ข่าว
พันธมิตรของทรัมป์จะควบคุม TikTok ภายใต้ข้อตกลงฉบับใหม่กับสหรัฐฯ

26 กันยายน 2568 : โดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดข้อตกลงสำหรับ TikTok เวอร์ชันสหรัฐฯ ที่จะให้พันธมิตรของประธานาธิบดีสามารถควบคุมแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ โลโก้ TikTok บริการโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีนบนหน้าจอสมาร์ทโฟน (ซ้าย) และภาพประกอบธงชาติสหรัฐฯ และจีน (Photo by Kirill KUDRYAVTSEV / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดข้อตกลงสำหรับ TikTok (ติ๊กต็อก) เวอร์ชันสหรัฐฯ

ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนการถือครอง TikTok ของชาวจีนลดลงเหลือ 20% ในสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลปักกิ่งได้ย้ำถึงข้อเรียกร้องให้มีการปฏิบัติอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมในประเด็นนี้

แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมระดับโลกระบุว่า มีผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกามากกว่า 170 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก

แต่ความกังวลด้านความมั่นคงของชาติทำให้รัฐบาลวอชิงตันพยายามแย่งชิงการดำเนินงานของ TikTok ในสหรัฐฯ จากมือของ ByteDance บริษัทแม่จากจีน

ในพิธีลงนามที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์กล่าวว่าแอปพลิเคชันเวอร์ชันสหรัฐฯ จะดำเนินการโดยนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญสูงซึ่งเป็นพันธมิตรทั้งหมดของเขา พร้อมกับยืนยันว่าแอปจะไม่ทำตามแนวทางการเมืองใดๆ

นักลงทุนจะประกอบด้วย แลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้ง Oracle (ออราเคิล) ยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์, ไมเคิล เดลล์ นักลงทุนด้านเทคโนโลยี และรูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อ

ทรัมป์ระบุในคำสั่งว่า "การขายกิจการที่เสนอนี้จะช่วยให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่เพลิดเพลินกับ TikTok ทุกวันสามารถใช้งานต่อไปได้ พร้อมกับปกป้องความมั่นคงของชาติ"

"ถ้าผมสามารถทำให้มันกลายเป็น MAGA (Make America Great Again) ได้ 100% ผมก็จะทำ แต่น่าเสียดายที่มันจะไม่เป็นแบบนั้น ซึ่งทุกกลุ่ม, ทุกปรัชญา, ทุกนโยบาย จะได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

บริษัท Silver Lake Management และ Andreessen Horowitz ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอนแวลลีย์ ก็เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้เช่นกัน

ประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่า TikTok เวอร์ชันสหรัฐอเมริกาจะใช้อัลกอริทึมที่พัฒนาเอง โดยอัลกอริทึมที่ได้รับความนิยมและถูกเรียกว่า "สูตรลับ" ของ TikTok นั้นช่วยให้แอปเติบโตเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของโลกภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า อัลกอริทึมดังกล่าวจะถูกเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกครอบงำอย่างไม่เหมาะสม

TikTok โฉมใหม่นี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้กฎหมายที่ผ่านภายใต้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนซึ่งบังคับให้ ByteDance ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ มิฉะนั้นจะถูกสั่งห้ามในตลาดอเมริกา

ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ รวมถึงทรัมป์ในสมัยประธานาธิบดีรอบแรก ได้เตือนว่าจีนอาจใช้ TikTok เพื่อขโมยข้อมูลจากชาวอเมริกัน หรือใช้อิทธิพลผ่านอัลกอริทึม

ทรัมป์ได้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไปหลายครั้งผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับ โดยล่าสุดก่อนหน้านี้ได้ขยายกำหนดเวลาออกไปจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2025

แต่คำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดีได้ขยายกำหนดเวลาออกไปอีก โดยให้เวลาการบังคับใช้กฎหมาย 120 วันเพื่อให้ธุรกรรมเสร็จสิ้นภายในวันที่ 23 มกราคม 2026

รองประธาน เจ.ดี. แวนซ์ อดีตนักลงทุนร่วมทุนที่นำทีมค้นหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับ TikTok กล่าวว่า บริษัทในสหรัฐฯ แห่งนี้จะมีมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์

แต่เขาเสริมว่าสุดท้ายแล้ว นักลงทุนจะเป็นผู้กำหนดราคาเอง

เมื่อถูกถามว่าทางการจีนได้ลงนามในข้อตกลงนี้หรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้อนุมัติข้อตกลงนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

"ผมเคารพประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเป็นอย่างยิ่ง และผมซาบซึ้งอย่างยิ่งที่ท่านอนุมัติข้อตกลงนี้ เพราะเราต้องการการสนับสนุนจากจีนอย่างแท้จริงเพื่อให้ข้อตกลงนี้สำเร็จลุล่วง" ผู้นำสหรัฐกล่าว

สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนระบุว่า หลังการต่อสายสนทนาโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และสีจิ้นผิง ผู้นำจีนได้ย้ำกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจีนสนับสนุนการเจรจาที่อิงตลาดและสอดคล้องกับกฎหมายจีน

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนย้ำถึงความรู้สึกดังกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน

"เราหวังว่าสหรัฐฯ จะมอบสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปิดกว้าง, ยุติธรรม และไม่เลือกปฏิบัติสำหรับบริษัทจีนที่ลงทุนในสหรัฐฯ" เขากล่าว

ขณะที่ TikTok ยังไม่ได้ตอบสนองใดๆต่อกระแสและความเคลื่อนไหวเหล่านี้.

เปิดแล้ว SX2025 มหกรรมยั่งยืนใหญ่ที่สุดในอาเซียน 10 วัน 10 โซน...

เปิดแล้ว SX2025 มหกรรมยั่งยืนใหญ่ที่สุดในอาเซียน 10 วัน 10 โซน ชวนทุกไขรหัสสู่คำตอบการปรับตัวและร่วมมือ เพื่อเปลี่ยนโลกให้ยั่งยืน ด้านมูลนิธิชัยพัฒนา ย้ำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เครื่องมือหลักคิดสากล สร้างภูมิคุ้มกันพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 ก.ย. หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปิดเผยภายในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ซึ่งเป็นงานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 ก.ย. – 5 ต.ค. 68 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า วิกฤติโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประชากร โลกต้องยอมรับปรับตัว เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนา SDGs ไทยบรรลุเป้าหมายหลายอย่าง เข้าถึงการรักษา พลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทางนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ระบุว่า การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ เน้นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนายั่งยืน เป็นการดำรงตน ตามแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงมอบไว้ให้แก่คนไทย วางพื้นฐานไว้ 50 ปีที่แล้ว แต่ยังคงทันสมัย ไม่ใช่เฉพาะไทย ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ สอดคล้องกับ SDGs เน้นให้โลกเดินสู่ความยั่งยืน ได้รับการผลักดันในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มนุษย์หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ภัยพิบัติโลกร้อน การสู้รบ สงคราม รวมถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศ และผู้คนในโลก.

“เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือสอดคล้องกัน กันกับหลักความคิดต่อสากล ที่มุ่งการพัฒนา การพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นองค์ประกอบด้วย หลักภูมิคุ้มกัน ตลอดเวลา ต้องอาศัยเครื่องมือในการป้องกันรับมือกับความเสี่ยง และเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การพัฒนาที่ยั่งยืน ควรใช้ทรัพยากร ไม่ให้ทำอะไรเกินตัวความมีเหตุผลรอบด้าน พิจารณาหลักการให้สอดคล้องกันอย่างมีเหตุผล เริ่มต้นจากระเบิดจากข้างใน ท้องถิ่น มิติวัฒนธรรม เชื่อมโยงท้องถิ่นกับการพัฒนาเป็นสำคัญ ยึดหลักภูมิสังคมตามแนวทางในหลวง รัชกาลที่ 9 พัฒนาพื้นที่ต้องพิจารณามิติทางสังคม ด้านความรู้คู่คุณธรรม บรรลุเป้าหมาย SDGs ต้องคำนึงการส่งผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ทุจริต คอร์รัปชัน เราควรใช้สถานการณ์ เตือนใจ หันมาเอาใจใส่สังคมและสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ต่อเมื่อประชาชนมีสุขภาพอนามัยที่ดี มีความสุข อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี”...

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานอำนวยการจัดงาน SX2025 และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับงานด้านความยั่งยืนของภูมิภาค โดยน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่าจะ “สืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” พร้อมทั้งยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 มาผสานกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) เพื่อเป็นแนวทางหลักในการจัดงานครั้งนี้...

SX2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมนวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนหลากหลายมิติ ตั้งแต่สุขภาพ อาหาร การอยู่อาศัย ไปจนถึงการสร้างชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่แข็งแรง โดยมีทั้งกิจกรรมเวิร์กช็อป นิทรรศการ และเวทีเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 750 คนจากทั่วโลก และความร่วมมือจากองค์กรชั้นนำกว่า 270 แห่ง เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ตรงและแนวทางสู่การเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ โดยในปี 2567 งาน SX มีผู้เข้าชมกว่า 770,000 คน และปีนี้คาดว่าจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ต้องขอขอบคุณผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founders) งาน Sustainability Expo ประกอบด้วย บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด , บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด , บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) , เอสซีจี , บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รวมถึงเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทยหรือ TSCN และผู้สนับสนุนการจัดงานจากทุกภาคส่วนทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืน ผ่านพลังความร่วมมือที่จะช่วยให้ทุกภาคส่วนได้เรียนรู้เกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายในโลกยุคปัจจุบัน พร้อมปรับตัวและเติบโตในมิติต่าง ๆ ผ่านการลงมือทำจริง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับโลกใบนี้ให้มีความน่าอยู่อย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่กับการบรรลุ Net Zero ภายในปี 2593 โดยใช้แนวคิด “ความยั่งยืนอย่างสมดุล” และพร้อมสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของผู้คน...

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด กล่าวว่า ความยั่งยืนไม่ใช่ปลายทาง แต่เป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง โดยภาคอสังหาริมทรัพย์มีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นที่ที่เอื้อต่อทั้งชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง SX2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อการพัฒนาร่วมกัน

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า สถานการณ์โลกร้อนคือความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง เอสซีจีจึงขับเคลื่อนผ่านนวัตกรรมสีเขียวเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ขณะที่คุณธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ไทยยูเนี่ยนดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange®2030 มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อผลลัพธ์เชิงบวกต่ออุตสาหกรรมอาหารทะเลและผู้บริโภคทั่วโลก...

ตลอดระยะเวลา 10 วัน ของการจัดงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ผู้เข้าร่วมงานจะได้ร่วมกิจกรรมที่น่าสนใจและได้รับความรู้เพื่อการปรับตัวอย่างง่ายดายสำหรับการอยู่รอดในยุคการเปลี่ยนแปลงของโลก ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละโซนหลัก ดังนี้

* โซน SEP INSPIRATION (ชั้น G): นำเสนอเรื่องราวความสำเร็จด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กรชั้นนำที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ พร้อมเน้นย้ำแนวคิด “การปรับตัวอย่างยั่งยืน เริ่มต้นได้จากตัวเรา” และมีการแบ่งปันเรื่องราวเพื่อความยั่งยืนของโลกจากองค์กรต่างประเทศ

* โซน BETTER ME (ชั้น G): มุ่งเน้นการปรับตัวในมิติสุขภาพและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข เพื่อรองรับช่วงอายุที่ยืนยาว โดยจะมีการนำเสนอความก้าวหน้าทางการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ตลอดจนการเรียนรู้ทุกช่วงวัยเพื่อก้าวไปสู่การสูงวัยอย่างมีความสุข

* โซน BETTER LIVING (ชั้น G): เชิญชวนทุกคน “ตื่นรู้และปรับตัว” เพื่อเรียนรู้วิธีการรับมือและปรับตัวจากทั้งภาครัฐและเอกชน ในการวางแผนล่วงหน้าและตั้งรับเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ...

* โซน BETTER COMMUNITY (ชั้น G): จัดแสดงแนวคิด “Community in Action” เมืองปรับตัวด้วยพลังชุมชน ที่จะชวนสำรวจบทบาทของจิตอาสา และมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อผลักดันและเติมเต็มสังคมที่ดี ผ่าน 3 พื้นที่ ได้แก่ Inspiring Showcase, Connect the Dots และ Gathering Space

* โซน BETTER WORLD (ชั้น G): ผู้เข้าร่วมงานจะได้เพลิดเพลินไปกับงานศิลปะที่ไม่ได้มีเพียงความสวยงาม แต่ยังเชิญชวนให้คิดและมองโลกในมุมมองใหม่ที่สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมและการแก้ไข

* SX FOOD FESTIVAL (ชั้น LG): เทศกาลอาหารขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่ชวนทุกคนมา “กินเพื่อรักษ์โลก” พบกับร้านอาหารเพื่อสุขภาพกว่า 100 ร้านค้า และเชฟชื่อดัง อาทิ มาสเตอร์เชฟ, ท็อปเชฟ, ไอรอนเชฟ และเฮลส์ คิทเช่น

* SX KIDS ZONE (ชั้น LG): เป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ สร้างสรรค์ และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ‘Adaptation’ ปรับ เปลี่ยน แปลง เพื่อโลกที่ดีขึ้น

* SX MARKETPLACE (ชั้น LG): ชวน ชอปเปลี่ยนโลก สู่ไลฟ์สไตล์ยั่งยืนกับสินค้า “ดีต่อโลก และดีต่อคุณ” และพบกับ Market Square ซึ่งเป็นสนามทดลองนวัตกรรมและสินค้าเพื่อการใช้ชีวิตยั่งยืน

* SX REPARTMENT STORE (ชั้น LG): พื้นที่สำหรับส่งต่อของที่ไม่ได้ใช้แล้ว หรือสิ่งของในบ้านที่นอกสายตาแต่ยังมีประโยชน์และสามารถใช้งานได้ ให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง

งานสัมมนา และเครือข่ายธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (B2B) (ชั้น G, ชั้น 1 และ ชั้น 2): ประกอบด้วยการเจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืน การจัดเวิร์คชอปด้านความยั่งยืน (SX IDEALAB) การบรรยายและการเสวนาจากผู้ลงมือทำจริงด้านความยั่งยืน (SX Talk Stage) และการแข่งขัน Enactus World Cup 2025 presented by ThaiBev ซึ่งมีผู้เข้าร่วมแข่งขันจาก 32 ประเทศทั่วโลก...


เซเลนสกีวอนโลกร่วมมือ “หยุดยั้งรัสเซีย” เตือนปูตินจ่อขยายสมรภูมิรบนอกยูเครน...

– รอยเตอร์ รายงานวันที่ 25 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เรียกร้องให้มหาอำนาจโลกร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งการทำสงครามของรัสเซีย โดยกล่าวหา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ว่าพยายามขยายการสู้รบออกไปนอกยูเครน

นายเซเลนสกีกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ตามเวลาท้องถิ่นว่า สงครามครั้งนี้ก่อให้เกิดการแข่งขันด้านอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และยูเครนกำลังเปิดกว้างการส่งออกอาวุธให้แก่พันธมิตร...

“ข้อเท็จจริงนั้นเรียบง่าย การหยุดสงครามนี้ถูกกว่าการสร้างโรงเรียนอนุบาลใต้ดินหรือบังเกอร์ขนาดใหญ่สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในภายหลัง” ผู้นำยูเครนกล่าว

พร้อมชี้ให้เห็นถึงการละเมิดน่านฟ้าโดยโดรนและเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียในโปแลนด์ รวมถึงเอสโตเนียซึ่งทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ถือเป็นหลักฐานว่านายปูตินกำลังทดสอบขอบเขตใหม่ของสงครามในยูเครน

“ตอนนี้โดรนของรัสเซียกำลังบินข้ามยุโรปแล้วและปฏิบัติการของรัสเซียก็กำลังแพร่กระจายไปทั่วในหลายประเทศ ปูตินต้องการสานต่อสงครามด้วยการขยายขอบเขตและไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยในขณะนี้” นายเซเลนสกีย้ำ

ก่อนเสริมว่ายูเครนได้ตัดสินใจที่จะเริ่มส่งออกอาวุธไปยังประเทศพันธมิตร “คุณไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นการแข่งขันนี้ใหม่ทั้งหมด เราพร้อมที่จะแบ่งปันสิ่งที่พิสูจน์ตัวเองแล้ว เราพร้อมที่จะทำให้อาวุธสมัยใหม่ของเรากลายเป็นความมั่นคงสมัยใหม่ของคุณ เราได้ตัดสินใจที่จะเปิดกว้างในการส่งออกอาวุธ และนี่คือระบบอันทรงพลังที่ได้รับการทดสอบในสงครามจริง เมื่อทุกสถาบันระหว่างประเทศล้มเหลว” นายเซเลนสกีกล่าว

วันเดียวกัน สำนักข่าวทาสส์ของรัฐบาลรัสเซียรายงานว่า ไม่มีความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือหรือเรือในเมืองโนโวรอสซีสก์ ทางตอนใต้ของประเทศ หลังเกิดเหตุโดรนยูเครนโจมตี ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองโนโวรอสซีสก์ เมืองท่าเรือหลักของรัสเซียในทะเลดำ


พันธมิตรของทรัมป์จะควบคุม TikTok ภายใต้ข้อตกลงฉบับใหม่กับสหรัฐฯ

26 กันยายน 2568 : โดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดข้อตกลงสำหรับ TikTok เวอร์ชันสหรัฐฯ ที่จะให้พันธมิตรของประธานาธิบดีสามารถควบคุมแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ๅ

โลโก้ TikTok บริการโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีนบนหน้าจอสมาร์ทโฟน (ซ้าย) และภาพประกอบธงชาติสหรัฐฯ และจีน (Photo by Kirill KUDRYAVTSEV / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดข้อตกลงสำหรับ TikTok (ติ๊กต็อก) เวอร์ชันสหรัฐฯ

ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนการถือครอง TikTok ของชาวจีนลดลงเหลือ 20% ในสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลปักกิ่งได้ย้ำถึงข้อเรียกร้องให้มีการปฏิบัติอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมในประเด็นนี้

แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมระดับโลกระบุว่า มีผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกามากกว่า 170 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก

แต่ความกังวลด้านความมั่นคงของชาติทำให้รัฐบาลวอชิงตันพยายามแย่งชิงการดำเนินงานของ TikTok ในสหรัฐฯ จากมือของ ByteDance บริษัทแม่จากจีน

ในพิธีลงนามที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์กล่าวว่าแอปพลิเคชันเวอร์ชันสหรัฐฯ จะดำเนินการโดยนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญสูงซึ่งเป็นพันธมิตรทั้งหมดของเขา พร้อมกับยืนยันว่าแอปจะไม่ทำตามแนวทางการเมืองใดๆ

นักลงทุนจะประกอบด้วย แลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้ง Oracle (ออราเคิล) ยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์, ไมเคิล เดลล์ นักลงทุนด้านเทคโนโลยี และรูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อ

ทรัมป์ระบุในคำสั่งว่า "การขายกิจการที่เสนอนี้จะช่วยให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่เพลิดเพลินกับ TikTok ทุกวันสามารถใช้งานต่อไปได้ พร้อมกับปกป้องความมั่นคงของชาติ"

"ถ้าผมสามารถทำให้มันกลายเป็น MAGA (Make America Great Again) ได้ 100% ผมก็จะทำ แต่น่าเสียดายที่มันจะไม่เป็นแบบนั้น ซึ่งทุกกลุ่ม, ทุกปรัชญา, ทุกนโยบาย จะได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

บริษัท Silver Lake Management และ Andreessen Horowitz ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอนแวลลีย์ ก็เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้เช่นกัน

ประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่า TikTok เวอร์ชันสหรัฐอเมริกาจะใช้อัลกอริทึมที่พัฒนาเอง โดยอัลกอริทึมที่ได้รับความนิยมและถูกเรียกว่า "สูตรลับ" ของ TikTok นั้นช่วยให้แอปเติบโตเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของโลกภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า อัลกอริทึมดังกล่าวจะถูกเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกครอบงำอย่างไม่เหมาะสม

TikTok โฉมใหม่นี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้กฎหมายที่ผ่านภายใต้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนซึ่งบังคับให้ ByteDance ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ มิฉะนั้นจะถูกสั่งห้ามในตลาดอเมริกา

ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ รวมถึงทรัมป์ในสมัยประธานาธิบดีรอบแรก ได้เตือนว่าจีนอาจใช้ TikTok เพื่อขโมยข้อมูลจากชาวอเมริกัน หรือใช้อิทธิพลผ่านอัลกอริทึม

ทรัมป์ได้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไปหลายครั้งผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับ โดยล่าสุดก่อนหน้านี้ได้ขยายกำหนดเวลาออกไปจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2025

แต่คำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดีได้ขยายกำหนดเวลาออกไปอีก โดยให้เวลาการบังคับใช้กฎหมาย 120 วันเพื่อให้ธุรกรรมเสร็จสิ้นภายในวันที่ 23 มกราคม 2026

รองประธาน เจ.ดี. แวนซ์ อดีตนักลงทุนร่วมทุนที่นำทีมค้นหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับ TikTok กล่าวว่า บริษัทในสหรัฐฯ แห่งนี้จะมีมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์

แต่เขาเสริมว่าสุดท้ายแล้ว นักลงทุนจะเป็นผู้กำหนดราคาเอง

เมื่อถูกถามว่าทางการจีนได้ลงนามในข้อตกลงนี้หรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้อนุมัติข้อตกลงนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

"ผมเคารพประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเป็นอย่างยิ่ง และผมซาบซึ้งอย่างยิ่งที่ท่านอนุมัติข้อตกลงนี้ เพราะเราต้องการการสนับสนุนจากจีนอย่างแท้จริงเพื่อให้ข้อตกลงนี้สำเร็จลุล่วง" ผู้นำสหรัฐกล่าว

สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนระบุว่า หลังการต่อสายสนทนาโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และสีจิ้นผิง ผู้นำจีนได้ย้ำกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจีนสนับสนุนการเจรจาที่อิงตลาดและสอดคล้องกับกฎหมายจีน

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนย้ำถึงความรู้สึกดังกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน

"เราหวังว่าสหรัฐฯ จะมอบสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปิดกว้าง, ยุติธรรม และไม่เลือกปฏิบัติสำหรับบริษัทจีนที่ลงทุนในสหรัฐฯ" เขากล่าว

ขณะที่ TikTok ยังไม่ได้ตอบสนองใดๆต่อกระแสและความเคลื่อนไหวเหล่านี้.

"สตาร์บัคส์" ช็อกวงการ! ปรับโครงสร้าง 1 พันล้านดอลล์ สั่งปิด 500 สาขา เลิกจ้างพนักงาน 900 คน

เมื่อวันที่ 26 ก.ย.68 สตาร์บัคส์ (Starbucks) เครือข่ายร้านกาแฟชื่อดังระดับโลก ประกาศแผนปรับโครงสร้างวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการปิดสาขาบางแห่งในอเมริกาเหนือ และการเลิกจ้างพนักงานเพิ่มเติม ภายใต้แผน "Back to Starbucks" ของนายไบรอัน นิคโคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท

ทั้งนี้ ในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) สตาร์บัคส์ระบุว่า บริษัทจะปิดสาขาในอเมริกาเหนือราว 1% ในปีงบการเงิน 2025 ชณะที่นักวิเคราะห์จาก TD Cowen ประเมินว่าสตาร์บัคส์จะปิดสาขาราว 500 แห่ง

นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ระบุว่าจะเลิกจ้างพนักงานราว 900 คนในวันศุกร์นี้ บริษัทประเมินว่าราว 90% ของวงเงินในการปรับโครงสร้าง 1 พันล้านดอลลาร์จะมีการนำมาใช้จ่ายในอเมริกาเหนือ โดยรวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลิกจ้างพนักงาน 150 ล้านดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายจากการปิดสาขา 850 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในปีงบการเงิน 2025

อย่างไรก็ดี แม้มีการปิดสาขา แต่สตาร์บัคส์คาดว่าบริษัทจะมีจำนวนสาขาในอเมริกาเหนือเกือบ 18,300 แห่งในช่วงสิ้นปีงบการเงิน 2025 และบริษัทมีแผนจะกลับมาขยายสาขาอีกครั้งในปีงบการเงิน 2026

ครั้งนี้ถือเป็นการเลิกจ้างพนักงานเป็นครั้งที่สองของนายนิคโคล หลังจากที่มีการปลดพนักงาน 1,100 คนในช่วงต้นปีนี้