ข่าว
ยูเครนอพยพชาวเมือง “คูเปียนสก์” หลังรัสเซียรุกหนัก ไบเดนจ่อช่วยอีก 4 แสนล้าน

เอเอฟพี รายงานวันที่ 11 ส.ค. ว่า ทางการท้องถิ่นยูเครนเรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่สมรภูมิแถวหน้าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุม เมืองคูเปียนสก์ และบริเวณโดยรอบใน แคว้นคาร์คิฟหรือ แคว้นคาร์กิว เร่งอพยพ หลังกองกำลังรัสเซียยกระดับการโจมตีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ฝ่ายบริหารเมืองคูเปียนสก์ระบุในแถลงการณ์ว่า “จากสถานการณ์ด้านความปลอดภัยที่ยากลำบากและจำนวนการทิ้งระเบิดที่เพิ่มขึ้นโดยกองกำลังก่อการร้ายของรัสเซียในชุมชนเมืองคูเปียนสก์ พวกคุณมีโอกาสที่จะอพยพไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่านี้”

พร้อมแนะนำให้ประชาชนสามารถอพยพไปยังเมืองคาร์คิฟซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันตก 90 กิโลเมตร ขอให้ทุกคนอย่าละเลยความปลอดภัยของตัวเอง รวมถึงคนที่รัก ขอให้เร่งเดินทางออกจากเมืองทันทีโดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย

ประกาศอพยพเกิดขึ้นภายหลังกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่ากองกำลังรัสเซียได้ปรับตำแหน่งตั้งแนวรบแถวหน้าตามแผนปฏิบัติการโจมตีใกล้เขตคูเปียนสก์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายเซอร์เก เชเรวาตี โฆษกกองกำลังภาคตะวันออกของยูเครน ยืนยันกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า รัสเซียพยายามบุกทะลวงในพื้นที่คูเปียนสก์ แม้สถานการณ์ยังคงยากลำบากแต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุม

นายอันเดรย์ เบเซดิน หัวหน้าฝ่ายบริหารเมืองคูเปียนสก์ กล่าวว่าการอพยพเริ่มต้นเมื่อวานนี้หลังมีการลงนามในคำสั่ง ขณะเดียวกันเกิดเหตุรัสเซียโจมตีอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในเมืองซาโปริฌเฌีย ทางตอนใต้ของยูเครน เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บอีก 14 คน ในจำนวนนี้มีเด็กหญิงอายุ 3 ขวบและเด็กชายอายุ 14 ปีรวมอยู่ด้วย

ด้าน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุผ่านเทเลแกรมว่า “เกิดไฟไหม้ที่อาคารของพลเรือนหลังจากฝ่ายยึดครองโจมตีด้วยขีปนาวุธ และตอนนี้มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย”

วันเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ร้องขอต่อสภาคองเกรสให้เห็นชอบอนุมัติเงินช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนครั้งใหม่มากกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 456,000 ล้านบาท

โดยระบุว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ยูเครนสามารถปกป้องประเทศจากการรุกรานของรัสเซีย โดยงบประมาณดังกล่าวจะนำไปช่วยเหลือยูเครนและประเทศที่เปราะบางประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการยั่งยุและการรุกรานอันโหดร้ายของรัสเซียได้

เยือนประเทศไทย

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 23 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกัน รัฐแคลิฟอร์เนีย นางมิเชล สตีล (Congresswoman) ได้เยือนประเทศไทย ร่วมกับคณะ ส.สในกรรมมาธิการ House Committee on Ways and Means เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่มีมาถึง 190 ปี โดยท่านรองนายกรัฐมนตรีนายดอน ปรมัตถ์วินัย ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณให้คุณมิเชล ในฐานะที่ได้ช่วยเหลือชุมชนไทยในสหรัฐฯ มาโดยตลอด นางมิเชล ได้ตั้งและเป็นประธาน U.S.-Thai Alliance Caucus ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาอีกด้วย


คิม จอง อึน เปลี่ยนตัวเสนาธิการทหาร เตรียมพร้อมรับสงคราม

CNN: 11 ส.ค. 66 : คิม จอง-อึน เปลี่ยนตัวเสนาธิการทหาร และปรับเปลี่ยนตำแหน่งอื่นๆ ภายในกองทัพ หลังการประชุมคณะกรรมการกองทัพ ซึ่งเน้นหนักเรื่องการเตรียมพร้อมรับสงคราม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ปลดพลเอก พัค ซู-อิล ออกจากตำแหน่งเสนาธิการทหารแล้ว และตั้งรองจอมพล รี ยอง-กิล รองประธานคณะกรรมการกองทัพกลาง เข้ารับตำแหน่งแทน ในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งภายในกองทัพครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ

ตามรายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของรัฐบาลเปียงยาง มีเจ้าหน้าที่กองทัพระดับผู้นำบัญชาการอีกหลายนายที่ถูกปลดจากตำแหน่ง, โยกย้าย หรือได้รับตำแหน่งใหม่ ระห่างการประชุมคณะกรรมการกองทัพกลางเมื่อวันพุธที่ 9 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยที่ KCNA ไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

ลีฟ-เอริค เอสลีย์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยสตรี อีวา ในกรุงโซลระบุว่า เกาหลีเหนือปรับเปลี่ยนตำแหน่งภายในกองทัพเป็นประจำ ผู้นำกองทัพบางคนอาจปรากฏตัวอีกครั้งในตำแหน่งอื่น ขณะที่บางคนก็หายไปจากสายตาประชาชน นายรีก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาผ่านช่วงขึ้นลงมาตลอดอาชีพ เมื่อ 7 ปีก่อนมีข่าวลือ ด้วยซ้ำว่าเขาถูกประหารชีวิตไปแล้ว

ขณะที่นาย ชอง ซอง-ชาง นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบัน เซจง คณะวิจัยเอกชนใกล้กรุงโซล กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนตำแหน่งในกองทัพของคิม จอง-อึน มีหลายเหตุผล ไม่จำเป็นว่าจะเป็นการลงโทษเสมอไป เพราะเขามักเลื่อนขั้น, ลดขั้น หรือปลดเจ้าหน้าที่บริหารตามความสามารถในการทำงานอยู่บ่อยครั้ง

นอกจากนั้นการปรับตำแหน่งครั้งล่าสุดอาจมีความหมายบางอย่าง โดย KCNA ระบุถึงเรื่องดังกล่าวในตอนท้ายของรายงานข่าวการประชุมคณะกรรมการกองทัพกลาง ซึ่งพูดถึงความสำคัญในการทำให้กองทัพมีความพร้อมสำหรับสงครามมากกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและการทหารที่กำลังเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี

รายงานของ KCNA ยังระบุถึงเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ อย่างอ้อมๆ โดยเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้วิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของกองทัพฝ่ายคนร้ายที่ทำให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเลวร้ายลงแล้ว และการเตรียมความพร้อมรับสงครามอย่างเต็มรูปแบบ คือประเด็นหลักในการประชุมครั้งนี้

ที่มา : CNN


ไบเดนประกาศ ไฟป่าฮาวายเป็นภัยพิบัติ คร่าแล้ว 55 ศพ ยังควบคุมไม่ได้

CNN: 11 ส.ค. 66 : ไบเดนประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติที่รัฐฮาวาย เพื่อส่งความช่วยเหลือไปช่วยรับมือไฟป่าที่กำลังลุกลามอย่างหนัก ล่าสุดคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 55 ศพและยังควบคุมไม่ได้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกาอนุมัติการประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติที่รัฐฮาวาย ซึ่งกำลังเผชิญไฟป่าหลายจุดโดยเฉพาะบนเกาะเมาวี เกาะใหญ่อันดับ 2 ของรัฐแล้ว ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ส.ค. 2566 และสั่งการให้รัฐบาลกลางช่วยเหลือปฏิบัติการฟื้นฟูของท้องถิ่นในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า

ความช่วยเหลือดังกล่าวรวมถึงจัดหาที่พักชั่วคราวและซ่อมแซมบ้านเรือน, ออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำช่วยผู้ เสียทรัพย์สินที่ไม่มีประกัน และความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีไบเดนเกิดขึ้นหลังจาก จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าบนเกาะเมาวีเพิ่มขึ้นเป็น 55 ศพแล้ว เมืองลาไฮนา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมถูกไฟเผาเกือบทั้งหมด ในขณะที่ประชาชนกว่า 11,000 คนบนเกาะยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ หรือคิดเป็น 15% ของประชากรทั้งหมดบนเกาะโครงการอื่นๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูชุมชนจากไฟป่า

นายริชาร์ด บิสเซน นายกเทศมนตรีเขตเมาวี เคาน์ตี กล่าวว่า ตอนนี้ไฟป่าส่วนใหญ่บนเกาะ ซึ่งลุกลามอย่างรวดเร็วเพราะลมแรงจากพายุเฮอริเคน โดรา ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ ยังไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่เกาะบิ๊ก ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของรัฐก็ได้รับผลกระทบจากไฟป่าเช่นกัน

ส่วนนายโจช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวาย บอกกับ ซีเอ็นเอ็น ว่า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะรู้ความเสียหายทั้งหมดจากเหตุไฟป่า แต่คาดว่า ความเสียหายเชิงโครงสร้างน่าจะอยู่ที่หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว

ขณะที่หน่วยยามฝั่งของสหรัฐฯ สามารถช่วยเหลือประชาชนที่หนีไฟป่าที่เมืองลาไฮนาลงทะเลด้วยเรือและอุปกรณ์อื่นๆ ได้แล้ว 50 คน แต่รายงานเบื้องต้นระบุว่ามีผู้หนีลงทะเลกว่า 100 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงพยายามค้นหาผู้รอดชีวิตต่อไป

นางซิลเวีย ลุค รองผู้ว่าการรัฐฮาวายเปิดเผยว่า เครือข่ายโทรศัพท์มือถือบนเกาะเมาวียังคงใช้การไม่ได้ และอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการซ่อมแซม เจ้าหน้าที่ในฝั่งตะวันตกของเกาะต้องสื่อสารกันผ่านโทรศัพท์ดาวเทียม ในขณะที่โรงพยาบาลบนเกาะเมาวีกำลังท่วมท้นไปด้วยผู้บาดเจ็บจากไฟไหม้และสูดควันไฟ

ด้านเจ้าหน้าที่เขตเมาวี เคาน์ตี ออกมาเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากเมืองลาไฮนาและเกาะเมาวีโดยเร็วที่สุด โดยยืนยันว่ายังมีที่นั่งเหลือในเที่ยวบินขาออกต่างๆ ขณะที่สายการบินอย่าง อลาสก้า, เดลตา และอเมริกัน แอร์ไลน์ส ตัดสินใจใช้เครื่องบินขนาดใหญ่กว่าเดิมในเที่ยวบินขาออกจากเกาะ เพื่อให้พาคนออกไปได้มากขึ้น ขณะที่สายการบิน เซาท์เวสต์ ยกเลิกค่าโดยสารและเพิ่มบริการขึ้นด้วย

ที่มา : CNN


สุดสลด น้ำท่วมฉับพลันที่จีน ซัดชาวบ้านที่กำลังต้อนแกะดับ 5 ศพ

เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่มณฑลกานซูของจีน ส่งผลให้น้ำซัดชาวบ้านที่มาต้อนแกะในหุบเขา จมน้ำดับอย่างน้อย 5 ศพ

ที่มณฑลกานซู พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนต้องเผชิญกับน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลให้กระแสน้ำ ซัดชาวบ้าน 5 ราย ที่กำลังต้อนแกะอยู่ในหุบเขาถูกน้ำพัดจมหาย โดยมีรายงานว่าขณะเกิดเหตุมีชาวบ้าน 7 คน มาช่วยกันต้อนแกะกว่า 80 ตัว ออกจากพื้นที่ แต่กลับมีพายุฝนกระหน่ำลงมา ทำให้พวกเขาเข้าไปหลบฝน ในรถยนต์ที่จอดอยู่ริมแม่น้ำ ก่อนที่รถยนต์คันที่มีคนอยู่ภายใน 5 คนจะถูกน้ำซัดจมหายไป ขณะที่รถอีกคัน ที่มีชาวบ้านอีก 2 คน สามารถขับหนีกระแสน้ำออกมาได้ และได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ มณฑลกานซู ได้ยกระดับการเตือนภัยฉุกเฉินใน 8 เมือง ที่คาดการณ์ว่าจะเผชิญฝนตกหนัก ลูกเห็บ และน้ำท่วมฉับพลันแล้ว

ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมากรุงปักกิ่ง รายงานยอดผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับน้ำท่วมอยู่ที่ 33 ศพ หลังจากไต้ฝุ่นทกซูรี ได้ทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ในรอบ 140 ปี ส่วนที่มณฑลเสฉวน ในสัปดาห์นี้ มีรายงาน นักท่องเที่ยว 7 คน ที่มาถ่ายภาพที่พื้นที่อนุรักษ์น้ำ เสียชีวิต หลังจากถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากจากการระบายน้ำของเขื่อนซัดจมหายไป

ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย

ฮุนเซนเผยภาพ “ครม. ฮุน มาเนต” คาดลูกคนเล็กคุมขรก. ส่วนหลานนั่งรองนายกฯ

11 ส.ค. เอเอฟพี และสเตรตส์ไทมส์ รายงานว่า นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์รูปถ่ายผ่านเทเลแกรมหลังการประชุมจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตของนายฮุนเซน เมื่อวันพุธที่ 10 ส.ค.

ภายหลังพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี กษัตริย์แห่งกัมพูชา ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งพล.อ.ฮุน มาเนต เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหลังจากพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ชนะการเลือกตั้งได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถล่มทลายทั้งหมด 125 ที่นั่งเมื่อ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา

โดยรูปที่นายฮุนเซนโพสต์มีพล.อ.ฮุน มาเนต ยืนอยู่พร้อมหน้าคณะรัฐมนตรีราว 30 คน รวมถึง นายฮุน มานี บุตรชายคนเล็กของนายฮุนเซนที่คาดว่าจะคุมกระทรวงข้าราชการพลเรือน

ส่วนลูกชายของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม ในสมัยนายฮุนเซนจะรับช่วงคุมทั้งสองกระทรวงต่อจากผู้เป็นพ่อ ขณะที่พล.ต.อ.เนตร สะเวือน หลานของนายฮุนเซนซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ฮุน มาเนต