ข่าว
“อนามัยโลก” เตือนโควิด-19 “โอไมครอน” อาจเปลี่ยนทิศการระบาดใหญ่

10 ธันวาคม 2564 : สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ผู้นำองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าลักษณะบางประการของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน อาทิ การแพร่ระบาดไปทั่วโลกและการกลายพันธุ์หลายครั้ง บ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์นี้อาจส่งผลกระทบใหญ่ต่อทิศทางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การฯ กล่าวเตือนว่าปัจจุบันเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน แพร่ระบาดอยู่ใน 57 ประเทศ และสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ แม้ยังไม่ปรากฏอัตราความเร็วที่ชัดเจน

“ข้อมูลใหม่จากแอฟริกาใต้ชี้ว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน มีอัตราการติดเชื้อซ้ำสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ แต่เรายังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุปที่แน่ชัด”

คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การฯ ระบุว่าแม้หลักฐานบางส่วนชี้ว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน ก่อให้เกิดอาการป่วยน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา แต่ยังเร็วเกินไปที่สรุปความ

ไมก์ ไรอัน กรรมการบริหารของโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแห่งองค์การฯ ระบุว่าแม้ตามหลักแล้ว การวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสฯ จะทำให้มันแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นหลังกลายพันธุ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเชื้อไวรัสฯ จะมีความรุนแรงน้อยลงอย่างที่บางฝ่ายกล่าวอ้าง โดยเชื้อไวรัสฯ จะอันตรายมากขึ้นหรือน้อยลงนั้นเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้

ปัจจุบันการศึกษาเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน มีความคืบหน้าต่อเนื่อง ทว่าองค์การฯ ยังต้องการเวลาอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าจะได้รับข้อมูลทางระบาดวิทยาจากทั่วโลก เพื่อนำมาวิเคราะห์และหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้

ซุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การฯ ระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน ลดประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ลงอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่

อนึ่ง องค์การฯ เรียกร้องทุกประเทศยกระดับการเฝ้าระวัง การตรวจโรค และการลำดับพันธุกรรม พร้อมส่งข้อมูลเพิ่มเติมเข้าแพลตฟอร์มข้อมูลทางคลินิกขององค์การฯ ผ่านรูปแบบการรายงานยอดผู้ป่วยทางออนไลน์ที่มีการอัพเดทข้อมูลเสมอ

กงสุลใหญ่ฯ ต่อ เข้าพบ ผบ.ตร.แอลเอ ขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยคนไทย

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่ Los Angeles Police Department-DTLA นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิสคนใหม่ ได้เข้าพบ Chief Michel R. Moore ผู้บัญชาการตำรวจนครลอสแอนเจลิส (LAPD) เพื่อแนะนำตัวในโอกาสที่เดินทางมารับตำแหน่ง โดยกงสุลใหญ่ได้กล่าวขอบคุณ LAPD ที่ดูแลความปลอดภัยแก่ชุมชนไทยเป็นอย่างดี และยินดีที่ชุมชนไทยและ LAPD มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ในโอกาสนี้ กงสุลใหญ่ ต่อ ศรลัมพ์ ยังได้แจ้งข้อห่วงกังวลของชุมชนไทยเกี่ยวกับอัตราการก่ออาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่นครลอสแอนเจลิส และเชื่อว่า LAPD จะสามารถรับมือกับคนร้ายเหล่านี้ได้ และพร้อมที่จะร่วมมือกับ LAPD ในการจัดกิจกรรมและเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนไทยต่อไป

ทางด้าน Chief Moore เห็นว่าชุมชนไทยเป็นชุมชนที่มีคุณภาพ ปฏิบัติตามกฎระเบียบของบ้านเมือง และ LAPD ให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับชุมชนไทยอย่างมาก ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายเนื่องจากเกิดเหตุอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ทั้งการใช้อาวุธปืน การทุบกระจกรถยนต์และห้างร้านต่างๆ เพื่อขโมยทรัพย์สิน แต่ขอย้ำว่านครลอสแอนเจลิสยังเป็นเมืองที่มีความปลอดภัย และแนะนำให้เจ้าของธุรกิจไทยระมัดระวังอย่าวางงทรัพย์สินมีค่าบริเวณประตูและหน้าต่างร้านที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ให้ตรวจตราการปิดล็อคประตูอย่างรัดกุม และถ้ามีกล้องวงจรปิดก็ขอให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้ตลอดเวลาเนื่องจากจะเป็นหลักฐานสำคัญที่จะช่วยให้การสืบหาคนร้าย เวลาเดินบนท้องถนนก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังเพราะมีคนที่ขับรถประมาทบ่อยครั้ง นอกจากนี้เมื่อเกิดเหตุอาชญากรรม/โจรกรรม ขอให้รีบโทรศัพท์แจ้ง 911 ทันที และขอให้พยายามจดจำรายละเอียดของคนร้ายเพื่อให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนร้ายด้วยตัวเอง ทั้งนี้

กงสุลใหญ่ยังได้ฝากให้ LAPD ช่วยดูแลความปลอดภัยแก่พี่น้องชาวไทยที่อาศัยอยู่ในแอลเอด้วย ทั้งนี้กงสุลใหญ่ฯ เตรียมนัดที่จะเข้าพบกับผู้บัญชาการ LA Sheriff Department เร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน

กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้กล่าวเปิดงานอบรมหลักสูตร “เทคนิคดัดยืดแก้อาการ” ที่จัดโดยสมาคมนวดไทยและสปาแห่งสหรัฐอเมริกา ณ โบสถ์ Hollywood Seventh Day Adventist

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 นาย ต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงานอบรมหลักสูตร “เทคนิคดัดยืดแก้อาการ” ที่จัดโดยสมาคมนวดไทยและสปาแห่งสหรัฐอเมริกา นำทีมโดย นางสาวแสงทอง แสงแก้ว นายกสมาคมนวดไทยฯ และทีมงานบริหารสมาคมนวดไทยฯ ณ โบสถ์ Hollywood Seventh Day Adventist วิทยากร ผู้ถ่ายทอดวิชาหลักสูตร “เทคนิคดัดยืดแก้อาการ” แชมป์โลกเหรียญเงินปี 2019 คุณสุวิทย์ ศรีไตรราศรี (อ.ช้าง)

โดยได้ขอบคุณสมาคมนวดไทยฯ ที่จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในการยกระดับมาตรฐานการนวดและให้กำลังใจเพื่อนร่วมอาชีพให้ก้าวผ่านผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 ไปได้ นวดไทยเป็นศาสตร์ที่มีความเป็นมาและมีการแพทย์รองรับ เป็น Soft Power ที่เป็นความภูมิใจของชาวไทยและเป็นที่รู้จักทั่วโลก

โดยในปีที่ผ่านมาองค์การ UNESCO ได้ประกาศให้ “นวดไทย” เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ในการนี้ กงสุลใหญ่ฯ ได้ขอให้ผู้ประกอบอาชีพนวดคอยเป็นหูเป็นตาและชักชวนผู้ร่วมอาชีพที่อาจใช้อาชีพนวดไทยแบบนอกลู่นอกทางให้กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อช่วยกันรักษาภาพลักษณ์อันดีงามและให้ความเคารพในวิชาชีพการนวดไทยที่มีครูบาอาจารย์ พร้อมนี้ได้แสดงความเห็นว่า อาชีพนวดไทยเป็นอาชีพที่จะมีอยู่ต่อไป เพราะเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องใช้มือคนเท่านั้น รวมทั้งต้องคอยสังเกตปฏิกิริยาโต้ตอบระหว่างผู้นวดและผู้ถูกนวด จึงจะเป็นการนวดไทยที่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์ (A.I.) ไม่สามารถทดแทนได้ ดังนั้นนวดไทยจึงจะยังเป็นอาชีพแห่งอนาคตที่จะสร้างงานให้คนไทยในต่างประเทศได้อีกมาก ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเพิ่มพูนความรู้ในช่วงนี้ และก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 กลับมาประกอบอาชีพนวดไทยได้อย่างมีเกียรติภูมิต่อไป

การอบรมหลักสูตร “เทคนิคดัดยืดแก้อาการ” ครั้งนี้ มีเพื่อนสมาชิกฯ มาร่วมอบรมฯ จำนวนทั้งหมด 64 ท่าน ทุกท่านเรียนเต็มหลักสูตรฯ ได้รับใบประกาศนียบัตร ออกให้โดยสมาคมนวดไทยและสปาแห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นเกียรติกับทุกท่าน

ทีมงานบริหารสมาคมนวดไทยฯ หวังว่าการจัดการอบรมหลักสูตรฯ ในครั้งนี้ จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ สมาชิกฯ และนำเทคนิคที่อาจารย์ได้ถ่ายทอดวิชา ความรู้นั้น นำไปสานต่อพัฒนาอาชีพนวดไทยของท่านได้ และขอแสดงความยินดีกับเพื่อนสมาชิกฯทุกท่านที่จบหลักสูตรฯ มา ณ ที่นี้ด้วย

ขอกราบขอบพระคุณ ท่านต่อ ศรลัมพ์กงสุลใหญ่ นครลอสแอนเจลิส ที่ให้เกียรติสมาคมนวดไทยฯ มาเป็นประธานกล่าวเปิดพิธีการอบรมฯ และกล่าวอวยพรให้กำลังใจกับพวกเราในวันนี้ ขอบพระคุณเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมเปิดงานในครั้งนี้

ขอบพระคุณสุวิทย์ ศรีไตรราศรี (อ.ช้าง) ที่เดินทางมาไกลจาก Florida เพื่อมาถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับเพื่อนสมาชิกฯ ถึงแอลเอ

ขอบพระคุณคุณตัน พัฒนะ นายกสภาไทยทาวน์ฯ ให้การสนับสนุนสมาคมนวดไทยฯ มาโดยตลอด นำหมูปิ้งจำนวน 150 ไม้ มาแบ่งปันให้เพื่อนสมาชิกฯ ได้ทานกัน

ขอบพระคุณคณะกรรมการจิตอาสา ทีมงานบริหารสมาคมนวดไทยฯ ทุกท่าน ที่ทำงานกันด้วยหัวใจ ทุกคนทำหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ตลอดระยะเวลาการเรียนการสอนดูแลต้อนรับเพื่อนสมาชิกฯ ได้เป็นอย่างดีตลอดทั้งวัน

ขอขอบคุณ น้องหนึ่งลานนา ทำน้ำก๋วยเตี๋ยว เคี่ยวเนื้อตุ๋นจนดึกดื่นมาให้พวกเราได้ทานกัน

ขอบคุณ คุณสุธิตา เกลาเวกา (แดง) มาเป็นทั้งหุ่นและช่วยงานหน้าเวที

และท้ายสุดที่ต้องขอขอบคุณมากๆ คือเพื่อนสมาชิกฯ ทุกๆ ท่านที่มีความตั้งใจมาร่วมอบรมเรียนรู้พัฒนาเทคนิคเสริมทักษะการนวดไทยในครั้งนี้ทุกๆ ท่าน หากสมาคมนวดไทยฯ จัดโครงการดีๆ แต่ไม่มีคนสนใจก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ อยากบอกว่า...ทุกท่านสุดยอด

** แล้วพบกับโครงการดีๆ เรียนรู้ฟรี !! และรับสิทธิต่างๆ ในการเป็นสมาชิกสมาคมนวดไทยฯ ในโอกาสต่อไป ** รักสมาคมนวดไทยฯ ช่วยกันสนับสนุนสมาคมนวดไทยฯ ด้วยการสมัครเป็นสมาชิกฯ และเชิญชวนเพื่อนๆ มาสมัครกัน สมัครง่ายๆ เพียงกดลิงค์นี้เพื่อกรอกใบสมัครสมาชิกสมาคม

https://wix.123formbuilder.com/form-2684333/membership-application

“Working together to achieve excellence in Nuad Thai and Spa“ “ยึดมั่นมาตรฐาน บริการด้วยใจ นวดไทยและสปา ก้าวหน้าสู่สากล “

(คำขวัญสมาคมนวดไทยและสปาแห่งสหรัฐอเมริกา)


ซัมมิทเพื่อประชาธิปไตย : สหรัฐฯตั้งกองทุน 1.42 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมสื่อเสรี เลือกตั้งอิสระ สู้ทุจริต

10 ธ.ค. 2564: ประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยวันแรก ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศตั้งกองทุนส่งเสริมประชาธิปไตยโลกมูลค่า $424.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนสื่ออิสระ ผู้นำการปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตย สู้กับการทุจริต

ประธานาธิบดีไบเดน เรียกร้องให้ผู้นำจากชาติประชาธิปไตยกว่า 100 รายร่วมกัน “คล้องแขน” สกัดกั้นลัทธิอำนาจนิยม ในขณะที่เสรีภาพโลกกำลังถูกคุกคามจากผู้นำเผด็จการที่พยายามขยายอำนาจ อิทธิพล และสร้างความชอบธรรมต่อการปราบปรามผู้เห็นต่าง

“ประชาธิปไตยไม่ได้มาโดยเหตุบังเอิญ คนแต่ละรุ่นต้องช่วยกันสร้างขึ้นมา” นายไบเดนแถลงผ่านการประชุมทางวิดีโอจากรุงวอชิงตันดีซีที่มีผู้นำจากอีก 111 ประเทศร่วมประชุมทางไกล

“ในความเห็นของผมแล้ว นี่คือความท้าทายที่สำคัญยิ่งของยุคเรา”

ในจำนวนชาติที่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมทางไกลครั้งนี้มีตั้งแต่ประเทศที่เป็นเกาะ เช่น ติมอร์-เลสเต, ฟิจิ และ ไต้หวัน ไปจนถึงประเทศประชาธิปไตยในโลกตะวันตก เช่น แคนาดา เยอรมนี และสหราชอาณาจักร แต่ไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรมาช้านานกับสหรัฐฯ กลับไม่ได้รับเชิญ

การประชุมสุดยอดนี้ คือหนึ่งในความพยายามของประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตที่สัญญาว่าจะพาสหรัฐอเมริกากลับมาเป็นผู้นำโลกอีกครั้ง เพื่อเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจอย่างจีน และรัสเซีย

ทว่าการประชุมครั้งนี้ ก็ถูกวิจารณ์ว่าชักนำประเทศที่มีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือผู้นำมักใช้แนวทางอำนาจนิยมในการปกครองประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ และบราซิลมาร่วมด้วย

นอกจากนี้ การเชิญไต้หวันมาร่วมประชุม ก็สร้างความโกรธแค้นให้จีนที่ถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลปักกิ่ง

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงว่า การเชิญไต้หวันมาร่วมประชุมแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ต้องการใช้ประชาธิปไตยมาเป็น “ชุดกำบัง และเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนวัตถุประสงค์ทางภูมิรัฐศาสตร์, กดขี่ประเทศอื่นๆ, แบ่งโลกออกเป็นส่วนๆ และทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”

กองทุนเพื่อประชาธิปไตยโลก

ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงว่า กำลังหารือกับรัฐสภาเพื่อจัดตั้งกองทุนมูลค่า 424.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยทั่วโลก ภายใต้ชื่อ ความริเริ่มของประธานาธิบดีเพื่อการฟื้นฟูประชาธิปไตย (The Presidential Initiative for Democratic Renewal) โดยครอบคลุม 5 เนื้องานคือ

1. การสนับสนุนสื่อที่เสรีและปลอดการแทรกแซง

2. การต่อสู้การทุจริต

3. การสนับสนุนนักปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตย

4. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประชาธิปไตย

5. การปกป้องคุ้มครองการเลือกตั้งและกระบวนการการเมืองที่เป็นอิสระและยุติธรรม

อังกฤษร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร ร่วมกล่าวถ้อยแถลงผ่านทางวิดีโอ โดยสัญญาว่าสหราชอาณาจักรจะร่วมมือกับประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ ช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินโครงการที่โปร่งใส เปิดให้ประชาชนผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบได้ พร้อมทั้งการนำระบบตรวจตราใหม่มาใช้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก

เขากล่าวว่าอังกฤษจะออกมาตรการที่เข้มแข็งขึ้นในการต่อกรกับกระบวนการการเงินผิดกฎหมายที่มุ่งทำลายระบอบประชาธิปไตยในทุกที่ เพิ่มความเข้มแข็งให้การบังคับใช้ทางกฎหมาย เพื่อนำอาชญากรทางเศรษฐกิจมาลงโทษ

“เราจะสร้างความเปิดเผยมากขึ้นในกระบวนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรโดยผู้ซื้อจากต่างประเทศ และจะผ่านกฎหมายใหม่ๆ มาใช้ปกป้องกระบวนการและสถาบันทางประชาธิปไตยจากกลุ่มผู้พยายามจะสร้างความเสียหายให้”

การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยคืออะไร

• การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยเป็นความคิดริเริ่มของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของเขายกให้ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเป็นหัวใจของนโยบายต่างประเทศ

• การประชุมจะจัดแบบออนไลน์ในวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน ทั้งผู้นำรัฐบาล ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ซึ่งจะหารือกันใน 3 หัวข้อหลัก คือ 1) การสร้างความเข้มแข็งให้ประชาธิปไตยและการต่อต้านลัทธิอำนาจนิยม 2) ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และ 3) ส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน

• รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าการประชุมนี้จะเป็นโอกาสให้ได้รับฟัง เรียนรู้ และพูดถึงสิ่งที่ท้าทายประชาธิปไตยในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ

• ผู้แทนรัฐบาลที่เข้าร่วมการประชุม รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ จะให้คำมั่นสัญญาในการร่วมกันผลักดันประชาธิปไตยตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับโลก

จัดที่ไหน-เมื่อไหร่

การประชุดสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยจะมีขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการประชุมทางไกลออนไลน์ในวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (www.state.gov) ส่วนครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งใจจะให้ผู้เข้าร่วมเดินทางมาเจอกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในขณะนั้นด้วย ระหว่างการประชุมครั้งที่ 1 และ 2 นายไบเดนจะประกาศให้เป็น “ปีแห่งการลงมือทำ” (Year of Action) เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายในการรื้อฟื้นประชาธิปไตย

ใครเข้าร่วมบ้าง

ตัวแทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการรักษาประชาธิปไตย ได้แก่ รัฐบาล ภาคเอกชน นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการเมือง ศิลปะ วัฒนธรรม กีฬา และผู้นำรุ่นใหม่ องค์กรพหุภาคีที่ขับเคลื่อนด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

ข่าว BBCไทย


บ. วัคซีนเร่งทดสอบประสิทธิภาพต้านโอไมครอน ผู้เชี่ยวชาญชี้รุนแรงหรือไม่ต้องรอข้อมูลระบาดจริง

รอยเตอร์ : รายงานเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ว่า ขณะนี้บรรดาผู้ผลิตวัคซีนต่างๆ กำลังอยู่ระหว่างทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนของตนกับเชื้อโอไมครอน โดยรายงานเบื้องต้นของวัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์/ไบออนเทค พบว่า วัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มจะลดประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อโอไมครอน แต่หากฉีดเข็ม 3 ก็อาจสามารถฟื้นฟูการป้องกันได้

ในขณะที่ โมเดอร์นา, แอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพในห้องทดลอง โดยการวิเคราะห์ผลกระทบของเชื้อโอไมครอนต่อเลือดตัวอย่างที่ได้จากผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด กับเลือดตัวอย่างจากผู้ที่เคยฉีดวัคซีนของแต่ละบริษัท

ทั้งนี้ ดร. อาเมษ อะดัลยา ผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อจากศูนย์ความมั่นคงด้านสุขภาพ ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า ที่ผ่านมา วัคซีนโมเดอร์นาที่แม้จะใช้เท็คนิคในการผลิตเดียวกันกับไฟเซอร์ แต่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดได้ยาวนานกว่า ดังนั้นเป็นไปได้ที่ผู้ที่ฉีดโมเดอร์นาภูมิคุ้มกันจะลดลงน้อยกว่าเมื่อเผชิญกับเชื้อโอไมครอน

ขณะเดียวกัน บริษัทซิโนแวค ไบโอเทคของจีนก็กำลังทดสอบกับเชื้อโอไมครอนอยู่เช่นเดียวกับ วัคซีน

สปุตนิค วี ของรัสเซีย ซึ่งผลลัพธ์คาดว่าจะได้รับรู้กันภายใน 3 สัปดาห์

ทางด้าน นายเชน คร็อตตี นักไวรัสวิทยาจากสถาบันลาโยลลาเพื่อภูมิคุ้มกันวิทยา ในนครซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา ให้ความเห็นถึงความรุนแรงในการก่อโรคของโอไมครอนว่า ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้อย่างแท้จริงว่า โอไมครอน ก่อให้เกิดอาการป่วยน้อยกว่าเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าและอื่นๆ หรือไม่

โดยผู้เชี่ยวชาญต้องรอข้อมูลตามสภาพที่เกิดขึ้นจริงจากประเทศต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาด ว่าเชื้อนี้ส่งผลต่อผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนอย่างไรเปรียบเทียบกับผู้ที่เคยได้รับวัคซีน และเปรียบเทียบกับผู้ที่ได้รับเข็มกระตุ้น รวมถึงจำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและผู้ที่ต้องเข้าไอซียู จึงจะสามารถประเมินความรุนแรงของ

โอไมครอนอย่างแท้จริงได้ แต่ต้องใช้เวลาและต้องรวบรวมข้อมูลเป็นจำนวนมาก

ทีมนักบินอวกาศจีน “สอนสดจากนอกโลก”เผยชีวิตบนสถานีอวกาศ

10 ธันวาคม 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน ไจ๋จื้อกัง หวังย่าผิง และเย่กวงฟู่ ทีมนักบินอวกาศบนยานอวกาศเสินโจว-13 (Shenzhou-13) ได้เริ่มต้นการบรรยายพิเศษเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับยานอวกาศให้นักเรียนบนโลก เมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี (9 ธ.ค.)

องค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน (CMSA) เผยว่าหลังแนะนำชีวิตความเป็นอยู่และการทำงานบนสถานีอวกาศแล้ว ทีมนักบินอวกาศทั้งสามเริ่มสาธิตการทดลองทางวิทยาศาสตร์ พร้อมโต้ตอบแบบเรียลไทม์กับนักเรียนผ่านระบบวิดีโอ

ห้องเรียนภาคพื้นดินหลักถูกจัดตั้งขึ้นที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศจีน และยังมีห้องเรียนอื่นๆ ในนครหนานหนิงของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน อำเภอเวิ่นชวนของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) รวมถึงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าของจีน

ทั้งนี้ ทีมนักบินอวกาศกลุ่มดังกล่าวถูกส่งขึ้นสู่อวกาศพร้อมยานอวกาศเสินโจว-13 และเข้าสู่สถานีอวกาศจีนเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ก่อนเริ่มต้นภารกิจก่อสร้างสถานีอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมอันยาวนานที่สุดของประเทศ

อนึ่ง หวังย่าผิง นักบินอวกาศหญิง เคยบรรยายความรู้ด้านอวกาศผ่านทางออนไลน์ครั้งแรกให้แก่นักเรียนกว่า 60 ล้านคนทั่วประเทศเมื่อเดือนมิถุนายน 2013 ภายใต้ความช่วยเหลือจากลูกเรืออีก 2 คนบนยานอวกาศเสินโจว-10 (Shenzhou-10)