ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้เปิดทำการสาขาย่อยสีตบุตร ซึ่งเป็นสาขาในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นและเป็นครั้งแรกในระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยกับการเข้าไปเปิดสาขาในร้านสะดวกซื้อ โดยให้บริการเปิดบัญชี ฝากเงิน โอนเงินด่วนระหว่างประเทศ แลกเงินตราต่างประเทศ บริการสินเชื่อรายย่อย บริการบัตรเดบิต และบัตรเครดิต
ทั้งธนาคารมีแผนเปิดสาขาปีหน้า 20-30 สาขา ซึ่งจะเน้นเปิดที่กรุงเทพ และ ปริมณฑล โดยจะเปิดให้บริการเวลา 10.30 – 19.30 น. ให้บริการ 7 วัน ธนาคารได้ปรับกลยุทธ์ด้านช่องทางสาขา คือ ลดสาขาเหลือน้อยลงและหันไปเช่าพื้นที่ในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีต้นทุนประมาณ 5 ถึง 15 ล้านบาท
นายอดิสร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ระบุว่า ตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยปี 2560 เติบโตร้อยละ 13-15 จากปีนี้ที่เติบโตร้อยละ 10-15 โดยธนาคารเห็นสัญญาณความต้องการใช้สินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากช่วงปลายปีเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ธนาคารจะอัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน
ส่วนเงินฝากปีหน้าตั้งเป้าเติบโตร้อยละ 10-13 จากปีนี้ที่โตร้อยละ 7-8 โดยเป็นเงินฝากระยะสั้นมากกว่าระยะยาว ขณะเดียวกันจะดูแลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสินเชื่อรายย่อยให้ใกล้เคียงจากปีนี้ที่ร้อยละ 3
(16 ธ.ค.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตําแหน่ง และสมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตําแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
๑. ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
๒. ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี
นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง การต่างประเทศ
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
นายพิชิต อัคราทิตย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นางอรรชกา สีบุญเรือง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นายอุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นปีที่ ๑ ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 16 ธันวาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่1 เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ …) พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระที่ 2 และ 3
ทั้งนี้ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปราย โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้ ในมาตรา 11 วรรคสอง สมาชิกส่วนใหญ่ขอความชัดเจนของคำว่า “ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ” ว่ามีความหมายว่าอะไร และอะไรที่ทำให้เกิดความรำคาญ นอกจากนี้นายวัลลภ ตั้งคุณานุรักษ์ สมาชิกสนช. ได้สอบถามถึงเจตนารมณ์ของมาตราดังกล่าวว่า เป็นอย่างไร อีเมล์ขยะควรจะต้องขออนุญาตประชาชนก่อนส่งหรือไม่ ไม่ใช่ว่ากฎหมายนี้อนุญาตให้ส่งอีเมล์ขยะมาก่อน แล้วค่อยเปิดช่องให้ผู้รับสามารถยกเลิกได้โดยง่าย
ขณะที่ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ในฐานะประธานวิสามัญฯ ชี้แจงว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้รับปฏิเสธอีเมล์ขยะตั้งแต่ต้น เพราะคิดว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์สซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ส่งให้ผู้รับ เช่นเดียวกับนายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ กล่าวว่า ในประกาศกระทรวงที่กำลังจะออกจะระบุว่าเรื่องใดที่ทำได้และไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ
ส่วนมาตรา 12 สมาชิกส่วนใหญ่ อาทิ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ นายดนัย มีชูเวท นายสมชาย แสวงการ นายเจตน์ ศิรธรานนท์ และนายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ ขอความชัดเจนของคำว่า การกระทำต่อข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับ “การบริการสาธารณะ” ว่ามีความหมายอย่างไร รวมทั้งท้วงติงมาตรา 12 วรรคสี่ การทำให้ผู้อื่นตายแต่ไม่ได้เจตนา เป็นการบัญญัติซ้ำกับประมวลกฎหมายอาญาที่มีอยู่หรือไม่ ซึ่งพล.ต.อ.ชัชวาล ชี้แจงว่า การทำให้ผู้อื่นตายแต่ไม่ได้เจตนา ไม่มีการบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา ขณะเดียวกับกฎหมายอาญาบัญญัติในเรื่อง การทำร้ายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ไม่ได้ทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่เป็นการทำร้ายต่อระบบจนทำให้คนอื่นตาย ดังนั้น การบัญญัติว่า ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแต่มิได้มีเจตนา จึงไม่ซ้ำซ้อนกับประมวลกฎหมายอาญา
สุดท้ายที่ประชุมได้ลงมติเป็นรายมาตราในวาระ 2 และลงมติในวาระ 3 เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับ ด้วยคะแนน 168 ต่อ 0 งดออกเสียง 5 เสียง ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ความคืบหน้าเหตุอาคารไทยยานยนตร์ มิตซู เลขที่ 2225 สูง 8 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 87 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง อยู่ระหว่างการรื้อถอนเกิดถล่มลงมาเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายใน 2 ราย และยังค้นหาไม่พบอีก 2 ราย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ล่าสุดวันที่ 17 ธันวาคม ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร รายงานความคืบหน้าผู้บาดเจ็บว่า จากการติดตามข้อมูลร่วมกับหลายฝ่าย อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ณ เวลา 05.00 น. กรณีอาคารทรุดตัว สุขุมวิท 87 พบผู้สูญหายทั้งสิ้น 4 ราย เป็นผู้เสียชีวิต 2 ราย ยังคงสูญหาย 2 ราย ผู้เสียชีวิตรายที่ 1 คือ นายสิงหา ศรีเพชร 53 ปี ผู้เสียชีวิตรายที่ 2 คือ นายธีรศักดิ์ แสนศรีสงค์ 39 ปี โดยรายนี้จำเป็นต้องชันสูตรอัตลักษณ์ที่นิติเวช รพ.จุฬา ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุ กทม.จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ณ จุดเกิดเหตุ โดยมีการจัดกำลังสับเปลี่ยน เฝ้าระวัง จากสถานีดับเพลิงต่างๆ
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) แจ้งว่า ล่าสุด ตร.สรุปคดีที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบว่า วันที่ 14 ธันวาคม มีการดำเนินคดีประกอบด้วย 1. ความผิดฐานบุกรุก 10 คดี(สร้างสะพานข้ามคลอง) 2. ความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่ง 19 คดี (เดินรถนอกเขตรับอนุญาต) 3. ความผิดฐานกีดขวางการจราจร 3 คดี (เสาเข็มกีดขวางทางสัญจร) 4. ความผิดฐานเสียทรัพย์2 คดี (โรยตะปูเรือใบ) 5. หมิ่นประมาท 1 คดี (นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน) 6. พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 7 คดี (ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต) 7. พ.ร.บ.น้ำบาดาล 1 คดี รวม 43 คดี
วันที่ 15 ธันวาคม มีการดำเนินคดีประกอบด้วย 1. ก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต 48 คดี (เทศบาลท่าโขลง ร้องทุกข์) 2. บุกรุกที่สาธารณะ โดยเดินสายไฟฟ้าข้ามถนนและคลอง 7 คดี (คลองแอน) รวม 55 คดี
รวมดำเนินคดีวัดพระธรรมกายทั้งสิ้น 98 คดี
นอกจากนี้มีการออกหมายจับ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย จำนวน 2 คดี 1. หมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี เลขที่ 855/2559 ลงวันที่ 15 ธ.ค.59 ในความผิดฐาน ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยโฆษณา (สภ.คลองหลวง)
2. หมายจับศาลอาญา เลขที่ 2470/2559 ลงวันที่ 15 ธ.ค.59 ในความผิดฐาน กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร (บก.ป.)
ภายหลังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานอภัยโทษ โดยเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2559 ซึ่งจะมีผู้ต้องโทษที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ และได้รับการปล่อยตัวทันทีประมาณ 30,000 คน ทั่วประเทศ หนึ่งในนั้นคือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ และผู้ต้องขังคดีรื้อบาร์เบียร์ที่ต้องโทษจำคุกคนละ 2 ปี จากกรณีมีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน พร้อมรถแบกโฮบุกทำลายร้านบาร์เบียร์ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซ.สุขุมวิท 10 แขวงและเขตคลองเตย กทม. เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2546 ซึ่งทั้งหมดถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เวลาประมาณ 16.00 น.
ทันทีที่ประตูเรือนจำเปิดลูกสาวนายชูวิทย์ ได้เข้าสวมกอด นายชูวิทย์ ก่อนนายชูวิทย์จะออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า รู้สึกดีใจ และสำนึกในพระมหาการุณาธิคุณต่อ ในหลวงรัชกาล 10 อย่างมาก สิ่งแรกที่อยากทำคือการกลับไปว่ายน้ำให้สบายตัว ส่วนในวันพรุ่งนี้(17ธันวาคม)จะเดินทางไปหาลูกสาวที่สหรัฐอเมริกา เวลา 17.00 น. เพื่อร่วมงานรับปริญญา 5 วัน
“ตลอดเวลาที่อยู่ในคุกรู้สึกสำนึกผิด และยอมรับต่อสิ่งที่ทำผิด จึงอุทิศตัวเป็นผู้ช่วยในทัณฑสถานโรงพยาบสลราชทัณฑ์ ซึ่งตั้งแต่ทำงานมาได้เห็นอะไรมากมาย เก็บศพไปแล้ว 80 ศพ จึงอยากจะทำบุญให้พวกเขา”นายชูวิทย์กล่าว
พร้อมกันนี้นายชูวิทย์ยอมรับว่า ยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรต่อหลังจากได้รับการปล่อยตัว แต่จะไม่ขอกลับไปเล่นการเมืองอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากติดคุกอีกแล้ว ไม่มีความสุขใดจะเท่ากับการกลับมามีอิสระภาพอีกครั้ง
จากนั้นนายชูวิทย์ได้ทำท่าดีใจ พร้อมท่าสูดอากาศให้สื่อมวลชน ได้ถ่ายภาพเพื่อแสดงถึงการได้รับเสรีภาพอีกครั้ง ก่อนเดินขึ้นรถเพื่อกลับบ้านซึ่งภรรยาได้โผเข้ากอดและหอมแก้มนายชูวิทย์ก่อนขึ้นรถด้วย
สำหรับนายชูวิทย์ เหลือโทษจำคุก 6 เดือน จึงเข้าเกณฑ์พระราชทานอภัยโทษ และถูกจัดเป็นนักโทษชั้นดี เนื่องจากช่วยงานที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และถูกปล่อยตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์
ส่วนผู้ต้องโทษรายอื่น อย่าง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ไม่เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษ เพราะถูกลดชั้นปรับเป็นนักโทษชั้นเลว เช่นเดียวกับผู้ต้องขังในกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เช่น นายขวัญชัย ไพรพนา ก็ไม่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับการลดวันต้องโทษหรือปล่อยตัว ตามพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้เนื่องจากยังเป็นผู้ต้องขังชั้นกลางเช่นกัน
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012