ข่าว
ไฟไหม้ป่ารัฐเทนเนสซี ตาย 11 สุดสลด หญิงวัย 70 หนีไม่ทัน

ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในรัฐเทนเนสซี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 11 ราย และหนึ่งในจำนวนนี้ เป็นหญิงวัย 70 ที่บ้านถูกไฟป่าลุกลามมาไหม้ แต่เคราะห์ร้าย หนีออกมาไม่ทัน ลูกชายเผยแม่โทร.มาบอกด้วยความหวาดกลัวว่าบ้านโดนไฟไหม้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ไฟไหม้ป่ารุนแรงในรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่เมืองแกตลินเบิร์ก หลังจากเกิดไฟไหม้ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Great Smoky Mountain (เกรต สโมคกี้ เมาเท่น) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 พ.ย. จนต้องแจ้งให้ประชาชนรีบอพยพออกจากเมืองว่า จากรายงานของสำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินรัฐเทนเนสซี ระบุมีผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ป่าเพิ่มอีก 4 ราย เมื่อ 1 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้ยอดเหยื่อเพิ่มเป็น 11 รายแล้ว ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 74 คน บางส่วนยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล อีกทั้งบ้านเรือนเกือบ 8,500 หลังยังไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทางการกำลังเร่งประเมินความเสียหายอยู่

เว็บไซต์ NBCNEWS แจ้งว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อวันพุธที่ 30 พ.ย. ได้ช่วยพนักงานดับเพลิงในความพยายามควบคุมเหตุไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในรัฐเทนเนสซี ซึ่งได้เผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 4 หมื่นไร่ และสามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้แล้วประมาณ 10%

ด้านนายไมค์ เวอร์เนอร์ นายกเทศมนตรีเมืองแกตลินเบิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวเมืองที่ต้องสูญเสียบ้านจากเหตุไฟไหม้ป่าคราวนี้ด้วย กล่าวว่า ห้างร้านธุรกิจส่วนมากในเมืองแกตลินเบิร์กได้กลับมาเปิดทำการได้แล้วเมื่อวันพฤหัสฯ หลังจากพระเพลิงได้ผ่านพ้นไป ขณะที่ WBIR reported รายงานว่า ในจำนวนผู้เคราะห์ร้ายที่เสียชีวิตจากไฟไหม้ป่า ในเมืองแกตลินเบิร์ก คือ นางอลิซ แฮกเลอร์ หญิงวัย 70 ปี ซึ่งได้โทรศัพท์ไปหาลูกชายด้วยความหวาดกลัวว่า ขณะนี้บ้านกำลังถูกไฟไหม้ และลูกชายได้บอกกับนางแฮกเลอร์ว่าให้รีบออกมาจากบ้าน

นายเจมส์ วูด ลูกชายของนางแฮกเลอร์ เล่าวว่า หลังจากแม่โทรศัพท์มาหาว่าบ้านกำลังถูกไฟไหม้แล้ว เขาได้พยายามที่จะไปหาแม่ทันที แต่ตอนนั้น ไฟได้ลุกไหม้พื้นที่บริเวณถนนวิลีย์ โอคลีย์ จนไม่สามารถขับรถฝ่าเข้าไปได้ และสุดท้าย แม่ของเขาเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ป่าในรัฐเทนเนสซี ในขณะที่ ผู้กำกับการฝ่ายดับเพลิง เผยว่า มีอาคารบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างในซีเวียร์ เคาตี้ โดนไฟป่าเผาผลาญและได้รับความเสียหายกว่า 700 หลัง ในจำนวนนี้ราว 300 หลังอยู่ในเมืองแกตลินเบิร์ก

ร.10 โปรดเกล้าฯ สมณศักดิ์ 159 รูป อาจารย์บุญเริ่ม วัดไทยขึ้นเป็นเจ้าคุณ

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ 159 รูป เข้ารับพระราชทานสถาปนา เลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2559 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

สำหรับรายนามพระสงฆ์ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์เข้ารับพระราชทานสถาปนา เลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ 159 รูป ดังนี้ 1.พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์, 2.พระธรรมวราจารย์ (แบน กิตฺติสาโร) วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ เป็นพระสุธรรมาธิบดี, 3.พระธรรมสุธี (พีร์ สุชาโต) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เป็นพระธรรมปัญญาบดี, 4.พระธรรมมังคลาจารย์ (ทอง สิริมงฺคโล) วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร จ.เชียงใหม่ เป็นพระพรหมมงคล วิ. 5.พระเทพวิสุทธิกวี (เกษม สญฺญโต) ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย วัดราชาธิวาส กรุงเทพฯ เป็นพระธรรมกิตติเมธี, 6.พระเทพปริยัติมุนี (สมคิด เขมจารี) วัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ เป็นพระธรรมเจดีย์, 7.พระเทพมุนี (เก็ง อาสโภ) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ เป็นพระธรรมคุณาภรณ์, 8.พระเทพวิริยาภรณ์ (นรินทร์ นรินฺโท) วัดหัวลำโพง กรุงเทพฯ เป็นพระธรรมสุธี, 9.พระเทพสิทธิญาณรังสี (ประยงค์ ปิยวณฺโณ) วัดโสธรวราราม วรวิหาร พระอารามหลวง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระธรรมมังคลาจารย์ วิ., 10. พระเทพพุทธิมงคล (สวัสดิ์ อตฺถโชโต) วัดพุทธาราม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เป็น พระธรรมพุทธิวงศ์

140.พระมหาโชว์ วัดศรีสุดาราม กรุงเทพฯ เป็นพระสุธีวีรบัณฑิต, 141.พระมหาสุทิตย์ วัดสุทธิวราราม กรุงเทพฯ เป็นพระสุธีรัตนบัณฑิต,142.พระครูสุวัตถิธรรมรัต วัดสามัคคีธรรม จ.พังงา เป็นพระภาวนาธรรมาภิราม, 143.พระครูภาวนาวิรัช วัดร่ำเปิง จ.เชียงใหม่ เป็นพระภาวนาธรรมาภิรัช, 144.พระครูภาวนาธรรมาภินันท์ วัดนาหลวง จ.อุดรธานี เป็นพระภาวนาธรรมาภินันท์, 145.พระครูปลัดสุวัฒนมงคลวรคุณ วัดสุทธาวาส จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระภาวนาธรรมาภิรักษ์, 146.พระครูสิริกิตติญาณวิเทศ วัดไทยลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เป็นพระวิเทศกิตติคุณ, 147.พระครูสิริอรรถวิเทศ วัดป่าธรรมรัตน์ สหรัฐอเมริกา เป็นพระวิเทศรัตนาภรณ์, 148.พระครูรัชมงคลวิเทศ วัดสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สหรัฐอเมริกา เป็นพระมุนีวิเทศ, 149.พระครูโสภิตธรรมรังสี วัดธรรมกิตติวงศ์ สาธารณรัฐเชก เป็น พระกิตติวงศ์วิเทศ

150.พระครูวิเทศสุตคุณ วัดมงคลรัตนาราม สหรัฐอเมริกา เป็นพระมงคลรัตนวิเทศ, 151.พระครูสิทธิธรรมวิเทศ วัดอตัมมยตาราม สหรัฐอเมริกา เป็นพระวิเทศสิทธิธรรมาภรณ์, 152.พระครูวิมลศาสนวิเทศ วัดพุทธโสธรวิเทศ สหรัฐอเมริกา เป็นพระวิมลพุทธิวิเทศ, 153.พระครูสุตพุทธิธัช วัดพุทธาราม ราชอาณาจักรสวีเดน เป็นพระวิเทศปุญญาภรณ์, 154.พระครูพุทธธรรมประกาศ วัดบุโรพุทโธ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นพระวิเทศธรรมญาณ, 155.พระครูปลัดอรรถจริยานุกิจ วัดพุทธนิมิต สหรัฐอเมริกา เป็นพระสิริวัฒนวิเทศ, 156.พระครูไพบูลพัชรสุนทร วัดพระพุทธบาทศรีเทพเพชรบูรณ์ มาเลเซีย เป็นพระภาวนามังคลาจารย์, 157.พระสุทธานันทะ วัดธรรมราชิกพุทธมหาวิหาร บังคลาเทศ เป็นพระวิสุทธิวงศ์, 158.พระฟาบตอง วัดอภิสุญญตาราม เวียดนาม เป็นพระสุธรรมวงศ์ และ 159.พระแดนยิว วัดพุทธโพธิวัน ออสเตรเลีย เป็นพระโสภณภาวนาวิเทศ


‘ทรงพระเจริญ’ก้องราชดำเนิน รัชกาลที่10 ทรงแย้มพระสรวล

ทั่วโลกส่งสารถวายพระพรชัยมงคล “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชอาณาจักรไทย เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ขอสืบสานมิตรภาพอันยืนยงธำรงไมตรีตลอดไป ด้านประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ถวายพระพรและแสดงความยินดี ย้ำพระราชวงศ์มีบทบาทสำคัญในการสร้างสัมพันธ์ไทย-จีน ที่หยั่งรากลึกอย่างมั่นคงมานาน ขณะที่ประธานาธิบดีสิงคโปร์กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯเยือนสิงคโปร์ พสกนิกรแห่เฝ้ารับเสด็จ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” เป็นครั้งแรกหลังทรงราชย์เป็น “รัชกาลที่ 10” ในการเสด็จพระ ราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันที่สอง นายกฯเผยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงราชย์เพื่อสานต่อศาสตร์พระราชา ขอคนไทยรวมใจใต้ร่มบรมโพธิสมภาร

พสกนิกรไทยสุดปลาบปลื้มปีติยินดี ในการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพย วรางกูร ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบสันตติวงศ์ แห่งราชวงศ์จักรี ขณะที่นานาชาติร่วมแซ่ซ้องถวาย พระพรชัยมงคลแด่ “รัชกาลที่ 10” ขณะที่วันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่ห้าสิบของพระราชพิธีทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็นวันที่สองของพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร เนื่องในโอกาสครบรอบวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครบ 50 วัน ในการนี้ สมเด็จพระเจ้า อยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จ พระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลปัญญาสมวารพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมพระบรม วงศานุวงศ์ มีพสกนิกรจากทั่วทุกทิศหลั่งไหลไปเฝ้ารับเสด็จ ที่บริเวณพระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวง รอถวายพระพรอย่างเนืองแน่นตั้งแต่เช้ามืด

พระเทพฯ ทรงบำเพ็ญพระกุศลเช้า

เวลา 07.07 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมโกศพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบหน้าพระบรมโกศพระ บรมศพ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัด จักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 1 ธ.ค.

พสกนิกรรับเสด็จแน่นราชดำเนิน

ต่อมาเวลา 10.51 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระ ราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ไปในการพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีประชาชน ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา จำนวนมากเฝ้าฯรอรับเสด็จ ตลอดทั้งสองฝั่งถนนราชดำเนินกันยาวเหยียด เมื่อทอดพระเนตรเห็นพสกนิกรมาเฝ้าฯรอรับเสด็จจำนวนมาก ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลให้กับประชาชน โดยประชาชนต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียง “ทรง พระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ บางรายนำพระบรมฉายาลักษณ์ชูขึ้นเหนือศีรษะ ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

เสด็จฯพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์

เวลา 10.54 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชา ทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ โดยมีคณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะตุลาการ คณะสมาชิกสภานิติบัญญัติ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯรับเสด็จ

ทรงบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ

จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อนถวายพรพระ จบ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เจ้าพนักงานนิมนต์พระพรหมกวี วัดกัลยาณมิตร ขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล

โบกพระหัตถ์ให้พสกนิกรสองข้างทาง

สำหรับบรรยากาศตลอดเส้นทางที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตครบ 50 วัน ได้มีประชาชนมารอเฝ้ารับเสด็จ โดยเฉพาะที่บริเวณแยกมิสกวันจนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ได้มีบรรดาผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ นักเรียนโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย พร้อมด้วยทหาร ตำรวจ และประชาชนทั่วไปมารอเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น เมื่อขบวนรถของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ผ่านมาถึง ต่างก็พร้อมใจเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง ทรงโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จ และทำท่าวันทยาหัตถ์ รับการถวายความเคารพจากทหาร ตำรวจ และนักเรียนโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับผู้ที่มารอเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เป็นครั้งแรก หลังจากทรงรับขึ้นทรงราชย์

เสด็จฯมาพร้อมพระธิดา-พระโอรส

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในรถยนต์พระที่นั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ทีปังกรรัศมีโชติ โดยเสด็จฯมาด้วย โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ประทับนั่งที่เบาะด้านหลังกับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ส่วนพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ประทับนั่งคู่กับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งพสกนิกรที่เฝ้ารับเสด็จและได้เห็นภาพนี้ต่างชื่นชมว่าเป็นภาพครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น

ทูลกระหม่อมโพสต์ IG ถวายพระพร

ขณะที่เมื่อเช้าวันเดียวกัน ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้โพสต์พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขณะทรงถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมัยยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในพระอิริยาบถต่างๆใน “อินสตาแกรม” ส่วนพระองค์ พร้อมข้อความว่า nichax ถวายพระพร #สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร #รัชกาลที่10 #ทรงพระเจริญ

ทูตสหรัฐฯร่วมถวายพระพรชัยมงคล

นอกจากนี้ นานาชาติทั่วโลกยังได้ร่วมถวาย พระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยวันเดียวกันนี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เผยแพร่แถลงการณ์ของนายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูต สหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ใจความว่า ขอ พระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละออง ธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า นายกลิน ที.เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส กราบบังคมทูล พระกรุณา แสดงความยินดีและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พร้อมทั้งขอแสดงความยินดีต่อประชาชนชาวไทยเนื่องในวาระมหามงคลที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย

“ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์” พร้อมใจถวายพระพร

ขณะที่เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมใจกันลงภาพและข้อความถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยลงภาพพระ บรมฉายาลักษณ์ พร้อมข้อความ “ทรงพระเจริญ ขอถวายพระพรชัยมงคล” เช่นเดียวกับเว็บไซต์พรรคเพื่อไทยก็ได้มีถ้อยคำถวายพระพร แด่สมเด็จพระเจ้า อยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พล.อ.เปรมเป็นปธ.องคมนตรี

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานองคมนตรี...


ประกาศแต่งตั้งประธานองคมนตรี

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่ประธานองคมนตรีได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่ง ประธานองคมนตรี และทรงพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งประธานองคมนตรี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบกับมาตรา 12 มาตรา 13 และ มาตรา 16 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานองคมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 2 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 เป็นปีที่ 1 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระราชโองการ
พรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
เพจดังเปิดหน้าแฉเป็นซีรีย์ ครูเมียหลวง- ครูเมียน้อย

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากมีการแชร์เรื่องราวในไลน์และเฟซบุ๊ค รวมทั้้งเผยแพร่ข้อความและรูปภาพ ที่ระบุว่าเป็น “ครูเมียน้อย” และผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ระบุว่าเป็น “ครูเมียหลวง” ซึ่งครูทั้งสองคนนั้น ต่างก็สอนอยู่ในโรงเรียนเดียว กัน โดยมีข้อความ ระบุว่า “แม่พิมพ์ของชาติตีกันแย่งผัว ด้วยการตบตีจับศีรษะโขกกำแพง จนหน้าตาปูดบวมได้รับบาดเจ็บ”

ล่าสุดเพจดัง อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V4.ได้มีการนำ เรื่องราวและภาพบุคคลที่ข้องกับเหตุการณ์ ทั้งครูเมียหลวง ครูเมียน้อย และสามีหนุ่มใหญ่ ซึ่งระบุว่า เป็น สมาชิกสภาเทศบาลแห่งหนึ่ง โดยระบุว่า

#กรณีที่ นาง .. (ครูเมียหลวง) ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนอำนาจเจริญ ถูกนาง ..(ครูเมียน้อย) ครูสอนวิชาภาษาไทย โรงเรียนอำนาจเจริญ ทำร้ายร่างกาย จนบาดเจ็บฟกซ้ำตามใบหน้าและตามร่างกาย เนื่องจาก(ครูเมียหลวง) ได้ไปตามสามีคือ นาย….สมาชิกสภาเทศบาล ที่บ้าน(ครูเมียน้อย) ซึ่งสองคนนี้มีความสัมพันฉันชู้สาวเป็นเวลานาน (ป๊าดดดด) เมื่อเดินทางไปถึงบ้าน(ครูเมียน้อย) เพื่อตามสามีกลับบ้าน แต่ถูก(ครูเมียน้อย) ด่าทอและลงมือทำร้ายร่างกายโดยที่ตนไม่มีทางสู้ จนร่างกายได้รับบาดเจ็บฟกซ้ำทั้งใบหน้าและตามร่างกาย

#ล่าสุด(ครูเมียน้อย) ไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น เพราะ(ครูเมียน้อย) ประกาศลั่นใครมายุ่งจะให้อดีต ส.ส. หญิง (เคยเป็นข้าราชการครู) จัดการทันที่ พฤติกรรมของ(ครูเมียน้อย) ไม่แคร์สายตา ครู-อาจารย์ โรงเรียนอำนาจเจริญ กว่า 4 พันคน ที่จะมองตนเองว่าเป็นชู้กับผัวชาวบ้าน และ(ครูเมียน้อย)ยังออกสังคมอย่างเชิดหน้าชูตา แบบนี้หรือครูไทยแม่พิมพ์ของชาติ ครูโรงเรียนอำนาจเจริญ….

#ตอนที่สอง….

พอแกกลับมาถึงแกก็ไม่ไปหาหมอเพราะแกกลัวว่า(ครูเมียน้อย) จะตามแกไปที่ รพ. และทางฝ่าย(ครูเมียน้อย) ขู่ (ครูเมียหลวง) ว่า มึงมาบุกรุกบ้านกู กูทำเพื่อป้องกันตัว ถ้ามึงจะไปแจ้งความก็ได้ว่ากูตีมึง จากนั้น (ครูเมียหลวง) ก็ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนให้พาแกไป รพ. หน่อยเพราะแกไม่ไหวแล้ว

พอช่วงเช้า (สามีหนุ่มใหญ่) แกกลับบ้านก็ต่อว่า (ครูเมียหลวง) ว่าไปบุกรุกบ้านเขาสมควรโดนโดยพูดต่อหน้า แม่ของ(ครูเมียหลวง)

แล้วซักพักรูปก็หลุดไปทุกสื่อ แต่ตอนนั้นยังไม่ดัง แต่ยังดีที่พอรูปหลุดไป ไปถึงเพื่อนของ(ครูเมียหลวง) ท่านหนึ่งที่มีอิทธิพลในจังหวัดแกก็ ไปพา(ครูเมียหลวง) ไปพบ ผอ.รร อจ. ในวันพุทธที่ผ่านมา และเรียกคู่กรณีมาด้วย โดย นัดคุยกัน ที่ห้อง ประชุมเล็ก อ.2 จากนั้นพอ(ครูเมียน้อย) มาถึง แกก็โยนรองเท้าของ(ครูเมียหลวง) ที่ห่อใส่ถุงมาอย่างดี โยนข้ามหัวของ เพื่อนแกที่มีสี ร้องเท้าก็ไปตกหน้า ผอ. ที่กำลังนั่งคุยกับ (ครูเมียหลวง) อยู่

มีการด่าทอกัน ในห้องนั้น ต่อหน้าผู้ใหญ่ในจังหวัดหลายท่าน โดย (ครูเมียน้อย) ไม่รู้สึกละอาย อะไร

#ตอนที่สาม

จากนั้นก็มีผู้ใหญ่คนมีสีคนหนึ่งลุกขึ้นยืน แล้วพูดไปว่าทำแบบนี้มันเหมาะสมกับความเป็น ครูไหม แล้ว(ครูเมียน้อย) ก็ตอก แล้วก็มีปากเสียงกันในนั้นเกือบ30นาที โดยไม่มีใครยอมใคร แล้วก็แยกย้ายกัน โดยที่ (ครูเมียน้อย) ไปแจ้งความหมิ่นประมาทคนมีสีท่านว่า หาว่าแกเป็นเมียน้อย

#แจ้งไป 5 ล้าน ก็เลยกลายเป็นว่ามามี ปัญหากับคนมีสีอีกแล้วแกไม่ยอม

ก็เลยกลายเป็นที่มาของเรื่อง และไม่ท่าทีจะจบลง ง่ายๆ เพราะโจทย์ ครู .. แกเยอะ มีหลายคนเฉพาะครูใน รร. ก็เป็นที่มาของข่าว…..

#RIP …มือตบ!!!

#ถ้าวันนี้สังคมไม่ลงโทษคนแบบ..จะรอให้ใครมาลงโทษมัน!!!!