โลกโซเชียลฝั่งการเมืองฮือฮาอีกครั้ง เมื่อนางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย เปิดให้ชาวเน็ตถามคำถามอะไรก็ได้กับตนเมื่อวานนี้ (21 ก.พ.) ชาวเน็ตคนหนึ่งจึงเข้าไปถามว่าเธอเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ นายวัฒนา เมืองสุข นักการเมืองชื่อดังจากพรรคเพื่อไทย จริงหรือไม่ เหตุนี้ทำให้นางสาวณัฏฐา ไม่รอช้าและตอบทันทีว่า "จริงค่ะ"
โซเชียลชื่นชม "โบว์" สุดยอดพลิกเกม-แห่ให้กำลังใจ
หลังจากนั้นก็มีผู้บันทึกหน้าจอการตอบโต้ดังกล่าวมาโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ทำให้ชาวเน็ตแชร์ออกไปและพูดถึงอย่างมากมายหลังจากนั้น ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ (22 ก.พ.) ซึ่งส่วนใหญ่กล่าวชื่นชมนางสาวณัฏฐาว่ารับมือได้อย่างดีเยี่ยม แทนที่จะกลายเป็นเหยื่อจากคำถามดังกล่าว กลับพลิกสถานการณ์ให้ฝ่ายถามเป็นผู้ถูกสังคมโจมตี
นอกจากนี้ ชาวเน็ตจำนวนมากให้ความเห็นด้วยความเข้าใจว่า การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ การจะนำประเด็นนี้มาโจมตีใครนั้น เป็นเรื่องที่ล้าสมัยและใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ขณะเดียวกัน อีกหลายเสียง เข้าไปให้กำลังใจนางสาวณัฏฐา และถามคำถามในประเด็นเกี่ยวกับการเมืองอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "ยังจะมีเลือกตั้งอยู่หรือไม่" หรือแม้แต่ "จะมีการทำรัฐประหารซ้อนไหม" เรื่อยไปถึงวิธีการจัดการกับฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย
เมื่อเวลา 20.15 น. วันนี้ (22 ก.พ.62) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า สำหรับกรณีงบประมาณค่าใช้จ่าย ทุกกระทรวง ทั้งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายอื่นๆ ให้ดูจากข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร รายได้ของประเทศเพิ่มขึ้นหรือไม่ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปีปัจจุบัน แล้วการจัดสรรงบประมาณให้แต่ละกระทรวงเพิ่มขึ้น อย่างมีสัดส่วนสัมพันธ์กันอย่างไร
ทั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายความมั่นคง แต่ทุกกระทรวงย่อมกำหนดสัดส่วนในงบประมาณรายรับ รายจ่าย อย่างชัดเจน รัฐบาลทุกรัฐบาลจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับทุกหน่วยงาน ทุกกิจกรรมทั้งในส่วนของประชาชน และในส่วนของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งจะเห็นได้ว่างบประมาณที่ลงไปสู่ประชาชนมากกว่าเดิม ในทุกมิติ ทั้งระบบงานในปัจจุบันและการลงทุนเพื่อสร้างอนาคต สร้างรายได้ ให้กับประเทศ
“ไม่อยากให้นักการเมือง พรรคการเมืองนะครับ นำมาหาเสียง ที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน จนนำมาซึ่งการสร้างความเกลียดชังโดยไม่มีหลักการ ไม่เข้าใจกฎหมาย พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือ พ.ร.บ.การเงินการคลังของรัฐ ซึ่งรัฐบาลนี้ยังไม่ได้ทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้น หรือกองทุนเงินสำรองของประเทศลดน้อยลงไป แต่อย่างใดนะครับ การใช้จ่ายงบประมาณด้านความมั่นคงก็ใช้งบประมาณในส่วนที่ได้รับจัดสรร ใช้ในการซ่อมแซม จัดซื้อ จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อให้สามารถดำรงสภาพและศักยภาพของกองทัพของเราทุกคน”นายกฯกล่าว
และว่าดังนั้น สิ่งที่เราคนไทยควรระลึกถึง คิดให้ถูกต้อง ก็คือ ความมั่นคง ความมีเสถียรภาพศักยภาพความสงบเรียบร้อย เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ถ้าบ้านเมืองไม่มีความมั่นคง ไม่มีเสถียรภาพ เราก็จะทำอย่างอื่นๆ ไม่ได้เลยนะครับ และเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศ อีกด้วย สิ่งที่หลายคนพยายามโจมตี ให้ดูว่าความมุ่งหมายอย่างไร คืออะไรนะครับ วันนี้มีเพียงทหารและสถาบันที่เข้มแข็ง หากจะมีใครมุ่งทำลาย 2 สิ่งนี้อยู่ หรือไม่ ช่วยกันคิดดู
แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย บอก หัวหน้าพรรคศรีวิไลย์พูดเกินกรณี หลังไลฟ์เฟซบุ๊กบอกจะตบปากนักการเมืองที่เสนอนโยบายตัดงบทหาร
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์พูดถึงพรรคการเมืองที่เสนอตัดงบประมาณกองทัพด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า “จะตบปาก” ว่านโยบายตัดงบประมาณของกองทัพ เป็นแนวทางของทุกกระทรวง ถือเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยราชการ และว่า อย่าพูดถึงความรุนแรงเลย ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นของตัวเอง
“แต่ถ้าพูดถึงขั้นจะมาตบปากแบบนี้ก็เกินไป ทำไม่ได้หรอก ผิดกฎหมายอยู่แล้ว เพราะสุดท้ายในทางปฏิบัติจริง ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะมีงบผูกพันข้ามปี งบบุคลากรอยู่ อาจจะพูดในเชิงตัวอย่างมากกว่า ส่วนการที่พูดว่าตบปากนั้น ตนก็รับไม่ได้ และมองว่าประชาชนก็ไม่ได้ชอบแบบนี้ สุดท้ายประชาชนคงตัดสินใจได้เอง” นายชัชชาติ
ก่อนหน้านี้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ไลฟ์เฟซบุ๊กเดือดพูด ถึงนโยบายการลดกำลังทหารและลดประมาณของกองทัพ ซึ่งมีการพาดพิงไปถึง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของหลายพรรค ทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวสว่า เจอหน้าจะตบปาก
โดยระบุในคลิปว่า “ผมจะบอกพรรคต่างๆ เลยนะ หาเสียงทุกวันเนี่ย ไอ้คนที่บอกว่าจะให้ลดกำลังทหารลดงบประมาณ ผมจะบอกว่า พวกมึงเนี่ย ไปถอดเสื้อพลเรือนแล้วเป็นทหารแทนเลย นักการเมืองแต่ละคนที่ปากดีเนี่ย ถ้าเห็นหน้าจะตบปากให้เลย ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เสรีพิศุทธ์ ธนาธรเนี่ย ถ้าแน่จริงไปเป็นทหารที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปดูแลผืนแผ่นดินไทยแทนทหารประจำการ ณ ปัจจุบันเลย อย่าปากดี”
'ธนาธร'ไม่หวั่นถูกยุบพรรค ปมประวัติมั่ว แจงไม่มีเจตนาหลอกลวง -ไม่เคยใช้หาเสียง ยินดี กกต.ไฟเขียว'บิ๊กตู่'ช่วยพปชร.หาเสียง จี้ ลาออกนายกฯฟัดสนามเบือกตั้ง
22 ก.พ.62 เวลา 17.00 น. ที่ จ.ปทุมธานี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. เดินหาเสียง บริเวณถนนรังสิต พบปะประชาชนที่ตลาดนานาเจริญ ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยบริเวณลานข้างห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส
โดยนายธนาธร กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซด์พรรคอนาคตใหม่ลงประวัติตนผิดพลาด จนอาจทำให้ถึงขั้นยุบพรรคได้ว่า ตนและทีมงานขอน้อมรับความผิดพลาดนี้และเมื่อมีการท้วงติงเข้ามา เจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลได้เร่งแก้ไขทันที และไม่ได้กังวลว่า จะนำไปสู่การยุบพรรคแต่อย่างใด เนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้มีเจตนาให้ข้อมูลเพื่อหลอกหลวงประชาชน และเชื่อว่าไม่มีผลต่อคะแนนเสียง เนื่องจากประชาชน ไม่ได้เลือกพรรคอนาคตใหม่เพราะธนาธรเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แต่เลือกเพราะนโยบายและจุดยืนของพรรค และที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นตนเองหรือสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ เวลาจัดกิจกรรมต่างๆ ก็ ไม่เคยเอาข้อมูลนี้ไประชาสัมพันธ์หรือหาประโยชน์ หรือใช้หาเสียงเลย
“ขอบคุณทุกกำลังใจจากพี่น้องประชาชน พรรคอนาคตใหม่จะเดินหน้าทำงานต่อไป กระแสข่าวต่างๆ ไม่ใช่อุปสรรคในการเดินหน้าของพรรคอนาคตใหม่ สมาชิกและแกนนำพรรคยังคงหนักแน่น มุ่งมั่นเพื่อทำงานแนะนำนโยบายต่อประชาชนต่อไป สถานการณ์วันนี้ สถานะของพรรคอนาคตใหม่ ถือเป็นจุดชี้ขาดของการเมืองหลังการเลือกตั้งว่าระบอบ คสช. จะสืบทอดอำนาจต่อไปได้หรือไม่ นี่จึงเป็นเหตุแห่งการโจมตี สาดโคลนใส่เราอย่างมากมายมหาศาล” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐยื่นจดหมายต่อ กกต.เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มาช่วยหาเสียงนั้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่พล.อ.ประยุทธ์ ควรมีสำนึกลาออกจากตำแหน่งนายกฯและตำแหน่งหัวหน้า คสช. เสียก่อน แล้วมาสู้กันในสนามเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่สุเหร่าหัวหมากน้อย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่ช่วยนายตรีรัตน์ จันทโรภาส ผู้สมัครส.ส. พรรคพท. เขต 13 โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถามถึงกระบวนการตั้งข้อหาเพื่อยุบพรรคในฝั่งประชาธิปไตยหลายพรรค โดนเฉพาะพรรคอนาคตใหม่
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า โดนกันหมด อย่างที่บอกว่าตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่สนาม เรารู้ว่าเราจะเจออะไรบ้าง ทั้งกติกา กลไกที่วางไว้อย่างเอียง กระเท่เร่ เอาเปรียบทุกอย่าง ทั้งอำนาจรัฐที่เข้ามาคุกคาม และเอื้ออำนวยให้กับบางพรรค กดดันบางพรรค ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะเกิดอีกเยอะ
ขอให้กำลังใจนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ เชื่อว่า เขาก็คิดเหมือนกับตน รู้ว่าจะเดินไปสู่อะไร แต่เมื่อเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเข้ามาสู่เวทีประชาธิปไตยอย่างไร้เส้นแบบพวกเรา เราก็ต้องอดทน ต่อสู้กับความจริง และหวังว่าจะเกิดความยุติธรรม
อย่าลืมว่าคนไทยไม่ชอบอะไรที่ไม่ยุติธรรม ไม่ชอบอะไรที่เอารัดเอาเปรียบ นี่คือนิสัยของคนไทย
(22 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการประชันวิสัยทัศน์ขั้วใหญ่ทางการเมือง เจาะกึ๋นสามขั้วการเมือง ที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์เอ็มคอตเอชดี หรือช่อง 9 ถึงการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจเป็นแกนนำรัฐบาล เพราะฉะนั้นตนไม่สนใจว่าจะต้องสนับสนุนใคร สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากวงจรความขัดแย้ง
โดยมีเรื่องที่ต้องทำไม่ให้เกิดความขัดแย้งใหม่ 3 ข้อ คือ
1. การเลือกตั้งที่ควรเป็นก้าวแรก ก้าวสำคัญที่มั่นคงของประชาธิปไตยต้องเป็นการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม แต่การแข่งขันในขณะนี้ยังมีการใช้อำนาจรัฐ ใช้ความได้เปรียบหลายอย่าง ตนไม่ติดใจว่าประชาธิปัตย์เสียเปรียบ เพราะเราเคยอยู่ในภาวะเสียเปรียบมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ต้องการให้ค่านิยมแบบนี้เกิดขึ้น เพราะอยากให้ผู้มีอำนาจตระหนักว่าการใช้อำนาจของตัวเองเพื่อเอารัดเอาเปรียบเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ในขณะนี้มีรายงานจากในพื้นที่ว่าปัญหานี้มีอยู่ จึงเรียกร้องว่าทุกพรรคต้องไม่ทำแบบนี้ และ กกต.ต้องทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง อิสระ กล้าหาญในการจัดการต่อความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้น
2. เมื่อได้การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลต้องเคารพเสียงประชาชน แม้ว่า ส.ว.250 คนจะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตนต้องการให้ทั้ง 250 คนเคารพการตัดสินใจของผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง หมายถึงว่าถ้าพรรคการเมืองรวมกลุ่มกันได้เกิน 250 ส.ว.ควรสนับสนุนให้เขาตั้งรัฐบาล จึงจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง จึงอยากให้ทุกพรรคการเมืองตกลงกันว่าเลือกตั้งเสร็จอย่าวิ่งไปหา ส.ว.250 คน แต่ควรตกลงกันว่าใครอยากจับมือกับใคร เพราะแม้จะพูดว่ามีเสียง ส.ส.126 คนไปบวก ส.ว.250 คนเลือกนายกฯ ได้ แต่รัฐบาลอยู่ไม่ได้ แต่ตนทราบว่ามีการวางแผนว่าเอา 126 คนไปจับ ส.ว.250 คนเลือกนายกฯ ก่อน จากนั้นก็จะเสนอเรื่องตำแหน่งต่างๆ เพื่อดึงและอาจทำลายระบบพรรคการเมืองอีก ดังนั้น นอกจาก ส.ว.จะต้องเคารพเสียงประชาชนแล้ว ขอให้พรรคการเมืองใดก็ตามที่คิดแผนนี้อยู่ล้มเลิกความคิดนี้เสีย และให้ทุกพรรคร่วมกันแสดงจุดยืนไม่วิ่งไปหา ส.ว.250 คนได้หรือไม่
“ผมพูดไปแล้วว่าประชาธิปัตย์ต่ำกว่า 100 ผมลาออก และขอถามพรรคการเมืองอื่นว่าถ้าได้ต่ำกว่าร้อยยังจะกล้าเสนอชื่อนายกฯ ในบัญชีพรรคตัวเองหรือไม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว
3. ที่ผ่านมาเราโทษฝ่ายทำรัฐประหารฝ่ายเดียวไม่ได้ ฝ่ายการเมืองต้องย้อนกลับมาดูตัวเองและไม่สร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การรัฐประหารด้วย โดยเงื่อนไขสำคัญคือการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจในทางไม่ชอบ ซึ่งหัวใจของระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมที่ประชาธิปัตย์ยึดถือคือไม่ทุจริต ยึดหลักธรรมาภิบาล ไม่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ หากทุกพรรคร่วมกันทำตรงนี้ การเมืองจะกลับมาเป็นที่ศรัทธาของประชาชนอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะเป็นจังหวะเวลาที่จะสร้างฉันมาทติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นได้
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012