ข่าว
ยกคำร้องคดีครูจอมทรัพย์ พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศการเตรียมพร้อม ฟังคำพิพากษา เกี่ยวกับคดีดังประวัติศาสตร์ครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีขับรถชนคนตาย ในพื้นที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อ 11 มี.ค.48 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม หลังติดคุก 1 ปี 6 เดือน จากคำพิพากษาตัดสินของศาลฎีกา ให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อปี 2556 แต่ได้รับการอภัยโทษออกมา จนกระทั่งได้ร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อคดี ตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม พิจารณารื้อคดี โดยกำหนดนัดสืบพยานเมื่อวันที่ 8-10 ก.พ. 2560 ที่ผ่านมา และเวลาผ่านไปนานกว่า 10 เดือน จนกระทั่งศาลจังหวัดนครพนม นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันนี้ คือวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.30 น.

โดยช่วงเช้าทนายฝ่ายกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม ที่ให้การช่วยเหลือนางจอมทรัพย์ ตามคำร้องทุกข์ ได้ยื่นหนังสือ เพื่อขออนุญาตศาลจังหวัดนครพนม ให้พิจารณาอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา เนื่องจากตามกำหนดจะมีการนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 7 ธ.ค.60 ทั้งนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ รวมถึงในขั้นตอนของทางฝ่ายกฎหมาย และเจ้าตัว คือนางจอมทรัพย์ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครพนม เพื่อให้พิจารณาอ่านคำพิพากษา ในวันนี้คือวันที่ 17 พ.ย. 2560 เวลา 13.00 น.

นางจอมทรัพย์ กล่าวก่อนขึ้นไปบนศาลว่า ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้หลังรอคอยมานานกว่า 10 ปี ถ้าบอกว่ากังวลก็กังวลอยู่แต่ไม่มาก แต่มีความพร้อมที่อยากจะฟังก่อนศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 7 ธ.ค. คดีจะได้สิ้นสุดสักที ผลที่ออกมาอย่างไรตนก็น้อมรับคำพิพากษาและครอบครัวจะได้อยู่เป็นสุขสักที และจะได้ไม่พะวงกับการรอคอยอะไรอีก และขอขอบคุณสื่อมวลชน ประชาชนจำนวนมากที่คอยให้กำลังใจมาโดยตลอด

จากนั้นนางศิริพันธ์ จำปามูล ตัวแทนครูจาก จ.สกลนคร มอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ ซึ่งนางจอมทรัพย์กล่าวขอบพระคุณสมาพันธ์ครูแห่งประเทศไทย ที่มาให้กำลังใจด้วยก่อนเดินทางขึ้นไปห้องพิจารณาที่ 1 บนชั้น 2 ศาลจังหวัดนครพนม

ด้านนายชาญวิทย์ กล่าวว่า หากศาลมองกรณีมีการพบพยานหลักฐานใหม่ที่ครูขอรื้อฟื้นคดีก็มีความมั่นใจสูง ซึ่งกระบวนการต่อไปก็ต้องหาคนรับผิด ถ้าหากนางจอมทรัพย์ชนะคดี จริงในทางกฎหมายจะมี พ.ร.บ.เยียวยา โดยนางจอมทรัพย์ จะเยียวยาวันละ 500 บาท รวมทั้งค่าทนาย แต่ต้องมีสัญญาจ้างด้วย

ต่อมาเวลา 15.00 น. ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องของนางจอมทรัพย์ เนื่องจากศาลวิเคาะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของนางจอมทรัพย์ที่นำสืบไม่น่าเชื่อถือ และไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ รวมทั้งยังมีพิรุธ จึงมีความเห็นให้ยกคำร้อง

นายกฯ ยัน ครม.ไม่มี 'บิ๊กแป๊ะ' ขอใจเย็น ย้ำปรับไม่เกิน ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 17 พ.ย.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ 2/2560 ถึงกรณีมีรายชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยืนยันว่า "ไม่มีเขาทำงานดีอยู่แล้ว จะเอามาทำไม อยากถามว่ากระแสข่าวที่ออกมาเป็ยของใคร ใครเป็นคนเลื่อยเก้าอี้ วันนี้สื่อจะฟังตำรวจหรือฟังผม ตำรวจเป็นคนปรับหรือสื่อเป็นคนปรับ วันนี้ผมบอกว่าไม่มีก็จบแล้ว จะหาเหตุอะไรมาได้อีก จะมาซักต่อกันทำไม"

เมื่อถามถึงความชัดเจนกรณีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหมด้วยนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ไม่ควบ แล้วจะเอาอะไรอีก ทุกวันนี้ผมก็ควบทุกกระทรวงอยู่แล้ว เพราะมันเป็นนโยบายของผมริเริ่มนโยบายวิสัยทัศน์ต่างๆ ก็ใส่ลงไปจากนั้นก็มีการติดตามการขับเคลื่อน ในฐานะที่กำกับดูแลเท่ากัน เราก็ต้องรู้ในทุกกระทรวงอยู่แล้ว ไม่ใช่เก่งแต่ต้องรู้ว่าเราจะบริหารอย่างไร พร้อมกับรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน จากสื่อ โซเชียลมีเดีย เพื่อนฝูง พี่น้อง ใครบอกมาก็ฟัง ไม่เห็นใจผมบ้างหรืออย่างไร ในหัวผมต้องย่อต้องสรุปเท่าไร ยืนยันที่ผ่านมาไม่ได้เก็บตัวอะไร ผมมีงานที่ต้องทำของผมอยู่ ก่อนหน้านี้ไม่อยู่หลายวันเอกสารกองท่วมหัว ก็ต้องมานั่งเขียนใหม่ในการประชุมแต่ละครั้ง จะต้องประชุมและสั่งการอะไร ต้องอ่านเอกสารทุกเรื่อง ทำไมจะต้องให้ผมออกมาโชว์ตัวทุกวัน สื่อจะต้องสัมภาษณ์ทุกวันอย่างนั้นหรือ เรื่อง ครม.วันนี้ขอให้จบเสียที ที่พูดๆกันมาไม่มีนักการเมืองที่ว่าจะเข้ามาก็ไม่มี เลิกลือกันเสียที ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน ก็คงไม่นาน อย่างไรก็ภายในเดือน ธ.ค.นี้ โอเคนะ ภายในเดือน ธ.ค.ขอให้ใจเย็นๆ"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนทำดีที่สุด ตนต้องการเอาคนที่เข้ามาให้เกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจ และไม่ได้หมายความว่าคนเก่าไม่ดี แต่คนไทยเป็นคนขี้เบื่อ ตนก็จะดูให้ และจะปรับให้ ทั้งหมดอยากเรียนว่าทั้งหมดเราได้มีการคุยและหารือ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประยุทธ์ 1-2-3-4 ทุกคนต่างทำงานมาด้วยกัน ถ้าจะบอกว่าทำไม่ดีก็อยากจะขอถามกลับว่า แล้วมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะอะไร ก็เป็นเพราะทุกคนทำงานร่วมกันมา ก็ต้องมีคนที่สานต่อ มีคนที่ได้เริ่มต้นไปแล้วถึงวันนี้ ก็ต้องพักผ่อนทำนองนี้ เอาเป็นว่าตนหาคนที่เหมาะสมเข้ามาก็แล้วกัน ในเมื่อนักการเมือง ประชาชนยังมีปัญหาอยู่บางประการ ก็ต้องการให้เขาสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ ซึ่งตนไม่ได้ติติงนักการเมืองเลย ทุกเรื่องที่ทำไม่ว่าจะเป็นประเด็น 6 คำถาม หรือ 4 คำถาม เพียงแค่ต้องการสื่อสานกับประชาชนโดยตรง ไม่ได้ไปเกณฑ์มา ส่วนถ้าเขาจะชวนมาเองก็คงไม่เป็นอะไร แต่ไม่ใช่เอารถไปรับมา หรือไปออกคำสั่งว่าบ้านนี้ต้องมาเท่านี้ ยืนยันว่าไม่มี ถ้ามีจะลงโทษ เพราะไม่ต้องการแบบนั้น อีกทั้งตนไม่ต้องการโพล และไม่ใช่โพลของรัฐบาลเป็นการทำโดยรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ยืนยันว่าคนเก่าที่เคยตอบแล้วก็ตอบได้ ตอบคำถามเก่าหรือคำถามใหม่ก็ได้ จะตอบกี่ครั้งก็ได้ ไม่ใช่ครั้งเดียว การให้เขาบันทึกไว้เพื่อที่จะแยกข้อมูลได้ถูก เมื่อมีความคิดเห็นใหม่ๆ ก็สามารถเติมลงไปได้ จำมา 10 ครั้งก็ได้ เพียงแต่ไม่ได้ไปเกณฑ์มา ขอร้องอยากไปเชื่อคำบิดเบือนว่าเอาบัตรประชาชนไปใช้ประโยชน์ถ้ากลัวก็เซ็นทับลงไป อย่าไปปล่อยให้มีการบิดเบือน ไม่ว่าจะเรื่องพร้อมเพย์ และการต่างประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งผลการตรวจสอบ 2 รัฐมนตรีที่ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 คือ นายอุตตมะ สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสนธิ จิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ ให้กับนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่งมา ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมว่าอย่างไร ถ้ายังไม่ได้ตัดสิน ยังไม่ชัดเจนก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็สู่กันไปก่อน หมายความว่ายังทำงานได้ เรื่องนี้ตนรู้รายละเอียดแล้ว ก็ต้องไปดูก่อนว่าหุ้นดังกล่าวมีการถือครองก่อนหรือหลังในการเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เรื่องนี้ต้องว่ากันอีกที ดูทั้งกฎหมายเก่าและใหม่ เรื่องนี้ยังถกแถลงกันอยู่ วันนี้เมื่อ ป.ป.ช.ส่งเรื่องมาก็คือส่งมา เมื่อมีคนฟ้องก็ส่งมา กระบวนการยุติธรรมก็ต้องไปสอบสวน ถ้าสอบสวนแล้วพบว่ามีปัญหาก็ออก และก็จบ ซึ่งความจริงแล้วยังไม่มีข้อยุติก็ต้องว่าไปตามหลักฐาน ตามกฎหมาย ส่วนการปรับ ครม.ครั้งนี้ ก็ได้มีการพิจารณาและดูถึงกรณีผู้ที่ถือหุ้นด้วยเช่นกัน


แจ้งข้อหา'หมอยอร์น' พยายามฆ่า ชี้ชนแล้วหยุดรถ ก่อนขับทับ รปภ.

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 พ.ย.60 พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อตรวจสำนวนและสอบปากคำ นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์เขต 12 กระทรวงสาธารณสุข หลังเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เหตุการณ์ขับรถชน นายสมชาย ยามดี รปภ. ขณะกำลังปิดประตูทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข ก่อนจะขับรถทับร่างแล้วลากไปกับพื้นไกลกว่า 20 เมตร อาการสาหัส นอนพักรักษาที่ รพ.พระนั่งเกล้า

ซึ่งวันที่เกิดเหตุ นพ.ยอร์น ปฏิเสธไม่ยอมให้ปากคำและเป่าแอลกอฮอล์ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ นพ.ยอร์น เบื้องต้น นพ.ยอร์น ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี กล่าวว่า หลังจากทาง นพ.ยอร์น เดินทางมาให้ปากคำ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และข้อหาดื่มสุราในขณะขับขี่รถยนต์ ส่วนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธนั้น เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ทางพนักงานสอบสวนจะต้องมีการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติม ถ้าพบหลักฐานมีการกระทำที่ส่อเจตนา ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม

ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ได้ออกจากห้องสอบสวนและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เบื้องต้น นพ.ยอร์น ได้ให้การรับสารภาพในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้นได้ให้การปฏิเสธ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะปฏิเสธได้ แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวน มั่นใจในพยานหลักฐานทั้งจากภาพกล้องวงจรปิดและพยานที่เห็นเหตุการณ์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มจากเดิมอีก 2 ข้อหา ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ไม่ยินยอมให้เป่าแอลกอฮอล์ และพยายามฆ่า เพราะหลังจากขับรถชนแล้ว ผู้ต้องหาได้หยุดรถประมาท 25 วินาที ก่อนจะขับรถทับผู้เสียหาย ลากไปกับถนน จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระ

จากนั้น นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.ดร.วิระชัย เรื่องขอให้ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเมาไม่ขับ เพื่อลดข้อครหาในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกล่าวว่า ได้เข้ายื่นหนังสือเพราะอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ นพ.ยอร์น อย่างจริงจัง เพราะถือว่าทางกระทรวงสารธารณสุขเป็นต้นแบบในการรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกลับมาทำเสียเอง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีนี้ให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ก็จะเป็นข้ออ้างให้กับประชาชนนำไปใช้เป็นข้ออ้างเวลาถูกจับเมาแล้วขับในการถูกดำเนินคดี

หลังสอบปากคำเสร็จแล้ว นพ.ยอร์น จิระนคร ได้ใช้ตำแหน่งประกันตัว ทางตำรวจได้ตั้งหลักทรัพย์วงเงิน 5 แสนบาท.


ต้น หลอกแต่งสาวใหญ่ ครูที่เลยโดนไป 7 ล้าน

มาแล้ว ต้น หนุ่มรูปหล่อ ถูกครูวัย 56 ปี ที่เลย แจ้งความหลอกจดทะเบียนสมรส สูญเงินไปกว่า 7 ล้าน ดอดพบ พงส. หลังถูกแจ้งความลักทรัพย์ในเคหสถาน ลูกสาวเจ้าทุกข์บุกตบบนโรงพัก ก่อนที่ศาลจะไม่ให้ประกัน เพราะที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง...

สืบเนื่องจากวันที่ 27 ก.ย.60 ที่ผ่านมา ครูแดง (นามสมมติ) อายุ 56 ปี อดีตข้าราชการครู จ.เลย เข้าร้องทุกข์ว่า ถูกนายรุ่งรดิส หรือต้น คงแก้ว อายุ 40 ปี หลอกจดทะเบียนสมรสวันแรกหายเข้ากลีบเมฆ ตั้งแต่ปี 2558 สูญเงินไปกว่า 7 ล้านบาท และยังพบว่ายังมีข้าราชการครูอีกหลายจังหวัด ถูกหลอกให้โอนเงินนับล้านบาท แต่ไม่กล้าเปิดเผยตัว กลัวอับอาย เพราะเป็นข้าราชการ โดยครูแดงได้เข้าแจ้งความต่อ พงส.สภ.วังสะพุง ในข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเคหสถาน ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก แต่นายต้นยืนยันปฏิเสธ และจะฟ้องกลับครู พร้อมร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ จนต้องออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2

จนกระทั่งเวลา 12.00 น. วันที่ 14 พ.ย. นายต้นพร้อมด้วยนางอนัญพัทธ์ แก้วคำ อายุ 56 ปี แม่และหญิงสาวที่คาดว่าเป็นแฟนสาว ได้ดอดเข้าพบ ร.ต.อ.ธนพงษ์ ชาวเชียงตุง พงส.สภ.วังสะพุง เจ้าของคดี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเคหสถาน ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ระหว่างที่ พงส.สอบสวนกำลังสอบปากคำนายต้นอยู่ ครูแดงพร้อมลูกสาว ซึ่งเป็นคู่กรณีได้มาที่โรงพักหลังทราบข่าวว่านายต้นเข้ามอบตัว จึงเดินทางมาดูหน้า โดยลูกสาวครูแดงตรงเข้าไปสอบถามนายต้นว่า ลูกผู้ชายหรือเปล่า และเกิดบันดาลโทสะตบไปที่หัว 1 ครั้ง จนเกิดชุลมุน ทาง พงส.และตำรวจ 3-4 นาย ต้องออกมากันให้ออกไปข้างนอก ไม่ให้มีเรื่อง

ขณะเดียวกัน ครูแดง กับแม่นายต้น ได้นั่งอยู่บริเวณข้างนอกห้องสอบสวน ครูแดงได้ถามแม่นายต้นว่า ทำไม่ถึงได้หลอกกันแบบนี้ แต่ไม่มีคำตอบหรือคำโต้แย้งใดๆ ออกมา จนกระทั่งพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายต้นขึ้นรถกรงขังส่งศาลจังหวัดเลย โดยมีแม่ แฟนสาว พร้อมด้วยครูแดงและลูกสาวเดินทางติดตามไปที่ศาลด้วย

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายต้น ถึงเรื่องการเข้ามอบตัวและเรื่องร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ นายต้นกล่าวว่า จะร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทางกฎหมายว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ก่อนเท่านั้น ตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่า ศาลจังหวัดจันทบุรี และศาลอาญากรุงเทพใต้ มีการแจ้งข้อกล่าวหาเดียวกันเมื่อเดือนที่ผ่านมาใช่หรือไม่ นายต้นตอบใช่ จากนั้น พงส.ได้นำตัวนายต้นขึ้นรถกรงขังตำรวจส่งศาลจังหวัดเลย

ส่วนที่ศาล แม่ของนายต้นพยายามขอประกันตัวลูกชาย แต่ทางศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มูลค่าความเสียหายมีมาก จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทางด้านครูแดงหลังรับว่าศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ถึงกับดีใจ กล่าวว่านายต้นได้หลอกลวงคนอื่นจนได้รับความเดือดร้อนมากหลายคน แต่ไม่มีใครกล้าออกมาแจ้งความ กลัวครอบครัวแตกแยก วันนี้สมควรที่จะต้องติดคุกเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้.


โผครม. 'ตูน-ก้อย'นั่งท่องเที่ยวฯ 'ตั้งโน๊ต อุดม'คุมพาณิชย์

บนเพจเฟซบุ๊ก WANCHANA SAWASDEE ผู้พันเบิร์ด (FAN PAGE) ได้โพสต์ข้อความชวนอมยิ้ม ในขณะที่เห็นข่าวการปรับ ครม.รวมถึงข่าว 6 คำถาม ของนายกฯ 'บิ๊กตู่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ทำให้อุณหภูมิทางการเมืองสูงขึ้น จึงอยากจะมาคลายเครียดและลดอุณหภูมิทางการเมืองลงสักหน่อย

เมื่อนึกถึงการเมืองมาเทียบกับวงการบันเทิงแล้วเลยนึกสนุกขึ้นมาได้ว่า ถ้าจะเอาดารามาเป็นรัฐมนตรีนึกถึงใครกับกระทรวงใดบ้างและต้องขออภัยผู้ที่ได้เอ่ยถึงชื่อนักร้องนักแสดงด้วยนะครับ

คุณตูน บอดี้สแลม มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีก้อย รัชชวิน เป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงนี้

พี่กิ๊กเกียรติ กิจเจริญ , พี่ดู๋ สัญญา และคุณเสนาลิง เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกและทำหน้าที่ควบคุมทีมโฆษกรัฐบาลด้วย

ส่วนโฆษกรัฐบาลนั้นก็ว่าจะเชิญ ณเดชณ์ ญาญ่า มาทำหน้าที่โฆษก และที่ขาดไม่ได้อีกคนหนึ่งในทีมโฆษกก็เห็นจะเป็นคุณกันต์ กันตถาวร

ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็คงจะหนีไม่พ้นคุณบุ๋มปนัดดา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต้องเชิญ'คุณปู ไปรยา' ครับ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแน่นอนครับต้องเป็น'คุณไมค์ ภิรมย์พร'

และก็ว่าจะเชิญ'พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค' มาเป็นที่ปรึกษานายก

และถ้านึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นจะเป็นใครไม่ได้ครับ นอกจาก'พี่เชฐษ์ สมายบัฟ'

ในใจแอบคิดว่าจะเชิญ'หมอโอ๊ค สมิทธิ์' มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามด้วยหมอก้องมาเป็นรัฐมนตรีช่วย

ส่วนกระทรวงพาณิชย์ก็ว่าจะเรียนเชิญ 'พี่โน๊ต อุดม' มาเป็นเจ้ากระทรวงนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่านามสกุลแต้พานิชจะเกี่ยวกันหรือไม่ก็จะลองเชิญดู

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต้องเป็นนุ่น ศิรพันธ์และคุณท็อป

รมช.กระทรวงดิจิตอลคุณ หนุ่ย แบไต๋

กระทรวงการคลัง ชมพู่ อารยา

กระทรวงกลาโหม ผู้พันเบิร์ด

กระทรวงมหาดไทย พี่อ้อยพี่ฉอด

กระทรวงยุติธรรมพี่ท๊อป ดารณีนุช

กระทรวงวัฒนธรรม นุ่น วรนุช

กระทรวงวิทยาศาสตร์บ๊อบ บดินทร์

กระทรวงศึกษาธิการ นาวินต้า

กระทรวงอุตสาหกรรม ต๊อป เถ้าแก่น้อย

กระทรวงคมนาคม เจ เจตริน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ลองเสนอกันมานะครับสนุกดีครับ

อดีตตำรวจดังอ่างทองทำฮือฮา แจกการ์ดเชิญมางานศพตัวเอง

14 พ.ย. พ.ต.ท.เกษตร พึ่งยอด อดีตสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองอ่างทอง เตรียมจัดงานฌาปนกิจ ให้ตนเองขณะยังมีชีวิตอยู่ ณ เมรุวัดศาลาดิน ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ ในวันอังคารที่ 19 ธันวาคม 2560 โดยมีกำหนดการคือ

วันจันทร์ที่ 18 ธ.ค. เวลา 20.00 น. นิมนต์พระสงฆ์ 8 รูป สวดพระอภิธรรม ณ ศาลาการเปรียญ วัดศาลาดิน

วันอังคารที่ 19 ธ.ค.เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป สวดพระธรรมนิยามสูตร

เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 30 รูป เสร็จแล้วมาติกาบังสุกุล

เวลา 14.00 น. แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์

เวลา 15.00 น ทำพิธีฌาปนกิจ โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ และในช่วงกลางคืนมีการแสดงดนตรีพร้อมลิเก คณะอดิเทพ ฟ้ารุ้ง และดนตรีที่ทางเพื่อนฝูงหามาช่วยงาน

พ.ต.ท.เกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันได้เกษียณราชการแล้วได้ พักอยู่ ที่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 10 ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีภรรยาและลูก ได้บริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ ให้แก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เมื่อถึงเวลาที่เสียชีวิตจริงแล้ว ศพคงไม่ได้นำกลับมาที่บ้าน จึงเป็นที่มาของการจัดงานศพให้ตนเองและการทำบุญครั้งใหญ่ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นงานศพที่เหมือนจริงทุกอย่าง

โดยได้ทำการแจกการ์ดงานฌาปนกิจ ตนเอง ให้ญาติสนิทมิตรสหาย พร้อมทำการติดป้ายงานศพของตนเองขนาดใหญ่ ไว้ที่บริเวณหน้าวัดศาลาดิน และเมื่อทำการเผาศพแล้ว ก็จะทำการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นคนใหม่ ส่วนชื่อเก่านั้นยังเป็นพฤตินัยเหมือนเดิม ส่วนที่ได้ทำการแจกการ์ดงานศพนั้น หากมีเงินมาช่วยเหลือ จะนำไปทำบุญหล่อพระหลวงพ่อภู ที่วัดดอนรัก อำเภอสามโก้ ประเมินราคาขั้นต้นไว้แล้ว 350,000 บาท หากเงินช่วยงานไม่ถึงจำนวน ตนเองก็จะออกเงินสมทบทุนให้ได้ครบตามจำนวนเพื่อทำการสร้างหุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนหลวงพ่อภูต่อไป