ข่าว
“แพท” เงิน 30 ล้าน ไม่เกี่ยวคดีค้ายา

หลังจากที่นางเอกดัง “แพท ณปภา ตันตระกูล” เดินทางมาให้ปากคำที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อแสดงหลักฐานทางการเงินหลังจากตร.ตรวจพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 30 ล้าน คาดพัวพันกรณีฟอกเงินแก๊งค้ายา “ไซซะนะ แก้วพิมพา” ของสามี “เบนซ์ เรซซิ่ง” หรือ “อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช” ซึ่งนางเอกสาวเข้าชี้แจงในฐานะพยานเป็นเวลานานกว่า 5 ชม. ก่อนจะเดินลงมาจากอาคาร 2 กองปราบปรามยาเสพติดในเวลา 13.50 น. ได้ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ยืนยันยังไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา วอนอย่าเพิ่งเขียนข่าวเกินจริงเพราะกระทบครอบครัว

“ก่อนอื่นแพทต้องขอบคุณพี่ๆ ที่มาให้ความสนใจนะคะ ก็จริงๆ อยากจะขอความเห็นใจจากพี่ๆ นักข่าวด้วยว่าเวลาเขียนข่าวหรืออะไรก็อยากให้รออีกสักพักหนึ่ง รอให้แพทมาที่นี่ก่อนแล้วค่อยเขียนข่าวก็ได้ คือแพทต้องบอกตรงๆ ว่าข่าวที่ลงไปในช่วงก่อนที่แพทจะเดินทางมามันทำให้ทุกอย่างไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เพราะว่า เอ่อ...จริงๆ วันนี้ที่แพทมาแพทก็แค่มาให้ปากคำในฐานะพยานนะคะ ยังไม่ได้ถูกหมายจับ หรือว่ายังไม่ได้ถูกจับกุมและก็ส่งตัวไปศาลต้องประกันตัวอะไรตามที่เป็นข่าวฮือฮากันเลย ไม่ใช่นะคะ ซึ่งพอมีข่าวแบบนั้นออกมามันก็ทำให้ส่งผลหลายอย่าง ทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ”

“รวมถึงอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในโซเชียลหรือสังคมในทางที่เสียชื่อเสียงด้วย เรียกว่ากระทบในหลายๆ อย่าง ทั้งกับครอบครัวแพท พี่เบนซ์ ดังนั้นแพทก็อยากขอความเห็นใจจากพี่ๆ ทุกคนว่าก่อนที่จะลงข่าวอะไรก็อยากให้เช็กก่อนกับทางเจ้าหน้าที่ เพราะพี่ๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนเขาก็ยินดีให้ข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้ที่มาก็เป็นแค่หมายเรียกมั้ย คือแพทเข้ามาให้ปากคำเฉยๆ เท่านั้นเอง ยังไม่ได้มีออกหมายจับหรือว่าตั้งข้อกล่าวหานะคะ แพทก็อยากฝากตรงนี้ไว้ด้วย และที่สำคัญวันนี้พี่ๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนน่ารักมาก ดูแลแพทดีมาก อีกอย่างการสอบปากคำในวันนี้ก็เป็นไปอย่างดี”

เคลียร์เงินในบัญชี 30 ล้านเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวคดี อย่าคาดหวังว่าจะต้องรู้ทุกเรื่องของสามี

“ส่วนเรื่องตัวเงินหรืออะไรเนี่ย แพทบอกเลยว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่บอก ชัดเจนค่ะ และที่แพทมาวันนี้แพทก็มาเคลียร์เรื่องตัวเงิน ว่าเงินที่มีเราทำมาหาได้แบบไหนและมายังไง คือเรามาเคลียร์ที่มาที่ไปค่ะ ซึ่งสรุปแล้วเนี่ยเงินที่เป็นข่าวกันตัวเลข 30 หรืออะไรนั่นอ่ะ ก็เป็นเงินของแพท ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเงินที่จะต้องมาชี้แจงเลยด้วยซ้ำ มันเป็นเงินของแพท ซึ่งจริงๆ วันนี้ที่แพทมาชี้แจงมันแค่ 2 ปี คือปี 2559 หรืออะไรสักอย่าง ซึ่งยอดก็ไม่ถึง 30 ด้วย ตัวเลข 30 ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ยังไงอะไรยังไง แถมยังกลายเป็นที่ฮือฮาอีก”

“ซึ่งจริงๆ เลข 30 มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแพทด้วยค่ะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องในคดีด้วย และแพทกับพี่เบนซ์เราก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ปีเดียว ดังนั้นอย่าเพิ่งคาดหวังอะไรในตัวเราว่าจะต้องรู้ทุกเรื่องของสามี หรือสามีจะต้องรู้เรื่องของภรรยานะคะ เราทำตามหน้าที่ และวันนี้แพทก็มาทำตามหน้าที่ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ทุกอย่างแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมเอกสารเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป และหลังจากวันนี้จะเป็นยังไงก็ขอให้พี่ๆ รีเช็คกับทางเจ้าหน้าที่อีกทีหนึ่งก่อนเขียนข่าวหรือลงข่าวก็ได้ค่ะ”

ทนายยันนางเอกดังไม่มีส่วนรู้เห็น มั่นใจหลักฐานครบ เรื่องจะจบ ไม่เกี่ยวข้องคดี

ทนาย : “ในส่วนของแพทนะครับ ก็ต้องบอกว่า แพทเองเนี่ยไม่ได้มีส่วนใดๆ กับคดี เพียงแต่ว่าคนใกล้ชิดต้องคดี และวันนี้ที่แพทมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่เขาก็มาด้วยเชื่อว่าหลักฐานที่ให้กับเจ้าหน้าที่ไปสามารถตอบได้ทุกอย่าง แพทเองเป็นคนของประชาชนอยู่แล้ว มีการยื่นสรรพากร เอกสารทุกอย่างที่ยื่นไปก็จะตรงกับที่นำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะไม่ขัดกับใครสักคนเลยนะครับทุกอย่างชัดเจน และก็มั่นใจว่าวันนี้เรื่องของแพทน่าจะจบแล้ว จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแพทแล้วครับ"

บิ๊กตู่เสียใจ คนไม่เข้าใจปัญหา แถมยังชอบประจานประเทศ

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิสูงขึ้นทุกวัน ก็อยากให้ทุกคนใจเย็นๆ ไม่ใช้อารมณ์ฉุนเฉียวในการแก้ปัญหา ตนเองก็ด้วย ต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเอง เพราะว่าวันนี้ในท้องถนน ในการทำงาน หรือแม้กระทั้งที่บ้าน ย่อมมีเรื่องที่ไม่ค่อยได้ดั่งใจ อาจมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ด้วยคำพูดด้วยการกระทำ ก็ขอให้ทุกคนได้มีสติ รู้จักให้อภัยกัน อย่าใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา ขอให้อดทนฟังกันให้มาก ร่วมกันคิดแก้ปัญหานี้ ไม่ตั้งแง่ใส่กันค้านทุกอย่าง เปิดใจให้กว้างขึ้นน่าจะดีกว่า อย่างที่ทราบ “บันได 3 ขั้น” สู่ความสำเร็จคือ คิด พูด แล้วก็ทำ ทำให้ครบวงจรและรอบคอบ ถ้าต่างคนต่างคิดไม่รับฟังความคิดเห็นต่างเลย ไม่ยอมกันอย่างเดียว ก็ไม่สามารถจะลงมือทำไปสู่ความสำเร็จได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้สื่อมวลชนเองมีความสำคัญในการให้ความจริง ถ้าเราให้โดยเป็นความเท็จก็เป็น “อวิชชา” ไม่สร้างการรับรู้ความรู้ที่ดีแล้ว ยังนำไปสู่ความเข้าใจผิด และความขัดแย้งในที่สุด ที่ผ่านมาเราคงโทษใครไม่ได้ แต่อยากให้สติทุกคน เสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง อย่าสร้างประเด็นที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง จะได้ลดภาระรัฐบาลลง อย่าสร้างความคิดที่ทำให้การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยติดขัด ขอร้องบรรดาบุคคล กลุ่มบุคคล ที่เจตนาบิดเบือนการทำงานของรัฐบาลและ คสช. จับเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องส่วนตัวมาทำให้สังคมสับสนอลม่านไปหมด เพื่อประโยชน์ของตน คนกลุ่มเหล่านี้ยังมีอยู่ ขอร้องให้ยุติได้แล้ว ประชาชนช่วยกันตัดสินใจ จะให้คนเหล่านี้อยู่สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศชาติต่อไปหรือไม่ วันนี้หลายอย่างทำไม่ได้ ติดขัดทั้งหมด ไม่ต่อเนื่อง คือถ้าเราทำไม่ได้ประโยชน์ ก็ไม่เกิดกับใครทั้งสิ้น ส่วนรวมก็ไม่ได้ ส่วนน้อยก็ไม่ได้ ตัวเองก็ไม่ได้ เพราะคัดค้านกันไปหมด ขณะที่การกระทำใดๆ ก็ตามที่ดี รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่ แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน รัฐบาลและ คสช.พยายามใช้กฎหมายปกติ อำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม เราไม่ได้มุ่งหวังใช้มาตรา 44 ไปใช้ด้วยเจตนาร้าย เราทำเพื่อให้เกิดการบูรณาการ เพื่อนำเข้าทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ใช้กฎหมายปกติเท่านั้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราต้องมองปัญหาประเทศของเราด้วยความเข้าใจ ไม่ลำเอียง ไม่เอาคนอื่นมามองตัวเรา เพราะมันเป็นกลไกภายนอกประเทศ แต่เราก็ทำตามไม่ได้ฝ่าฝืน เว้นแต่บางอย่างเราต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน การบริหารราชการแผ่นดินในปัจจุบันที่กำลังเตรียมการไปสู่การปฏิรูปประเทศ มียุทธศาสตร์ชาติด้วยการดำเนินการทำอย่างระมัดระวัง ซึ่งตนเสียใจที่มีคนไทยบางคนบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจ บางคนไม่เข้าใจแล้ว หลายส่วนหลายกลุ่มหลายคนก็สร้างความเสียหายเหล่านี้ไว้ให้ตนแก้วันนี้ แล้วเอาเรื่องเหล่านี้ไปประจานที่ต่างประเทศโดยไม่พูดถึงปัญหาที่ตัวเองทำไว้ แล้วก็โยนคำผิดต่างๆ เหล่านี้ให้กับรัฐบาล ไม่มีความรักประเทศตัวเองเลยนะครับ เป็นคนไทยหรือเปล่า ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือ ประชาชนทุกคนทุกฝ่าย ต้องร่วมมือกันให้มากที่สุด ถ้าเราคิดแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ขวนขวายหาความรู้ใหม่ ไม่สร้างนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ มันก็เสียโอกาส “ตกยุค-ตกขบวน” หรือหากเราเชื่อฟังคำบิดเบือน ข้อโต้แย้งโดยไม่ตั้งสติให้ดี ไม่มีหลักคิดไม่ใช้สติปัญญา คิดใคร่ครวญให้ดี การคิดการตัดสินใจก็จะผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว ถูกชี้นำในทางที่ไม่ถูกต้อง สิ่งใหม่ๆ ที่ทุกคนต้องการดีกว่า ก็ไม่เกิด ความพยายามที่จะลดความเหลื่อมล้ำก็ไม่สำเร็จ เศรษฐกิจของประเทศก็ไม่ดีขึ้น วันนี้ก็มีแต่พูดกันมาแล้วก็ไม่เคยทำวันนี้เราพยายามทำทุกอย่างที่ท่านพูดมาแล้วไม่ทำหลายคนนะ หากว่าเราฟังคำบิดเบือนมากมาย โดยไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ มันก็เหมือนการกินยาพิษ กินยาแทนที่จะรักษามันก็จะเป็นการกินยาผิดขนานเข้าไป กินยาผิดซอง นอกจากจะไม่รักษาโรคแล้วก็เกิดโรคตามมา โรคเก่าก็แก้ไม่ได้ โรคใหม่ตามมาอีก เหมือนกับไม่ให้รัฐบาล คสช.แก้ปัญหาเก่าๆ แต่ก็อยากให้ทุกอย่างดีขึ้น เร็วขึ้น อยากให้อยู่อย่างสบายที่สุด


"วัน อยู่บำรุง"โพสต์เฟซฯ รับผิดชอบเพียงผู้เดียว

จากกรณีพริตตี้สาว น้องซูกัส ได้ออกมาโพสต์คลิปวีดีโอ ร้องไห้แสดงความเสียใจหลังจากมีประเด็นขัดแย้งบางอย่างเกี่ยวกับ นายวัน อยู่บำรุง บุตรชายของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองชื่อดัง จนชาวเน็ตพากันสงสัยว่าเรื่องดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการยืมเงินกว่าล้านบาท ขณะที่นายวัน ได้โพสต์เฟซบุ๊กถามพริตตี้สาวว่าต้องการอะไร ดังที่ปรากฏตามเหตุการณ์มาแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 มี.ค. นายวัน ได้ชี้แจงว่าตนไม่รู้จักหญิงสาวรายดังกล่าวเป็นการส่วนตัว แต่ทราบเพียงว่าเป็นแฟนรุ่นน้องของโรงเรียนสวยกุหลาบ โดยห่างจากตน 2 ปี และเจอกันตามงานโรงเรียน แต่ไม่ได้สนิทกัน นอกจากนี้นายวัน ยังยืนยันว่าตนเป็นลูกผู้ชาย ไม่เคยกลั่นแกล้งผู้หญิง หลังเหตุการณ์ดังกล่าวได้สอบถามคนใกล้ชิดจนทราบว่า มีลูกน้องคนสนิทของตนนำชื่อไปแอบอ้างสร้างสถานการณ์บางอย่าง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน ซึ่งตนเองได้ตำหนิลูกน้องไปแล้ว และจะรับผิดชอบในสิ่งที่ลูกน้องแอบอ้างเอง โดยไม่มีการติดใจดำเนินคดีกับหญิงสาวคนดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิด นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก Wan Ubumrung ยังได้มีการโพสต์ข้อความด้วยว่า "ผม...นายวัน อยู่บำรุงขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว...ต้นไมใหญ่ย่อมต้องมีนกกามาเกาะอาศัยร่มเงาเป็นธรรมดา"


“ปู” ขอรัฐบาลชี้แจงเก็บภาษีหุ้นชินฯ หลังศาลเคยยึดทรัพย์ “พี่แม้ว” มาแล้ว

(17 มี.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีโครงการจำนำข้าว เดินทางมาศาลร่วมกระบวนการไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 11 โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าห้องพิจารณาถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมการเรียกจัดเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น จากนายทักษิณ พี่ชายอดีตนายกรัฐมนตรี ว่าศาลฎีกาได้พิพากษายึดทรัพย์ไปแล้ว 46,000 ล้านบาท การที่จะเรียกเก็บภาษีทั้งที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้วหวังว่าจะไม่ใช่การใช้อำนาจหรือกฎหมายที่ตนเองมีอยู่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้เห็นใจกัน และยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมายใด วิธีใด หรือรายละเอียดใด

“หวังว่ากฎหมายจะคำนึงถึงความยุติธรรม ควรที่จะบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน อย่าให้กฎหมายนั้นเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อที่จะไล่ล่า” อดีตนายกฯ กล่าว

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวอีกว่า ไม่ใช่แค่ครอบครัวหรือผู้ที่มีผลกระทบเท่านั้น เชื่อว่าประชาชนทุกคนก็คงอยากจะฟังคำชี้แจงจากรัฐบาลอย่างชัดเจน เราคงไม่อยากได้ยินเพียงแค่คำว่าอภินิหารทางกฎหมาย เราอยากเห็นการใช้กฎหมายด้วยความสุจริตและด้วยความเป็นธรรม

เมื่อถามว่า กรณีนี้จะกระทบต่อการสร้างความปรองดองหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า กรณีของตนเกิดขึ้นแล้ว ดังที่ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมเรื่องจำนำข้าวไปแล้ว และคงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เกิดความเสมอภาค ก็ไม่เห็นว่าอนาคตจะก้าวข้ามไปได้อย่างไร เราเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ผู้ถือกติกาต้องคำนึงถึงตรงนี้ด้วย ต้องไปถามผู้ที่ถือกติกาว่าความหมายของคำว่าปรองดองคืออะไร ส่วนข้อเสนอการสร้างความปรองดองของพรรคเพื่อไทยนั้น อยากให้ผู้ที่มีความเป็นกลางมาร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อจะได้ไม่ถูกมองว่ารัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้ง

เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีนักการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองอยู่แล้ว ยังไม่ทราบว่าทาง สตง.จะดำเนินการอย่างไร ขอทราบรายละเอียดก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 11 วันนี้ ทนายความเตรียมพยานไต่สวน 3 ปาก ประกอบด้วย นายพิชัย ชุนหวชิร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายข้าว และอดีตประธานกรรมการบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), พล.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ รอง ผกก.สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เกี่ยวกับการดำเนินคดี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว


มะกันเตือนโสมแดงแล้ว จะใช้กำลังทหารตอบโต้

17 มี.ค. สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงข่าวร่วมกับ รมว.ต่างประเทศเกาหลีใต้ ที่กรุงโซล เมื่อ 16 มี.ค. ในโอกาสเดินทางมาเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ ถึงนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อเกาหลีเหนือ ที่มีความเคลื่อนไหวอย่างแข็งกร้าว คุกคามประชาคมโลก โดยเฉพาะเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลีว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะพิจารณาถึงการใช้กำลังทางทหารตอบโต้ หากรัฐบาลเกาหลีเหนือดำเนินการยั่วยุอีก โดยนายทิลเลอร์สัน ยังกล่าวด้วยว่า นโยบายของรัฐบาลวอชิงตันในการใช้ยุทธศาสตร์ที่อดทนต่อเกาหลีเหนือนั้น สิ้นสุดไปแล้ว

ในโอกาสมาเยือนเกาหลีใต้ เมื่อ 17 มี.ค. นายทิลเลอร์สัน ยังเดินทางไปเยี่ยมพล.อ.วินเซนต์ เค.บรู๊ค นายทหารอเมริกัน ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชากองกำลังสหประชาชาติ, กองกำลังผสม และกองกำลังสหรัฐฯ ในเกาหลี ที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นเขตปลอดทหารระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ด้วย จนนับเป็นเจ้าหน้าที่ทางการอาวุโสสูงสุดคนแรกของสหรัฐฯ ที่มาเยือนต่อจากอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่มาหมู่บ้านปันมุนจอมในปี 2555

ข่าวแจ้งว่า เมื่อ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนกรุงโตเกียว และกล่าวว่า ความพยายามในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อป้องกันรัฐบาลเกาหลีเหนือมีนิวเคลียร์นั้น ถือว่าล้มเหลว ทั้งนี้รัฐบาลเกาหลีเหนือภายใต้การนำของคิม จอง อึน เพิ่งท้าทาย-คุกคามญี่ปุ่นโดยตรง เมื่อได้ทดสอบยิงขีปนาวุธนำวิถีถึง 4 ลูก และมี 3 ลูกไปตกในทะเลญี่ปุ่น เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา.

ลีน่าจัง เปิดตัวผัวคนที่ 9 หนุ่มผู้โชคดีมีนามว่า รังสี

(17 มี.ค.) ในกระแสโซเชียลกำลังเป็นที่ฮือฮาหลังมีคลิปการไลฟ์สดจากเบื้องหลังรายการตื่นมาคุย โดยสืบเนื่องมาจากลีน่าจัง หรือนางลีนา จังจรรจา นักธุรกิจสาวชาวไทย ที่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปี 2547 2551 และ 2552 โดนลีน่าจังได้ทำการไลฟ์สดเกี่ยวกับการรับสมัครสามีคนที่ 9 โดยได้มีการพูดเรื่องสามีคนใหม่ โดยในคลิปคือหนึ่งในผู้ที่มาสมัครจำนวน 55,013 คน และหน้าตาดีทุกคน เนื้อหาประมาณว่า ลีน่าจังถาม"เธออะจะไปทำงานทำไม ฉันจะเอาเธอมาทำสามี ไม่ต้องไปทำงานแต่เธอมาทำให้ฉันมีความสุขบนเตียงก็พอ ฉันเอาเธอมาทำเป็นสามีคะไม่ได้ให้เอามาเป็นคนใช้ ถามจริง ๆ เคยเปิดซิงกับผู้หญิงหรือเปล่า ผู้ชายตอบว่า กับแม่ไง

ทางด้านพิธีกรถามว่าหลงรักคุณแม่ (ลีน่าจัง) ที่ตรงไหน ตรงที่ว่าผมชอบผู้หญิงเก่ง และผมเห็นที่ผ่านมาว่าแม่ผิดหวังในหลายๆเรื่องแต่ผมก็ยังเห็นว่าคุณแม่ยังสู้อยู่โดยที่แบบว่าไม่ท้อไม่อะไรเลยเราเลยชอบเค้าด้วยหัวใจไม่ได้เกี่ยวกับในเรื่องของเงินเลย" "ในส่วนของลีน่าจังกล่าวว่า หล่ออย่างเดี่ยวไม่ได้นะฉันดูในเรื่องอื่นด้วย แต่ว่า ของเธอกี่นิ้ว ผู้ชายบอกว่ามาจับเลยดีกว่า ลีน่ายังบอกอีกว่าถ้าไม่ใช่สเปคฉันไม่เอานะบอกไว้ก่อน"

โดยฝ่ายพิธีกรได้ถามกับฝ่ายชายว่าทางบ้านอะรู้ไหมว่าจะมาจีบคุณลีน่าจังเป็นแฟน

" โดยได้คำตอบมาว่ายังไม่ได้ถามเลยครับแต่ว่าน่าจะถูกใจ เพราะว่าแม่ผมก็ดูอยู่บ่อยๆ" โดยลีน่าจังได้ถามว่าแล้วแม่ของเธอหละอายุเท่าไหร่ ฝ่ายชายบอกว่า แม่ของผมอายุ 44 หลังจากนั้นลีน่าจังยังคงถามเรื่องเซ็กซ์บนเตียงกับฝ่ายชายว่าเป็นอย่างไร เพราะต้องการที่จะตรวจสอบ ว่าวันหนึ่งจะเสร็จได้วันละกี่ครั้งฝ่ายชายบอกว่า"กี่ครั้งมันไม่สำคัญ"