ข่าว
ชาวเน็ตแห่ชื่นชม พยาบาลสาวให้นมเด็กทารก

เครือข่ายสังคมออนไลน์ เกิดกระแสชื่นชมพยาบาลรายหนึ่ง ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่โรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา หลังจากที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก ชื่อว่า “สหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย” โพสต์รูปภาพพยาบาลคนดังกล่าว กำลังอาสาให้นมเด็กทารก พร้อมข้อความระบุว่า “น่าปลื้ม น้องพยาบาล โรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เด็กในรูปเป็นคนไข้ เคสครอบครัวเกิดอุบัติเหตุ พ่อเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แม่บาดเจ็บ น้องอายุ 4 เดือน ดีว่าไม่เป็นไรมาก น้องกินนมแม่ไม่ดูดขวด แม่เจ็บหลังลุกมาไม่ได้ น้องพยาบาล ER เแม่ลูกอ่อน อาสามาให้นมจากเต้า"

หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกแชร์ออกไปผ่านสังคมออนไลน์ ชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมกับการกระทำในครั้งนี้ และปรบมือให้กับสัญชาติญาณของความเป็นแม่ที่มีอยู่ในตัวเธออย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับยกย่องให้เธอเป็นนางฟ้าใจดี ที่ขาวทั้งใจและขาวทั้งชุดที่สวมใส่

ขรก.บำนาญสุโขทัย ได้แม่แมวขาวมณีออกลูกตาเพชร 4 ตัวรวด

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 30 พ.ค.2558 ได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.2 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย หลังรับแจ้งว่า เลี้ยงแมวไทยพันธุ์ขาวมณี ที่มีลักษณะเด่นกว่าแมวไทยทั่วไป คือ ดวงตาข้างขวาจะเป็นสีทอง ส่วนข้างซ้ายจะเป็นสีฟ้าเปล่งประกายแวววาว หรือที่โบราณเรียกว่า แมวตาเพชร ได้พบกับ ดร.ศรีโสภา มีเจริญ อายุ 61 ปี ข้าราชการบำนาญ กำลังยืนอุ้ม "เจ้าปุยฝ้าย" แมวไทยพันธุ์ขาวมณี เพศเมีย อายุ 1 ปี ไว้กับอกด้วยความรักอย่างทะนุถนอม โดยมีลูกน้อยของ "เจ้าปุยฝ้าย" อีก 4 ตัว ส่งเสียงร้องเมี้ยวๆ ระงมดังออกมาจากตะกร้าสีฟ้าใบใหญ่วางอยู่ที่พื้น

ดร. ศรีโสภา เล่าว่า "เจ้าปุยฝ้าย"เป็นลูกแมวไทยพันธุ์ขาวมณีที่เกิดในบ้านตั้งแต่ปีที่แล้ว แสนรู้ ขี้ประจบและติดเจ้าของมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืนจะคลอเคลียอยู่บนที่นอนตลอดเวลา ตอนเล็กๆ สีของดวงตา "เจ้าปุยฝ้าย" ก็เป็นปกติเหมือนแมวทั่วไป กระทั่งพอโตขึ้นมาประมาณ 8 เดือน เริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง เมื่อสีของตาข้างขวาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง ส่วนข้างซ้ายก็เป็นสีฟ้าสดใสแวววาว ลักษณะเหมือนแมวตาเพชร

เจ้าของแมวไทยพันธุ์ขาวมณี กล่าวด้วยว่า ล่าสุดได้ผสมกับแมวตัวผู้สีเทาในบ้านชื่อ "สายหมอก" จนได้ลูกแมวออกมาอีก 4 ตัว ซึ่งล้วนแต่มีตาเพชรทั้งนั้น สร้างความดีใจให้กับตนและคนในบ้านเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นเรื่องมงคล และตั้งใจจะเก็บไว้เลี้ยงเองทั้งหมด หากมีใครมาขอซื้อก็ไม่ยอมขาย เพราะรักและผูกพันเหมือนลูกนั่นเอง.


'วินธัย' ยันไร้คลื่นใต้น้ำหลังยึดพาสปอร์ต-ถอดยศ 'ทักษิณ'

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 30 พ.ค. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์หลังกระทรวงการต่างประเทศถอนพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และตำรวจกำลังดำเนินการถอดยศ ว่า ขณะนี้สถานการณ์ภาพรวมมีความเรียบร้อย ซึ่งทาง คสช. ยังไม่มีรายงานความผิดปกติใดๆ สำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนั้นยังคงเดินหน้าเฝ้าระวัง และดูแลสถานการณ์ให้เกิดความเรียบร้อยตามปกติ โดยที่ผ่านมา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผบ.ทบ.ได้กำชับเจ้าหน้าที่อยู่เสมอเรื่องของการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย กรณีบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างเหมาะสมควบคู่กับการทำความเข้าใจ และพยายามรักษามาตรฐานการทำงานให้ดีไว้

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการถอนพาสปอร์ตและการดำเนินการถอดยศของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอน รวมถึงการที่กองทัพบกแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณในข้อหาหมิ่นประมาทด้วย.


เอาคืน! “นักรบชาวคริสต์” ในซีเรีย “ฆ่าตัดหัว” พวกไอเอส

ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) รายงานว่า ปรากฏการณ์กลับตาลปัตรครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี(28) ที่จังหวัดฮาซาเกห์ (Hasakeh) ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพวกไอเอส โดยนักรบชาวคริสต์จากชนกลุ่มน้อยอัสซีเรียนคนหนึ่งได้เผชิญหน้ากับนักรบญิฮาดที่หมู่บ้าน ทัล ชามิราม

“เขาจับนักรบญิฮาดเป็นเชลย และเมื่อทราบว่าเป็นพวกไอเอส นักรบชาวคริสต์อัสซีเรียนก็ได้ลงมือฆ่าตัดหัวเขา เพื่อล้างแค้นให้กับประชาชนจำนวนมากที่ถูกไอเอสเข่นฆ่า” รามี อับเดล ราห์มาน ผู้อำนวยการศูนย์สังเกตการณ์ฯ ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงลอนดอน ให้สัมภาษณ์

ศูนย์แห่งนี้ได้รายงานสถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรียอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว โดยอาศัยข้อมูลจากเครือข่ายแหล่งข่าวในซีเรีย

นักรบชาวคริสต์ได้ร่วมต่อสู้กับกองกำลังเคิร์ด ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้สามารถขับไล่พวกไอเอสออกไปจากหมู่บ้านชาวอัสซีเรียนหลายแห่งในจังหวัดฮาซาเกห์

ไอเอสซึ่งเป็นกลุ่มนักรบหัวรุนแรงนิกายสุหนี่สามารถยึดพื้นที่อย่างกว้างในซีเรียและอิรัก และได้ล่วงละเมิดพลเมืองท้องถิ่นอย่างโหดเหี้ยม ทั้งการฆ่าตัดหัว สังหารหมู่ จับเป็นทาส และข่มขืน


กรมขนส่งฯ ยืนยันไม่ได้ยกเลิกใบขับขี่แบบเก่า

ตามที่มีการส่งต่อข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุว่า ผู้ที่มีใบอนุญาตขับรถรูปแบบเดิม (แบบกระดาษ) ต้องดำเนินการเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตขับรถแบบใหม่ (บัตรพลาสติก) หรือ Smart card ภายในปี 2558 นี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกอัตโนมัติ และได้ออกเป็นกฎหมายมาแล้วนั้น

นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ยืนยันว่า ข้อความดังกล่าว ไม่เป็นความจริง ขอให้ผู้ที่โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว ยุติการสร้างความสับสนแก่ประชาชน โดยใบขับขี่รูปแบบเก่าสามารถใช้ได้ตามกฎหมายไม่มีการยกเลิก และไม่มีการกำหนดระยะเวลาต้องเปลี่ยนเป็นแบบพลาสติก เพราะเป็นภาคสมัครใจเท่านั้น ซึ่งผู้ถือใบอนุญาตขับรถรูปแบบเดิมสามารถใช้ได้ตามปกติจนกว่าใบอนุญาตขับรถจะหมดอายุหรือสิ้นสภาพ

สำหรับการขอเปลี่ยนใบอนุญาตขับรถสามารถกระทำได้โดยความสมัครใจของประชาชน โดยสามารถติดต่อขอเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตขับรถรูปแบบใหม่ หรือ Smart card ได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ทุกวันและเวลาราชการ โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด และสำหรับผู้ที่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลแบบตลอดชีพ เมื่อเปลี่ยนเป็นแบบสมาร์ทการ์ดจะยังคงเป็นแบบตลอดชีพเช่นเดิม


บิ๊กตู่! แซวบินไทยองุ่นไม่อร่อย หยอดแอร์รุ่นใหญ่แต่ก่อนเคยสวย

วันนี้ (31 พ.ค.) สังคมออนไลน์ ได้แชร์คลิปวิดีโอของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ธุรกิจไทยขับเคลื่อนไทยสู่ความมั่งคั่งยั่งยืนด้วยมาตรฐานสากล” ในงาน "ธุรกิจไทยขับเคลื่อนไทยสู่ความมั่งคั่งยั่งยืนด้วยมาตรฐานสากล : Thai Corporate Moving toward Sustainable Growth,DJSI" ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยระบุแซวสายการบินไทย ว่า "ถ้าอยากจะกินองุ่นไม่อร่อย ให้ไปกินที่ไหน ก็เครื่องบินการบินไทย แต่อย่าไปว่าพวกเขาและผมพูดไปแล้วเขาก็แก้แล้ว ไม่มีใครกล้าพูดหรอกว่านี่มันลูกอะไร ม่วงๆ แต่เผอิญผมเป็นนายกฯ ไง พอพูดปุ๊บก็เปลี่ยนเลยทันที หรือเปลี่ยนเฉพาะผมก็ไม่รู้"

และเมื่อนายกฯ กำลังนึกถึงเรื่องที่จะพูดอยู่ จู่ๆ ก็มีผู้ร่วมรับฟังพูดเสนอให้กล่าวถึงแอร์โฮสเตส พล.อ.ประยุทธ์ จึงทำหน้ายิ้ม แล้วชี้ที่ผู้ถามและตอบกลับว่า "ก้าวล่วง ๆ เดี๋ยวเถอะ แอร์เนี่ยถ้าเขามีประสบการณ์มากๆ ผมก็ถามเขา เขาบอกว่า พวกนี้เขารู้ว่าจะต้องทำอะไร เขารู้ว่าควรบริการกับผู้หลักผู้ใหญ่ยังไง เขาเลยจัดบริการไว้ชั้นผู้ใหญ่ ถ้าท่านอยากเป็นผู้น้อยดูแอร์เด็ก ๆ ไปชั้นธรรมดาโน่น" พร้อมระบุด้วยว่า "อย่าไปว่าเขา แต่ก่อนเขาสวยไม่ใช่เหรอ เหมือนภรรยาเรา แต่ก่อนสวย วันนี้ก็ยังสวยอยู่"


ชาวเน็ตขำกลิ้งผู้ประกาศช่อง 7 อ่านชื่อ สมยศ เป็น สม...

ในเครือข่ายเฟซบุ๊กได้โพสต์วีดีโอคลิปรายการ "เคาะข่าวสุดสัปดาห์" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เอชดี เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ดำเนินรายการโดย นายณัชฐพงศ์ มูฮำหมัด, น.ส.ภานุรัตน์ พรหมคชสุต และ น.ส.ศจี วงศ์อำไพ ได้รายงานพาดหัวข่าวการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่า "ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ตร.มีมติ สมยศเซ็นส่ง'บิ๊กตู่'" โดยพบว่าหนึ่งในผู้ดำเนินรายการสาวได้อ่านคำว่า "ตำรวจมีมติ สมยศ" ซึ่งก็คือชื่อของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผิดเล็กน้อย กลายเป็นคำที่หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ สร้างอารมณ์ขันแก่ผู้ที่ได้พบเห็น และเห็นว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้านี้ รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดย นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา และ น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ หรือ ไบร์ท ออกอากาศเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา ในช่วงที่มีการรายงานข่าวความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล สมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายสรยุทธ์ได้อ่านคำว่า "เกาะสมุย" เป็นชื่อเกาะที่ไม่มีในประเทศไทย แต่พยางค์หลังมีความหมายคือขนอวัยวะเพศหญิง สร้างอารมณ์ขันแก่ผู้ที่ได้พบเห็น และมีสมาชิกยูทิวบ์บางรายนำไปดัดแปลงเป็นเพลงแดนซ์มาแล้ว


มะกันประกาศหาเจ้าของ 'แอปเปิล 1' มารับ 1 แสนดอลลาร์

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2558 คลีนเบย์แอเรีย บริษัทรับซื้อของเก่านำไปรีไซเคิลในเมืองมิลปิตาส รัฐแคลิฟอร์เนีย อยู่ระหว่างรอรับการติดต่อจากสตรีสูงอายุวัยราว 60 ปี ให้มารับเช็คเงินสดมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.3 ล้านบาท จากการมอบขยะอิเล็กทรอนิกส์ชิ้นหนึ่ง เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 'แอปเปิล 1' (Apple One) ผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1976 หรือ พ.ศ.2519 โดยเธอมอบคอมพิวเตอร์เก่าแก่ให้กับทางร้านของเก่า หลังการทำความสะอาดโรงรถ และพบเข้าโดยบังเอิญ

ทั้งนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล “แอปเปิล 1” ถูกสร้างขึ้นด้วยการประกอบมือ ทำด้วยไม้ และมีเพียงไม่กี่สิบเครื่องในโลก ออกแบบโดยนายสตีฟ วอซเนียค ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล ราคาขายตอนนั้นเครื่องละ 666.66 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.2 หมื่นบาท แต่บริษัทคลีนเบย์แอเรีย นำคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าดังกล่าวไปประมูลขายได้ราคามากถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามนโยบายของบริษัทคือรายได้จากการประมูลสินค้าเก่า จะส่งมอบให้แก่เจ้าของเดิมแบ่งกันรายละ 50% อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้สตรีเจ้าของคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวยังไม่มาแสดงตัวรับเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

นายวิคเตอร์ กิชุน รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัทแอปเปิล ระบุว่า เขาเห็นคอมพิวเตอร์แอปเปิล 1 ครั้งแรกคิดว่าเป็นของปลอม เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนที่คอมพิวเตอร์ทำด้วยไม้.


'สมยศ'ไม่เคืองผู้ประกาศสาว พลาดกันได้อย่าตำหนิลงโทษ.

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่สังคมออนไลน์ มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอหนึ่ง โดยมีผู้ประกาศข่าวสาวช่องดัง ที่กำลังดำเนินรายการข่าวเช้า ได้อ่านพาดข่าวหัวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการสั่งถอดยศ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ด้วยความที่ไม่ทันได้ระวัง ทำให้ออกเสียงเรียกชื่อ ผบ.ตร. "สมยศ" ผิดเพี้ยน ว่า เรื่องเล็กน้อยใครๆ ก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ยิ่งถ้าผู้ประกาศข่าวสาวยอมรับในความผิดพลาด แสดงว่าผู้ประกาศข่าวสาวมีความรับผิดชอบในสิ่งนั้น ตนเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องให้อภัยและให้กำลังใจ ให้ผู้ประกาศข่าวสาวเข้มแข็งทำหน้าที่ต่อไป และอวยพรขออย่าให้เกิดสิ่งผิดขึ้นอีก เดี๋ยวจะทำให้หมดกำลังใจ และฝากบอกผู้ใหญ่ทางช่อง 7 ว่าอย่าตำหนิหรือลงโทษน้องเขานะ เพราะจะทำให้ตนยิ่งไม่สบายใจ และให้โอกาสน้องเขาด้วย ส่วนที่ทางผู้ประกาศสาวจะเข้ามากราบขอโทษนั้น ตนมีความยินดีต้อนรับ ทั้งนี้ มีรายงานว่าทางต้นสังกัดช่อง 7 ได้ติดต่อผ่านทาง พล.ต.ต.นิรันดร เหลื่อมศรี นว.ผบ.ตร. (สบ 6) เพื่อประสานไปทาง ผบ.ตร. เพื่อที่จะขอเข้าไปกราบขอโทษท่านด้วยตัวเอง ซึ่งจะให้เข้าพบในช่วงเวลา 11.30 น. ของวันพรุ่งนี้

สาวถูกจำคุกขังเดี่ยว ฐานร้องดังเกินเหตุ ขณะปฏิบัติกามกิจ

เว็บไซต์ 7sur7 ของเบลเยียมรายงานว่า สาวอังกฤษถูกตัดสินจำคุกขังเดี่ยวสองสัปดาห์ เมื่อวันจันทร์โดยศาลแห่งเมืองเบอร์มิงแฮม ฐาน “ส่งเสียงตะโกนและร้องครวญครางดังระหว่างการปฏิบัติกามกิจ” อันเป็นการรบกวนการหลับนอนของเพื่อนบ้าน

สาวน้อยที่มิได้มีการระบุอายุได้เคยถูกฟ้องร้องในเรื่องดังกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ผู้พิพากษาศาลเบอร์มิงแฮมเคาน์ตี้ ได้พิพากษาตัดสินภายหลังการร้องเรียนของเพื่อนบ้านของเธอ ที่ต้องทนฟังเสียงร้องดังอย่างผิดปกติ ในระหว่างการปฏิบัติกามกิจของเธออีกครั้งหนึ่ง

ผู้พิพากษาเอ็มม่า เคลลี่ กล่าวว่า “เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 29 มกราคม 2558 เวลาประมาณห้านาฬิกา ตอนเช้า ผู้ต้องหาได้กระทำความผิดฐานส่งเสียงร้องครวญครางและตะโกนดังมาก ในระหว่างการร่วมเพศอยู่ในระดับเสียงที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่เพื่อนบ้าน”

เพื่อนบ้านที่ฟ้องร้อง ระบุว่า เสียงร้องครวญคราวทำให้เธอต้องตื่นขึ้นมา และเสียงนั้นก็ยังคงดังอยู่เป็นเวลาอีกประมาณสิบนาที ผู้ต้องหาชื่อว่า เก็มม่า ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนชายที่ชื่อ ว่า เวนย์ ในช่วงเช้ามืดอีกด้วย โดยได้มีการกล่าวคำสบถที่หยาบคายและปิดประตูเสียงดังมาก คณะที่ปรึกษาของเทศบาลเมืองเบอร์มิงแฮม เป็นผู้ยื่นคำฟ้องร้องหลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้พักอาศัยในอาคารเดียวกันกับผู้ต้องหาที่พักอยู่ในอาคารของหน่วยงานสังคมสงเคราะห์

เพื่อนบ้านของเธอคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเบอร์มิงแฮมเมล์ ว่า “เธอทำให้เราแทบเป็นบ้า เพื่อนบ้านทุกคนต้องการไล่เธอออกไป มีผู้ชาย เข้า-ออก อพาร์ตเมนต์ของเธอตลอดเวลา หลังจากนั้น เธอก็จะนอนหลับอุตุฯตลอดวันเลย นับได้ว่า เป็นช่วงเวลาสองปี ที่แย่ที่สุดสำหรับชีวิตของฉัน”