ข่าว
ณเดชน์ คว้าขวัญใจมหาชน อเล็กซ์-จุ๋ย นักแสดงนำแห่งปี

ณเดชน์ คว้าขวัญใจมหาชน รางวัล ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ ประจำปี 2015 ด้าน อเล็กซ์-จุ๋ย นักแสดงนำแห่งปี ส่วน คิดถึงวิทยา คว้าภาพยนตร์แห่งปี ...

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่หอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดงานประกาศผลรางวัล ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ ประจำปี 2015 ซึ่งเป็นงานประกาศผลรางวัลแก่บุคคลในวงการบันเทิงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง โดยมีศิลปินดาราตบเท้าร่วมงานคับคั่ง อาทิ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข, มาริโอ้ เมาเร่อ, เบลล่า-ราณี แคมเปน, ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล, จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา, หญิง-รฐา โพธิ์งาม, เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ, เก้า-จิรายุ ละอองมณี, กัน-นภัทร อินทร์ใจเอื้อ, แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ ฯลฯ

โดยมีการแจกรางวัลทั้งสิ้น 13 รางวัล แบ่งเป็น 3 ประเภทรางวัล โดยรางวัลแรกคือรางวัล “บันเทิงเทิดธรรม” ซึ่งเป็นรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อยกย่องบุคคลในวงการบันเทิงที่มีความประพฤติดี มีคุณธรรม มีความสามารถในทางสร้างสรรค์ หรือมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในสังคมอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10 ปี โดยชื่อผู้ได้รับรางวัลในปีนี้ ได้แก่ แหม่ม-จินตหรา สุขพัฒน์

ส่วนรางวัลประเภทที่ 2 คือรางวัล "ยอดเยี่ยมแห่งปี" แบ่งเป็น 11 รางวัล ประกอบด้วย นักแสดงแห่งปีฝ่ายชาย ได้แก่ อเล็กซ์ เรนเดลล์ ส่วนนักแสดงแห่งปีฝ่ายหญิง ได้แก่ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา รางวัลภาพยนตร์แห่งปี ได้แก่ เรื่อง คิดถึงวิทยา รางวัลละครโทรทัศน์แห่งปี ได้แก่ เรื่อง ลูกทาส ทางช่อง 3 รางวัลศิลปินเดี่ยวแห่งปี ได้แก่ สงกรานต์ รังสรรค์ หรือ สงกรานต์ เดอะวอยซ์ ส่วนรางวัลศิลปินกลุ่มแห่งปี ได้แก่ วงแทททู คัลเลอร์ รางวัลเพลงแห่งปี ได้แก่ เพลงเธอ จากวง ค็อกเทล รางวัลพิธีกรแห่งปี ได้แก่ นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์

รางวัลบุคคลเบื้องหลังแห่งปี ได้แก่ ป้าแจ๋ว-ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ รางวัลทีมสร้างสรรค์แห่งปี ได้แก่ ทีมภาพยนตร์เรื่องเพชฌฆาต และรางวัลครอบครัวแห่งปี ได้แก่ หญิง-รฐา โพธิ์งาม และ น้อย โพธิ์งาม

ปิดท้ายที่รางวัลประเภทที่ 3 คือ รางวัลขวัญใจมหาชน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปส่งรายชื่อดาราและศิลปิน ฯลฯ ที่เป็นขวัญใจมหาชน มาทางเอสเอ็มเอส นอกเหนือจากนี้ยังจะมีการทำแบบสำรวจความนิยม โดยศูนย์วิจัย “นิด้าโพล” เป็นอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งผู้ที่คว้ารางวัลนี้ไปครอง ได้แก่ ณเดชน์ คูกิมิยะ.

2 ล้นเกล้าฯแปรพระราชฐาน ปีติ ‘ราชินี’ ทรงโบกพระหัตถ์

ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมเสื้อสีเหลือง หลั่งไหลเดินทางมา รพ.ศิริราช เพื่อเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่างแซ่ซ้องเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญดังกึกก้อง หลายคนต่างหลั่งน้ำตาด้วยความสุข เมื่อเห็น 2 พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์

นับเป็นวันแห่งความปีติยิ่งของพสกนิกรชาวไทยอีกครั้ง หลังจากที่ได้ทราบข่าวจากสำนักพระราชวัง และสื่อต่างๆ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. เพื่อเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ และฟื้นฟูพระวรกายในพื้นที่อากาศบริสุทธิ์

14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ในฉลองพระองค์เสื้อเชิ้ตสีแดง และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในฉลองพระองค์เสื้อสีม่วงลายดอกไม้สีฟ้า เสด็จลงจากที่ประทับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ด้วยพระพักตร์แจ่มใสทั้งสองพระองค์ โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ คณะแพทย์และพยาบาล เฝ้ารับเสด็จ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเเจ้าอยู่หัว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทะเบียน 1ด 3901 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทะเบียน 1ด 0968

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯจากวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 3 ต.ค.2557 เพื่อประทับรักษาพระอาการประชวร ต่อมาสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระปรอท (ไข้) สูง 38.2 องศาเซลเซียส ผลการตรวจพระโลหิตแสดงว่ามีภาวะติดเชื้อ มีการเปลี่ยน แปลงในความดันพระโลหิต และอัตราการเต้นของพระหทัยเร็วขึ้น คณะแพทย์จึงกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อถวายการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ จากนั้นเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2557 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 12 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด คณะแพทย์ได้รายงานว่าพระอาการทั่วไปดีขึ้น และพระวรกายแข็งแรงเป็นลำดับ กระทั่งเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน ไปประทับ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะเวลาที่เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช 220 วัน โดยสำนักพระราชวังงดการลงนามถวายพระพรพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลาศิริราช 100 ปี รพ.ศิริราช ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.นี้เป็นต้นไป


'บิ๊กจิ๋ว' เปิดบ้านวันเกิด พร้อมเป็นนายกฯอีกครั้ง

"พ่อใหญ่จิ๋ว" เปิดบ้านย่านนนท์ รับอวยพรวันเกิดครบ 85 สื่อเฝ้าทำข่าวปกติ ไร้เงาจนท. สังเกตการณ์ ฝากให้กำลังใจ บิ๊กตู่ ทำงาน ชี้เขียน รธน.อย่างไรก็ฉีกอยู่ดี พร้อมเป็นนายกฯ หากมีโอกาส อยากเห็นประเทศสงบ...

เมื่อเช้าวันที่ 15 พ.ค. 58 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เปิดบ้านในซอยปิ่นประภาคม ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี จ.นนทบุรี เนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 85 ปี และมีคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภรรยา ร่วมให้การต้อนรับแขกที่เข้าอวยพร ซึ่งในโอกาสนี้ พล.อ.ชวลิต จะแถลงข่าวปัญหาความยากจนของเกษตรกรที่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาเฝ้าติดตามทำข่าว แม้ว่าก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ห้ามสื่อมวลชนไปทำข่าว หวั่นเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้ง โดยบรรยากาศหน้าบ้านไม่พบเจ้าหน้าที่ มาเฝ้าสังเกตการณ์แต่อย่างใด

ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิต ได้กล่าวให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ในการทำงานแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งไม่ขอแนะนำใดๆ เพราะใจถึงกันอยู่แล้ว ส่วนการลงพื้นที่เดินสายพบชาวนาในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยืนยันไม่มีนัยการเมือง แต่ต้องการช่วยประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งที่ผ่านมาลงหลายพื้นที่ แต่คนไม่สนใจเอง

พร้อมกล่าวถึงการจะทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ไม่ต้องห่วงเพราะไม่ว่าทำประชามติ หรือเขียนรัฐธรรมนูญอย่างไรก็ต้องฉีกอีกอยู่ดี ส่วนทหารไทยจะมีการตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ หลังรัฐธรรมนูญเสร็จ ไม่ต้องห่วง ไม่มีการตั้งพรรคแน่ ทั้งนี้ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหากมีโอกาส แต่ ณ วันนี้ อยู่ไหนก็ทำเพื่อบ้านเมืองได้ โดยโอกาสวันเกิดอายุครบ 85 ปี อยากเห็นประเทศสงบ


ทูตอิสราเอลโต้"มล.รุ่งคุณ" ยกย่อง"ฮิตเลอร์"น่าอับอาย

ทูตอิสราเอลโต้ มล.รุ่งคุณ กิตติยากร กรณีเหยียดยิวชูฮิตเลอร์ ระบุเป็นข้อความที่บ่งชัดถึงความเขลาและเหยียดเชื้อชาติของคนๆ เดียวแต่นำมาสู่ความน่าอับอายของชาติ

จากกรณีที่ มล. รุ่งคุณ กิตติยากร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยตั้งค่าเข้าถึงเป็นสาธารณะ บทความดังกล่าวอ้างว่าเขียนขึ้นเพื่อต้องการนำเสนอ "ความจริงอีกด้าน" ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำเผด็จการของเยอรมนี โดยมีเนื้อหาในทำนองว่า ฮิตเลอร์นั้นถูกใส่ร้ายป้ายสีจากนายทุนยิวสร้างภาพให้เป็นปีศาจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ฮิตเลอร์เป็นวีรบุรุษของเยอรมันและเป็นที่รักของชาวเยอรมัน

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (14 พ.ค.) สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ได้โพสต์คำชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวของนายชีมอน โรเด็ด เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ผ่านแฟนเพจทางการของทางสถานทูต โดยระบุว่า

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ยังมีคนที่น่าจะได้รับการอบรมที่ดี คนที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ คนที่ได้รับการศึกษาสูง และมีช่องทางที่จะค้นคว้าหาความรู้เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา แต่กลับไม่มีวิจารณญาณที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรคือเรื่องจริงอะไรคือโฆษณาชวนเชื่อ

ทั้งยังไม่ค้นคว้าเพิ่มเติมในเรื่องที่เป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งมีหลักฐานปรากฏชัดเจนไม่ว่าจะเป็นลายลักษณ์อักษร พยานวัตถุและพยานบุคคล การที่จะเขียนเรื่องในประวัติศาสตร์สำคัญที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบต่อคนหลายเชื้อชาติจำนวนมากอย่างเรื่องนี้ให้ผิดไปจากข้อเท็จจริงด้วยอัตวิสัยส่วนตัว แทนที่จะแสดงว่าเป็นผู้รู้มากกว่าคนอื่น

ในทางกลับกันกลับบ่งชี้ว่าต้องการนำความเคราะห์ร้ายของชนชาติหนึ่งมาบิดเบือน เพียงเพื่อต้องการจะผลักดันให้ตนเองได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น ข้อความนี้บ่งชัดถึงความเขลาในเรื่องการเหยียดเชื้อชาติของบุคคลเพียงคนเดียว ที่นำความอับอายมาสู่ประเทศนี้เป็นอย่างยิ่ง

ชีมอน โรเด็ด

เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย


ม่ายสาวอินโดฯ เจอชายในฝัน ช่วยซื้อบ้าน 'แถมเมียฟรี' แล้ว!!

ม่ายสาวอินโดฯ ประกาศ ‘ขายบ้านพร้อมกับจะได้แต่งงานกับเธอฟรีๆ’ เจอชายที่ตามหาแล้ว นอกจากจะมาช่วยซื้อบ้านสนนราคากว่า 2 ล้านแล้ว ยังเหมาะสมจะมาใช้ชีวิตครองคู่อยู่กินกับเธอฉันสามีภรรยา

เมื่อ 15 พ.ค.58 สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในที่สุด วินา ไลอา ม่ายสาวสวยชาวอินโดนีเซีย วัย 40 ที่สร้างความฮือฮาจนกลายเป็นข่าวโด่งดังเกรียวกราว จากการประกาศขายบ้าน และพร้อมจะเป็นภรรยาให้แก่ผู้ซื้อบ้านของเธอด้วยนั้น ได้พบเจอกับผู้ชายที่จะมาซื้อบ้านและเหมาะสมที่จะใช้ชีวิตคู่อยู่กินกับเธอแล้ว

วินา ไลอา เผยกับนักข่าว ‘คอมปาส เดลี่’ สื่อในอินโดนีเซีย ว่า ผู้ชายคนนั้น คือ เรดี อีโก อายุ 46 ปี ซึ่งกำลังเสาะหาหญิงที่จะมาเป็นภรรยาของเขาด้วยเช่นกัน โดยเรดี ซึ่งเป็นพ่อม่าย ได้ทราบเรื่องราวของวินา ไลอา ว่าเธอกำลังประสบปัญหาทางการเงิน จนต้องประกาศขายบ้านและยังพร้อมจะแต่งงานอยู่กินกับชายที่มาซื้อด้วย จึงทำให้เขาตัดสินใจขายบ้านของตัวเองที่เมืองลัมปุง บนเกาะสุมาตรา เพื่อนำมาเงินมาช่วยเหลือเธอ

ทั้งนี้ วินา ไลอา มีบ้านอยู่ที่เมืองสะลีมาน จังหวัดยอร์กยาการ์ตา แต่ด้วยปัญหาทางการเงิน จึงทำให้เธอตัดสินใจประกาศขายบ้านเมื่อ 2 เดือนก่อน ด้วยสนนราคา 76,000 ดอลลาร์ หรือราว 2,448,000 บาท พร้อมกับจะเป็นภรรยาให้กับผู้ชายที่มาซื้อ แบบแถมฟรี จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง เพราะเธอได้ประกาศขายบ้าน ข้อความว่า ‘ขายบ้านและจะได้แต่งงานกับเจ้าของบ้านด้วย’

นักข่าวทีวีในอินโดนีเซียได้บุกไปสัมภาษณ์ถึงบ้าน และเธอก็ยืนยันว่า เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องตลก ส่วนชีวิตส่วนตัว วินา ได้สูญเสียสามี ตั้งแต่ปี 2543 และเธอก็ครองตัวโสดมาตลอด กระทั่ง ตอนนี้อายุเข้าเลข 4 จึงทำให้เธอหวังว่า การลงโฆษณาขายบ้านจะช่วยให้เธอพบคนรักใหม่ด้วย.

แฉ‘โอบามา’ โกหกอื้อ เรื่อง‘เด็ดชีพบิน ลาเดน’

นักข่าวอาวุโสอเมริกัน ระดับมือพระกาฬ เปิดโปงความจริง แฉ บารัค โอบามา ‘โกหกคำโต’ ต่อชาวโลก ในเหตุการณ์สังหารบิน ลาเดน หวังเรียกเรตติ้งคะแนนนิยมทางการเมือง ก่อนเลือกตั้งชิง ปธน.สหรัฐฯ สมัย 2

เมื่อ 12 ม.ค.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวที่กำลังโด่งดังครึกโครมอยู่ในเวลานี้ เมื่อนายซีย์มัวร์ เฮิร์ช นักข่าวอาวุโสชาวอเมริกัน วัย 78 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในนักข่าวสายสืบสวนคนเก่ง จนเคยคว้ารางวัลพูลิตเซอร์มาแล้ว เปิดหน้าท้าชน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ โดยออกมาแฉช็อกโลกว่า นายบารัค ‘โกหก’ ต่อชาวโลกในเหตุการณ์สังหารนายโอซามา บิน ลาเดน หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัล เคดา ซึ่งหลบซ่อนอยู่ในคฤหาสน์ ซึ่งมีระบบป้องกันภัยอย่างแน่นหนา ที่เมืองอับบอตตาบัต ในปากีสถาน เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2554 เนื่องจากหวังจะนำเรื่องนี้มาใช้เรียกคะแนนนิยมหาเสียงทางการเมืองก่อนเขาจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2

นายซีย์มัวร์ เฮิร์ช ได้เขียนบทความส่งไปลงวารสารลอนดอน รีวิว ออฟ บุ๊กส์ โดยใช้ชื่อบทความว่า ‘การสังหารโอซามา บิน ลาเดน’ (The Killing of Osama bin Laden) เปิดเผยว่า ความจริงแล้ว รัฐบาลปากีสถานได้ควบคุมตัว บิน ลาเดน ไว้ในบ้านพักหลังนี้ ที่เมืองอับบอตตาบัต มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ขณะที่สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯหรือ ซีไอเอ ได้รู้ตำแหน่งของ นายบิน ลาเดน ว่า พำนักอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองระดับสูงคนหนึ่งของปากีสถานนำความลับนี้มาบอก เพื่อหวังจะได้เงินรางวัลนำจับ บิน ลาเดน ที่สหรัฐฯ ตั้งไว้สูงถึง 25 ล้านดอลลาร์

จากการสืบสวนข่าวการบุกสังหารบิน ลาเดน ของเฮิร์ช พบว่า เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลโอบามาได้มีการเจรจาหารือกับรัฐบาลปากีสถาน และเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง จากหน่วยไอเอสไอเกี่ยวกับการบุกจู่โจมตัว บิน ลาเดน หัวหน้ากลุ่มอัล เคดา ซึ่งสหรัฐฯ เพียรพยายามไล่ล่า หาตัวมานานนับ 10 ปีแล้ว นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 ทว่า รัฐบาลประธานาธิบดีกลับอ้างต่อชาวโลกว่า สหรัฐฯ ดำเนินปฏิบัติการนี้อย่างเป็นความลับสุดยอด แม้แต่รัฐบาลปากีสถานก็ไม่บอกแพร่งพรายให้รู้

เฮิร์ช อ้างแหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตนว่า หน่วยข่าวกรองปากีสถานได้ดำเนินการ ‘ตัดไฟ’ ที่เมืองอับบอตตาบัต ก่อนทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ‘ ซีล’ (SEAL) ของสหรัฐฯ จะบุกจู่โจมเข้าไปในบ้าน เพื่อไม่ต้องการให้ทหารปากีสถานเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ โดยนักข่าวคนเก่งของสหรัฐฯ ระบุว่า ไม่ได้มีการยิงต่อสู้ตามที่รัฐบาลโอบามารายงาน มีเพียงแต่การใช้กระสุนไม่กี่นัดยิงปลิดชีพ บิน ลาเดน เท่านั้น

‘เมืองตกอยู่ในความมืด กระแสไฟฟ้าโดนตัดตามคำสั่งของหน่วย ISI เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนทหารหน่วยซีลจะบุกจู่โจมเข้าไปในบ้าน’ นายเฮิร์ช แฉ พร้อมกับเผยว่า เหล่าทหารปากีสถานได้รับคำสั่งให้ออกไปจากบ้านที่ควบคุมตัวบิน ลาเดน ทันทีที่ได้ยินเสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์กองทัพสหรัฐฯ

นักข่าวอาวุโสอเมริกัน ระดับนักข่าวมือพระกาฬ ยังชี้ว่า บารัค โอบามา ‘ปิดบังความจริง’ ในการบุกจู่โจมสังหารบิน ลาเดน เพื่อหวังจะเรียกคะแนนนิยมทางการเมือง เพราะมีขึ้นเพียงปีเดียว ก่อนที่โอบามาจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 นอกเหนือจากนั้น เฮิร์ช ยังแฉด้วยว่า ร่างของบิน ลาเดน ไม่ได้ถูกนำไปทิ้งในทะเล ตามที่ทางการสหรัฐฯ อ้าง แต่ความจริงแล้ว ศพของหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัล เคดา ถูกฝังอยู่ในอัฟกานิสถาน.