ข่าว
'กำนันเป๊าะ'ได้พักโทษ อายุครบ 70 ป่วยมะเร็ง

วันที่ 14 ธ.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาพักโทษ กรมราชทัณฑ์ได้มีการพิจารณาให้นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ผู้ต้องขัง คดีเขาไม้แก้ว และคดีจ้างวานฆ่า กำนันยูร ทำให้ได้รับโทษทั้งหมดจำคุก 30 ปี 4 เดือน ได้พักโทษจริง โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้อนุมัติเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากอายุเกิน 70 ปี และมีอาการป่วยหนัก จึงเข้าหลักเกณฑ์เงื่อนไขได้การพักโทษ

สำหรับกำนันเป๊าะถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี 4 เดือน ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว และจำคุก 25 ปี ในคดีจ้างวานฆ่า นายประยูร สิทธิโชติ หรือ กำนันยูร รวมโทษจำคุก 30 ปี 4 เดือน แต่หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาตั้งแต่ปี 2549 จนกระทั่งถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2556 จากนั้นถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่มีอาการป่วย ทางเรือนจำต้องส่งตัวออกมาให้แพทย์รักษาในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จากนั้นเพียงไม่กี่วันกำนันเป๊าะได้รับอนุมัติให้ย้ายไปคุมขังในเรือนจำตามภูมิลำเนา โดยผู้บัญชาการเรือนจำกลางชลบุรี ส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลชลบุรี นานเกือบ 3 ปี กระทั่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ สั่งให้นำตัวกลับมาควบคุมที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง

ขณะที่ เวลา 15.40 น.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสังเกตการณ์ที่บ้านของ นายสมชาย หรือ กำนันเป๊าะ คุณปลื้ม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข อ.เมืองชลบุรี เลขที่ 3 ซอย 8 ถนนบางแสนล่าง ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี หลังทราบว่า ได้รับการพักโทษและได้ออกจากเรือนจำแล้ว พบว่า บ้านปิดประตู ภายในบ้านเงียบไม่เห็นมีคนอยู่ภายใน แม้แต่ที่ทำการพรรคพลังชล ที่อยู่ด้านหลังบ้านติดกันก็ปิดเงียบไม่มีคนเช่นกัน

ต่อมาผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สัมภาษณ์ นายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี ถึงกรณีบิดาได้รับการพักโทษแล้ว นายวิทยา ตอบว่าขอไม่ให้สัมภาษณ์ และคุณพ่อแม้จะได้รับการพักโทษแล้ว แต่ก็ยังต้องรักษาตัวอีก เพราะคุณพ่อยังป่วยอยู่ จึงไม่อยากให้รบกวนคุณพ่อ ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบว่าคุณพ่อออกจาก รพ.ของเรือนจำแล้วได้เดินทางกลับเข้าบ้านหรือเข้าพักรักษาตัวต่อที่ รพ.ไหน นายวิทยา ตอบว่า ขอเถอะไม่อยากให้มีใครรบกวนคุณพ่อในตอนนี้ อยากให้คุณพ่อได้พักผ่อนมากๆ

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า กำนันเป๊าะ ได้รับการพักโทษแล้วแต่ยังอยู่ในอาการป่วยหนัก และยังไม่ได้เดินทางเข้าบ้านที่ชลบุรี คาดว่าครอบครัวอาจพา กำนันเป๊าะ เข้าพักรักษาตัวต่อที่ รพ.แห่งใดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อหลีกเลี่ยงถูกรบกวน

พท.เย้ย สอบรวยผิดปกติ บิ๊กป้อม เงียบ รบ.ยิ่งซวย

วันที่ 14 ธันวาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาชิกองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ธันวาคม เวลา 10.30 น. จะเดินทางไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมที่สำนักงาน ป.ป.ช. หลังจากมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีทรัพย์สินและสวมใส่นาฬิกา “ริชาร์ด มิลล์” ที่ใส่ไปถ่ายรูปร่วมกับคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมาเพียงเรือนเดียว แต่ล่าสุดยังมีการตรวจสอบพบ พล.อ.ประวิตร สวมใส่นาฬิกายี่ห้อดังกล่าว รุ่น RM 30 มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท อีก 1 เรือน และไม่เคยปรากฏการแจ้งครอบครองทรัพย์สินชิ้นนี้ในเอกสารรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่เคยยื่นให้กับ ป.ป.ช. แต่อย่างใด

“อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการยืนยันในพยานหลักฐานที่เป็นทางการ และป้องกันการกล่าวอ้างว่า ผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐานเพิ่มเติม หรือเป็นการกล่าวอ้างจากการเสนอข้อมูลของสื่อมวลชนและหรือโซเชียลมีเดีย หรืออ้างว่า ไม่มีการยื่นหลักฐานให้กับ ป.ป.ช. ดังนั้นสมาคมฯ จึงได้รวบรวมหลักฐานภาพถ่ายการสวมใส่นาฬิกาดังกล่าวของ พล.อ.ประวิตร ทั้งหมด ไปยื่นให้กับ ป.ป.ช. ด้วย เพื่อให้มีการตรวจสอบว่ามีการจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่ รวมทั้งข้อสงสัยเรื่องความร่ำรวยผิดปกติของ พล.อ.ประวิตร มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร” นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ที่ผ่านมาสังคมพยายามช่วยกันตรวจสอบ และสืบค้นนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร อีกหลายเรือน ไม่ว่าจะเป็นโรเล็กซ์ ปาเต๊ะ ฟิลลิป หรือแม้แต่ริชาร์ดมิลล์ที่พบเพิ่มอีกเป็นเรือนที่ 2 ซึ่งเบื้องต้น คงต้องให้ความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประวิตร ว่าภาพที่ปรากฏเป็นภาพจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อสังคมมีข้อคลางแคลงใจสงสัยและจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ก็อยากเห็นการทำหน้าที่ตรวจสอบของ ป.ป.ช. อย่างตรงไปตรงมา เพราะรัฐบาลก็เคยประกาศว่า จะบริหารราชการภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ใช่ทีพรรคพวกตัวเองให้ลดราวาศอก แต่กับคนอื่นบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคือตัว พล.อ.ประวิตร เอง การนิ่งเงียบไม่ให้ความกระจ่าง ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเลย เพราะความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าการรับผิดชอบทางกฎหมาย ถ้าจะให้เกิดประโยชน์ท่านควรจะออกมาชี้แจงกับสังคมด้วยตัวเอง ไม่ควรปล่อยให้ประเทศนี้มีแต่ข่าวนาฬิกากับแหวนเพชรของท่าน ซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและประเทศ ไม่แน่ใจกระแสข่าวที่ว่าท่านจะชี้แจงว่าแหวนเป็นของมารดา นาฬิกาเป็นของเพื่อน จริงหรือไม่ หรือการพบนาฬิกาแบรนด์เนมอีก 4-5 เรือน รวมถึงริชาร์ดมิลล์อีก 1 เรือน ท่านจะตอบว่านาฬิกาเรือนอื่นๆ ก็ยืมเพื่อนมาใส่อีกหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นบุคคลทั่วไป ใครที่ชอบยืมนาฬิกาเพื่อนเยอะขนาดนี้ คงหาคนคบเป็นเพื่อนยาก มีคำกล่าวว่า เพราะเวลาเป็นของมีค่า เลยต้องใช้นาฬิการาคาแพง แต่วันนี้อยากให้ พล.อ.ประวิตร รู้ซึ้งถึงคุณค่าของเวลา ไม่ควรปล่อยเวลาให้ทอดยาว รังแต่จะเกิดปัญหาตามมามากมาย


“ติ่งทหาร” ออกโรงป้อง “ประวิตร” บ้านรวยถึงได้ใส่แหวนเพชร

เฟซบุ๊กเพจ “เสธPLAY” ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา มีเนื้อหาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม สวมแหวนเพชร และใส่นาฬิกาหรูยี่ห้อ ริชาร์ด มิล มูลค่าหลักล้านบาท ระบุว่า หากจะให้ดูประวัติพื้นฐานของครอบครัว พล.อ.ประวิตร ว่า จบโรงเรียนเซนต์คาเบรียล พ่อแม่ต้องมีเงิน ส่วนเพื่อนที่สนิท มีทั้ง นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอม-ลิงค์ จำกัด และมีนักธุรกิจอีกเยอะที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น เพราะฉะนั้นทหารไม่จำเป็นต้องจนทุกคน ทหารรวยๆ ก็มี

เฟซบุ๊กดังกล่าวระบุอีกว่า ตอนที่ พล.อ.ประวิตร ไม่มีตำแหน่ง รุ่นน้อง และลูกน้องมากมายยังคอยดูแลอยู่ เพราะเป็นคนที่ให้ทุกคน ให้ลูกน้อง ดูแล ไม่ทอดทิ้ง ปากร้าย แต่ใจดี ไม่เห็นแก่ตัว จึงทำให้ยังมีลูกน้องที่รักมากมายยังวนเวียนไปหาตลอด เหมือนกับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ทุกวันนี้ยังมีคนไปหาสม่ำเสมอ แต่ต่างจาก พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน หัวหน้าคณะมตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยให้ใคร ไม่เคยดูแลคนอื่น และเห็นว่า สื่อพยายามทำให้ทหารดูแย่ในทุกๆ ด้าน ไม่สนใจว่าทำลายประเทศมากมายแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม พบว่า มีความเห็นจาก FONGSANAN CHAMORNCHAN หรือ ฟองสนาน จามรจันทร์ นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง ระบุว่า กรณีของ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เรื่องรวยหรือจน ประเด็นคือ ราคาสิ่งของขนาดนี้หากไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผิดกฎหมาย ซึ่งที่เฟซบุ๊กดังกล่าวชี้แจงเป็นคนละประเด็นกัน ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็เคยถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม พบว่า ความเห็นของฟองสนานได้หายไปแล้ว

อนึ่ง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีทรัพย์สินมูลค่าเกิน 200,000 บาทขึ้นไป จะต้องแจ้งลงในบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามกฎหมาย การจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบให้ถูกต้องครบถ้วน ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพื่อป้องการการทุจริต มีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. จะต้องถูกชี้มูลความผิด ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด เพื่อฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจะต้องถูกพ้นจากตำแหน่ง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หรืออาจมีโทษจำคุกได้


กองทัพไทยสรุปผล “น้องเมย” ดับเพราะตกบันได หัวใจล้มเหลว

(15 ธ.ค.) เวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียมเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 แถลงสรุปการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่การแถลงข่าวตอบโต้กับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เพราะทางกองทัพและโรงเรียนรวมไปถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตต่างสูญเสียด้วยกันทั้งหมด การแถลงข่าววันนี้เป็นการแถลงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยในวันที่เสียชีวิตนั้นน้องเมยมีอาการเจ็บอก เกร็ง ชา หายใจแรงถี่ ทางแพทย์จึงได้ให้นำตัวเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงจึงได้ทำการซีพีอาร์ พร้อมแจ้งครอบครัวของน้องเมย โดยระหว่างนั้นทางครอบครัวได้มีการร้องขอให้ซีพีอาร์เป็นเวลานานถึง 4 ชม. ใช้เจ้าหน้าที่หมุนเวียนถึง 20 คน ก่อนที่แพทย์จะลงความเห็นว่าเสียชีวิต โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าตลอดทั้งวันน้องเมยถูกผู้ใดทำร้ายร่างกายหรือสั่งลงโทษวินัย ยกเว้นช่วงที่เดินขึ้นตึกกองแพทย์ที่ล้มลงเพราะความเครียดสูงหลังคุยกับผู้ปกครอง ต่อหน้าพยานที่พบเห็นถึง 4 ราย

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการสอบสวนได้สอบปากคำผู้ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการลงโทษน้องเมย ในวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา วันดังกล่าวน้องเมยได้ลื่นเสียหลักล้มจากบันไดชั้น 2 จนบาดเจ็บ นอนตะแคงซ้ายมือกุมหน้าอก ทางครูพละและเพื่อนได้เข้าช่วยเหลือ พร้อมส่งกองแพทย์ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ก็ไม่พบว่ามีอาการช้ำใน ทางผู้ปกครองก็ยังได้นำตัวน้องเมยไปเอกซเรย์อีกครั้ง จนกลับเข้ามาที่โรงเรียนในวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา และจากการตรวจของสถาบันพยาธิวิทยา สรุปในภาพรวมก็ไม่พบฟกช้ำภายนอก ส่วนที่ชายโครงด้านซ้ายหักก็ไม่ได้ตัดข้อสงสัยในเรื่องของการทำซีพีอาร์ที่ใช้แรงกดกึ่งกระแทกนาน 4 ชม. อีกทั้งพบอาการเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ ที่ไม่ค่อยพบในคนวัย 18 ปี จึงขอสรุปว่าการเสียชีวิตเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และไม่ผู้ใดสั่งลงโทษหรือทำร้ายจนเป็นเหตุให้น้องเมยเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ไม่เชิญครอบครัวของน้องเมยมาในวันนี้เนื่องจากทางกองทัพและครอบครัวของนักเรียนเตรียมทหารไม่ใช่คู่กรณีกัน จึงไม่อยากให้มีการตอบโต้กัน และทางผู้ปกครองก็ไม่ขอเปิดเผยข้อมูลการชันสูตรครั้งล่าสุด โดยในวันที่วันที่ 18 ธ.ค.นี้จะมีการเชิญครอบครัวเข้ามาฟังคำชี้แจงและตอบข้อสงสัยทุกอย่าง ส่วนการธำรงวินัยในการนำเข้าห้องเซาน่าโดยนักเรียนผู้บังคับบัญชานั้น ทางน้องเมยและเพื่อนอีกหนึ่งคนได้มีการแจ้งว่าป่วยจึงนำตัวออกมา และคงไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิต และที่มีข้อสงสัยเรื่องหลักสูตรการเรียนของโรงเรียนเตรียมทหารนั้น ขอยืนยันว่าเป็นหลักสูตรที่ได้มาตราฐาน แต่ก็จะมีการปรับปรุงเป็นระยะ เบื้องต้นจะต้องมีการเข้มงวดในการตรวจร่างกายก่อนเข้าเรียนมากขึ้น และขอยืนยันว่า ระบบธำรงวินัยเป็นระบบที่ดี ซึ่งอาจต้องมีปรับปรุงท่าธำรงวินัย ไม่ให้ใช้ท่าธำรงวินัยที่ถูกห้าม แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการฝ่าฝืนจากความคึกคะนอง หากพบจะถูกลงโทษโดยทันที


เตรียมตรวจ DNA พิสูจน์ เจ้าของลอตเตอรี่ 30 ล้าน

14 ธ.ค. 60 ความคืบหน้ากรณีการโต้งแย้งสิทธิ์การเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 เลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท ที่จังหวัดกาญจนบุรี ภายหลัง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมด้วย ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล อดีตตำรวจที่เป็นผู้นำลอตเตอรี่ดังกล่าวไปขึ้นรางวัล ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จกับ นายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่อ้างว่าตนเองเป็นผู้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดดังกล่าว แต่ทำสลากฯ หายไป และร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ นางรัตนาพร แม่ค้าลอตเตอรี่พร้อมพวก ที่ขายสลากฯ เกินราคา และยังได้ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เพื่อร้องขอให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบนายตำรวจระดับสูงในจังหวัดกาญจนบุรีที่เข้าไปพัวพันในคดีดังกล่าว

ล่าสุดวันนี้ 14 ธ.ค. 60 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวผ่านทางโทรศัพท์ ว่า ทาง พ.ต.ต.ชัยวัชริศ สิงห์สังข์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้ส่งหมายเรียกพยาน ลงวันที่ 14 ธ.ค. 60 เพื่อขอให้ ลุงจรูญ ไปให้ปากคำเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ (15 ธ.ค.60) เวลา 09.30 น. แต่ทางตนได้ประสานขอเลื่อนพนักงานสอบสวนออกไปก่อน เนื่องจากติดบรรยายในโครงการพี่สอนน้องให้เป็นคนดีของสังคม ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่ 18 - 22 ธ.ค. 60 และทั้งนี้ยังได้ทราบจาก ลุงจรูญ ด้วยว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานขอตรวจดีเอ็นเอด้วย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะนัดหมายเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 26 ธ.ค.60

“ทั้งนี้สำหรับในคดีที่ ครูปรีชา แจ้งความดำเนินคดี ลุงจรูญ ก็ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ ส่วนในคดีที่ ลุงจรูญ แจ้งความดำเนินคดี ครูปรีชา นั้น หลักฐานชัดเจนตามบันทึกประจำวันแล้ว ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้เรียกให้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด” นายษิทรา กล่าว

ขณะที่ทางด้าน นายศุภกร สุดสงวน ทนายฝ่าย นายปรีชา ได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์เพียงสั้นๆ ว่า ตนไม่ทราบว่าการดำเนินคดีไปถึงไหนแล้ว เนื่องจากเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการ รวมถึงอัยการ ซึ่งตนไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ ทั้งนี้ในส่วนของ อาจารย์ปรีชา ก็ได้ให้การกับพนักงานสอบสวนตามที่ได้ประสบมา ซึ่งในระหว่างนี้ตนก็จะเก็บรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อเตรียมนำไปต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป

หม่ำ เกมแล้ว!! โดน มด แฉซุกเมียน้อย ถ้าทำอีกจะสาปแช่งให้ตาย3วัน7วัน!!

เป็นคู่รักที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานกว่า 30 ปี แต่กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ต้องล้มลุกคลุกคลานอย่างมาก สำหรับคู่ของตลกชื่อดัง หม่ำ จ๊กมก กับ มด ภรรยาคู่ชีวิต เห็นรักกันดีแบบนี้ แต่ล่าสุดหม่ำก็ถูกเมียออกมาแฉกลางรายการซะแล้วว่า แอบซุกเมียน้อยนานถึง 3 ปี!!

ซึ่ง มด บอกว่า สามีตนเองได้แอบเรื่องนี้ไว้ตั้ง 3 ปี ตนไม่เคยรู้มาก่อน ขนาดตามไปดูทุกวัน แต่หม่ำก็จีบกันได้ทุกวันๆ ไม่รู้ว่าทำได้ยังไง พวกนี้มันอัจฉริยะ ขนาดเมียไปด้วยยังสามารถตามจีบกันได้ มีไม่ยอมบอก

พอกลับไปถึงบ้านให้สาบานเลยนะ ให้พูดตามพร้อมตะโกนดังๆ ว่า ต่อไปนี้ผมจะเลิกกับเมียน้อยชื่อนี้ๆ ถ้าเกิดกลับไปหากันอีก ขอให้ตายภายในสามวันเจ็ดวัน คำสาบานนี้จะมีใครถอนไม่ได้ นอกจากตัวของมดคนเดียว แต่หลังจาก 7 วันมา ก็ยังแอบไปเจอกันอีกนะ

ทางด้านหม่ำรีบบอกเลยว่า โอ๊ย พอเมียรู้เรื่องนี้ คิดในใจว่า ไอ้หม่ำเกมแล้ว ไม่รู้จะพูดยังไง เลยหันไปพูดภาษาอังกฤษใส่ 2 คำ "The End" คือทุกวันนี้เราอยู่ด้วยกันมาเกินกว่าคำว่ารักแล้ว มันใช้คำนี้ไม่ได้ มันต้องใช้คำว่า มโหฬารแห่งรัก

พอพูดยังไม่ทันจบภรรยาสุดที่รักก็บอกว่า "งั้นก็สร้างหนังซะเลยสิ สร้างหนังเกี่ยวกับเรื่องเมียน้อยที่เชียงราย" ซึ่งงานนี้หม่ำหันขวับมาทางเมียแทบไม่ทัน