ข่าว
พลทหารแหล่งข่าว “วิกิลีกส์” ออกจากคุกแล้ว หลังได้รับการลดโทษช่วง “โอบามา”

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน เชลซี แมนนิง พลทหารอเมริกันที่ถูกจับข้อหาเผยความลับทางการทหารและการทูต ที่ถูกนำออกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์วิกิลีกส์ ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้วเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากถูกจำคุกอยู่ในคุกทหารเป็นเวลา 7 ปี

ทั้งนี้ พลทหารแมนนิง ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่า แบรดลีย์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอบอยู่ในอิรัก ถูกจับเมื่อเดือนกรกฎาคม 2553 ข้อหาเผยแพร่ข้อมูลลับทางทหารและทางการทูตของสหรัฐกว่า 700,000 ชิ้นแล้วนำออกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์วิกิลีกส์ และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 35 ปี แต่ได้รับการลดโทษทำให้ได้ออกจากคุกก่อนเวลาที่กำหนด

ข่าวระบุว่า ปีที่แล้วแมนนิงพยายามที่จะฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง จนทำให้คนใกล้ชิดเกรงว่า แมนนิงอาจจะอยู่ไม่ครบกำหนดเวลาโทษจำคุก และสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระในฐานะผู้หญิงข้ามเพศได้

ข่าวระบุว่า แมนนิง พลทหารที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ปัจจุบันอายุ 29 ปี ได้เดินออกจากเรือนจำที่มีมาตรการการคุ้มกันที่เข้มงวดมากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่เมืองแคนซัส อันเป็นผลมาจากการประกาศลดโทษของนายบารัค โอบามา ก่อนที่จะออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐไป

วัฒนา โพสต์ ‘รัฐบาลไม่แถลงผลงาน ผมแถลงแทน’ ซัด ศก.-ลงทุน-เก็บภาษี วูบ

วันที่ 18 พ.ค. นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็น กรณีรัฐบาลไม่แถลงผลงานรัฐบาล ว่า “รัฐบาลไม่แถลง ผมแถลงแทน” มีรายละเอียดระบุว่า

นายกรัฐมนตรีอ้างเหตุรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีผลงาน จึงเลื่อนการแถลงโดยจะไปชี้แจงในเดือนกันยายน ทั้งที่รัฐบาลบริหารประเทศด้วยเงินภาษีของประชาชนแต่กลับไม่ยอมถูกวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจนเป็นพฤติกรรมสะสม เช่น การเลื่อนโรดแมป เป็นต้น

นายวัฒนาระบุว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าทุกวันนี้ทำงาน 200% สะท้อนความจริงว่าความขยันต้องมาพร้อมกับสติปัญญา หาไม่แล้วจะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง สถิติที่โพสต์มาคือหลักฐานซึ่งตรงกับคำกล่าวที่ว่า “ตารางอันดับฟุตบอลและตัวเลขทางเศรษฐกิจไม่เคยโกหก” สถิติตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาแสดงให้เห็นว่า (1) จำนวนการจัดเก็บภาษีลดลง (2) อัตราการเติบโตของการจัดเก็บภาษีลดลง (3) อัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่แสดงกำลังซื้อของประชาชนลดลง (4) อัตราการขยายตัวมูลค่าการส่งออกหยุดชะงัก (5) มูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่แสดงถึงการลงทุนใหม่ตกต่ำอย่างน่าใจหาย แปลว่านักลงทุนไม่มั่นใจจึงไม่มีการลงทุน ส่งผลให้ (6) การจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าประมาณการ และ (7) เงินคงคลังลดลงซึ่งคงไม่ต้องอธิบาย

นายวัฒนา ระบุอีกว่า ส่วนสถิติด้านบวกของรัฐบาล ประกอบด้วย (1) งบประมาณและการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงขึ้น (2) งบประมาณของกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางกับเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทั้งหมดคือผลงานสามปีเริ่มต้นจากประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาเป่านกหวีดเรียกร้องให้ทหารออกมายึดอำนาจ จากนั้นเศรษฐกิจก็ตกต่ำแย่ลงทุกด้าน งบประมาณที่ควรถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความเข้มแข็งเพิ่มขีดความสามารถในการเสียภาษีให้กับประชาชน กลับถูกทุ่มเทให้กับทหารที่ยึดอำนาจจนทำให้บ้านเมืองเสียหายอย่างยับเยิน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับพรรคพวกตัวเองมากกว่าประชาชน ความทุกข์ยากจึงเกิดขึ้นกับคนทุกกลุ่มรวมถึงบรรดาดารานักแสดงที่เชียร์เผด็จการก็ได้รับผลกรรมด้วยเช่นกัน ปรากฏตามผลประกอบการของทีวีช่องหนึ่งที่รายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากนี้ไปรัฐบาลมีเวลาอีก 4 เดือนหาข้อแก้ตัวหรือโทษรัฐบาลก่อนตามถนัด คนช่วยคิดคงมีเยอะเพราะฝนฟ้าเริ่มมาแล้ว


“วิษณุ” ขอบคุณเช็ก ไม่แสดงท่าทีเชิงลบต่อการเมืองไทย

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาเร็ก ลิบชีตซกี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

โดยนายวิษณุกล่าวว่า ขอขอบคุณสาธารณรัฐเช็กที่ไม่ได้แสดงท่าทีเชิงลบต่อสถานการณ์การเมืองไทย โดยได้แสดงความเข้าใจและยังมีปฏิสัมพันธ์กับไทยมาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้รัฐบาลกำลังปฏิรูปด้านต่างๆ และยังคงเดินหน้าตามโรดแมปเพื่อนำประเทศไทยไปสู่ประเทศที่มีประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน

ด้านนายมาเร็กกล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองนั้นเราเข้าใจและทราบดีว่าแต่ละประเทศมีบริบทและสถานการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน พร้อมขอให้รัฐบาลไทยประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศและนำพาประเทศไปสู่ประเทศที่มีประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน ส่วนด้านความร่วมมือทางด้านการลงทุนและการท่องเที่ยวสาธารณรัฐเช็กให้ความสำคัญกับการค้าและการลงทุนกับไทย โดยได้พยายามสร้างการรับรู้ให้กับนักลงทุนของสาธารณรัฐเช็กเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนในไทยและพยายามผลักดันให้นักลงทุนของสาธารณรัฐเช็กเข้ามาลงทุนในโครงการต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ การลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และการระบบขนส่งมวลชนในจ.ภูเก็ตและเชียงใหม่ เป็นต้น และสนับสนุนให้ไทยและสาธารณรัฐเช็กเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกันเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศมากขึ้น


สถาบันพรรครีพับลิกันสากลพบ ‘พิชัย’ ปรึกษาแนวทางกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย

นายแมททิว เจ. เฮย์ ผู้อำนวยการ อินเตอร์เนชั่นแนล รีพับริกัน อินสติติวท์ (สถาบันพรรครีพับลีกันสากล สหรัฐอเมริกา) ได้เข้าพบนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขอแนวทางกำหนดการเลือกตั้งของไทย และความร่วมมือกับสถาบันในการส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศไทย อีกทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านเทคโนโลยีการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น โดยมี นายพชร นริพทะพันธุ์ร่วมด้วย ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล

โดยนายพิชัย กล่าวว่า นายแมททิว เจ. เฮย์ หวังว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นจริงในปีหน้า และหวังว่าสถาบันพรรครีพับลิกันสากลนี้จะช่วยส่งเสริมให้ประชาธิปไตยของไทยกลับมาโดยเร็ว และความร่วมมือในการพัฒนาพรรคการเมืองของไทยร่วมกันในอนาคต โดยจะจัดสัมมนาเพื่อพัฒนาบุคคลากรทางการเมืองของไทย ทั้งนี้ ยังได้แสดงความเป็นห่วงการพัฒนานักการเมืองไทยรุ่นใหม่ในระบอบประชาธิปไตย หลังจากที่นักการเมืองไทยถูกใส่ร้ายสร้างภาพให้ดูแย่ จะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยในอนาคต

ทั้งนี้ นายพิชัย เผยกับผู้มาเข้าพบด้วยว่าเชื่อว่าทั้งเศรษฐกิจและการเมืองจะดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง


การเมืองมะกันทำป่วน ตลาดหุ้น-ค่าเงินยูเอสร่วงหนัก รบ.แก้เกมส์ตั้งอดีตผอ.เอฟบีไอดูคดีรัสเซียป่วนเลือกตั้ง

สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐจากการบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและกฎระเบียบต่างๆ จนทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตกลงมาอยู่ที่ระดับเดียวก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ตลาดหุ้นหลักทั้งสามตลาดในสหรัฐร่วงลงมากกว่า 1.7% โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์เอสแอลพี500 ร่วงลง 1.8% มาอยู่ที่ 2,357 จุด ดาวโจนส์ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 20,609 จุด ขณะที่ดัชนีตลาดแนสแดกร่วงลงถึง 2.6% มาปิดที่ 6,011 จุด

ทั้งนี้นโยบายกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์ได้ทำให้ตลาดหุ้นของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ทางการเมืองและความวุ่นวายหลังการปลดนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอของสหรัฐ รวมถึงความสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลในการผลักดันนโยบายหลักต่างๆ ผ่านรัฐสภายิ่งสร้างความหวั่นวิตกให้กับตลาด

ขณะที่รัฐบาลประกาศแต่งตั้งนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ เป็นที่ปรึกษาพิเศษดูแลการสอบสวนตามข้อกล่าวหาว่ารัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ผ่านมา ซึ่งการแต่งตั้งดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับในทางบวกจากนักการเมืองทุกฝ่าย


ยูโรโพลเผยยังสรุปไม่ได้ใครแพร่ไวรัสเรียกค่าไถ่”วอนนาคราย” ชี้ยิ่งโลกเชื่อมโยงยิ่งเปราะบาง

หลังมีข่าวบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนืออาจอยู่เบื้องหลังจากโจมตีทางโลกไซเบอร์ครั้งใหญ่ของไวรัสเรียกค่าไถ่”วอนนาคราย” สำนักงานตำรวจยุโรปหรือยูโรโพล ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าใครอยู่เบื้องหลังการแพร่ระบาดของไวรัสเรียกค่าไถ่ที่สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ไปทั่วโลกในขณะนี้ อย่างไรก็ดียูโรโพลระบุว่ายังคงเปิดกว้างในการสอบสวนทุกความเป็นไปได้ แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปอะไรได้

อย่างไรก็ดียังถือว่ามีพัฒนาการในแง่บวกเมื่อยูโรโพลเผยว่าสัญญานของการโจมตีค่อยๆ ลดลง จากตัวเลขขณะนี้มีคอมพิวเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ 163,745 เครื่อง ลดลงจากก่อนหน้านี้ถึง 38 เปอร์เซนต์จาก 226,000 เครื่องที่ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้จ่ายค่าไถ่ไปแล้วราว 243 ราย คิดเป็นเงินราว 63,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,174,760 บาท

ด้านนายร็อบ เบอร์โธลี หัวหน้าหน่วยสืบไซเบอร์ของเนเธอร์แลนด์ก็ปฏิเสธที่จะระบุตัวของผู้ก่อเหตุโจมตีเช่นกัน แม้จะมีการกล่าวหาว่าเกาหลีเหนือน่าจะอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าทุกๆ รัฐก็มีผู้ที่สามารถกลายเป็นผู้เล่นในโลกไซเบอร์ได้ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน อิหร่าน หรือเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดีเนื่องจากโลกในปัจจุบันที่มีการเชื่อมโยงกันสูงก็ยิ่งทำให้เพิ่มความเปราะบางต่อการถูกบ่อนทำลายบนโลกไซเบอร์ได้มากกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการ


พบหลักฐานชี้โสมแดงอาจอยู่เบื้องหลัง ‘วอนนาคราย’

สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า นักวิจัยด้านความมั่นคงระบบคอมพิวเตอร์ระบุว่าพบสัญญาณความเป็นไปได้ถึงความเชื่อมโยงของเกาหลีเหนือกับการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

หลังช่วงเวลาหลายวันของการโจมตีที่แพร่ระบาดไปยังเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการสหรัฐอเมริการายหนึ่งระบุว่า จำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับผลกระทบพุ่งทะลุเกิน 300,000 เครื่องแล้ว ทว่าอัตราการแพร่กระจายชะลอตัวลงและในสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญญาณบ่งชี้เป็นครั้งแรกถึงที่มาของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ หรือโปรแกรมประสงค์ร้าย (มัลแวร์) ชนิดหนึ่งสำหรับการเรียกค่าไถ่ “วอนนาคราย” ตัวนี้ นายนีล เมห์ตา นักวิจัยระบบคอมพิวเตอร์ของกูเกิล โพสต์เผยแพร่โค้ดหรือรหัสคำสั่งคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างมัลแวร์วอนนาครายกับความพยายามเจาะระบบหรือแฮกข้อมูลคอมพิวเตอร์หลายครั้งของเกาหลีเหนือ ทำให้มีผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งสรุปในทันทีแม้ว่าข้อมูลจะยังไม่ชัดเจนนักว่า เกาหลีเหนืออาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้

ทีมนักวิจัยของบริษัทด้านความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์สัญชาติรัสเซีย แคสเปอร์สกี้แลป ระบุว่า “เราเชื่อว่านี่เป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้” แต่เสริมด้วยว่า ยังต้องมีการค้นคว้าวิจัยเพื่อหาข้อมูลมากกว่านี้

แฮกเกอร์ขโมยหนังดิสนีย์ที่ยังไม่ออกฉายเรียกค่าไถ่ สื่อคาดเป็นไพเรตส์ภาค5

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างสื่อของสหรัฐอเมริกาหลายแห่งระบุว่า นายบ็อบ ไอเกอร์ ประธานบริหารของดิสนีย์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมว่า มีกลุ่มนักเจาะระบบหรือแฮกเกอร์ที่อ้างว่าสามารถเข้าถึงภาพยนตร์เรื่องใหม่ของดิสนีย์ที่ยังไม่ออกฉายได้สำเร็จและเรียกร้องเงินค่าไถ่จำนวนมหาศาล

ฮอลลีวูดรีพอร์ทเตอร์รายงานว่า นายไอเกอร์ไม่ได้เปิดเผยว่าภาพยนตร์ที่ถูกขโมยไปคือเรื่องอะไร แต่กล่าวระหว่างการพบปะกับพนักงานของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์เอบีซีที่ทางดิสนีย์เป็นเจ้าของว่า ทางบริษัทจะไม่ยินยอมตามความพยายามในการข่มขู่แบล็กเมล์ครั้งนี้

ฮอลลีวูดรีพอร์ทเตอร์ยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อหลายรายว่า ดิสนีย์กำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐบาลกลางในการสืบสวนและเฝ้าจับตาการรั่วไหลออกมาทางออนไลน์

เดดไลน์ เว็บไซต์ด้านภาพยนตร์ระบุว่า ภาพยนตร์เรื่องที่ถูกขโมยไปคือ “ไพเรตส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน: เดด เมน เทล โน เทลส์” ที่มีกำหนดออกฉายในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ โดยไม่ได้อ้างแหล่งข่าวแต่อย่างใด ขณะที่นักเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์บางส่วนคาดว่า ภาพยนตร์ที่ถูกขโมยไปน่าจะเป็นเรื่อง “คาร์ส 3” ของพิกซาร์ ที่มีกำหนดออกฉายในเดือนหน้า

ข่าวระบุว่า แม้ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องคาดว่าจะทำรายได้ดีให้กับทางดิสนีย์ แต่กำไรจากเรื่องดังกล่าวน่าจะน้อยกว่า “สตาร์วอร์ส: เดอะ ลาสต์ เจได” หนังอีกเรื่องของดิสนีย์ที่จะออกฉายในวันที่ 15 ธันวาคม มาก