ข่าว
“มาร์ค” อัด ไม่เคยเห็นใช้ ม.44 ช่วยชาวบ้าน เห็นแต่ช่วยรัฐกันเอง

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การใช้มาตรา 44 ปลดล็อค ใช้ที่ดิน สปก. ว่า เข้าใจว่าพยายามจะแก้ไขปัญหาที่ดิน แต่เบื้องต้นอยากให้มีกติกา การใช้ที่ดินให้ชัดเจนเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงานทดแทน เหมืองแร่ ปิโตรเลียม ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องทำการสำรวจ ก็ควรจะมีกฎหมายของแต่ละเรื่องทั้งขั้นตอนการจะขออนุญาต การใช้ที่ดินที่มีหลายประเภท ควรจะเป็นอย่างไร แต่ทั้งสองเรื่องก็มีข้อคิดว่า มาตรา 44 กลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้ภาครัฐไม่ต้องทำตามกฎหมาย เหตุผลที่ให้มักจะระบุว่า ที่ดำเนินการไม่ได้เพราะติดข้อกฎหมายต่างๆ เยอะไปหมด กลายเป็นว่าถ้าเราเสพติดกับวิธีการแบบนี้ ข้าราชการหรือรัฐบาลทำผิดกฎหมาย มาตรา 44 ก็ยกเว้นได้หมด

เมื่อเทียบกับกรณีของชาวบ้าน วันนี้ที่พวกเขาอยู่ริมน้ำ ชายทะเล หรือหมู่บ้านชาวประมง มาเจอกฎหมายที่ระบุว่าพวกเขาเป็นผู้รุกล้ำลำน้ำ เราไม่เคยเห็นมีมาตรา 44 ช่วยพวกเขาเลย หรือชาวไทยม้งที่ภูทับเบิก เขาร้องเรียนว่าอยู่ที่นั่นด้วยข้อตกลงกับรัฐบาลหลายๆ สมัยที่ผ่านมา แล้วบางช่วงทางจังหวัดบอกว่าเขาควรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม หรือทำโฮมสเตย์ แต่มาตรา 44 ไปรื้อของเขา ทำให้มีความรู้สึกว่า ออกมาตรา 44 เพื่อช่วยรัฐ หรือคนบางกลุ่มที่ทำผิดกฎหมายหรือไม่ ผมอยากให้การแก้ปัญหามีความเป็นระบบ คำนึงถึงความเป็นจริงของสังคม ผมไม่ได้ปกป้องนายทุน ถ้าพวกเขาทำผิดก็จัดการได้ แต่ถ้ามีผลกระทบกับประชาชนที่มีความจำเป็น หรือมีที่มาที่ไป เราจะดูแลเขาอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าว

ปปช.ฟันเอ๋-ชนม์สวัสดี! เซ่นจ้างเก็บขยะ 128 ล.-จ่ออีกคดี “เตาเผาศพ” 800 ล.

วันที่ 22 มิถุนายน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสมุทรปราการ นางบารนี เลิศไพศาล ปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ กรณีทำสัญญาจ้างเก็บขยะมูลฝอยและกวาดถนนในเขตพื้นที่เทศบาลนครสมุทรปราการ โดยกำหนดระยะเวลาตามสัญญาจ้าง 5 ปีติดต่อกัน ถือเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเกินกว่า 1ปีงบประมาณ โดยมิชอบด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 และทีแก้ไขเพิ่มเติม เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายชนม์สวัสดิ์ ทำสัญญาว่าจ้างบริษัท ร่วมค้าแอดวานซ์เทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท เมืองสะอาด จำกัด ในนามของ‘กิจการร่วมค้าปากน้ำเมืองสะอาด’ เพื่อการเก็บขนขยะมูลฝอยและกวาดถนนในพื้นที่เทศบาลนครสมุทรปราการ โดยข้อสัญญากำหนดให้ผู้รับจ้างต้องเข้าดำเนินการตามสัญญาจ้างเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 2546 รวม 5 ปีติดต่อกัน กำหนดวิธีการจ่ายเงินค่าจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 2,145,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 128,700,000 บาท

อย่างไรก็ดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีหนังสือทักท้วงการทำสัญญาดังกล่าวว่า เป็นการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเกินกว่าหนึ่งปีงบประมาณโดยมิชอบ เนื่องจากมิใช่เป็นโครงการประเภทที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และมิได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่3) พ.ศ. 2543 ข้อ 38 ซึ่งจังหวัดสมุทรปราการได้มีหนังสือแจ้งให้เทศบาลนครสมุทรปราการทราบแล้ว

แต่ นายชนม์สวัสดิ์ และนางบารนี กลับร่วมกันจัดทำหนังสือชี้แจงว่า เทศบาลนครสมุทรปราการ สามารถก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหนึ่งปีงบประมาณได้ในทุกหมวดรายจ่ายและทุกโครงการ ตามนัยข้อ 38 วรรคแรก แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 และเทศบาลนครสมุทรปราการได้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบกฏหมายครบถ้วนทุกประการแล้ว

ต่อมาจังหวัดสมุทรปราการมีหนังสือแจ้งขอให้เทศบาลนครสมุทรปราการ ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นโดยเคร่งครัด ไม่อาจอ้างได้ว่าเทศบาลสามารถก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า 1 ปีงบประมาณได้ตามเหตุผลดังกล่าว และให้รายงานจังหวัดให้ทราบต่อไป แต่นายชนม์สวัสดิ์ และนางบารนี กลับมิได้ดำเนินการใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รวมทั้งมิได้ชะลอหรือยกเลิกสัญญาเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายของทางราชการกำหนด

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า นายชนม์สวัสดิ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151และ 157 นางบารนี มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนกรณีนางดวงเดือน แย้มละออ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.กองคลัง เทศบาลนครสมุทรปราการ ซึ่งตอนต้นปรากฏชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยนั้น จากการไต่สวนยังไม่ปรากฏพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอว่าได้ร่วมกระทำความผิดแต่อย่างใด ข้อกล่าวหาจึงไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

เมื่อถามว่า คดีเงินอุดหนุนวัดในจังหวัดสมุทรปราการเพื่อก่อสร้างเตาเผาศพ 3 ปี 800 ล้านบาท ที่มีการกล่าวหานายชนม์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ กับพวก คืบหน้าถึงไหน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า คดีนี้คืบหน้าไปมาก มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน และอยู่ในขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาบางส่วน จากทั้งหมด 10 กว่าราย รวมถึงนายชนม์สวัสดิ์ มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว น่าจะเหลือผู้ถูกกล่าวหาที่ต้องแจ้งเพิ่มเติม และให้เข้ามาแก้ข้อกล่าวหาอีกประมาณ1-2 ราย หลังจากนั้นคณะอนุกรรมการไต่สวน จะสรุปสำนวน และส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา คาดว่าเร็ว ๆ นี้ จะสามารถดำเนินการได้


เสร็จอีกหนึ่ง ปปช.เชือดอดีตนายกเล็ก “บางบังทอง” รีดเงินเอกชน 8 แสน

วันที่ 22 มิถุนายน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายอาวุธ เจริญนนทสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง กรณีที่ นายอาวุธ และ นายวิสิทธิ์ ทองพรหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งวิศวกรโยธา 8 เทศบาลเมืองบางบัวทอง เรียกรับเงินจากผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการสั่งจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) ป้องกันน้ำท่วมบริเวณริมคลองบ้านกล้วยฝั่งทิศใต้ของเทศบาลเมืองบางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

โดย นายอาวุธ ทำสัญญาจ้างบริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด ก่อสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่งานไม่เสร็จเกินเวลาไป 262 วัน รวมค่าปรับ 4,126,500 บาท คงเหลือค่าจ้างที่จะได้รับ 2,173,500 บาท ต่อมากรรมการผู้จัดการบริษัท ฤดีประยงค์ฯ สอบถามความคืบหน้าเรื่องการจ่ายเงินค่าจ้างกับนายวิสิทธิ์ แต่นายวิสิทธิ์บอกว่า ต้องจ่ายเงิน 500,000 บาท แต่กรรมการผู้จัดการฯไม่ยอมจ่ายเงิน ต่อมาเทศบาลเมืองบางบัวทองยอมจ่ายเงินจำนวน 2,114,621 บาท ให้ แต่นายอาวุธขอเรียกเงินเป็นเศษตามค่าจ้างที่จะได้รับจำนวน 114,621 บาท กรรมการผู้จัดการฯจึงยอมให้จ่ายเงินดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังเรียกรับเงินผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการคืนเงินค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรี โดยภายหลังบริษัท ฤดีประยงค์ฯ ได้ส่งมอบงานแล้ว ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติออกนโยบายช่วยเหลือผู้รับจ้างกรณีขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ดังนั้นบริษัท ฤดีประยงค์ฯ จึงมีสิทธิได้รับเงินค่าปรับกรณีก่อสร้างล่าช้ากว่าสัญญาคืนจากเทศบาลเมืองบางบัวทอง เป็นเงิน 2,362,500 บาท แต่นายอาวุธ สั่งเจ้าหน้าที่การเงินว่า ยังไม่ให้จ่ายเช็คคืนค่าปรับกับบริษัทฯ แต่ต้องให้บริษัทฯ จ่ายเช็คให้กับนายอาวุธก่อน 50,000 บาท ก่อนจะเรียกเพิ่มอีกรวมเป็นเงิน 100,000 บาท

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายอาวุธ มีมูลความผิดตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 ประกอบมาตรา 91 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป ส่วนกรณีนายวิสิทธิ์ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอว่ากระทำผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดนายอาวุธ กรณีเรียกเงินจากผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการสั่งจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างยกระดับถนน พร้อมวางท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. และบ่อพัก ค.ส.ล. ถนนเทศบาล 13

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายอาวุธ ทำสัญญจ้าง หจก.ส.อำนาจพัฒนาก่อสร้าง มาดำเนินการก่อสร้างโครงการยกระดับถนนพร้อมวางท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. และบ่อพัก ค.ส.ล. ถนนเทศบาล 13 วงเงิน 5 ล้านบาท แต่ หจก. ดังกล่าวส่งงานล่าช้าในงวดที่สองเกินไป 22 วัน เสียค่าปรับ 275,000 บาท เหลือเบิกจ่ายหลังหักภาษี 816,750 บาท ต่อมาชาวบ้านเรียกร้องให้หยุดก่อสร้าง จึงชะลอการก่อสร้างไว้ก่อน หจก. ดังกล่าวจึงนำเงินไปหมุนโครงการอื่น แต่เมื่อกลับมาทำต่อไม่มีเงินทุน หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก. ดังกล่าวจึงยืมเงินนายอาวุธ 5 แสนบาท หลังจากนั้นได้ทำจนเสร็จและส่งมอบงานงวดที่ 3-4 แต่งานไม่เรียบร้อย มีการแก้ไขรายละเอียดสัญญาจ้าง โดยปรับลดเนื้องาน และค่าจ้าง

เมื่อแก้ไขจนเสร็จได้ส่งมอบงานอีกครั้ง พร้อมขอเบิกเงิน แต่ดำเนินการไม่เสร็จตามสัญญา จึงได้เงิน 1,537,500 บาท และสภาเทศบาลเห็นชอบให้ตัดลดเนื้องานงวดที่ 4 เหลือเบิกจ่ายจำนวน 1,202,869 บาท หุ้นส่วนผู้จัดการฯบอกให้นายอาวุธเบิกค่าจ้างให้ แต่นายอาวุธบอกให้นำเงินสดมาใช้หนี้ก่อนจำนวน 5 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน จำนวน 75,000 บาท แต่นายอาวุธปัดเป็นเลขกลม ๆ 100,000 บาท รวมถึงค่าตอบแทนพิเศษของนายวิเชียร เจริญนนทสิทธิ์ พี่ชายนายอาวุธ ซึ่งเคยเป็นนายก อบต.บางบัวทอง ที่ต้องได้รับจากนายอำนาจอีก 100,000 บาท แต่หุ้นส่วนผู้จัดการฯไม่มีเงินจ่าย นายอาวุธบอกว่าถ้าไม่มีไม่ต้องรับค่าจ้าง

หลังจากนั้นหุ้นส่วนผู้จัดการฯร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ต่อมามีรองนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทองรายหนึ่ง ให้หุ้นส่วนผู้จัดการฯนำเงินจำนวน 6 แสนบาทไปให้นายอาวุธเพื่อรับเช็คค่าจ้าง แต่หุ้นส่วนผู้จัดการฯไม่มี จนนายอาวุธได้บอกให้เพื่อนของหุ้นส่วนผู้จัดการฯนำเงินจำนวน 6 แสนบาทให้ยืม ซึ่งเพื่อนหุ้นส่วนผู้จัดการฯอยู่ในสภาวะจำยอมนายอาวุธ จึงนำเงิน 6 แสนบาทให้หุ้นส่วนผู้จัดการฯยืม หลังจากมอบเงินแล้ว จึงได้รับเงินค่าจ้าง 1,177,248 บาท และรองนายกเทศมนตรีรายนี้ขอให้ถอนเรื่อร้องเรียนออก

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายอาวุธ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 152 และมาตรา 157 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป


“เจ้าชายแฮร์รี่” เปิดพระทัย “ไม่มีสมาชิกราชวงศ์ต้องการเป็นกษัตริย์-ราชินี”

22 มิ.ย.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เจ้าชายแฮร์รี่ พระชนมายุ 32 ชันษา พระโอรสในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และเจ้าหญิงไดอานา ผู้ล่วงลับ ทรงให้สัมภาษณ์นิตยสาร Newsweek แบบเปิดพระทัยว่า ไม่มีสมาชิกราชวงศ์องค์ใดของอังกฤษที่มีพระประสงค์อยากขึ้นเป็นกษัตริย์หรือสมเด็จพระราชินีแห่งราชวงศ์อังกฤษในอนาคต แต่ขณะเดียวกัน พวกเราสมาชิกราชวงศ์จะทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในเวลาที่เหมาะสม

นอกจากนี้ เจ้าชายแฮรี่ทรงยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการสวรรคตของเจ้าหญิงไดอานา พระมารดา เมื่อปี 1997 ซึ่งพระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาเพียง 12 ชันษา แต่พระองค์ทรงปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้เป็นเวลานานเกือบ 20 ปี ก่อนที่จะเสด็จไปพบจิตแพทย์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โดยเจ้าชายแฮรี่ทรงตรัสด้วยว่า พระมารดาของพระองค์เพิ่งสิ้นพระชนม์ไป แต่พระองค์กลับต้องเสด็จตามหลังหีบพระศพของพระมารดา ท่ามกลางสายตาจับจ้องของหลายหมื่นคน และมีอีกหลายล้านคนที่ชมทางโทรทัศน์ ถือเป็นเรื่องที่เจ็บปวด และไม่ใช่สิ่งที่ควรเรียกร้องจากเด็กในวัยนั้น จึงทรงคาดหวังว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในยุคปัจจุบัน


มือมืดบุกแทง ตร.ในสนามบินมิชิแกน ตะโกน “อัลเลาะห์ อัคบา” ก่อนก่อเหตุ

22 มิ.ย.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุคนร้ายใช้มีดเป็นอาวุธแทงตำรวจนายหนึ่งที่ท่าอากาศยานนานาชาติ บิชอป ในเมืองฟลินต์ รัฐมิชิแกน ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธที่ 21 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายถูกจับกุมตัวได้

หน่วยพิเศษเอฟบีไอแถลงว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการก่อการร้าย ทราบชื่อคนร้ายคือ นายอามอร์ ฟาตูฮี วัย 49 ปีจากเมืองควิเบกของแคนาดา จากภาพในกล้องวงจรปิดพบว่า นายฟาตูฮีเดินวนไปมาอยู่ที่สนามบิน ทั้งที่ร้านอาหารและห้องสุขา ก่อนชักมีดขนาด 12 นิ้วขึ้นมาและตะโกนสรรเสริญพระเจ้า "อัลเลาะห์ อัคบา" (อัลเลาะห์ยิ่งใหญ่ที่สุด) ก่อนที่จะพุ่งเข้าแทงตำรวจที่คอ ในระหว่างนั้นเขายังพูดด้วยว่า "คุณฆ่าผู้คนในซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถาน เรากำลังจะตายกันหมด"

นอกจากนี้ ระหว่างสอบปากคำ นายฟาตูฮี ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และแสดงความเกลียดชังต่อสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะถูกตั้งข้อหาใช้ความรุนแรง ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ขณะที่เจ้าหน้าได้บุกค้นบ้านและจับกุม 2 ผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ด้วย

แฟนคลับรวมตัว หอบดอกไม้ พร้อมคำปลอบใจมาให้ถึงหน้าบ้านยิ่งลักษณ์

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน) น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปทำบุญเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดที่วัดสระเกศ และถูกตั้งคำถามจากสื่อมวลชนเรื่องคดี จนเกิดความสะเทือนใจและร้องไห้ออกมานั้น วันนี้จึงมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมามอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงบ้านพักย่านโยธินพัฒนา 3 โดยการมอบดอกไม้ พร้อมปลอบใจว่า “นายกฯไม่ต้องร้องไห้ สู้ๆๆๆนะ” เป็นต้น ก่อนที่ประชาชนจะร้องไห้เสียเองหลังจากที่ได้พูดปลอบใจและให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์