'สุทธิชัย หยุ่น' ชี้ทิศทางหนังสือพิมพ์ไทยในยุคดิจิตอล จะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติทำสื่อให้หลายด้าน เน้นการรักษาแบรนด์เดิม และสร้างความน่าเชื่อถือใหม่
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 ส.ค.2556 ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ อ.เมือง จ.ลำปาง นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น กรุ๊ป เปิดเผยในการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ทิศทางของหนังสือพิมพ์ไทยในยุคดิจิตอล" ใหักับสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดลำปาง ว่า การเปลี่ยนแปลงของสื่อหนังสือพิมพ์ในอนาคตจะต้องมีการปรับตัวเองให้มาก โดยจะต้องมีการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีให้มากขึ้นทั้ง สื่อทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ก หรือยูทูป ที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า แต่ยังจะต้องยังคงรักษาฐานเดิมของตนเองไว้ เนื่องจากประชาชนยังคงติดในแบรนด์ของสื่อนั้นๆ แต่ทั้งนี้จะต้องมีการปรับตามโลกของเทคโนโลยี
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิตอล เปรียบเสมือนกับภาพยนต์ เรื่อง perfect storm ที่เทคโนโลยี จะค่อยๆพัดเป็นคลื่นเข้ามากระทบกับสังคมและไม่สามารถคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในอนาคต เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสื่อที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นๆ คือสื่อเพลง ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นยุคแรกๆ ก่อนจะเริ่มเข้าสู่วงการสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งทุกสื่อจะต้องมีการปรับตัว แบบค่อยๆดำเนินการและใช้ประโยชน์จากสื่อทุกรูปแบบให้ครอบคลุมมากที่สุด รวมทั้งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการยอมรับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงพนักงานเองก็จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตนเองเข้าสู่โลกดิจิตอล ด้วยการปรับเปลี่ยนการทำงานจากเดิมที่มีการทำงานในด้านเดียวเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจะต้องทำได้ในหลายหน้าที่ ทั้งเรื่องของการตัดต่อ การเขียน หรือการถ่ายภาพ โดยอาศัยการใช้สื่อดิจิตอลเป็นเครื่องมือ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ส.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการเปิดเวที “เดินหน้าปฏิรูปประเทศ พัฒนาประชาธิปไตย และประเทศร่วมกัน” เป็นครั้งแรก โดยมีบุคคลจากสาขาอาชีพ และกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เข้าร่วม 70 คน ซึ่งมีอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธาน และประธานรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมือง ตัวแทนเครือข่าย และกลุ่มการเมือง โดยไม่มีตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เข้าร่วม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้กล่าวแสดงเจตนารมณ์ในการจัดเวทีระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอทางออกประเทศไทย ว่า ขอขอบคุณที่ให้เกียรติรัฐบาล ตอบรับการเชิญมาพูดคุยกันวันนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะเป็นผู้เริ่มเป็นเจ้าภาพจัดพูดคุย แต่รัฐบาลจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ประสานงานเพื่อให้เวทีนี้เกิดขึ้นเท่านั้น เวทีนี้เราได้เชิญผู้ที่มีประสบการณ์ที่หลากหลาย มีมุมมองในแต่ละมิติต่างกันมาพูดคุยกัน เพื่อจะได้ร่วมกันหาทางออก และวางอนาคตประเทศไทย ซึ่งมีทั้งด้านการเมือง ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงภาคเอกชน ภาคประชาชน สื่อมวลชน อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดาย ที่ยังไม่ครบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายค้าน หรือกลุ่ม พธม. แต่เวทีนี้พร้อมที่จะเปิดรับ และเรียนเชิญทุกเมื่อ ทุกเวลาที่เหมาะสม รวมถึงหลายคนที่อาจติดภารกิจ หรือยังไม่แน่ใจ ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจ อยากเห็นการเริ่มพูดคุยกัน เพื่อหาทางออก และมองไปอนาคตข้างหน้าร่วมกัน เราอยากเห็นการปฏิรูปการเมืองในมิติที่กว้างครบทุกองค์กร และวางกรอบยุทธศาสตร์ เพราะหากเราคุยแค่เรื่องในปัจจุบันก็จะต้องไปคุยถึงรายละเอียดของปัญหา ซึ่งยังมีข้อขัดแย้งที่ยังหาทางออกไม่ได้ หรือบางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่รอบางข้อ หรือถอนกฎหมายบางอย่างที่ถกเถียงในสภาฯ ก่อน แต่ตนมองว่าเวทีนี้จะเป็นเวทีที่เราจะได้เห็นภาพในหลายมิติที่กว้างมากขึ้น แต่ในส่วนเวทีสภาฯจะเป็นเวทีของตัวแทนที่จะแก้ปัญหาข้อขัดแย้งทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งเวทีนี้เราได้เชิญผู้ที่เคยศึกษาข้อขัดแย้งต่าง ๆ มาร่วมด้วย เชื่อว่าเราจะได้นำข้อศึกษาต่างๆ ในอดีตทุกกลุ่มทุกสถาบันมาพูดคุยกันว่าเราจะแก้ปัญหาประเทศได้อย่างไร
29 ส.ค.56 นางธาริษา วัฒนเกส อดีต ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุล 2.5 แสนล้านบาทของงบปี 57 นั้น เทียบเท่า 1.9% ของจีดีพี ซึ่งงบขาดดุลดังกล่าวหากคิดรวมกับการกู้เงินนอกงบประมาณด้วย จะทำให้ตัวเลขสูงขึ้นที่ 2.8% ของจีดีพี ดังนั้นหากรัฐต้องการบรรเทาภาวะขาดดุล ควรดำเนินมาตรการที่วางไว้ คือ ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในเดือน ต.ค.นี้ แต่หากรัฐบาลยังตรึงราคาต่อไปจะทำให้สูญเสียรายได้ 3 หมื่นล้านบาท และจะส่งผลให้งบขาดดุลสูงขึ้นจาก 2.8% เป็น 3%
นางธาริษา กล่าวว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 56 และ 57 จะอยู่ราว 4-5% ภายใต้สมมติฐานว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว โดยมองว่าในปี 57 นั้นเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ข้อจำกัดด้านแรงงานและภาคการผลิต อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไม่สูงเท่าอดีต รัฐบาลจึงควรเพิ่มศักยภาพการผลิต การแข่งขันของประเทศ หรือไปเน้นการลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิจมากกว่ากระตุ้นการใช้จ่ายบริโภค
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการส่งออกของไทยนั้น พบว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกามีเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่กลุ่มสหภาพยุโรปยังมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่ต้องรอการแก้ไข เช่นเดียวกับจีนที่ยังการส่งออกมีการชะลอตัว ทำให้การส่งออกในระดับภูมิภาคของไทยได้รับผลกระทบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้นำคณะนายทหารและผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วมอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 94 ปี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ได้เดินออกมารับคณะนายกรัฐมนตรี ด้วยตัวเอง เชิญคณะนายกรัฐมนตรี เข้าไปยังห้องรับรองภายในบ้านพัก หลังจากนายกรัฐมนตรีได้นำพวงมาลัยที่ร้อยด้วยดอกไม้นานาชนิด อาทิ ดอกพุด ดอกรัก และดอกกุหลาบสีชมพูสดใสสวยงาม มอบให้กับ พล.อ.เปรม พร้อมกับกล่าวอวยพรขอให้ พล.อ.เปรม มีสุขภาพแข็งแรง หลังจาก พล.อ.เปรม ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี และคณะที่เดินทางมาอวยพรในครั้งนี้ พร้อมกับกล่าวว่า อยากเห็นบ้านเมืองมีความรักความสามัคคี โดยเฉพาะกองทัพจะต้องเป็นหนึ่งเดียว มีความสามัคคี และขอให้ทหาร และ กองทัพ สนับสนุนนายกรัฐมนตรีในการทำงานเพื่อประเทศชาติ ในการพบกันครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอคำแนะนำในการทำงาน รวมถึงการขอคำแนะนำในเรื่องการปฏิรูปการเมือง หลังจากที่รัฐบาลเดินหน้าในการเชิญบุคคลสำคัญทางการเมืองเพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ ทั้งนี้การเข้าพบพล.อ.เปรม ของนายกรัฐมนตรี และ ผบ.เหล่าทัพ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะเดินทางกลับ โดย พล.อ.เปรม ได้เดินออกมาส่งคณะนายกรัฐมนตรี โดยที่คณะนายกรัฐมนตรีได้ยกมือไหว้เพื่ออำลาอีกครั้ง หลังจากนั้น พล.อ.ทนงศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าอวยพรว่า พล.อ.เปรม ได้ฝากกับคณะนายกรัฐมนตรีช่วยดูแลประเทศชาติ
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012