับขาย รวมทั้งปืนกล และจรวดต่อต้านรถถัง และยังโชว์ภาพและวิดีโอของขีปนาวุธสติงเกอร์ที่ใช้ยิงเครื่องบิน
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า “เรากล่าวหาว่า นายเอบิซาวะและผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นนายหน้าที่ตกลงกับสายลับของดีอีเอเพื่ออาวุธหนักและขายยาเสพติดล็อตใหญ่ ยาเสพติดดังกล่าวจะถูกกระจายไปตามถนนในมหานครนิวยอร์ก และอาวุธจะถูกส่งไปให้กลุ่มกบฏในประเทศที่ไม่มั่นคง” นอกจากนี้กระทรวงยุติธรรมระบุว่า นายเอบิซาวะเป็นหัวหน้ากลุ่มยากูซ่าข้ามชาติที่เป็นกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ
ในระหว่างการสอบสวนนายเอบิซาวะกล่าวกับสายลับดีอีเอว่า นายสุขสันต์เป็นนายพลกองทัพอากาศไทย และนายสมภักดิ์เป็นทหารบกที่เกษียณอายุแล้ว อย่างไรก็ตามกระทรวงยุติธรรมสหรัฐไม่ได้ระบุว่า ชายทั้ง 4 คนเดินทางมาสหรัฐได้อย่างไร
8 เม.ย. 65 เว็บไซต์เดอะซัน สื่ออังกฤษเกาะติดความคืบหน้าเหตุการณ์นักดำน้ำชาวยุโรปสูญหาย ขณะไปดำน้ำในทะเล นอกชายฝั่งรัฐยะโฮร์ของมาเลเซีย ตั้งแต่วันพุธที่ 6 เม.ย. ว่า ขณะนี้ เกรงว่า นายเอเดรียน เชสเตอร์ ชายชาวอังกฤษ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นหัวหน้างานที่บริษัทน้ำมัน เชลล์ และลูกชาย นาเธน เชสเตอร์ วัย 14 ปี รวมทั้งสาวชาวฝรั่งเศส อาจเสียชีวิตแล้ว หลังจากนักดำน้ำกลุ่มนี้โดนกัปตันเรือ ‘ทิ้ง’ ใกล้เกาะเมอร์ซิง
เดอะซัน รายงานว่า นายเอเดรียน เชสเตอร์ และบุตรชาย อยู่ในกลุ่มนักดำน้ำ 4 คน ซึ่งอีกสองคนคือ อเล็กเซีย อเล็กซานดรา โมลินา หญิงสาวชาวฝรั่งเศส วัย 18 ปี และ คริสติน โกรเดม ครูสอนดำน้ำหญิง ชาวนอร์เวย์ อายุ 35 ปี ซึ่งได้พากันไปดำน้ำใกล้เกาะเมอร์ซิง ก่อนต่อมา กัปตันเรือได้ขับเรือกลับมายังท่าเรือ โดยไม่มีกลุ่มนักดำน้ำกลับมาด้วย และอ้างว่านักดำน้ำ 4 คนได้สูญหายในทะเล จนทำให้ทางการมาเลเซียปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่
ในขณะที่คริสติน โกรเดม ครูสอนดำน้ำหญิงชาวนอร์เวย์ เป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ หลังได้รับความช่วยเหลือจากเรือลากจูงลำหนึ่งเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ขณะที่เธออยู่กลางทะเล ห่างจากบริเวณที่ถูกคนขับเรือทิ้งประมาณ 30 ไมล์ทะเล
ส่วนคนขับเรือลำนี้ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ และจากการตรวจปัสสาวะ พบว่าคนขับเรือเสพยาบ้าขณะขับเรือพากลุ่มนักดำน้ำออกไปดำน้ำกลางทะเล โดยจากการเปิดเผยของคนขับเรือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า กลุ่มนักดำน้ำทั้ง 4 คนไม่กลับมายังเรือ หลังจากลงไปเรียนดำน้ำประมาณ 40 นาที จึงทำให้ตัดสินใจขับเรือกลับมายังท่าเรือ
ด้านผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองเมอร์ซิง เปิดเผยว่า กลุ่มนักดำน้ำเมื่อขึ้นมาจากใต้ทะเลมายังเหนือผิวน้ำแล้ว ปรากฎว่า พวกเขาไม่เห็นเรือ และต้องเผชิญกับคลื่นแรงที่พัดพาให้ลอยไป ถึงแม้ครูสอนดำน้ำพยายามจะทำให้พวกเขาอยู่รวมกัน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเชื่อว่า จะพบนักดำน้ำทั้งสามคนอย่างปลอดภัย เนื่องจากมีประสบการณ์ในการดำน้ำมาก่อน.
8 เม.ย. 65:บีบีซีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์สงครามในยูเครนว่า นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่าการทำลายล้างในเมืองโบโรเดียนกา เมืองรอบนอกกรุงเคียฟ สยดสยองกว่าเหตุสังหารหมู่ในเมืองบูชาซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกัน โดยเจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิต 26 รายออกจากใต้ซากอพาร์ตเมนต์ 2 แห่งที่ถูกกองกำลังรัสเซียยิงถล่มในช่วงรุกคืบพยายามโจมตีกรุงเคียฟก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะเจอเหยื่อจากการรุกรานของรัสเซียเพิ่มขึ้น
น.ส.อิรีนา เวเนดิกโตวา อัยการสูงสุดยูเครน กล่าวหาว่ารัสเซียจงใจโจมตีย่านชุมชนที่พลเรือนอาศัยอยู่ เนื่องจากไม่มีพื้นที่ทางทหารในบริเวณนี้ กองกำลังรัสเซียระดมยิงโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่อาศัยในช่วงกลางคืนต่อเนื่องหลายคืน และว่ามีหลักฐานกองกำลังรัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามในทุกโอกาส
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ชื่นชมมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) หลังลงมติเห็นชอบให้ขับรัสเซียออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) ชั่วคราว เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงครามในเหตุฆ่าหมู่พลเรือนในเมืองบูชา มติดังกล่าวเป็นครั้งที่ 3 ของยูเอ็นจีเอที่ประณามรัสเซียต่อการรุกรานยูเครน โดยมี 93 ประเทศออกเสียงสนับสนุน 24 ประเทศคัดค้าน อีก 58 ประเทศงดออกเสียง รวมถึงอินเดียและไทย
“มตินี้เป็นก้าวที่สำคัญของประชาคมระหว่างประเทศที่ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าสงครามของนายปูตินทำให้รัสเซียไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ” นายไบเดนกล่าวย้ำ และว่าสหรัฐดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อขับรัสเซียหลังพบว่ารัสเซียกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบและมหาศาล หลายภาพที่เห็นจากเมืองบูชาและพื้นที่อื่นๆ ในยูเครนนั้นน่าสยดสยอง
นายไบเดนกล่าวอีกว่า หลายสัญญาณชี้ว่ามีเหยื่อถูกข่มขืน ทรมาน สังหาร และในบางกรณีศพถูกหมิ่นเกียรตินั้นล้วนก่อให้เกิดความโกรธอย่างรุนแรงร่วมกันของมนุษยชาติ ตลอดจนคำโกหกของรัสเซียที่ฟังไม่ขึ้นเพราะมีหลักฐานที่ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้
ด้านกระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุว่า กองกำลังรัสเซียถอนกำลังออกจากภาคเหนือของยูเครนหมดแล้ว โดยบางกองกำลังถูกโอนย้ายไปทางตะวันออกเพื่อรบในสมรภูมิดอนบาส แต่หลายกองกำลังจะต้องเติมกำลังคนก่อนไปประจำการ และเสริมว่าการระดมยิงของรัสเซียทางตะวันออกของยูเครนและทางใต้ยังดำเนินต่อไปและกองกำลังรัสเซียรุกคืบทางใต้จากเมืองอิซยัม เมืองยุทธศาสตร์สำคัญ