20 ก.ย.61 เพจ CSI LAโพสต์ข้อความระบุว่า “ป้อมเกาะโต๊ะ โจ๊กเกาะเต่า ผมนั่งรอFBI มานานหลายวันแล้วคุณโจ๊ก ไม่เห็นมีใครติดต่อมาสักที ฝากนักข่าวช่วยถามเรื่องนี้หน่อย”
“แล้วคดีเกาะเต่าช่วยบอกให้นักข่าวรู้ด้วยว่าทางอังกฤษเขาไม่ให้คุณเข้าประเทศไปสัมภาษณ์หรือเข้าใกล้ผู้เสียหายเพราะปากของคุณ”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(รอง ผบช.ทท.) และรองโฆษกประจำตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินคดีกับเพจ CSI LA และสมุยไทม์ ที่ออกมาเปิดเผยกรณีสาวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี อ้างว่าถูกวางยาและข่มขืนที่หาดทรายรี บนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้มีการจับกุมคนที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ จำนวน 11 ราย และล่าสุดมีการมอบตัวเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 12 ราย
ส่วนแอดมินเพจ CSI LA อยู่ระหว่างประสานงานกับต่างประเทศ เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดี ตำรวจไทยก็ประสานกับ “เอฟบีไอ (FBI)” และหน่วยของสหรัฐอเมริกาตลอดอยู่แล้ว เนื่องจากแอดมินคนดังกล่าวมีหมายจับ 2 หมายจับ ต้องนำตัวมาดำเนินคดี
ถึงคราวงานเข้าเสียแล้วสำหรับเจ้าของฉายา "ไม่ได้โม้" อย่าง "เจ้าบาส" สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตฮีโร่กำปั้นเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์คนแรกของไทย หลังจากโดนศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของนายสมรักษ์ คำสิงห์ และนางเสาวนีย์ คำสิงห์ คู่สมรส ตามคำฟ้องของบริษัท บริหารสินทรัพย์ มหานคร จำกัด
โดยโจทก์ ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ มหานคร จำกัด ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย ซึ่งตามการรายงานระบุว่าเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ จำเลยที่ 1 และ นายสมรักษ์ คำสิงห์ จำเลยที่ 2 เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ จะเป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ฝ่ายคำคู่ความ สำนักงานเลขานุการกรม กรมบังคับคดี หรือ สำนักงานบังคับคดีซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่โฆษณาคำสั่งนี้
สมรักษ์ คำสิงห์ ถือเป็นนักมวยชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยมากมาย ทั้งเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 1994 ที่แอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา รวมถึงเหรียญทองเอเชียนเกมส์ และความสำเร็จอีกมากมาย ปัจจุบันรับราชการทหารเรือยศนาวาเอก
ล่าสุด เจ้าของฉายา "ไม่ได้โม้" ออกมายอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง แต่ยืนยันว่าตนเองและครอบครัว ยังคงมีความเป็นอยู่สุขสบายดี
“เรื่องนี้เป็นคดีเก่าๆ ที่ค้างคามาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่สมัยยังคงชกมวยสมัครเล่นรับใช้ชาติอยู่เลย เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะเรามัวแต่ชกมวย ไม่มีความรู้เชี่ยวชาญในเรื่องเอกสารต่างๆ การทำธุรกิจ ธุรกรรม เรื่องกฏหมาย สุดท้ายก็เลยกลายเป็นคดียืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน”
นอกจากนี้ เจ้าบาส ยังขยายความถึงที่มาของการถูกฟ้องล้มละลายมนครั้งนี้ว่า “ ผมเคยเซ็นเอกสารเปิดปั๊มน้ำมัน ให้กับพ่อตาแม่ยาย ที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อหลายปีก่อน พอกิจการมันไปไม่รอดก็ขาดทุน กลายเป็นหนี้สินกว่าสี่ล้านกว่าบาท ซึ่งเรื่องราวก็ผ่านไปแล้ว ปัจจุบันดูตัวอย่างพี่ระ (เขาทราย แกแลคซี่) ที่เคยประสบปัญหาแบบนี้ เพียง 3 ปีเขาก็ตั้งตัวขึ้นใหม่ได้ ทุกวันนี้ผมเองก็ยังมีความสุขดี”
“ตอนนี้ผมมีลูกพี่ มีเจ้านายที่ยินดีช่วยเหลือ ตัวผมเองถึงจะถูกฟ้องล้มละลาย มันก็เป็นหนี้สินเฉพาะตัวผม ตราบใดที่ลูกสาวและลูกชาย ทุกวันนี้ ต่างก็เติบโต และมีงานทำมีรายได้ทั้งวงการบันเทิง รายการทีวี ก็ยังมีรายได้เดือนละแสนกว่าบาท ช่วยเหลือครอบครัวเราให้อยู่ได้ ตัวผมเองก็มีงานละคร งานกิจกรรมต่างๆ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข” ฮีโรเหรียญทองโอลิมปิคเกมส์ จากแอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา ปี 2539 กล่าวทิ้งท้าย
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2561 ที่โรงแรม The Palazzo Bangkok นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งส.ส.ระบบเขตแล้วว่า พรรคพร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งคาดว่าการแบ่งเขตจะไม่มีปัญหาเพราะมีกฎเกณฑ์ รูปแบบการแบ่งเขตที่ระบุไว้อยู่แล้ว ส่วนจำนวน ส.ส. ที่อาจเปลี่ยนแปลงลดลงนั้น ก็ตามกฎหมาย หากจะเกิดปัญหาก็คงเป็นเพียงบางจังหวัดที่มีจำนวน ส.ส. ลดลง ซึ่งเป็นเรื่องภายในของพรรคที่จะต้องหาวิธีการว่า จะทำอย่างไร แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหาเพราะทราบอยู่แล้วว่าจังหวัดใดบ้างที่เขตเลือกตั้งลดลง ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะคนที่เคยทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นอดีต ส.ส. ก็ต้องให้โอกาสทำงานต่อไป รวมถึงต้องดูว่าจะบริหารจัดการอย่างไรในเรื่องของ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อด้วย โดยจะต้องมีการแบ่งจำนวน ส.ส. ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งให้เกิดความลงตัว แต่ต้องรอความชัดเจนเรื่องรูปแบบการแบ่งเขตจาก กกต. จากนั้นทางพรรคประชาธิปัตย์ก็จะให้ความเห็นประกอบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับกรณีที่ขณะนี้มีอดีต ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก ที่ได้ออกจากพรรค ซึ่งอาจไปอยู่พรรคการเมืองอื่นนั้น มองว่าไม่จำเป็นต้องมีการเช็กชื่อ เพราะในสัปดาห์หน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็จะมีการประชุมใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งตัวเองก็ได้ติดตามข่าวการดึง ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ตลอด ซึ่งตนทราบดีว่า ใครนัดใคร ใครไปกินข้าวกับใคร ซึ่งบางคนที่ออกจากพรรคไปแล้ว ก็ได้แจ้งให้กับตัวเองทราบ แต่บางคนก็ไม่ได้มาแจ้ง ส่วนที่มีข่าวปรากฏว่า อดีตส.ส.ของพรรคจ่อย้ายออกยกภาคนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อีกไม่นานข้อเท็จจริงก็จะปรากฏเอง สำหรับผู้สมัครลง ส.ส. หน้าใหม่ไม่ว่าเป็นสนาม กทม. หรือที่อื่น ก็ได้มีการชักชวนให้มาร่วมงานโดยตลอด ซึ่งหวังว่าจะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเมืองมากขึ้น
ส่วนกรณีเกี่ยวกับร่างระเบียบเกี่ยวกับการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ที่นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรค ระบุว่า มีความกังวลและจะมาพบเพื่อหารือนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ยังสงสัยเพราะบางเรื่องก็ไม่ใช่สิ่งที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคได้พูดคุยกัน และขณะนี้ ก็ยังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน มีแต่เพียงความเห็นในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ซึ่งก็เห็นว่า ยังไม่มีจุดไหนที่เกิดความไม่เป็นธรรม โดยที่ผ่านมา ตัวเองเป็นผู้ตรวจสอบระเบียบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด ข้อมูลบางส่วนจึงเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งตัวเองสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง
หลังจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ให้ดำเนินการตรวจสอบคดีค้ายาเสพติด โดยอ้างว่าได้รับร้องเรียนจากพลเมืองดีว่าคดียาเสพติดที่มีนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย จาคอบ หรือเอมี่ นักแสดงสาว ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฝ่ายร่วมกันทุจริตในการช่วยเหลือ น.ส.อาเมเรีย หลุดพ้นคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดในชั้นศาล โดยได้รับโทษเพียงรอลงอาญาในคดีเสพยานั้น
(21 ก.ย.61) เพจ "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" ของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ในฐานะทนายความของ น.ส.อาเมเรีย หรือ เอมี่ อดีตมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวโดยโพสต์ครั้งแรกระบุว่า "ยินดีให้ตรวจสอบถึงความโปร่งใสในการทำคดีนี้ ขอให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเร่งรัดให้มีการตรวจสอบ เพื่อให้ความจริงปรากฏโดยเร็วที่สุดครับ"
โพสต์ครั้งที่ 2 ระบุว่าว่า "วันนี้เวลาประมาณ 16.00 น. ผมและนางสาว อาเมเรีย (เอมี่) จาคอป จะไปยื่นเอกสาร หลักฐานต่างๆที่ใช้ในการต่อสู้คดีซึ่งคัดถ่ายมาจากศาล โดยมีการรับรองสำเนาถูกต้องทั้งหมด ไปยื่นต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่ได้เป็นอย่างที่มีการพยายามป้ายสีแต่อย่างใด"
ส่วนโพสต์ครั้งที่ 3 ระบุว่า "หากตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริงตามที่ร้องเรียน ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการที่เสียหาย ดำเนินการให้จริงจัง ไม่อย่างนั้นก็จะมีการสร้างเรื่องเรื่อยๆ เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ทั้งที่คดีนี้ได้มีการตรวจสอบแล้วด้วยศาลสถิตยุติธรรม"
ขณะที่เพจ "ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม" ของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า "ชมรมฯ ตรวจสอบตำรวจ แต่ทำไมถึงมีคนร้อนตัวออกมาดิ้นจัง ยืนยันชมรมฯ จะตรวจสอบกุ้งมังกรตัวละ 50,000 บาทต่อไป ขอให้พี่น้องแฟนเพจติดตามเพจชมรม อย่ากระพริบตา"
ด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น.เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่นายอัจฉริยะ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนว่า ได้มีการเรียกคณะทำงานมาประชุมแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับเอกสารคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ จึงให้พนักงานสอบสวนในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปขอคัดคำพิพากษา และจะมาศึกษารายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ จะต้องเรียกนายอัจฉริยะ และ น.ส.อาเมเรีย มาสอบปากคำเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ ก็แจ้งความประสงค์ว่าจะมาเข้าพบตน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีก็จะสอบปากคำและรวบรวมไว้ ยืนยันว่าจะทำแบบตรงไปตรงมา รวมถึงจะดูว่ามีความบกพร่องตรงจุดไหน หรือข้อจุดอ่อนของการทำสำนวนและการรวบรวมพยานหลักฐาน
"ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ ซึ่งคำพิพากษาจะลงรายละเอียดทั้งหมดว่าสาเหตุที่ศาลยกฟ้องข้อหาจำหน่ายเนื่องจากสาเหตุใด ถ้าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมีการลงโทษทางวินัย ถ้าผิดอาญาก็ลงโทษทางอาญา ส่วนที่นายอัจฉริยะระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การช่วยเหลือหลายนายนั้น การพูดใครก็พูดได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แล้วคนพูดก็ต้องรับผิดชอบในคำพูดของตนเอง ผบช.น.ก็ได้ไว้อยู่แล้วว่าให้ทำตรงไปตรงมา ถ้าตำรวจผิดก็ต้องเล่นงานตำรวจ แต่ถ้าตำรวจไม่ผิดคนพูดต้องรับผิดชอบ" พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าว
วันที่ 19 กันยายน 2018 นายเจอร์รี่ บราวน์ จูเนียร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เซ็นกฎหมาย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019 จนถึง 1 มกราคม 2021 (SENATE BILL 1480) แก้ไขเพิ่มเติมหมวด SECTION 4604, BUSINESS AND PROFESSIONS CODE โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนวดไทยโดยตรง
ผู้สมัครขอใบอนุญาต (MASSAGE THERAPIST CERTIFICATE) กับองค์กรที่ดูแลคือ CALIFORNIA MASSAGE THERAPY COUNCIL ที่รู้จักกันในนามแคมแทค (CAMTC) ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1.มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
2.เรียนหลักสูตรจากโรงเรียนที่ได้รับการอนุมัติจาก CAMTC ไม่น้อยกว่า 500 ชั่วโมง ซึ่ง 100 ชั่วโมงจะต้องรวมวิชา ANATOMY (กายวิภาคศาสตร์), PHYSIOLOGY (สรีรวิทยา) CONTRAINDICATIONS (ข้อห้ามต่างๆ) , HEALTH AND HYGIENCE (สุขภาพและความสะอาด) และ BUSINESS AND ETHICS (จริยธรรมในวิชาชีพ)
3.หลักสูตร 500 ชั่วโมงนี้ สามารถนำไปชั่วโมงเรียนมารวมกัน ในกรณีที่ไปเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ซึ่งในขณะเรียน โรงเรียนได้รับการอนุมัติจาก CAMTC วันที่ 1 กรกฎาคม 2016 แต่ถูกยกเลิกใบอนุญาตหลังจาก 1 กรกฎาคม 2016
4.หากยื่นขอไลเซนส์ ในช่วงก่อน 1 มกราคม 2019 จะต้องมีใบสอบผ่าน MBLEX กำกับมาด้วย ซึ่งก็เป็นกฎหมายเดิมอยู่ แต่กฎหมายนี้จะถูกยกเลิก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2021
5.ผ่านการตรวจสอบประวัติจาก CAMTC
6.จ่ายค่าทำเนียม ตามที่ทาง CAMTC กำหนด
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย เบื้องหน้า เบื้องหลัง ของการเสนอกฎหมายเพิ่มเติมฉบับนี้ โปรดติดตามในบทความในสัปดาห์หน้า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ก.ย.2561 ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวถึง การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรว่า ถือเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองหนึ่งเท่านั้นแต่ต้องให้ทุกพรรคการเมืองเดินพบชาวบ้านเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ไม่มีอะไรน่ากลัว
เมื่อถามถึงความเป็นปึกแผ่นของพรรคเพื่อไทยหลังโดนดูด ส.ส. นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาหาเสียงเลือกตั้ง เชื่อว่าประชาชนมีคำตอบอยู่ในใจจึงควรเคารพการตัดสินใจของประชาชน อยากให้ฟังความกันทุกฝ่ายทั้งฝ่ายที่ชอบและไม่ชอบ ถ้าใครเห็นว่า ไม่มีอะไรน่าวิตกเป็นเพียงภาพมายา ที่อาจจะเขย่าขวัญสำหรับคนที่ตกใจ แต่คนในแวดวงการเมืองจะมองเป็นเรื่องปกติ ถือเป็นสีสันทางการเมือง
นายจตุพร กล่าวอีกว่า กกต.ยังสับสนว่า พรรคการเมืองจะฟังกกต.หรือฟังองค์กรอื่นที่แสดงความคิดเห็นแทน กกต. ผู้ที่ทำหน้าที่กรรมการต้องไม่เป็นผู้เล่นเอง หากกรรมการเป็นผู้เล่นด้วยบ้านเมืองจะยุ่ง ถ้าปรารถนาจะเป็นผู้เล่นต้องลาออกจากการเป็นกรรมการ อย่ามาบอกว่าตนเองเป็นกรรมการควบผู้เล่น เพราะจะสร้างวิกฤติชาติ ตนอยากให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองว่า รัฐบาลรักษาการใดใช้อำนาจในการเลือกตั้งจะแพ้ทุกครั้ง ฉะนั้นรัฐบาลที่ฉลาดจะไม่ใช้อำนาจระหว่างหาเสียง เพราะคนไทยดื้อเงียบ ยิ่งไปกดขี่ก็จะคิดต่อสู้แต่ไม่แสดงออก
นายจตุพร กล่าวถึงการโต้ตอบของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมว่า ถือว่าหายกัน แลกกันคนละหมัด แฟร์ๆถือว่า จบกันไป ก็เหลือแต่กองเชียร์ อย่างไรก็ตาม อยากให้ช่วยกันรักษาบรรยากาศทางการเมือง ทุกฝ่ายควรอดทนและเสียสละให้ประเทศเดินสู่การเลือกตั้งด้วยความสงบ เพราะถ้าไม่มีความสงบจะไม่มีการเลือกตั้ง อะไรที่ทำให้เกิดความไม่สงบก็ต้องละเว้น
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012