"สุเทพ" นำมวลชนยึดกระทรวงการคลัง-กรมประชาสัมพันธ์ ประกาศปักหลักค้างคืน ลั่นล้มระบอบทักษิณให้ได้ภายใน 3 วัน เตรียมบุกยึดกระทรวงอื่นๆ วันพรุ่งนี้ หากรัฐบาลยังไม่ยอมแพ้
"สุเทพ" นำมวลชนยึด ก.คลัง-กรมประชาสัมพันธ์ ประกาศค้างคืนเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกาศหลังนำมวลชนยึดสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ว่า คืนนี้ (25 พ.ย.) จะปักหลักค้างคืนที่สำนักงบประมาณ ร่วมกับมวลชนทั้งหมด การตัดน้ำตัดไฟ ก็เพื่อไม่ให้รัฐบาลสามารถดำเนินการใดๆ กับงบประมาณ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของระบอบทักษิณ และล้มระบอบทักษิณให้ได้ภายใน 3 วัน หากรัฐบาลไม่ยอมแพ้ ก็จะให้มวลชนเข้ายึดกระทรวงต่างๆ ในวันพรุ่งนี้ (26 พ.ย.)
จากนั้น นายสุเทพ ได้ประกาศให้มวลชนเดินทางมายังกรมประชาสัมพันธ์ มีนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ เป็นผู้นำขบวน เมื่อมาถึงพบว่ามีการปิดประตูทุกด้าน ทำให้ผู้ชุมนุมปีนรั้วเข้ามาเปิดล็อกประตูด้านใน พร้อมช่วยกันยกประตูเหล็กบริเวณด้านหน้า ก่อนที่จะเดินเข้ามาภายในพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนประมาณ 50 นาย ที่ดูแลสถานการณ์ภายในกรมประชาสัมพันธ์ ก็รีบเดินทางออกจากพื้นที่ทันที ทำให้ผู้ชุมนุมสามารถเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าตึกกรมประชาสัมพันธ์ได้
ม็อบบุกยึดสำนักงบประมาณ เข้าไปภายในตึก ตัดไฟทั้งตึกผู้สื่อข่าวรายงานที่สำนักงบประมาณ เวลาประมาณ 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ สามารถเปิดประตูสำนักงานงบประมาณได้แล้ว และมีกลุ่มมวลชนจำนวนหนึ่งได้เดินทางเข้าไป
พร้อมกับทยอยขึ้นไปนั่งยังทุกชั้นของสำนักงาน โดยมีบางส่วนเปิดหน้าต่างลงมาทักทายแนวร่วมด้านล่าง มีรายงานว่า สำนักงบประมาณ ได้ทำการตัดไฟทั้งอาคารแล้ว
ม็อบลุย "กองทัพไทย" จบภารกิจแวะ "ดีเอสไอ" สกลธีปีนรั้วมอบธงชาติเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ดาวกระจายเดินทางมารวมตัวกันบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพไทย นำโดยนายสกลธี ภัททิยกุล ขึ้นรถ 6 ล้อนำขบวนเคลื่อนมวลชนมาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งมาถึงบริเวณกองบัญชาการกองทัพไทย 11.00 น. จากนั้นได้ใช้เวลารวมตัวอ่านแถลงการณ์ประมาณครึ่งชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์เป็นการให้กำลังใจทหาร ขอให้ออกมาต่อสู้เคียงข้างประชาชน พร้อมยืนยันว่ามาชุมนุมอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ จากนั้นพร้อมใจกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี รวมถึงมอบธงชาติ นกหวีดและดอกกุหลาบให้กับ พล.ต.ก่อเกียรติ พิทักษ์วงศ์ เลขานุการกองบัญชาการกองทัพไทย ตัวแทนผู้รับมอบ
นายสกลธี ปราศรัยว่า จะให้เวลาทหารในการตัดสินใจแสดงท่าทีภายใน 3 วัน พร้อมประกาศจะมีการยกระดับชุมนุมทุกวันถึงวันที่ 26 พ.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการชุมนุมที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายสกลธีได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไปเป่านกหวีดเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งรอบบริเวณอาคารมีการนำรั้วเหล็กมากั้นรอบบริเวณถึง 2 ชั้น และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยอยู่ภายในรั้ว โดยผู้ชุมนุมต้องการมาแสดงพลังเป่านกหวีดต่อต้านมาตรการที่ดีเอสไอประกาศจะดำเนินคดีกับผู้ที่เป่านกหวีด
ทั้งนี้ กลุ่มแกนนำได้ปราศรัยระบุว่าเข้าใจว่าที่ดีเอสไอตกต่ำไม่ได้เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ แต่เป็นเพราะนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ดังนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอออกมายืนอยู่ข้างประชาชนด้วย หลังจากนั้นนายสกลธีได้ปีนรั้วเข้ามามอบธงชาติให้กับตัวแทนดีเอสไอ เพื่อนำไปมอบให้นายธาริตเพื่อให้รำลึกถึงประเทศชาติด้วย
"ม็อบราชดำเนิน" บุกถึงกองทัพเรือ ปลุกทหารร่วมทำหน้าที่ปกป้อง ปชช.เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 พ.ย. นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผอ.สำนักข่าวทีนิวส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุมเวทีราชดำเนิน ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมรวมพลที่บริเวณด้านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ จากนั้นตั้งขบวนบนสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และเคลื่อนขบวนไปยัง ถ.อรุณอัมรินทร์ ผ่านหน้ารพ.ศิริราช ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ด้านหน้าบริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ(บก.ทร.) เพื่อให้กำลังใจข้าราชการของกองทัพเรือ
โดยมีการปราศรัยแจ้งวัตถุประสงค์ของการเดินขบวนในครั้งนี้ให้เจ้าหน้าที่ทหารเรือได้รับทราบ ซึ่งการเดินขบวนดังกล่าวต่างได้รับความสนใจจากประชาชนตลอดสองข้างทาง พร้อมทั้งโบกมือให้กำลังใจผู้ชุมนุมที่เดินขบวนด้วย
ทั้งนี้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้มอบหมายให้ พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ เป็นผู้แทนรับเรื่อง ซึ่งนายสนธิญาณ ได้มอบดอกกุหลาบสีขาวและนกหวีดให้ เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองว่าประชาชนไม่ยอมรับระบอบทักษิณ และรับไม่ได้กับการบริหารงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เนื่องจากได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชันและการจาบจ้วงสถาบัน ดังนั้นจึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารออกมาร่วมทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ตามที่เคยตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณด้านหน้า บก.ทร. ได้มีการนำเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารเรือ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลบางกอกใหญ่ จำนวนหนึ่งมาดูแลความเรียบร้อย พร้อมทั้งเตรียมน้ำดื่มไว้บริการประชาชนได้ดื่มฟรีอีกด้วย
"สุเทพ"ขึ้นรถปราศรัย ส่งสัญญาณอาจปักหลักหน้าสำนักงบฯเมื่อเวลา 11.44 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบราชดำเนินและผู้นำเคลื่อนขบวนสู่สำนักงบประมาณ ขึ้นรถกระบะปราศรัย พร้อมกับพูดเป็นนัยว่าหากไม่มีการเปิดประตูให้เข้าไปก็พร้อมที่จะปักหลักชุมนุม
"พี่น้องข้าราชการสำนักงบฯ เราขอคุยเราก่อน พี่น้องครับ เนื่องจาก เท่าที่ผมประเมินด้วยสายตา 4-5 หมื่นคนขึ้นไป เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะเป็นลม ขอขยายพื้นที่หายใจหน่อย ขยับพื้นที่ให้พักเอาแรงทานข้าวกันกอน มีเรี่ยวแรงแล้วค่อยเข้าไปสำนักงบประมาณ ไม่ต้องกลัว ถ้าเขาไม่เปิดประตูให้ก็ไม่ต้องกลับบ้านกัน ไม่ต้องกลัวอยู่กันทั้งคืน อยู่กันถึงเช้าก็ได้ กราบขออภัยพ่อแม่พี่น้องแถวนี้ด้วย ถ้าไม่สะดวกอะไรเราจะเปิดทางให้"
ม็อบถึงบก.ทบ.มอบดอกไม้-นกหวีดเรียกร้องทหารออกยืนเคียงข้างประชาชนเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นายเอกณัฐ พร้อมพันธ์ แกนนำผู้ชุมนุมเวทีราชดำเนิน พร้อมด้วย นางมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
พร้อมผู้ชุมนุมเดินทางมามอบดอกกุหลาบและนกหวีดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) โดยมี พ.อ.วัชระ นิตยสุทธิ์ รองเลขานุการกองทัพบก เป็นผู้แทนเดินออกไปหน้า บก.ทบ.เพื่อพบกับผู้ชุมนุม
นายเอกณัฐกล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในแกนนำต่อต้านระบอบทักษิณ ขอนำพี่น้องที่มาแสดงจุดยืนการต่อต้านระบอบทักษิณ เราต้องการขจัดระบอบนี้ออกไปเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้า เรามากันอย่างสงบเรียบร้อยเป็นพลเมืองดีที่รักประเทศชาติบ้านเมือง เรามีแต่ตัวกับหัวใจ ดังนั้น ตนขอเป็นตัวแทนประชาชนนำกำลังใจมาพร้อมดอกไม้และนกหวีดให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมเหล่าทหาร และขอร้องให้ทหารออกมายืนเคียงข้างประชาชน
"ม็อบราชดำเนิน"คึกเดินขบวนดาวกระจาย13จุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วงเช้าในพื้นที่การชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ว่ามีประชาชนที่พักค้างอยู่บริเวณพื้นที่ชุมนุมจำนวนมาก โดยบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถือว่าเป็นเวทีกลางในการขับเคลื่อนผู้ชุมนุมในการขับไล่รัฐบาล ซึ่งตั้งแต่เวลา 07.00 น. ได้มีพิธีกรขึ้นเวทีมาจัดรายการเล่าข่าว กล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล และการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
ต่อมาทางแกนนำได้ประกาศจัดรูปขบวนก่อนเวลา 08.00 น. โดยแบ่งเป็น 13 เส้นทาง กำหนดการเคลื่อนขบวน โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำเวทีราชดำเนินโค่นล้มระบอบทักษิณ ได้ประกาศ 13 เส้นทาง ประกอบด้วยจุดที่ 1.กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.สส.) นำโดยนายสกลธี ภัททิยกุล 2.กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ดอนเมือง นำโดยนายวิทยา แก้วภราดัย
3.หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นำโดยนายเอกณัฐ พร้อมพันธ์ 4.กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) นำโดยนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม 5.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นำโดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 6.กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) (พื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคง)
7.สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นำโดยนายณัฐพล ทีปสุวรรณ 8.สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นำโดยนายอิสสระ สมชัย 9.สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 นำโดยนายชาญวิทย์ วิภูสิริ 10.ไปสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 นำโดยนายถนอม อ่อนเกตุพล
11.สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 NBT นำโดยนายถาวร เสนเนียม 12.กระทรวงมหาดไทย ให้สมาชิก อบต.ทั้งคณะ ที่เข้าร่วมไปทวงเงินที่กระทรวงมหาดไทย และ 13.ไปสำนักงบประมาณ พระราม 6 นำโดยนายสุเทพ
จากนั้นเวลา 09.00 น. ทางแกนนำของแต่ละจุดที่จะเดินทางไปตามสถานที่ราชการต่างๆ ได้เรียกรวมพลตามจุด อาทิ ผู้ที่จะเดินทางไปที่สำนักงบประมาณ นำโดยนายสุเทพ ซึ่งใช้รถยนต์ 6 ล้อ ติดเครื่องขยายเสียง นำหน้า 1 คน และมีประชาชนเดินเท้าตาม ซึ่งส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งเวลา 10.00 น. นายสุเทพพร้อมวลชนจำนวนมากได้เดินทางมาถึงบริเวณสี่แยกอุรุพงษ์ มุ่งหน้าไปยังสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ถนนพระรามหก ซึ่งระหว่างการเดินขบวนนั้นได้มีการปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ชุมนุมและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง ส่วนการจราจรโดยรอบรถติดหนาแน่น อย่างไรก็ตาม ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยดูแลการชุมนุมตลอดเส้นทาง ยังไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ประกาศขยายพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในกทม.และพื้นที่ใกล้เคียง หลังกลุ่มผู้ชุมนุมบุกสถานที่ราชการ ตัดน้ำ ตัดไฟ ยันดำเนินการตามมาตรฐานสากล แต่จะไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.35 น. วันที่ 25 พ.ย.2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
เรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านคะ
วันนี้ดิฉันขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมถึงสถานการณ์การชุมนุมในวันนี้ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการยกระดับการชุมนุมที่ก่อนหน้านี้เป็นการชุมนุมโดยสงบ และรัฐบาลก็เคารพต่อเสรีภาพและการแสดงออกในการชุมนุมของทุกกลุ่มที่มีความหลากหลาย แต่ก็ไม่ละเลยที่จะบังคับใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของประเทศ เพื่อคุ้มครองความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชน ในการใช้ที่สาธารณะ ตลอดจนการติดต่อราชการ
แต่ปรากฏว่าสถานการณ์ในวันนี้ มีกลุ่มผู้ชุมนุมได้กระจายการชุมนุม โดยใช้กำลังคนกดดัน ปิดล้อมสถานที่ราชการ เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงการต่างประเทศ และกรมประชาสัมพันธ์ โดยใช้กำลังบุกทำลายประตูรั้ว เข้าไปในสถานที่ราชการ มีการตัดกระแสไฟฟ้าและน้ำประปา เพื่อมิให้ปฏิบัติราชการได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและสถานที่ราชการในการให้บริการประชาชน
รัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้กฎหมาย เพื่อรักษาไว้ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะการรักษาทรัพย์สินของราชการ การดำรงชีวิตโดยปกติสุข รวมทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ส่วนรวม ทำให้รัฐบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ในการบังคับใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.๒๕๕๑ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร / จังหวัดนนทบุรี / จังหวัดสมุทรปราการ เฉพาะอำเภอบางพลี / จังหวัดปทุมธานี เฉพาะอำเภอลาดหลุมแก้ว
แม้รัฐบาลจะได้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าว แต่ดิฉันขอยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชนโดยเด็ดขาด โดยจะดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากลในการบังคับใช้กฎหมาย และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติราชการทุกฝ่ายร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่อง และขอให้กำลังใจในการปฏิบัติราชการให้ลุล่วงไปด้วยดี ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าให้การสนับสนุนการชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และอย่าหลงเชื่อข่าวลือต่างๆ โดย ให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการเพื่อรักษากฎหมาย และให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว โดยขอเรียกร้องให้ฝ่ายที่เห็นต่าง ใช้กระบวนการของรัฐสภาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถือเป็นกลไกภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพ “หลักนิติรัฐ” ทั้งนี้รัฐบาลยังคงยืนยันเจตนารมณ์ ในการหารือและรับฟังความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ของทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความสงบสุข สมานฉันท์ของคนในชาติ
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012