เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ได้มีการพิจารณาผลการไต่สวนคดี นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ “แซม” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ถูกกล่าวหาว่าจงใจปกปิดไม่แจ้งการถือครองหุ้น บริษัท วิลล่า เมดิก้า (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 14 ล้านบาท ต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 31 ส.ค.2554
โดยที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายยุรนันท์จงใจปกปิดไม่แจ้งการถือครองหุ้น บริษัท วิลล่า เมดิก้า ตามที่ถูกร้องเรียน และยังตรวจสอบพบด้วยว่า นายยุรนันท์ไม่ได้ยื่นข้อมูลการถือครองหุ้นในสหกรณ์การบินไทยของภรรยาอีกจำนวน 3 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อทำสำนวนเสร็จแล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า ป.ป.ช.จะยื่นเรื่องดังกล่าวให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาตัดสิทธิ์ให้พ้นจากตำแหน่ง และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ฐานจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินต่อไป.
'ในหลวง'พระราชทานพระโกศกุดั่นใหญ่ฉัตร 3 ชั้น-เครื่องประกอบเกียรติยศ 'พุทธศาสนิกชน'ร่ำไห้ ร่วมถวายสักการะ'สมเด็จพระสังฆราช'แน่นวัดบวรฯ ตกแต่งวัดไว้อาลัย
25 ต.ค.56 บรรยากาศที่วัดบวรนิเวศวิหาร ตลอดช่วงกลางคืนจนถึงเช้า คณะสงฆ์วัดบวรฯ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกันตกแต่งประดับประดาบริเวณรอบวัด เพื่อไว้อาลัย ต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราช โดยนำผ้าขาวดำผูกกำแพงแก้วรอบวัดบวรฯ ขณะเดียวกันในกุฏิคณะต่างๆ ของวัดบวรฯ มีการตกแต่งทำความสะอาดและจัดเครื่องไว้ทุกข์ เพื่อแสดงถึงความกตัญญูแด่องค์พระสังฆราชา ส่วนร้านค้าบริเวณรอบวัด พุทธศานิกชนพร้อมใจกันสวมชุดดำ นำภาพพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระสังฆราช มาประดับ บางร้านงดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ ทั้งทำความสะอาดบ้านเรือนเตรียมรับงานพระราชพิธีรดน้ำหลวงอาบพระศพขององค์พระประมุขสงฆ์ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่าย
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณตำหนักเพ็ชร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าหน้าที่กองพิธีสำนักพระราชวังและคณะสงฆ์วัดบวรฯ ร่วมกันปรับสภาพภูมิทัศน์ ให้สวยงามสมพระเกียรติ เพื่อจัดให้เป็นสถานที่สำหรับการตั้งพระศพของสมเด็จพระสังฆราช โดยบริเวณห้องโถงใหญ่ของตำหนักเพ็ชร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระโกศประดับเกียรติยศแด่สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระโกศกุดั่นใหญ่ พร้อมฉัตร 3 ชั้น และเครื่องประกอบเกียรติยศ ทั้งนี้ พระโกศกุดั่นใหญ่ ทำด้วยไม้แกะสลักลวดลายทรงแปดเหลี่ยม ฝายอดทรงมณฑป ปิดทองล่อง ชาดประดับ กระจกสี สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เดิมจะใช้ในงานพระศพสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า เจ้าหน้าที่กองพิธีสำนักพระราชวังตั้งไว้กลางห้อง นอกจากนี้ ยังมีการนำพระพุทธรูประจำพระชนมวาร ตลอดจนทั้งพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระสังฆราช พัดยศประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช มาตั้งไว้หน้าพระโกศ
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า พระราชพิธีในครั้งนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โปรดเกล้าฯให้ กองงานส่วนพระองค์มาทำหน้าที่ดูแลและให้ข้าราชการที่เข้าร่วมในพิธีแต่งเครื่องแบบเต็มยศ ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการถวายพระเกียรติยศสูงสุด แด่สมเด็จพระสังฆราช
กระทั่งเวลา 12.50 น. ขบวนรถเคลื่อนพระศพสมเด็จพระสังฆราช ได้มาถึงยังวัดบวรฯ โดยขบวนเคลื่อนพระศพ ประกอบด้วย รถนำเสด็จจากกองงานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตามด้วยรถของผู้อัญเชิญพระศพ ตามพิธีการ คือ สมเด็จพระวันรัต วัดบวรฯ ถัดมาคือ รถพระประเทียบของสมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงเคยใช้ปฏิบัติพระศาสนกิจ มีนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี นั่งอัญเชิญพระพุทธรูป ประจำพระชนมวาร สมเด็จพระสังฆราช คือ ปางรำพึง ประดิษฐานมาในรถ ส่วนรถอัญเชิญพระศพของสมเด็จพระสังฆราช เป็นรถของรพ.จุฬาฯ ปิดท้ายขบวนด้วยรถอัญเชิญเครื่องทองน้อย และผ้าไตร ที่มีนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกฯ และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เป็นผู้อัญเชิญ พร้อมรถของคณะพยาบาลจากโรงพยาบาลจุฬา ที่เคยถวายการรักษา ตามมาส่งพระศพ ถึงยังวัดบวรฯ
ทั้งนี้ เส้นทางการเคลื่อนพระศพ ได้ผ่านถนนราชดำริ เลี้ยวขวา ถนน พระราม 4 ขึ้นทางด่วนหัวลำโพง ลงแยกอุรุพงษ์ ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรบุรี ผ่านถนนหลานหลวง แยกผ่านฟ้า เลี้ยวขวาแยกป้อมมหากาฬ จนถึงแยกวันชาติ ทุกเส้นทางที่ขบวนรถอัญเชิญพระศพผ่าน ได้มีเหล่าพุทธศาสนิกชนร่วมยืนไว้อาลัย เพื่อส่งเสด็จองค์พระประมุขสงฆ์ผู้มีพระเมตตา และเมื่อขบวนรถเคลื่อนพระศพมาถึงยังวัดบวรฯ มีเหล่าคณะนักเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนโรงเรียนนายเรือ ยืนตั้งแถวเกียรติยศ รอรับตลอดเส้นทางถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่บริเวณแยกวันชาติ ถึงประตูทางเข้าวัดบวรฯ ฝั่งหน้าตำหนักเพ็ชร นอกจากนี้ยังมีเหล่าคณะสงฆ์ แม่ชีวัดบวร รวมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชน เดินทางมาร่วมเข้าแถวรอรับพระศพ กันอย่างเนืองแน่น ท่ามกลางบรรยากาศอันเศร้าสลด ทั้งนี้ เมื่อรถส่งพระศพของรพ.จุฬาฯ ได้ถึงประตูทางเข้าวัดบวรฯ เหล่าพุทธศาสนนิกชนที่มารอเฝ้ารับพระศพ ต่างพนมมือ พร้อมเปล่งเสียงสาธุ หลายคนถึงกับน้ำตานองหน้าด้วยความเศร้าเสียใจ ต่อการจากไปขององค์พระประมุขสงฆ์ ทั้งนี้ รถส่งพระศพ ได้เคลื่อนถอยหลังเข้ามาภายในวัดบวร โดยมีคณะนายทหารรักษาพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมคณะสงฆ์วัดบวร และเหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ร่วมกันทำหน้าที่อัญเชิญพระศพลงจากรถ แล้วจึงเคลื่อนสู่ห้องโถงตำหนักเพ็ชร เพื่อประกอบพิธีตามประเพณีต่อไป
แหล่งข่าวจากวัดบวรฯ เปิดเผยว่า พระผู้ใหญ่ได้มีการสั่งการให้สำนักงานของวัด และทุกส่วนที่มีการให้เช่าบูชาพระในพื้นที่บริเวณภายในวัด โดยเฉพาะรอบๆ พื้นที่ตำหนักเพ็ชร งดให้เช่าบูชาพระทุกชนิด เนื่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย และการกระทำที่ไม่เหมาะสมในช่วงพิธีบำเพ็ญพระกุศลศพของสมเด็จพระสังฆราช
ด้านสำนักพระราชวังออกประกาศไว้ทุกข์ในพระราชสำนักความว่า เลขาธิการพระราชวัง รับพระบรมราชโองการให้ประกาศว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฒนมหาเถร ) สิ้นพระชนม์เนื่องจากการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ณ โรงพยาบาลจุฬาฯ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 24 ต.ค.เวลา 19.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ด้วยความเศร้าสลดในพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไว้ทุกข์ในพระราชสำนักจาก 15 วัน เป็น 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 2556 ถึงวันที่ 23 พ.ย. 2556 และโปรดเกล้าฯให้ประดิษฐานพระศพไว้ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรฯ ถวายพระเกียรติยศตามราชประเพณีทุกประการ
สำหรับหมายกำหนดการ งานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพ สมเด็จพระสังฆราช วันที่ 24 ตุลาคม 2556 เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ถวายน้ำสรงพระศพ สมเด็จพระสังฆราช ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯร่วมในพิธีด้วย จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงผ้าไตรถวายพระศพ ถวายความเคารพพระราชอาสน์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯวางพวงมาลา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพวงมาลาส่วนพระองค์ ที่หน้าพระโกศพระศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 20 รูปสดัปกรณ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชา กระบะมุก ที่หน้าเตียงสวดพระอภิธรรม พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 1 จบ ทรงกราบพระรูปที่หน้าเครื่องนมัสการ หน้าพระโกศพระศพ ถวายความเคารพพระราชอาสน์ เสด็จพระราชดำเนิน กลับทรงนั่งพระกรรมฐาน จนถึงวินาทีสุดท้าย
เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.จุมพล คณานุรักษ์ รองผกก.จร.สน.พญาไท ได้แจ้งข้อหาตามคดีจราจรที่ 883/2556 ข้อกล่าวหาว่า ร่วมกัน วาง ตั้ง ยื่น หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 114 กับนายอุทัย ยอดมณี อายุ 32 ปี นายนิติธร ล้ำเหลือ อายุ 48 ปี นายประกอบกิจ อินทร์ทอง อายุ 32 ปี และนายพานสุวรรณ ณ แก้ว อายุ 27 ปี แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 10 ต.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ได้เคลื่อนย้ายออกจากบริเวณถนนพิษณุโลก ด้านข้างทำเนียบรัฐบาลกลับไปยังสวนลุมพินี แต่ปรากฏว่ามีกลุ่ม คปท. นำโดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน มาชุมนุมที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ และปิดถนนพระราม 6 ทั้งขาเข้าและขาออก ด้วยการตั้งแผงเหล็ก กรวยยาง ขวางกั้นไม่ให้รถยนต์วิ่งผ่านไปมาได้ เป็นสาเหตุทำให้การจราจรติดขัด เมื่อมีการเจรจากลุ่มผู้ชุมนุมยินยอมเลิกปิดกั้นถนพระราม 6 ขาออก จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมนำเต็นท์ผ้าใบ โครงเหล็ก ประมาณ 3 หลัง ตั้งบนพื้นถนนพระราม 6 ขาออก เพื่อจัดเป็นพื้นที่ชุมนุม และมีรถสุขาเคลื่อนที่ 3 คัน พร้อมรถน้ำ มาจอดบริการผู้ชุมนุม
นอกจากนี้ผู้ชุมนุมยังใช้รถบรรทุกหกล้อติดเครื่องขยายเสียง ดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัย จอดกีดขวางผิวถนนพระราม 6 ขาออก มีการปิดกั้นเส้นทางจราจรตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง บช.น. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. เข้าไปเจรจา แต่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอม
ผู้กล่าวหาซึ่งมีหน้าที่ดูแลและอำนวยความสะดวกจราจร เห็นว่าการกระทำของ นายอุทัย ยอดมณี กับพวกรวม 4 คนเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงได้แจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.บรรยง แดงมั่นคง พนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำพยานบุคคล ที่ได้รับผลกระทบจากความเสียหาย 23 ปาก และสอบปากคำองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร(ขสมก.) เป็นพยานในคดี รวมทั้งสอบสวนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท และฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.1 เมื่อสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นจะดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012