ข่าว
จบที่รุ่นเราเผ่นอีกราย!! 'นิว-จตุพร'ตามรอยรุ่นพี่สามนิ้ว หนีคดี ม.112 ซุกนิวซีแลนด์

12 ก.พ.68 เจ๊จุก คลองสาม ได้โพสต์ผ่าน X ระบุว่า นักโทษคดี 112 หนีไปต่างประเทศอีกคนแล้ว!! จตุพร ที่ใช้ข้ออ้างประกันตัวออกมา หนีไปต่างประเทศอีกคนแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่า “ทำไมมันหนีง่ายจัง?” เจ๊ตอบไม่ได้ เพราะเจ๊ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคง รู้แค่ว่า มันไปรวมแก๊งค์กับไอ้ตั้งละ หนีง่ายแบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ #สนับสนุนม112

จากการตรวจสอบพบว่า บนบัญชีเฟชบุ๊ก Jatuporn Saeoueng ของน.ส.จตุพร แซ่อึง หรือ นิวส์ นักกิจกรรมจากจังหวัดบุรีรัมย์วัย 27 ปี ผู้ถูกกล่าวหา มาตรา 112 จากกรณีแต่งชุดไทยไปร่วมม็อบแฟชั่นโชว์ใน#ม็อบ29ตุลา รันเวย์ของประชาชน ที่หน้าวัดแขก ถนนสีลม ได้โพสต์เฟซบุ๊กเช็คอินที่เมืองออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นรูปนายเอกภพ เหลือราหรือ “ตั้ง อาชีวะ” เป็นผู้มารอรับที่สนามบิน พร้อมระบุข้อความว่า “ขอบคุณครับที่มารับถึงสนามบินเลยยยยยย แถวนี้ไม่มีฝุ่นเลยครับ ”

ขณะที่นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ เสื้อแดงฮาร์คอร์ และผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ เมื่อปี 2557 ได้ระบุว่า “พี่ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้น้องเอ้ย ที่เหลือก็ต้องลุยเองแล้วนะ ขอให้สนุกกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ครับ เพราะ112ทำให้เราได้มาเจอกัน555”

สำหรับคดีของ น.ส.จตุพรนั้น ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนในความผิดคดี ม.112 เป็นเวลา 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่งชุดไทยเจตนาหมิ่นเบื้องสูง ขณะนี้กำลังยื่นประกันตัวในชั้นฎีกา แต่สุดท้ายก็หนีคดีออกนอกประเทศอีกรายตามรอยแกนนำ 3 นิ้วหลายคนก่อนหน้านี้

โดยเพจ เชียร์ลุง ได้ออกมาระบุในประเด็นนี้ว่า ให้มันจบที่รุ่นเรา เชื่อศาสดาสามกีบจน "ไม่มีแผ่นดินอยู่" เมื่อปี 63 ช่วงที่ม็อบมาแรง กระแสให้มันจบที่รุ่นเราดังสนั่น เหล่าวัยรุ่นเชื่อคำลวงของเหล่าศาสดาจอมยุยง ออกมาประท้วงจาบจ้วงกันตามท้องถนน ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองโดยไม่รู้ความจริง ต้องโทษอาญา กันคนละหลายสิบคดี

ล่าสุดเวลาผ่านไป กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ คำลวงศาสดา เป็นแค่คำโกหกที่ช่วยอะไรไม่ได้ สงสารแต่เหล่าเยาวชน ที่ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ แผ่นดินเกิดก็ไม่สามารถจะอยู่ได้ เหล่าแกนนำมากมายอาทิ... ไมค์ เพนกวิน รุ้ง ล่าสุด ก็นิว จตุพร ที่แต่งชุดไทย ล้อเลียนดูหมิ่นราชวงศ์ ก็ได้ตามไปอีกราย ส่วนใครที่ไม่มี"เส้น"ทางหนี ก็ติดคุกกันหัวโต ดูอย่างทนายอานนท์นั่นสิ... นี่แหละสัจธรรมชีวิต

หนังคนละม้วน?? 'บิ๊กโจ๊ก'โต้เดือดไม่ได้ไปบ้านแอบอัดคลิป'วันนอร์-สุชาติ' บุกสภาฯยื่นถอดถอนต่อ

12 ก.พ.68 จากกรณีมีคลิปหลุดนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีการพบปะกับ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ ซึ่งอาจมีการเจรจาเพื่อขอให้ยุติเรื่อง หรือถอนเรื่องที่มีการล่ารายชื่อประชาชนให้ถอดถอนนายสุชาติออกจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งต่อมานายวันนอร์ ออกมายอมรับว่าเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านพักช่วงปีใหม่ พร้อมสงสัยว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เป็นคนอัดคลิป เพราะนั่งกันอยู่ 3 คน และตำหนิว่า “ทำแบบนี้ถือว่าไม่มีมารยาท” นั้น

ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "เนชั่นทีวี"ว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่อาจารย์วันนอร์ ให้สัมภาษณ์ แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตามที่ปรากฎในคลิป ฉะนั้นตนจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบันทึกภาพตามคลิปที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชน อย่างไรก็ตามยอมรับว่า เคยไปบ้านอาจารย์วันนอร์จริง แต่เป็นช่วงก่อนหน้านั้น โดยไปกราบท่านเพราะเคยรู้จักกัน ส่วนเหตุการณ์ที่อาจารย์วันนอร์ ได้พบกับนายสุชาติที่บ้านส่วนตัว ตนไม่ทราบมาก่อน และไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย แต่ก็ยอมรับว่ามีผู้ใหญ่ 2 คนมาขอให้ตนถอนเรื่องที่ไปร้องถอดถอนนายสุชาติ จากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. แต่ตนแจ้งกับผู้ใหญ่ 2 คนนั้นไปว่า ตนถอนเรื่องไม่ได้ เพราะมีประชาชนถึง 22,000 รายชื่อ ร่วมลงชื่อให้ถอดถอน

"ไม่รู้สึกติดใจอะไรที่ อาจารย์วันนอร์ ให้สัมภาษณ์ตำหนิตน และขอยืนยันว่าไม่ได้ไปบ้านอาจารย์วันนอร์ในวันที่ปรากฏภาพในคลิป จึงไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับคลิปที่ออกมา แต่ก็มีข้อน่าสังเกตว่า การพูดคุยกันระหว่างนายสุชาติ กับอาจารย์วันนอร์ มีความพยายามหาช่องทางที่จะตีตกคำร้องถอดถอนจริง ทั้งๆ ที่อาจารย์วันนอร์ ในฐานะประธานรัฐสภา ไม่มีอำนาจตีตกคำร้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า เมื่อรับเรื่องมาแล้ว ต้องส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะไต่สวนอิสระเท่านั้น "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ระบุ

และว่า เหตุนี้เมื่อภายหลังมีการตีตกคำร้องจริงๆ โดยที่อาจารย์วันนอร์ก็ให้สัมภาษณ์เองว่า มีการพบปะกับนายสุชาติจริงตามคลิป จึงน่าคิดว่าการกระทำลักษณะนี้ถือว่าเข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเข้าข่ายละเมิดจริยธรรมหรือไม่ รวมถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ว่าด้วยการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตด้วยหรือไม่ เช่นเดียวกับ นายสุชาติ ซึ่งเพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ แต่กลับมีความพยายามไปพบประธานรัฐสภา และพูดคุยเรื่องที่ตนเองถูกยื่นคำร้องถอดถอน การกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมด้วยหรือไม่ โดยในวันพรุ่งที่ 13 ก.พ. ตนจะเดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อยื่นคำร้องแสดงเจตนารมณ์ให้ถอดถอนนายสุชาติต่อไป

ล่าสุดนายวันนอร์ ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า บิ๊กโจ๊กไม่ได้ดำดินมา คนเห็นตั้งแต่แม่บ้าน ตำรวจหน้าบ้าน ยันคนเสิร์ฟน้ำ คนในบ้านมีเยอะแยะ เห็นกันหมด นี่เขากล้าพูดขนาดนั้นเลยหรอ นี่เขากล้าปฏิเสธเลยหรอ อยากจะพูดอะไรก็พูดแล้วแต่เขา แต่ความจริงก็รู้ๆ กันอยู่ บ้านมีกล้องวงจรปิดแต่ไม่ได้ใช้นาน ต้องกลับไปดู


‘ภูมิธรรม’รับข้อเสนอซีลชายแดนสระแก้ว ผุด‘รั้ว’ 55 กม.สกัดแก๊งคอลฯ

12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ ร.13 พัน3 รอ. จ.สระแก้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติงานและมอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมรับฟังความคืบหน้าการดำเนินงานภาพรวมของพื้นที่ จ.สระแก้ว รวมถึงปัญหาการปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ อาชญากรรมไซเบอร์ และการเปิดบัญชีม้า ว่า เรื่องการขอเสนออุปกรณ์เทคนิคของกำลังพลบางส่วน โดยหลักการรัฐบาลเรามีแนวทางเพื่อให้การปฏิบัติภารกิจประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นโดยพื้นฐานแล้ว เราก็ได้หารือสะท้อนกับคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องว่ามีความต้องการอะไร ก็ต้องไปดูตามความจำเป็น บางส่วนอาจให้ได้บางส่วนอาจจะต้องใช้งบประมาณอาจจะใช้งบกลาง และจะต้องดูความจำเป็นว่าสามารถตอบโจทย์การปฏิบัติตามที่เสนอมาหรือไม่

“เช่น การทำรั้วตามแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ก็จะต้องดูว่ารั้วที่จะทำมีลักษณะแบบไหน และสามารถป้องกันในเรื่องของปัญหาใดได้บ้าง ก็คงต้องไปดูรายละเอียด เช่น ชายแดนเรามีระยะทางยาว จะใช้กำลังพลอาจจะไม่เพียงพอ แทนที่จะเพิ่มกำลังพลขึ้น อาจจะเปลี่ยนเป็นการเพิ่มโดรน ซึ่งอาจจะไม่ต้องเพิ่มมาก เพื่อใช้ในการตรวจการแทนกำลังพล ซึ่งคงต้องหารือกันอีกครั้ง หลักการรัฐบาลยินดี ซัพพอร์ตเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ โดยการเสนอมาทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งก็เห็นว่ามีเหตุผล แต่ว่าจะได้อย่างไร ก็คงต้องกับไปพิจารณากันดู” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนกรณีการหันและลดระดับเสาสัญญาณโทรศัพท์ จะลดการส่งสัญญาณไปทางประเทศกัมพูชาได้มากน้อยเพียงใด นายภูมิธรรม กล่าวว่า ช่วยได้ แต่ต้องมีอะไรที่ไป ไม่ให้กระทบฝั่งเรา การหันเสาสัญญาณของ กสทช. ก็ช่วยเรื่องระดับการปรับความไกล ซึ่งจะทำให้สัญญาณทางเราไกลมากขึ้นแล้วก็จะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการแก้ไข ซึ่งถือเป็นเรื่องทางเทคนิค ทางหน่วยที่รับผิดชอบจะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการแก้ไข โดยมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องมีการประสานงานกันและเมื่อวานก็ได้มีการหารือกับประธาน ปปง. เพราะเขามีกฎหมายพิเศษและมีอำนาจหน้าที่ในส่วนนี้ด้วย

เมื่อถามถึงการล็อกสัญญาณไม่ให้มีระยะที่ไกล อาจส่งผลกระทบกับคนไทยในตลาดโรงเกลือ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทาง กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีเครื่องมือทางเทคนิค และจะมีหน่วยงานในพื้นที่รับผิดชอบ

ส่วนการสร้างกำแพงแนวชายแดน 55 กิโลเมตร จะมีความเป็นได้มากน้อยแค่ไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องไปดูรายละเอียด เพราะมีแบบอย่างต่างประเทศสร้างกำแพงชายแดน เช่น สหรัฐอเมริกา เราก็ต้องไปดูว่าการสร้างกำแพงของประเทศไทย จะป้องกันปัญหาเรื่องอะไร แล้วจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด โดยขออนุญาตยังไม่ตอบ เพราะต้องไปดูเรื่องทางเทคนิคเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงปูน ลวดหนาม หรือตาข่าย เป็นต้น

สำหรับมาตรการการตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า แนวชายแดนกัมพูชาเป็นเรื่องยาก ไม่เหมือนเมียนมา จะมีแนวทางหรือวิธีการอื่นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ก็ได้โทร.เข้ามาหารือกัน โดยในส่วนของประเทศกัมพูชาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเราจะดำเนินการเพียงพื้นที่ๆเกิดปัญหา และก็ต้องขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ได้หารือและสะท้อนแนวทางเพื่อที่จะร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะดำเนินการอย่างไร ก็จะต้องฟังการแถลงและการเสนอของที่ประชุม ประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง จริงๆรัฐบาลจะดำเนินการในพื้นที่ 5 จุดที่มีปัญหาของบัญชีม้า ยาเสพติด และเเก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของภัยคุกคามแบบใหม่ ซึ่งเกิดจากสมองของมนุษย์ที่ทำร้ายคนทั้งโลก และมีปัญหาเชิงเทคนิคหลายเรื่องที่มีความท้าทาย ในส่วนของเราก็เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้เกิดความเหมาะสมในการทำกิจการ

“คาดว่า 6 เดือนต่อจากนี้จะพบว่าการดำเนินการตามแนวเขตชายแดน ทั้งเรื่องยาเสพติด เเก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ ที่เป็นปัญหาเดียวกันที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน ฉะนั้นการซีลชายเเดน 51 อำเภอ 14 จังหวัด จะครอบคลุมทุกปัญหา” นายภูมิธรรม กล่าว


'หม่องชิตตู'โต้หมายจับค้ามนุษย์ อ้างเดินทางเข้ามาเองทางชายแดนไทย

12 ก.พ.68 เว็บไซต์ DVB สื่อของเมียนมา ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ พ.อ.หม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลังป้องกันชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ถึงกรณีรัฐบาลไทยออกหมายจับเพื่อปราบปรามการฟอกเงินออนไลน์และการกรรโชกทรัพย์ที่มีฐานอยู่ในเมืองเมียวดี

โดยพ.อ.หม่อง ชิตตู ได้ยืนยันว่า พวกเราไม่ได้พาคนลักลอบขนคนเข้ามาในเมียนมา คนพวกนั้นไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า แต่พวกเขาเข้ามาเองแล้วมาเป็นเหยื่อ ส่วนใหญ่เดินทางผ่านมาจากประเทศไทย ส่วนที่เจ้าหน้าที่ไทยจะออกหมายจับตนนั้น ตนอาศัยอยู่ที่ชายแดนไทยมานานกว่า 30 ปีแล้ว เคยช่วยเหลือประเทศไทยมามากในอดีต อยากทราบว่าหมายจับนั้นออกภายใต้กฎหมายอะไร

พ.อ.หม่อง ชิตตู ยังย้ำด้วยว่า ที่ผ่านมาได้ประสานสถานทูตต่างๆเพื่อส่งตัวพวกที่โดนหลอกมาได้เดินทางกลับประเทศอย่างปลอดภัยจำนวนมาก รวมทั้งส่งตัวผ่านทางกองทัพไทยด้วย และในเร็วๆนี้ เราจะจัดตั้งทีมพิเศษเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์และจับกุมพวกเขา เพราะตนไม่รู้สึกถึงประโยชน์ใดๆ และชื่อเสียงของเราก็เสียหายไปด้วย พวกเขามาทำธุรกิจไม่ซื่อสัตย์ ส่วนเราได้เงินแค่ค่าเช่าที่ดินเท่านั้น สุดท้ายแล้วเรากลับกลายเป็นผู้ที่ได้รับชื่อเสียงที่ไม่ดี โดยจะจัดการให้เรียบร้อยภายในหนึ่งสัปดาห์นี้

แยกย้ายกันไปเติบโต! ปิดตำนาน 33 ปีทีมพากย์'พันธมิตร' หลังมอบความสุขกว่า 3,000 เรื่อง

12 กุมภาพันธ์ 2568 ทำเอาเหล่าแฟนหนัง แฟนซีรีส์ใจหายไปตามๆ กันเมื่อ โต๊ะ ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ ผู้ก่อตั้งทีมพากย์พันธมิตรตำนานภาพจำเสียงพากย์ โจว ซิงฉือ, เจ็ต ลี และ เฉินหลง กับการแถลงข่าวประกาศปิดตำนาน 33 ปีทีมพากย์ระดับตำนาน พันธมิตร ที่มอบความสุขให้แฟนๆ มาแล้วมากกว่า 3,000 เรื่อง สร้างนักพากย์ยอดฝีมือให้กับวงการภาพยนตร์อย่างล้นหลาม ภายในงานแถลงข่าวยังมี อาเกรียง - เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง ผู้มีภาพจำจากการพากย์เสียงตัวละครอย่าง อู๋ ม่งต๊ะ, โจโฉ ในสามก๊ก และอีกมากมาย ตลอดจนทีมนักพากย์พันธมิตรเกือบ 20 ชีวิตร่วมแถลงข่าวด้วย

โต๊ะ ปริภัณฑ์ เปิดใจว่า การปิดตำนานพันธมิตรครั้งนี้ ไม่มีความเศร้าเกิดขึ้น ไม่มีคำว่าใจหาย เพราะเกิดจากการแยกย้ายกันไปทำในสิ่งที่ตัวเองรัก บ้างก็ประกอบอาชีพส่วนตัวและเป็นนักพากย์ให้กับที่อื่น ๆ ซึ่งได้ทำกันมาแบบนี้อยู่ตลอดอยู่แล้ว ซึ่งการวางแผนปิดพันธมิตร เกิดขึ้นตั้งแต่ 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะความเกรงใจที่ต้องเรียกเพื่อน ๆ สมาชิกมาพากย์หนัง ซึ่งต้องใช้เวลาในการพากย์นานกว่าที่อื่น ๆ อย่างน้อย ๆ ก็เรื่องละ 4-5 ชั่วโมงเพื่อความสมบูณณ์ที่สุด ซึ่ง โต๊ะ ปริภัณฑ์ จะเป็นคนที่ควบคุมทุกคำ ทุกประโยค อารมณ์ และรายละเอียดของเสียงพากย์ในทุกขั้นตอน เพื่อให้เสียงพากย์ที่มาจาก "พันธมิตร" เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ สมกับการตอบรับที่ดีเสมอมาตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้

ตลอด 33 ปีของ พันธมิตร ได้บ่มเพาะและถ่ายทอดความรู้ของการพากย์เสียงจาก โต๊ะ ปริภัณฑ์ ผ่านการสอนที่มาจากการให้โอกาสเรียนรู้จากการพากย์หนังจริง ที่ผ่านมานักพากย์ที่มาจาก พันธมิตรได้ใช้อาชีพนี้ในการเลี้ยงดูครอบครัว มีบ้าน มีรถ เป็นที่รู้จักจนบางคนถูกใช้เสียงในการพากย์ภาพยนตร์ที่ต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของ โต๊ะ ปริภัณฑ์ ในฐานะผู้สร้างพันธมิตรที่ผ่านมาภายใต้เสียงระดับตำนานของพันธมิตร ที่มอบความสุขให้แฟน ๆ

ต่อมา อาเกรียง เปิดเผยว่า รู้สึกภูมิใจในฐานะเป็นคนที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของพันธมิตรมีหลากหลายเรื่องราวที่จำได้ เมื่อครั้งที่ผู้ชมสามารถจำเสียงตนได้จากการไปเดินตลาด หรือไปร้านขายดีวีดีในยุคก่อน แม้พันธมิตรจะปิดตัวลง ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่พากย์เสียงกันแล้ว เรายังคงทำงานที่เรารักต่อไป เพียงแค่พันธมิตรไม่มีแล้ว ไม่อยากใช้คำว่าเราคือทีมที่เป็นไม้บรรทัดวัดความเป็นสุดยอดของนักพากย์ เพราะทุกคนย่อมเก่งในแบบของตัวเองทั้งนั้น