ข่าว
สหรัฐยึดทรัพย์ลูก‘ปูติน’ ยูเครนวอนชาวดอนบาส เร่งอพยพก่อนรัสเซียบุก

วันศุกร์ ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565:ปธน.ไบเดน สหรัฐฯ คว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ยึดทรัพย์ลูกสาว “ปูติน” ผู้นำรัสเซีย ชี้สงครามอาจลากยาว ห้ามชาวอเมริกันลงทุนใหม่ในรัสเซีย ด้านนายกเล็กมารีอูปอลของยูเครน ชี้พลเรือนยูเครนดับกว่าครึ่งหมื่น หลังจากถูกกองกำลังรัสเซียโจมตี วอนชาวดอนบาส เร่งอพยพ ก่อนถูกทหารรัสเซีย บุกเข้าพื้นที่

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโจไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคการเงิน ภายใต้การกระทำที่ถือเป็นการลงโทษระยะยาวต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังจากปรากฏภาพการสังหารพลเรือนยูเครนอย่างโหดเหี้ยม

ประธานาธิบดีโจไบเดน กล่าวว่า รัสเซียล้มเหลวในสงครามครั้งแรก ภายหลังกองกำลังของรัสเซียต้องถอนออกจากกรุงเคียฟ อย่างไรก็ดี การต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบและสงครามอาจดำเนินการต่อไปอีกนาน แต่สหรัฐฯ จะยืนหยัดร่วมกับยูเครนในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ โดยจะยับยั้งความสามารถในการเติบโตของรัสเซียในอีกหลายปีข้างหน้า ทั้งนี้ สหรัฐฯ ประกาศห้ามการทำธุรกรรมกับธนาคารซึ่งใหญ่ที่สุด 2 แห่งของรัสเซีย คือธนาคาร SberbankและAlfa Bank ผ่านระบบการเงินของสหรัฐฯ และห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำธุรกิจกับธนาคารทั้ง 2 แห่งนี้

นอกจากนี้ ยังมีการคว่ำบาตรลูกสาว 2 คนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย คือมารียา ปูตินา และแคเธอรีนา ทิกโคโนวา รวมถึงนายมิคาอิลมิซูสติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ภรรยาและลูกของนายเซอร์เกย์ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย นายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีรัสเซีย รวมถึงสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซียด้วย

สำหรับบุคคลในบัญชีรายชื่อคว่ำบาตรนี้จะถูกตัดสิทธิออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ และถูกอายัดทรัพย์สินใดๆ ก็ตามที่พวกเขาถือครองอยู่ในสหรัฐฯ ด้วย และคาดว่าประธานาธิบดีโจไบเดนจะลงนามในคำสั่งผู้บริหารที่จะห้ามการลงทุนใหม่ในรัสเซียโดยชาวอเมริกันไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่ใด ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กำลังเตรียมคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัฐวิสาหกิจของรัสเซีย

ด้านนายวาดิมบอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูปอลประเทศยูเครน ระบุว่า มีพลเรือนมากกว่า 5,000 รายที่เสียชีวิตระหว่างการทิ้งระเบิดและการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตามท้องถนนในเมืองเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยจำนวนนี้ 210รายเป็นเด็ก

นายวาดิมบอยเชนโก ระบุด้วยว่า กองกำลังรัสเซียได้ทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาล โดยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งมีผู้เสียชีวิต 50 ราย ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานของเมืองมากกว่า 90% ถูกทำลาย ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงอาหาร น้ำ ยารักษาโรคและเชื้อเพลิงได้

ส่วนเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอังกฤษ เปิดเผยว่า ยังคงมีประชาชนอีกราว 160,000 คน ที่ติดอยู่ในเมืองมารีอูปอล ซึ่งก่อนสงครามมีประชาชนอยู่ราว 430,000 คน ขณะที่ขบวนรถขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมของกาชาดสากล พยายามที่จะเดินทางเข้าไปในเมืองหลายวันแล้วแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

ทั้งนี้ ทางการยูเครนพยายามรวบรวมจำนวนผู้เสียชีวิตในเมืองต่างๆ ที่ถูกรัสเซียยึดครองนอกเหนือจากเมืองบูช่า โดยสื่อตะวันตกรายงานว่ามีสัญญาณว่ากองกำลังรัสเซียได้สังหารพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้า ก่อนที่จะล่าถอยออกไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ขณะที่ ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เตือนว่ารัสเซียกำลังระดมกำลังเสริมและพยายามที่จะเข้าไปในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ หลังจากที่ได้ประกาศว่าเป้าหมายของพวกเขาคือการปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาสในยูเครน ซึ่งคนส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย โดยทางการยูเครนได้ร้องขอให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในดอนบาสอพยพออกจากพื้นที่ในช่วงที่ยังพอมีเวลา ก่อนที่การโจมตีของรัสเซียจะเกิดขึ้น โดยไอรีนา เวเรชชุค รองนายกรัฐมนตรียูเครน กล่าวว่า พวกเขาจะต้องถูกโจมตี แต่เราไม่สามารถจะช่วยเหลือได้

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์เซเลนสกีกล่าวหารัสเซียว่าพยายามแทรกแซงกระบวนการสอบสวนเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน โดยการนำศพออกไปจากท้องถนนและห้องใต้ดิน และพยายามจะซุกซ่อนหลักฐานอื่นๆ ในเมืองบูช่า รวมถึงดินแดนที่พวกเขายึดครอง ทั้งนี้ ผู้นำยูเครนได้เรียกร้องให้รัสเซียยุติสงคราม หากมีความละอายอยู่เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่กองทัพรัสเซียทำไว้ในยูเครน พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวรัสเซียลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับการปราบปรามของรัสเซีย แทนที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่โดยไม่ต่างกับพวกนาซีของเยอรมันในอดีต

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพรัสเซียได้ถอนกำลังทหารออกจากกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิว ทางตอนเหนือของยูเครน โดยสมบูรณ์แล้วเพื่อกลับไปรวบรวมกำลังทหารและปรับปรุงกองทัพใหม่ในเบลารุสและรัสเซีย แต่อาจจะย้อนกลับมาโจมตีกรุงเคียฟอีกครั้งในอนาคต อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะกลับมาเมื่อใด ขณะนี้รัสเซียยังคงกำลังทหารกว่า 80 กองพันไว้ในยูเครนจากทั้งหมด 130 กองพันที่ส่งเข้าไปบุกโจมตียูเครน

ส่วนสถาบันเพื่อการศึกษาสงครามของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า กองทัพรัสเซียที่ถอนกำลังออกไปจากพื้นที่รอบกรุงเคียฟไม่น่าจะฟื้นฟูประสิทธิภาพการสู้รบได้ในเร็วๆ นี้

ขณะเดียวกัน นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้พบเห็นกองทัพรัสเซียในพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟหรือเมืองเชอร์นิฮิวคาดว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน อาจบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์เป็นศูนย์จากคำสั่งเปิดฉากโจมตียูเครน เนื่องจากรัสเซียทำได้แค่ควบคุมพื้นที่ของเมืองที่มีประชากรเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถยึดเมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนได้ด้วย

สมัชชาใหญ่ยูเอ็น โหวตให้รัสเซียยุติบทบาทใน UNHRC

08 เม.ย. 65 : ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ 193 ประเทศลงมติด้วยเสียงข้างมาก 93 ต่อ 24 เสียง ให้รัสเซียยุติบทบาทในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน สืบเนื่องจากการโจมตียูเครนมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและเป็นระบบ โดยมี 58 ประเทศรวมถึงไทย งดออกเสียง

สำหรับการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ จะต้องได้รับการเลือกตั้งจากสมัชชาใหญ่ฯ มีวาระการทำงาน 3 ปี โดยรัสเซียจะครบวาระในสิ้นปีหน้า (2566) ซึ่งภายหลังจากทราบผลการลงมติ นายเกนนาดี คุซมิน รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า เป็นขั้นตอนการลงมติที่ผิดกฎหมายและมีแรงจูงใจทางการเมือง พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า รัสเซียมีการตัดสินใจมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะลาออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน เพราะไม่ต้องการทำงานร่วมกับประเทศตะวันตกที่กล่าวหารัสเซีย

ขณะที่ นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติส่งข้อความที่ชัดเจนว่าความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจะไม่ถูกละเลย และเป็นการรับรองว่าผู้ก่อเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำรงตำแหน่งผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนที่สหประชาชาติ

อย่างไรก็ตาม การลงมติในครั้งนี้ยังนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เกี่ยวกับการที่รัสเซียโจมตียูเครน โดย 2 ครั้งแรกจะเกี่ยวกับการออกแถลงการณ์ประณามรัสเซีย ซึ่งจีนมีความไม่เห็นด้วยกับการลงมติในทุกครั้ง นายจาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า เป็นการเร่งรีบให้ประเทศต่างๆ เลือกข้าง ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความแตกแยกระหว่างประเทศสมาชิก ทำให้มีการเผชิญหน้าที่รุนแรงมากขึ้น

วันเดียวกันข่าวจาก VOA : ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือยูเอ็นลงมติให้ยุติบทบาทสมาชิกของรัสเซียในคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชน เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียก่อความโหดร้ายในประเทศยูเครน

ในการโหวตครั้งนี้ ประเทศสมาชิกยูเอ็น 93 ประเทศสนับสนุนให้รัสเซียหมดหน้าลงในคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชน โดยมี 24 ประเทศคัดค้าน และอีก 58 ประเทศซึ่งรวมถึงไทย งดออกเสียง

ทูตของประเทศยูเครน เซอร์เกย์ คิสลิตส์ยา กล่าวก่อนการลงมติว่า "รัสเซียไม่เพียงเเต่จะก่อเหตุละเมิดสิทธิมนุยชน แต่ยังสร้างความความสั่นคลอนให้กับสันติภาพและความมั่นคงของโลก"

ทั้งนี้ การเป็นสมาชิกคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติซึ่งอยู่ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์ จะต้องผ่านการเลือกตั้งจากสมัชชาใหญ่ยูเอ็น

ตามกำหนดเดิมรัสเซียเป็นสมาชิกคณะมนตรีดังกล่าวได้จนถึงสิ้นปีหน้า

ที่ผ่านมา รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ความรุนเเรงเกินขอบเขตและความโหดเหี้ยมในยูเครน โดยกล่าวว่ามีการปล่อยข่าวเท็จ และว่าความโหดร้ายที่เห็นอาจเป็นการกระทำจากฝ่ายยูเครนเพื่อสร้างผลร้ายต่อรัสเซีย

หลังการลงมติ รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เกนนาดี คุซมิน กล่าวว่ารัสเซียตัดสินใจเองอยู่เเล้วที่จะยุติความเป็นสมาชิกในคณะมนตรีดังกล่าว และว่าไม่ต้องการอยู่ร่วมทำงานกับประเทศตะวันตกที่เขากล่าวหาว่าดำเนินการกระทำผิด หรือยั่วยุให้เกิดการกระทำผิดด้านสิทธิมนุษยชน


'รัสเซีย'ยิงจรวด 2 ลูกถล่มสถานีรถไฟ'ยูเครน'

8 เม.ย.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทรถไฟแห่งยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ยิงจรวด 2 ลูกใส่สถานีรถไฟในเมืองครามาทอสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า เมืองโบโรเดียนกา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ถูกโจมตีอย่างหนักและโหดร้ายกว่าเมืองบูจาที่อยู่ใกล้กัน ด้านรัสเซียยอมรับว่าสูญเสียทหารจำนวนมากในสงครามยูเครน และถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศ ขณะที่สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ลงมติระงับสถานะสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) หลังได้รับรายงานว่ารัสเซียได้กระทำการข่มเหงและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบในยูเครน

บริษัทรถไฟแห่งยูเครนระบุในแถลงการณ์วานนี้ (8 เม.ย.)ว่า รัสเซียได้ยิงจรวด 2 ลูกถล่มสถานีรถไฟในเมืองครามาทอสก์ ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน สถานีรถไฟดังกล่าวเป็นเพียงสถานีแห่งเดียวในแถบพื้นที่ตะวันออกสุดของยูเครนที่ยังคงเปิดให้บริการเพื่ออพยพพลเรือนออกจากเมืองครามาทอสก์ที่ถูกกองทัพรัสเซียโจมตีอย่างหนัก ขณะที่ผู้ว่าการแคว้นโดเนสตก์ระบุว่า มีประชาชนหลายพันคนอยู่ที่สถานีรถไฟดังกล่าวเพื่อขึ้นรถไฟเดินทางออกจากเมืองในขณะที่รัสเซียยิงจรวดถล่ม ประธานบริษัทรถไฟแห่งยูเครนเผยว่า สถานีรถไฟครามาทอสก์เป็นที่รับรู้ในวงกว้างว่าเป็นเส้นทางอพยพที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกของยูเครน และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตารางเดินรถไฟออกจากเมืองให้ทุกคนทราบ ก่อนหน้านี้ มีรถไฟ 3 ขบวนที่บรรทุกผู้อพยพในภูมิภาคเดียวกันถูกโจมตีทางอากาศเมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อขัดขวางบริการเดินรถไฟ

ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า เมืองโบโรเดียนกา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ถูกโจมตีอย่างหนักและโหดร้ายกว่าเมืองบูจาที่อยู่ใกล้กัน เจ้าหน้าที่ของยูเครนกำลังเร่งรื้อซากปรักหักพังในเมืองโบโรเดียนกา และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากจากฝีมือของกองทัพรัสเซีย ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ในเมืองโบโรเดียนกานั้นโหดร้ายรุนแรงกว่าที่อื่นมาก ทั้งนี้ เมืองโบโรเดียนกาและเมืองบูจาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองนอกกรุงเคียฟ และเป็นสนามรบดุเดือดในระหว่างที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเพื่อตั้งเป้ายึดกรุงเคียฟก่อนประกาศถอนกำลังทหารออกไป ขณะที่อัยการสูงสุดของยูเครน เผยว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนได้พบร่างผู้เสียชีวิต 26 รายในซากปรักหักพังของอพาร์ทเมนต์ 2 แห่งที่เมืองโบโรเดียนกา และกล่าวหารัสเซียว่าจงใจโจมตีย่านที่พักอาศัยของพลเรือน เนื่องจากเมืองโบโรเดียนกาไม่มีที่ตั้งฐานทัพยูเครน รวมถึงตั้งใจทิ้งระเบิดอาคารที่พักอาศัยในช่วงค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ในที่พักอาศัยเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งอ้างว่า เธอมีหลักฐานการก่ออาชญากรรมสงครามของกองทัพรัสเซียทั้งหมด

รอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2565 ว่า มีจรวด 2 ลูกยิงถล่มสถานีรถไฟเมืองครามาทอร์สค์ ทางตะวันออกของยูเครน เจ้าหน้าที่เผยว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กจำนวน 5 ศพจากยอดรวมกว่า 50 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 87 คน บางรายถึงขั้นสูญเสียแขนขา เป็นหนึ่งในการโจมตีรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนมากว่า 6 สัปดาห์

เปาโล ไครีย์เลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ของยูเครนเผยว่า ขณะเกิดเหตุจรวด 2 ลูกยิงโจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สค์ มีพลเรือนอยู่ที่สถานีรถไฟแห่งนี้หลายพันคน เขาระบุว่าเป็นการโจมตีที่ตั้งใจถล่มสถานีรถไฟ ผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนอาการสาหัส

ไครีย์เลนโกกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ต้องการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกตื่นและหวาดกลัว และคร่าชีวิตพลเรือนให้มากที่สุด เขาโพสต์ภาพทางออนไลน์ของผู้เสียชีวิตหลายศพที่นอนตายอยู่ข้างกระเป๋าเดินทางและหีบห่ออื่นๆ

สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานการแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า จรวดมิสไซล์ที่ยิงถล่มสถานีรถไฟแห่งนี้ เป็นอาวุธที่ใช้ในกองทัพยูเครนเท่านั้น และทหารรัสเซียไม่ได้รับมอบหมายให้โจมตีเมืองครามาทอร์สค์ในวันศุกร์

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวระหว่างแถลงทางวีดีโอกับรัฐสภาฟินแลนด์ว่า ขณะเกิดเหตุโจมตีสถานีรถไฟแห่งนี้ ไม่มีทหารยูเครนอยู่ที่สถานีรถไฟแต่อย่างใด ทหารรัสเซียโจมตีสถานีรถไฟทั่วไป โจมตีประชาชนธรรมดา ไม่มีทหารอยู่ที่นั่น และเป็นการกระทำของปีศาจที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า

มีรายงานว่าชิ้นส่วนของจรวดขนาดใหญ่ที่เขียนเป็นภาษารัสเซียว่า “เพื่อลูกๆ ของเรา” ตกอยู่ใกล้อาคารหลักของสถานีรถไฟแห่งนี้

การรุกรานยูเครนภายใต้การสั่งการของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียผ่านมาแล้ว 6 สัปดาห์ รัสเซียเปลี่ยนการโจมตีไปทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน หลังถูกยูเครนต่อต้านอย่างสู้ไม่ถอย ทำให้รัสเซียไม่สามารถยึดกรุงเคียฟไว้ได้

ดูเหมือนว่าทหารรัสเซียต้องการสร้างดินแดนที่เชื่อมโยงระหว่างแคว้นไครเมียที่ยึดครองมากับแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ซึ่งอยู่ในภูมิภาคดอนบาส

รัสเซียเริ่มยิงปืนใหญ่ถล่มอย่างหนักในหลายเมืองของภูมิภาคดอนบาส ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเครนขอร้องให้พลเรือนรีบหนีออกจากเมือง แต่การสู้รบอย่างหนักเป็นอุปสรรคในการอพยพออกจากเมือง

ไครีย์เลนโกผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์เผยว่า ขบวนรถไฟ 3 ขบวนที่อพยพประชาชนออกจากเมืองต้องหยุดชะงักหลังจากรัสเซียโจมตีทางอากาศใส่รางรถไฟที่สะพานข้ามแห่งหนึ่ง.


สหรัฐฯ รวบ หัวหน้ายากูซ่า-3 คนไทย ลอบค้ายา-อาวุธข้ามชาติ

8 เม.ย. 65 เว็บไซต์ อัลจาซีรา รายงาน กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ดำเนินการจับกุมนายทาเคชิ เอบิซาวะ อายุ 57 ปี หัวหน้าองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือรู้จักกันดีในชื่อ แก๊งยากูซ่า และชายไทย 3 คน ประกอบด้วย นายสมภพ สิงห์ศิริ อายุ 58 ปี นายสมภักดิ์ รักษ์สราณี อายุ 55 ปี และนายสุขสันต์ จุลนันท์ อายุ 53 ปี ในข้อหาลักลอบค้าเฮโรอีน และยาไอซ์ รวมทั้ง กำลังพยายามจัดหาจรวดต่อต้านอากาศยานที่ผลิตในสหรัฐฯ ส่งไปขายให้แก่กลุ่มติดอาวุธชาติพันธ์ุหลายกลุ่มในเมียนมา และกลุ่มแบ่งแยกพยัคฆ์ทมิฬอีแลมในศรีลังกา

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังระบุว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่นิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ที่ 3 เม.ย. และวันอังคารที่ 4 เม.ย. 2565 ในข้อหาลักลอบค้ายาเสพติด, ลักลอบค้าอาวุธข้ามชาติ และข้อหาฟอกเงิน

เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐฯ ประจำเขตนิวยอร์กใต้ ระบุในแถลงการณ์ว่า ยาเสพติดเหล่านี้ได้ถูกนำมาขายบนท้องถนนในนิวยอร์ก ในขณะที่อาวุธถูกลักลอบไปขายให้แก่กลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในชาติที่ไร้เสถียรภาพ โดยนายวิลเลียมส์ ยังระบุว่า ผู้ต้องหาชายเหล่านี้ได้อยู่ภายใต้การสืบสวนโดยเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ ในประเทศไทย มาตั้งแต่อย่างน้อยปี 2562 ขณะเตรียมการจัดหาเฮโรอีนและยาไอซ์ลอตใหญ่จากกองกำลังรัฐว้า (UWSA) ซึ่งมีชายแดนติดกับจีน

นายเอบิซาวะ มีแผนจัดซื้ออาวุธปืนอัตโนมัติ, จรวด, ปืนกล ไปขายให้แก่กองกำลังรัฐว้า และกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU และ กองทัพรัฐฉาน

เมื่อ 3 ก.พ. 2564 นายเอบิซาวะ และผู้สมรู้ร่วมคิดคนหนึ่งได้เดินทางยังกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงเดนมาร์ก ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ และตำรวจเดนมาร์ก 2 นายได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าอาวุธ เพื่อขายอาวุธทหารหลายชนิด ให้แก่นายเอบิซาวะ ซึ่งทางการสหรัฐฯ ยังได้แสดงหลักฐาน ภาพนายอิบาซาวะถือเครื่องยิงจรวด รวมทั้งจรวดสติงเกอร์ ระหว่างการพบกันครั้งนี้ด้วย

ตามสำนวนคำฟ้อง ยังระบุว่า ในระหว่างการสอบสวน นายเอบิซาวะ ได้เคยบอกแก่เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ ที่ปลอมตัวว่า นายสุขสันต์ เป็นอดีตนายพลของกองทัพอากาศไทย ส่วน นายสมภักดิ์ เป็นเจ้าหน้าที่ทหารประจำกองทัพบกไทยที่เกษียณอายุราชการ

ขณะที่ เว็บไซต์ อัลจาซีรา ระบุว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ไม่ได้อธิบายว่าชายทั้ง 4 คนเดินทางมาประเทศสหรัฐฯ ได้อย่างไร ส่วนระวางโทษสูงสุดในคดีลักลอบค้ายาเสพติดและค้าอาวุธข้ามชาติ ในสหรัฐฯ คือการถูกจำคุกตลอดชีวิต.

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า นายเอบิซาวะ นายสมภักดิ์ นายสมภพ และนายสุขสันต์ ถูกจับกุมที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 4 และ 5 เมษายนที่ผ่านมา ในข้อหาลักลอบขนยาและอาวุธ และข้อหาฟอกเงิน

ภายใต้การสอบสวนของเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐ (ดีอีเอ) ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2019 พบว่า ชายกลุ่มนี้ได้แอบขายเฮโรอีนและยาไอซ์ล็อตใหญ่ที่มาจากกองทัพรวมแห่งรัฐว้า ซึ่งเป็นกลุ่มกบฎในเมียนมา ให้กับเจ้าหน้าที่ที่แฝงตัวไป ในขณะที่นายเอบิซาวะหาช่องทางขายปืนอัตโนมัติ จรวด ปืนกลและขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศให้กับขบวนการปลดปล่อยพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (แอลทีทีอี) หรือพยัคฆ์ทมิฬ, กองทัพรวมแห่งรัฐว้า,สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง กองทัพรัฐฉาน และกองกำลังของชนกลุ่มน้อยอื่นๆที่ต้องสู้รบกับกองกำลังของรัฐบาลอย่างยาวนาน

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายเอบิซาวะ และพวกได้เดินทางไปกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เพื่อพบกับสายลับของดีอีเอ และตำรวจเดนมาร์ก 2 คนที่แฝงตัวไป ซึ่งโชว์อาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐสำหรับขาย รวมทั้งปืนกล และจรวดต่อต้านรถถัง และยังโชว์ภาพและวิดีโอของขีปนาวุธสติงเกอร์ที่ใช้ยิงเครื่องบิน

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า “เรากล่าวหาว่า นายเอบิซาวะและผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นนายหน้าที่ตกลงกับสายลับของดีอีเอเพื่ออาวุธหนักและขายยาเสพติดล็อตใหญ่ ยาเสพติดดังกล่าวจะถูกกระจายไปตามถนนในมหานครนิวยอร์ก และอาวุธจะถูกส่งไปให้กลุ่มกบฏในประเทศที่ไม่มั่นคง” นอกจากนี้กระทรวงยุติธรรมระบุว่า นายเอบิซาวะเป็นหัวหน้ากลุ่มยากูซ่าข้ามชาติที่เป็นกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ

ในระหว่างการสอบสวนนายเอบิซาวะกล่าวกับสายลับดีอีเอว่า นายสุขสันต์เป็นนายพลกองทัพอากาศไทย และนายสมภักดิ์เป็นทหารบกที่เกษียณอายุแล้ว อย่างไรก็ตามกระทรวงยุติธรรมสหรัฐไม่ได้ระบุว่า ชายทั้ง 4 คนเดินทางมาสหรัฐได้อย่างไร


เศร้า 3 นักดำน้ำ หวั่นไม่รอด หลังโดนคนขับเรือ 'ทิ้ง' กลางทะเลมาเลเซีย

8 เม.ย. 65 เว็บไซต์เดอะซัน สื่ออังกฤษเกาะติดความคืบหน้าเหตุการณ์นักดำน้ำชาวยุโรปสูญหาย ขณะไปดำน้ำในทะเล นอกชายฝั่งรัฐยะโฮร์ของมาเลเซีย ตั้งแต่วันพุธที่ 6 เม.ย. ว่า ขณะนี้ เกรงว่า นายเอเดรียน เชสเตอร์ ชายชาวอังกฤษ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นหัวหน้างานที่บริษัทน้ำมัน เชลล์ และลูกชาย นาเธน เชสเตอร์ วัย 14 ปี รวมทั้งสาวชาวฝรั่งเศส อาจเสียชีวิตแล้ว หลังจากนักดำน้ำกลุ่มนี้โดนกัปตันเรือ ‘ทิ้ง’ ใกล้เกาะเมอร์ซิง

เดอะซัน รายงานว่า นายเอเดรียน เชสเตอร์ และบุตรชาย อยู่ในกลุ่มนักดำน้ำ 4 คน ซึ่งอีกสองคนคือ อเล็กเซีย อเล็กซานดรา โมลินา หญิงสาวชาวฝรั่งเศส วัย 18 ปี และ คริสติน โกรเดม ครูสอนดำน้ำหญิง ชาวนอร์เวย์ อายุ 35 ปี ซึ่งได้พากันไปดำน้ำใกล้เกาะเมอร์ซิง ก่อนต่อมา กัปตันเรือได้ขับเรือกลับมายังท่าเรือ โดยไม่มีกลุ่มนักดำน้ำกลับมาด้วย และอ้างว่านักดำน้ำ 4 คนได้สูญหายในทะเล จนทำให้ทางการมาเลเซียปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่

ในขณะที่คริสติน โกรเดม ครูสอนดำน้ำหญิงชาวนอร์เวย์ เป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ หลังได้รับความช่วยเหลือจากเรือลากจูงลำหนึ่งเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ขณะที่เธออยู่กลางทะเล ห่างจากบริเวณที่ถูกคนขับเรือทิ้งประมาณ 30 ไมล์ทะเล

ส่วนคนขับเรือลำนี้ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ และจากการตรวจปัสสาวะ พบว่าคนขับเรือเสพยาบ้าขณะขับเรือพากลุ่มนักดำน้ำออกไปดำน้ำกลางทะเล โดยจากการเปิดเผยของคนขับเรือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า กลุ่มนักดำน้ำทั้ง 4 คนไม่กลับมายังเรือ หลังจากลงไปเรียนดำน้ำประมาณ 40 นาที จึงทำให้ตัดสินใจขับเรือกลับมายังท่าเรือ

ด้านผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองเมอร์ซิง เปิดเผยว่า กลุ่มนักดำน้ำเมื่อขึ้นมาจากใต้ทะเลมายังเหนือผิวน้ำแล้ว ปรากฎว่า พวกเขาไม่เห็นเรือ และต้องเผชิญกับคลื่นแรงที่พัดพาให้ลอยไป ถึงแม้ครูสอนดำน้ำพยายามจะทำให้พวกเขาอยู่รวมกัน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเชื่อว่า จะพบนักดำน้ำทั้งสามคนอย่างปลอดภัย เนื่องจากมีประสบการณ์ในการดำน้ำมาก่อน.

นานาชาติตะเพิดรัสเซียพ้นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็น

8 เม.ย. 65:บีบีซีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์สงครามในยูเครนว่า นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่าการทำลายล้างในเมืองโบโรเดียนกา เมืองรอบนอกกรุงเคียฟ สยดสยองกว่าเหตุสังหารหมู่ในเมืองบูชาซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกัน โดยเจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิต 26 รายออกจากใต้ซากอพาร์ตเมนต์ 2 แห่งที่ถูกกองกำลังรัสเซียยิงถล่มในช่วงรุกคืบพยายามโจมตีกรุงเคียฟก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะเจอเหยื่อจากการรุกรานของรัสเซียเพิ่มขึ้น

น.ส.อิรีนา เวเนดิกโตวา อัยการสูงสุดยูเครน กล่าวหาว่ารัสเซียจงใจโจมตีย่านชุมชนที่พลเรือนอาศัยอยู่ เนื่องจากไม่มีพื้นที่ทางทหารในบริเวณนี้ กองกำลังรัสเซียระดมยิงโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่อาศัยในช่วงกลางคืนต่อเนื่องหลายคืน และว่ามีหลักฐานกองกำลังรัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามในทุกโอกาส

ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ชื่นชมมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) หลังลงมติเห็นชอบให้ขับรัสเซียออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) ชั่วคราว เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงครามในเหตุฆ่าหมู่พลเรือนในเมืองบูชา มติดังกล่าวเป็นครั้งที่ 3 ของยูเอ็นจีเอที่ประณามรัสเซียต่อการรุกรานยูเครน โดยมี 93 ประเทศออกเสียงสนับสนุน 24 ประเทศคัดค้าน อีก 58 ประเทศงดออกเสียง รวมถึงอินเดียและไทย

“มตินี้เป็นก้าวที่สำคัญของประชาคมระหว่างประเทศที่ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าสงครามของนายปูตินทำให้รัสเซียไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ” นายไบเดนกล่าวย้ำ และว่าสหรัฐดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อขับรัสเซียหลังพบว่ารัสเซียกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบและมหาศาล หลายภาพที่เห็นจากเมืองบูชาและพื้นที่อื่นๆ ในยูเครนนั้นน่าสยดสยอง

นายไบเดนกล่าวอีกว่า หลายสัญญาณชี้ว่ามีเหยื่อถูกข่มขืน ทรมาน สังหาร และในบางกรณีศพถูกหมิ่นเกียรตินั้นล้วนก่อให้เกิดความโกรธอย่างรุนแรงร่วมกันของมนุษยชาติ ตลอดจนคำโกหกของรัสเซียที่ฟังไม่ขึ้นเพราะมีหลักฐานที่ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

ด้านกระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุว่า กองกำลังรัสเซียถอนกำลังออกจากภาคเหนือของยูเครนหมดแล้ว โดยบางกองกำลังถูกโอนย้ายไปทางตะวันออกเพื่อรบในสมรภูมิดอนบาส แต่หลายกองกำลังจะต้องเติมกำลังคนก่อนไปประจำการ และเสริมว่าการระดมยิงของรัสเซียทางตะวันออกของยูเครนและทางใต้ยังดำเนินต่อไปและกองกำลังรัสเซียรุกคืบทางใต้จากเมืองอิซยัม เมืองยุทธศาสตร์สำคัญ