ข่าว
ข่าวกรองเกาหลีใต้เผย เกาหลีเหนือส่งทหารไปรัสเซียแล้ว 1,500 นาย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ว่าสำนักข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นไอเอส) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับ การตรวจพบความเคลื่อนไหวระหว่างวันที่ 8-13 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่าเกาหลีเหนือส่งทหารจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษราว 1,500 นาย เดินทางไปยังรัสเซีย โดยกองทัพเรือรัสเซียส่งเรือมารับ ตอนนี้ทหารเหล่านั้นอยู่ที่ค่ายทหารหลายแห่ง ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อเข้ารับการฝึกฝนเพิ่มเติม...

รายงานของเอ็นไอเอสระบุด้วยว่า ทหารเกาหลีเหนือเหล่านี้ได้รับเครื่องแบบทหารรัสเซีย และอาวุธของรัสเซีย “เพื่ออำพรางตัว” พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า เกาหลีเหนือจะทยอยส่งทหารเดินทางไปยังรัสเซียอย่างต่อเนื่อง และอาจมีจำนวนมากถึง 12,000 นาย เมื่อครบตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเปียงยางกับรัฐบาลมอสโก และการลำเลียงกำลังพลรอบสอง “น่าจะเกิดขึ้นภายในอนาคตอันใกล้นี้”...

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แถลงหลังการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหม และผู้บัญชาการทหาร ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าเกาหลีเหนือกำลังฝึกฝนทหาร 10,000 นาย เพื่อสนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน...

ขณะเดียวกัน เซเลนสกีกล่าวว่า มี “เจ้าหน้าที่” หรือ”ทหารช่าง” ของเกาหลีเหนือ เดินทางเข้ามาประจำการในพื้นที่บางแห่งของยูเครน ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายมาร์ค รึตเตอ เลขาธิการนาโต กล่าวว่า “ยังไม่พบหลักฐาน” ในส่วนของนาโต ว่าทหารเกาหลีเหนือ “มีบทบาทโดยตรง” กับสงครามครั้งนี้ แต่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่ารัฐบาลเปียงยางให้ความสนับสนุนรัฐบาลมอสโกในหลายมิติที่เกี่ยวข้อง.

เครดิตภาพ : AFP...

'อิสราเอล'ยัน! ปลิดชีพ'ยาห์ยา ซินวาร์'ผู้นำฮามาสในเขตกาซา

วันศุกร์ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2567 : กระทรวงต่างประเทศแจงข่าวเศร้า!!! เผยคนไทยเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 รายที่อิสราเอล

พร้อมแจ้งเตือนแรงงานในพื้นที่เสี่ยงให้แจ้งสถานทูตฯอพยพออกจากพื้นที่

ตามที่มีรายงานข่าวเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถัง (anti-tank missile) เข้าไปยังนิคมเกษตร Yir’on ทางเหนือของอิสราเอล ติดชายแดนเลบานอน เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (11 ต.ค. 2567) ที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยในพื้นที่ นั้น

11 ต.ค.67 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศ ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่มีคนไทยเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 รายที่อิสราเอล โดยได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่าทางการอิสราเอลตรวจสอบแล้วและพบว่า สาเหตุเกิดจากระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ ไม่ใช่จากเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถังดังปรากฏตามข่าวก่อนหน้านี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรเพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้เสียชีวิตก่อนจะแจ้งครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่อไป

สำหรับแรงงานไทย 1 ราย ที่ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง Safed ทางเหนือของอิสราเอลแล้ว และสถานเอกอัครราชทูตฯ จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานเพิ่มเติมว่า ในนิคมเกษตรดังกล่าว มีคนไทยประมาณ 10 คน และได้ประสานทางการอิสราเอลให้อพยพคนไทยทั้งหมดออกจากพื้นที่ในทันทีแล้ว

นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลอีกครั้งแล้วว่า หากยังมีแรงงานไทยอยู่ในเขตปิดทางทหารหรือพื้นที่เสี่ยง และมีความยากลำบากในการย้ายออกจากพื้นที่ ขอให้แจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประสานงานกับทางการอิสราเอลในการย้ายออกพื้นที่ต่อไป

เมื่อเวลา 17.25 น.วันที่ 11 ต.ค.67 ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6(บน.6) ดอนเมือง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี แรงงานไทยเสียชีวิต 1 คน จากเหตุสู้รบ อิสราเอล - เลบานอนว่า นายกฯได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศเฝ้าติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อาจอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง

รวมทั้งกำชับให้กระทรวงต่างประเทศรายงานสถานการณ์ทุกชั่วโมงโดยเฉพาะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครอยู่ที่จังหวัดใด


เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 : การนับคะแนน และปัญหาที่เคยเกิดขึ้น

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 : ประเด็นการนับคะแนน เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ชาวอเมริกันต่างให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องและความโปร่งใสในการนับคะแนน

ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน การนับคะแนนกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องและความโปร่งใสในการนับคะแนน

สำหรับกระบวนการนับคะแนนในการเลือกตั้งปี 2024 การนับคะแนนจะมีขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความถูกต้อง โดยทั่วไปขั้นตอนการนับคะแนนประกอบด้วย

การจัดเตรียมบัตรเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้งจะถูกส่งไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งผู้มีสิทธิสามารถลงคะแนนได้ทั้งในสถานที่เลือกตั้งหรือทางไปรษณีย์

การลงคะแนน ในวันเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งที่กำหนด โดยจะมีการตรวจสอบตัวตนและบันทึกข้อมูล

การเก็บบัตรเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย และมีการตรวจสอบเพื่อป้องกันการปลอมแปลง

การนับคะแนน จะถูกแบ่งเป็นการนับคะแนนด้วยมือในบางกรณี เช่น บัตรเลือกตั้งที่มีปัญหา หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องการตรวจสอบคะแนน อาจมีการนับคะแนนด้วยมือ และการนับคะแนนด้วยเครื่อง ซึ่งเครื่องนับคะแนนอิเล็กทรอนิกส์จะถูกใช้ในการนับคะแนนส่วนใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการรวดเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำ

การตรวจสอบและการรับรองผล หลังจากการนับคะแนนเสร็จสิ้น จะมีการตรวจสอบผลการนับโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการรับรองผลอย่างเป็นทางการ เพื่อให้แน่ใจว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมาย

การตรวจสอบซ้ำ ในบางรัฐ จะมีการตรวจสอบซ้ำผลการเลือกตั้งเพื่อยืนยันความถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อผลคะแนนใกล้เคียงกัน

ความไม่โปร่งใสในการนับคะแนนเลือกตั้งครั้งก่อน การนับคะแนนในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในอดีตที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหาความไม่โปร่งใสที่ส่อไปในทางฉ้อฉล โดยเฉพาะในรัฐที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการพลิกผันของผลคะแนน อาทิ รัฐฟลอริดา และแอริโซนา ในปี 2000

โดยการนับคะแนนในฟลอริดาเมื่อปี 2000 ระหว่างจอร์จ บุช กับอัล กอร์ กลายเป็นข่าวใหญ่ และถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคะแนนเสียงห่างกันเพียง 537 เสียงเท่านั้น และต้องมาตัดสินชี้ขาดกันด้วยคะแนนเสียงในฟลอริด้า

แต่ปรากฎว่าการนับคะแนนในฟลอริดากลับมีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง ตั้งแต่มีการยกเลิกคะแนนเสียงที่ไม่ชัดเจน ทำให้ผลเลือกตั้งถูกตัดสินด้วยคะแนนเสียงที่ค่อนข้างน้อย ซึ่งส่งผลให้จอร์จ บุช ได้รับชัยชนะเหนืออัล กอร์

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัญหาที่เกิดขึ้นบัตรเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจน (punch cards) ซึ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการนับคะแนน โดยเฉพาะบัตรที่ถูกเจาะไม่สนิท นอกจากนี้ยังมีการฟ้องร้องจากทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการนับคะแนนและการนับใหม่ ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าและความไม่แน่นอนในการประกาศผล

ในปีเดียวกันยังมีปัญหาการนับคะแนนในรัฐแอริโซนา โดยเฉพาะในเขตที่มีประชากรจำนวนมาก ซึ่งมีการเกิดข้อผิดพลาดจากเครื่องนับคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการเลือกตั้ง เนื่องจาก แอริโซนาใช้เครื่องนับคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ แต่มีข้อผิดพลาดในระบบการทำงานของเครื่อง ทำให้มีการนับคะแนนที่ไม่ถูกต้องในบางเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเขตที่มีประชากรสูง

นอกจากนี้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบางพื้นที่พบว่าต้องรอนานในการลงคะแนน ซึ่งทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคนต้องออกจากแถวก่อนที่จะได้ลงคะแนน ขณะเดียวกันหลังจากการนับคะแนนเริ่มต้น มีการฟ้องร้องจากฝ่ายต่าง ๆ ที่ไม่พอใจกับผลการเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคเดโมแครตที่เรียกร้องให้มีการตรวจสอบคะแนนในบางเขต ทำให้เกิดความล่าช้าในการปรปัญหาที่เกิดขึ้นยังทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสของกระบวนการนับคะแนน ซึ่งทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในผลการเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากปัญหาที่เกิดขึ้นในแอริโซนาในปี 2000 ทำให้รัฐต่าง ๆ เริ่มพิจารณาปรับปรุงระบบการนับคะแนน โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ เรียกได้ว่า การนับคะแนนในปี 2000 จึงกลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับกระบวนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และส่งผลให้มีการดำเนินการเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความถูกต้องในระบบการนับคะแนน

อย่างไรก็ตาม ยังคงเกิดปัญหาในการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีในอีก 4 ปีต่อมาที่รัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และวิสคอนซิน ซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่มีผลต่อผลการเลือกตั้ง โดยที่เพนซิลเวเนีย เกิดปัญหาการนับคะแนนที่ส่งมาทางไปรษณีย์ เนื่องจากการเลือกตั้งปี 2020เป็นช่วงตรงกับสถานการณ์การแพร่ระลาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากเลือกที่จะลงคะแนนทางไปรษณีย์ ส่งผลให้มีจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ต้องนับเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ขณะเดียวกันเกิดข้อกังขาเกี่ยวกับการรับบัตรเลือกตั้งที่ส่งมาไม่ทันเวลา รวมถึงการอนุญาตให้บัตรเลือกตั้งที่ส่งมาในวันเลือกตั้งหรือหลังจากนั้นได้รับการนับรวมด้วย ทำให้เกิดการฟ้องร้องจากพรรครีพับลิกัน และทำให้เกิดความล่าช้าในการประกาศผลการเลือกตั้ง

เช่นเดียวกับที่รัฐมิชิแกน ซึ่งประสบปัญหากับาเครื่องนับคะแนนเช่นกัน โดยในวันเลือกตั้ง มีการรายงานว่า มีปัญหากับเครื่องนับคะแนนในบางเขต ซึ่งทำให้การนับคะแนนต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะนอกจากนี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการนับคะแนน และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบผลการเลือกตั้งอย่างละเอียด โดยเฉพาะในเขตที่มีคะแนนเสียงใกล้เคียงกัน ซึ่งทางพรรครีพับลิกันยังได้ฟ้องร้องเพื่อท้าทายผลการเลือกตั้งในมิชิแกน ทำให้เกิดความตึงเครียดและความไม่แน่นอนในกระบวนการนับคะแนน

เกิดปัญหาคล้ายๆกัน ในรัฐวิสคอนซิน ตั้งแต่ปัญหาการนับคะแนนที่ถูกส่งมาทางไปรษณีย์เช่นเดียวกับรัฐอื่นๆซึ่งมีการลงคะแนนทางไปรษณีย์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้มีความซับซ้อนในการนับคะแนน ส่งผลให้พรรครีพับลิกันเรียกร้องให้มีการตรวจสอบซ้ำคะแนนในเขตต่าง ๆ ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าและความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการ.


"คิม จองอึน" ประกาศกร้าวให้เกาหลีใต้มีสถานะเป็นศัตรูสำคัญ

"คิม จองอึน"มีคำสั่งให้ทหารเกาหลีเหนือมองว่าเกาหลีใต้คือ "รัฐปรปักษ์" ประเทศต่างแดนที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ นับเป็นการเพิ่มความตึงเครียดที่อาจนำไปสู่การปะทะกันตามแนวชายแดนของสองประเทศ

วันที่ 18 ตุลาคม 2567 สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้ รายงานว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้มีคำสั่งให้เหล่าทหารปฏิบัติต่อเกาหลีใต้ในฐานะที่เป็นประเทศศัตรูตัวฉกาจ โดยระบุว่านับจากนี้ไปเกาหลีใต้มีสถานะเป็น "รัฐปรปักษ์" ประเทศต่างแดนที่เป็นศัตรูสำคัญ พร้อมเตือนว่าจะใช้กำลังตอบโต้ทันทีหากเกาหลีเหนือถูกละเมิดอธิปไตย โดยเป็นการกล่าวระหว่างเดินทางไปตรวจสอบสำนักงานใหญ่ของกองพลที่ 2 แห่งกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ

รายงานข่าวระบุว่า คำกล่าวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำเกาหลีเหนือ สั่งระเบิดถนนและรางรถไฟเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่า เกาหลีเหนือมีความตั้งใจที่จะยกระดับความเป็นอริศัตรูกับเกาหลีใต้ให้หนักขึ้น ที่อาจนำไปสู่การปะทะกันที่แนวชายแดนของสองประเทศ

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รายงานว่า การทำลายส่วนเหนือของถนนเชื่อมต่อสองเกาหลีและรางรถไฟไปนั้นเป็น มาตรการอันชอบธรรมและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีที่กำหนดชัดเจนว่า เกาหลีใต้เป็นรัฐปรปักษ์

ทั้งนี้ เป็นที่คาดเดากันอย่างกว้างขวางว่าเกาหลีเหนือเพิ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดให้เกาหลีใต้เป็นรัฐศัตรูเพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งของผู้นำคิมในการกำหนดให้เกาหลีใต้เป็นศัตรูอย่างเป็นทางการ แทนที่จะเป็นพันธมิตรเพื่อการปรองดองและการรวมประเทศอีกครั้ง.

ปปง.อายัดทรัพย์ “มิน พีชญา-กันต์ กันตถาวร”รวม48ล้าน แจงปม “โค้ชแล็ป”แอบโยกคลิปโต8พันล้าน...

เมื่อเวลา 21.10 น. วันที่ 18 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน ปปง. โดยส่วนประชาสัมพันธ์ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชน ระบุใจความว่า ตามที่เลขาธิการ ปปง. มีคำสั่งที่ ย.214/2567 และคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่งที่ ย.222/2567 ให้อายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว จำนวน 12 รายการ รวมทั้งสิ้น 127,086,381.51 บาทนั้น เนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานอันมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า อาจมีการโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว และกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน เลขาธิการ ปปง.

จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ออกคำสั่งที่ ย.223/2567 ลงวันที่ 18 ต.ค.67 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีนี้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝาก จำนวน 40 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 48,958,234.26 บาท พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน...

สำนักงาน ปปง. ระบุอีกว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการโอนคริปโทเคอร์เรนซี (USTD) มูลค่ากว่าแปดพันล้านบาท ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานในคดีนี้นั้น สำนักงาน ปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการตรวจสอบความมีอยู่จริงของธุรกรรมดังกล่าว และหากพบการทำธุรกรรมนั้นจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำนักงาน ปปง. ขอเน้นย้ำว่าทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนั้น หากผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือได้มาครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มาครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อาจมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ...

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคำสั่ง ย.223/2567 ลงวันที่ 18 ต.ค.67 ที่ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีเพิ่มเติม โดยอำนาจของอำนาจเลขาธิการ ปปง. ในครั้งนี้ จำนวน 48 ล้านบาทนั้น คือ การอายัดทรัพย์สินของ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน รวมกับนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ จึงถือเป็นการอายัดทรัพย์ในส่วนของนักแสดงสาว “มิน พีชญา” เป็นครั้งแรก ส่วนกรณีมีผู้ต้องหา 1 ราย มีการโอนคริปโทเคอร์เรนซี (USTD) มูลค่ากว่าแปดพันล้านบาท ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. เข้าจับกุม 1 ชม. นั้น คือ กรณีของ “โค้ชแล็ป” หรือนายจีระวัฒน์ แสงภักดี ซึ่งปรากฏรายงานข่าวและเบาะแสดังกล่าวโดยนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และในฐานะผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ...