ข่าว
ทีมนักเตะสาวไทย ชนะไอวอรี่โคสต์

นักเตะหญิงทีมชาติไทย ทำผลงานสุดยอดเอาชนะ ไอวอรี่ โคสต์ 3-2 คว้าชัยชนะในนัดประวัติศาสตร์ในฟุตบอลโลกหญิง

ศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 7 "แคนาดา 2015" เช้าวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน ตามเวลาประเทศไทย เป็นรอบแรก นัด 2 กลุ่ม บี ปรากฏว่า ไทย ชนะ ไอวอรี่โคสต์ 3-2 ที่สนามแลนส์ดาวน์ กรุงอ็อตตาว่าทั้งที่ ไอวอรี่โคสต์ ขึ้นนำก่อนจาก อันเก้ เอ็นกูสซาน กองหน้าวัย 24 ปี นาที 4 ทว่า ไทย มาตามตีเสมอได้จากการกระโดดแปบอลด้วยเท้าขวาของ อรทัย ศรีมณี นาที 26 และนับเป็นประตูแรกของไทยในฟุตบอลโลกอีกด้วย

ต่อมา อรทัย มาบวกประตูที่ 2 ให้ตัวเอง แต่เป็นประตูขึ้นให้ ไทย ขึ้นนำ 2-1 นาที 45 อีกทั้งเป็นการยิง 2 ประตู ฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบปีที่ 27 ของเธออีกด้วย

เข้าครึ่งหลัง ไทย มาบวกเพิ่มอีกหนึ่งประตูจากการโขกของ ธนัสถา ชาวงษ์ นาที 75 ทั้งที่ ธนัสถา เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาแค่ 2 นาทีเท่านั้น

แต่ ไอวอรี่โคสต์ มาทำประตูตีตื้นเป็น 2-3 ได้จาก นาฮี โจซี่ นาที 88

จากชัยชนะนัดนี้ ส่งผลให้ ไทยได้ 3 แต้มแรกในประวัติศาสตร์ และมีลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบแพ้คัดออก ในฐานะทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 ทีมจาก 6 กลุ่ม โดยนัดสุดท้าย ไทย จะพบกับ เยอรมนี แชมป์ยุโรป ในวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายนนี้

“บิ๊กตู่”โวยพวกสื่อเขียนอยู่ได้ ดับข่าวดึง “สมคิด” ร่วมวง

เวลา 17.30 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการปรับ ครม.โดยดึงนายสมคิด จาตุศรี-พิทักษ์ ประธานที่ปรึกษานายกฯมาร่วม ครม.ว่า มันมีอะไรกันนักหนา นายสมคิดเข้ามาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ตอบตนให้ได้ก่อนแล้วตนจะตัดสินใจว่าจะเอานายสมคิดเข้าไม่เข้า ตนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย เขียนอยู่ได้ทุกวัน การทำงานเป็นระบบไม่ใช่ทำงานคนเดียวมันแก้ได้หรือ ตนไม่ได้เลือกใครเป็นเบอร์หนึ่งเบอร์สอง การทำงานวันนี้ว่าตนไม่ฉลาดโอเค แต่ตนเอาคนฉลาดมาอยู่กับตนก็ถามทั้งสองทางมันก็ตรงกัน ทำไมต้องเอาคนนั้นคนนี้เข้ามา ถ้าเอานายสมคิดเข้ามาแล้วแก้ไม่ได้ก็หาโทษคนอื่นไปเรื่อย และก็มีนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.เขียนกันอยู่แค่นี้ เขาไม่มาหรอกจะบอกให้ อย่าไปวิจารณ์ อย่าไปเลือกงานแทนเขา ถ้ามาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ให้เข้าใจว่าการทำงานของประเทศนี้บ้านเมืองนี้ทำงานกันด้วยระบบ ไม่ได้ทำงานด้วยบุคคล

เมื่อถามว่า ถ้ารัฐธรรมนูญชั่วคราวแก้ไขผ่านแล้วอาจจะมีการปรับ ครม.ครั้งใหญ่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็พูดอยู่นี่ยังไม่ได้ปรับอะไรเลย พวกคุณไปวิเคราะห์กันไปเอง ปรับเมื่อไหร่ผมบอกเอง ไม่ต้องไปเขียนดักหน้าดักหลังจะปรับอย่างนั้นอย่างนี้ อีกสามเดือนปรับ อ่าน นสพ.บนเครื่องบินเมื่อกี้ไม่อยากลงมาเลยประเทศไทย ไปที่ไหนก็ได้ อ่านแล้ววุ่นวายเหลือเกิน ไม่มีอะไรก็จะให้มี สงบสักวันได้ไหมประเทศไทย คนไทยไม่ได้เลยไม่ชอบความสุขชอบความเจ็บปวดทรมาน ทุจริตชอบไม่ดีมากกว่าดี”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ที่เดินทางไปทุกประเทศไม่มีเวลาไปไหนเลยพูดทั้งวันเช้ายันเย็น พอพูดมากหาว่าทวงบุญคุณอีกแล้ว ก็เขียนกันอยู่แค่นี้มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา หรืออยากให้ตนเส้นโลหิตแตกตายหรืออย่างไร บอกเลยถ้าไม่อยากให้อยู่บอกมา และไปถามคนอื่นด้วยเขาว่าอย่างไร อย่ามาถามตนบอกไปก็ไม่เชื่อหาว่าจะสืบทอดอำนาจ คนไทยนึกถึงแต่อำนาจ ทำไมไม่นึกถึงว่าอยู่ต่อเพราะอยากจะทำความดี คิดอย่างนี้บ้างไหม ถ้าอยู่แล้วมันเสียหายมีอำนาจตนก็ไม่อยู่ วันนี้ทำทุกเรื่องให้ยังไม่เสร็จเลยเริ่มตีโพยตีพาย มันถึงเวลาของโรดแม็ปหรือยัง กลัวอะไรกันนักหนา ทวงอะไรกันนักหนา อีกพวกหนึ่งก็คล้อยตามเขาไปด้วยรู้เท่าถึงการณ์รู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้างสนุกหรืออย่างไร ประเทศ ชาติถูกปั่นหัวกันทุกวัน ตนขอพูดออกสื่อให้คนที่มีมันฟังอยู่ฟังเสียบ้างประเทศชาติมันเสียหายมากี่ปีแล้ว ดังนั้น ไอ้คนที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายทั้งหมดมันไม่ควรจะออกมาพูดอะไรทั้งสิ้นเวลานี้ เศรษฐกิจอย่างนั้นอย่างนี้ เตือนหลายครั้งแล้วอย่าออกมาพูดยังออกมาอีก ตัวเองติดคุกจะตายมิตายแหล่ระวังก็แล้วกัน นายสมคิดแก้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ อ่านแล้วไร้สาระเปลืองกระดาษน้ำหมึกที่ทำให้โลกมันสกปรก เปลืองสมองมันคิดตาม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า นักการเมืองหลายคนออกมาถามว่าจะปฏิรูปอะไร ถ้าอย่างนี้จะไปฝากความหวังไว้ได้ไหม เพราะเขายังไม่รู้เลยจะปฏิรูปอะไร แล้วอยากจะเลือกตั้งกันเหลือเกิน กลัวจะเป็นจะตายหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ตนก็อยู่ในกรอบ มันเป็นอะไรนักหนา วันนี้ปัญหาบ้านเมืองมีเยอะแยะยังไม่รู้ชะตากรรมเลย ตนพูดหลายครั้งแล้ว คนดีคนต้องการปฏิรูป และต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เดินไปข้างหน้ามีเยอะ เพราะเขาเบื่อหน่าย ถ้าไม่เบื่อหน่าย ตนไม่เข้ามาทำตรงนี้ ถ้าเขาดี ตนจะมาทำลายความสุขทำไม การทุจริต บุกรุกป่า 26 ล้านไร่ ได้รื้อเอาคืนเพราะผิดกฎหมายก็มาบอกว่ารังแกคนจน “วนอยู่อย่างนี้เหมือนไก่ที่อยู่ในเข่งตรุษจีนจริงๆ ผมว่าอย่างนั้น ตายทั้งหมดทั้งเล้านั่นแหละ วันนี้ทำให้ทุกอย่าง ไม่ได้ทวงบุญคุณ วันหน้าถ้ามีเรื่องมีราวขึ้นมาอีก อย่าไปบ่นกับใคร เพราะบ่นกับใครไม่ได้แล้ว ปัดโธ่ ทุกอย่างมีบทเรียนมาทั้งสิ้น วันนี้ยังไม่เคยผิดโรดแม็ปสักตัว กลัวอะไรกันนักหนา เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็พาดหัวกันอีกว่ากลัวอะไรกันหนา”


ฝากขัง “อดีตกรมวังผู้ใหญ่” ค้านประกัน เกรงจะหลบหนี

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ พนักงานสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ควบคุมตัว นายมนตรี โสตางกูร หรือหลุยส์ อายุ 53 ปี อดีตกรมวังผู้ใหญ่ประจำสำนักพระราชวัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีแอบอ้างเบื้องสูง มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 มิ.ย. 2558 เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษผู้ต้องหา

พนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนระบุว่า หากศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาในวันนี้ พนักงานสอบสวนจะขอรับตัวผู้ต้องหาไปควบคุมต่อ ที่หน่วยฝึกทหารใหม่ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. เนื่องจากคดีนี้มีการกระทำผิดในหลายท้องที่ และมีความจำเป็นต้องนำผู้ต้องหาไปชี้แหล่งซุกซ่อนทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อยึดมาเป็นของกลาง ประกอบการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาในคดี พ.1265/2558

ขณะที่คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อต้นเดือน ก.ย. 2554 ผู้ต้องหาขณะนั้นเป็นกรมวังผู้ใหญ่ ประจำสำนักพระราชวัง เข้าไปพบนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ขณะนั้นเป็น รมว.พลังงาน ซึ่งผู้ต้องหาได้แอบอ้างเบื้องสูงเพื่อไปเป็นกรรมการหรือบอร์ด บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ทำให้นายพิชัยได้เสนอชื่อผู้ต้องหาต่อ บมจ.ปตท.จนได้รับแต่ตั้งเป็นกรรมการ บมจ.ปตท. การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ

ต่อมาเดือน พ.ค. 2558 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช.ให้สืบสวนหาข่าวและดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้ทำการสืบสวนสอบสวนและพบว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดจริง จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ต่อมาศาลอาญาได้ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2558

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการการปราบปรามได้จับกุมผู้ต้องหารายนี้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 58 จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นประมาทรัชทายาท, เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่ง โดยตนเองไม่ได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์มิควรได้สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 148, พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เหตุเกิดที่กระทรวงพลังงาน แขวงและเขตจตุจักร กทม.

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ชยุต พนักงานสอบสวน ยังได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีแอบอ้างเบื้องสูง พ.1265/2558 ในความผิดเดียวกันนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 148, พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 จากพฤติการณ์เดียวกัน กรณีเมื่อเดือน ก.ย. 54 นายมนตรี ผู้ต้องหาได้แอบอ้างถึงสถาบันกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เพื่อให้ได้รับแต่งตั้งเป็นบอร์ดบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เหตุเกิดที่กระทรวง ไอซีที ซึ่งชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน

โดยพนักงานสอบสวนขออำนาจศาลฝากขัง เนื่องจากต้องสอบสวนพยานเพิ่มอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาเช่นเดียวกัน

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านแล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมาเวลา 12.30 น. พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปทันทีเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กระทรวงพลังงานต่อไป


‘ธีรยุทธ’เหน็บ‘บิ๊กตู่’ ดุเป็นท.ทหารฉุนเฉียว

12มิ.ย.2558 ที่อิมแพคเมืองทองธานีสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) จัดการประชุมวิชาการหัวข้อ "ปฏิรูประบบสุขภาพและชีวิต ปฏิรูปจิตสำนึกประชาธิปไตยในโอกาส 9 ปี สช. ณ ศูนย์ประชุมอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดประชุมที่จัดมาตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. โดยในวันนี้เชิญนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์คณะสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "พลังพลเมือง สร้างสังคมสุขภาวะ"

นายธีรยุทธสวมเเจ๊คเก็ตสีขาว ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่จะเห็นนายธีรยุทธสวมเสื้อกั๊กออกมานั่งวิเคราะห์วิจารณ์การเมืองไทย โดยนายธีรยุทธ กล่าวว่า ในวันนี้สวมเสื้อสีขาวเพราะต้องการพูดให้ตรงกับงานด้านสุขภาพตามหัวข้อที่ได้รับเชิญมาพูดจึงใส่สีขาวให้เหมือนเสื้อกราวของหมอ ส่วนสาเหตุที่เงียบหายไปนั้นนายธีรยุทธระบุว่า “ผมค่อนข้างกลัวลุงตู่(พลเอกประยุทธ์ จันทร์อชา) ผมว่าแกดุเป็นบ้าเลย แกชอบบ่น เลยไม่ได้ออกมาวิจารณ์เป็นปีแล้ว เดี๋ยวแกเรียกไปปรับทัศนคติ ทั้งนี้สังเกตหรือไม่ว่าลุงตู่ทำให้ทหารเปลี่ยนไป จากท.ทหารอดทนเป็น ท. ทหารฉุนเฉียวนะในบางที และถ้าเป็นคนรุ่นก่อนหรือรุ่นผมอาจจะจำได้ว่าเรามีการ์ตูนนิสคือลุงประยูร จรรยาวงษ์ ซึ่งท่านจะเขียนการ์ตูนในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และลุงประยูรจะจั่วหัวคอลัมน์ว่า สัปดนวันละนิดจิตแจ่มใส แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแล้วเป็น ฉุนวันละนิดจิตแจ่มใส”

นายธีรยุทธ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการทำหน้าที่ด้านการเมืองนั้นตนจะสรุปภาพรวมการเมือง ทิศทางใหญ่โดยรอให้การถกเถียเรื่องรัฐธรรมนูญเสร็จก่อน และ คิดว่าจะทำบทสรุปในช่วงสิ้นเดือนนี้แล้วจะแถลงความคิดเห็นให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นช่วงหนึ่งนายธีรยุทธก็ได้กล่าวว่า รูปแบบการเมืองการปกครองจะตอบสนองภารกิจทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในแต่ละช่วง ดังนั้นการเมืองในแต่ละช่วงจะต่างไปเรื่อยๆ ดังนั้นระบบการเมืองการปกครองจะไม่มีแน่นนอนถาวรตลอดไป เพราะมันมีภารกิจของมันแต่ละช่วง ส่วนประชาธิปไตยก็ไม่ได้เป็นพิมพ์เขียวที่เป็นสากลฉบับเดียวที่ใช้ได้ แต่เป็นหลักการใหญ่ของระบบที่ต้องเคารพอำนาจสิทธิของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเท่าที่ศึกษามาประชาธิปไตยมันเกิดมาเพื่อตอบสนองภารกิจทางการเมืองทั้งสิ้น แต่ตนไม่ได้บอกว่าเราควรมีประชาธิปไตยแบบไทย ๆ และไม่มีประชาธิปไตยแบบสากล เพราะไม่มีแบบไหนเหมือนกันเลย ดังนั้นคิดว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะต้องค้นหาเหมือนทั่วโลกที่ค้นหาว่ารูปแบบโครงสร้างอำนาจใดที่เหมาะกับประเทศเขา

นายธีรยุทธ กล่าวว่า เราเคยนำรัฐธรรมนูญแบบฝรั่งเศสมาใช้ซึ่งฝรั่งเศสเขาก็มีปัญหาของเขา คือต้องทำให้มีผู้นำมีความเข้มแข็งเพื่อสยบกลุ่มย่อยทางการเมืองเพื่อให้การบริหารประเทศบริหารได้ราบรื่น ซึ่งฝ่ายธุรกิจก็พยายามผลักดันแนวคิดนี้ อย่างไรก็ตามฝ่ายบริหารของเราควรมีประสิทธิภาพและอิสระในการทำงาน แต่ไม่ใช่ว่าเป็นผู้มีอำนาจเพียงหนึ่งเดียว เพราะโครงสร้างบ้านเรากระจายอำนาจ ซึ่งนี่คือปมปัญหาที่ทำให้เกิดระบอบทักษิณตามมา

นายธีรยุทธ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาหาบเร่แผงลอย วินมอเตอร์ไซด์ วินรถตู้ด้วยกำลังทหาร ไม่สามารถแก้ได้ถาวร ซึ่งตนคิดว่าท่านทำดีแต่ท่านต้องไปฟังพวกที่เขาที่ทำอาชีพนี้อยู่ว่าเดี๋ยวก็กลับมาอีก เพราะการใช้อำนาจพิเศษแก้ไม่ได้ ดังนั้นควรจะต้องผลักดันให้ท้องถิ่นชุมชนหรือบุคคลในที่นั้นเป็นผู้จัดการดูแลแก้ปัญหา ซึ่งถ้าเป็นที่อเมริกาประชาชนจะแจ้งรัฐ แต่ของเราแจ้งรัฐแล้วรัฐไม่ดูแล เพราะจะเป็นอันตรายกับตัวเอง คนไทยจึงเฉื่อยชา

“ดังนั้นผมจึงไม่สนใจกระบวนการเลือกตั้ง แต่สนใจที่จะให้กระบวนการในรัฐธรรมนูญที่สนับสนุนให้ประชาชนเขาลุกขึ้นมาดูแลของของเขา หาบเร่แผงไหนก็ให้คนเขตนั้นลุกขึ้นมาดูแล ร้านสะดวกซื้อก็มีจำนวนมากก็แข่งกันเอง ในเป็นต่างประเทศเขามีโซนนิ่ง ดังนั้นถ้าชุมชนมีโอกาสรับผิดชอบ ได้ร่วมรับผิดชอบ ทำให้เป็นวิถีชีวิต”นายธีรยุทธ กล่าว

อาจารย์คณะสังคมวิทยา กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทหารทำไม่ใช่ไปทำแทนประชาชน แต่ต้องดึงให้ประชาชนมามีส่วนร่วมมากที่สุด ต้องไม่ผลักใสประชาชน ทั้งแง่ความคิดและการปฏิบัติ ถ้าท่านทำเดี่ยวๆมันจะควบคุมสถานการณ์ได้ชั่วครั้งชั่วคราว ปัญหาจะกลับมา จะลดหรือเพิ่มก็ประเมินสถานการณ์ไม่ได้ ดังนั้นทำอย่างไรที่ประชาธิปไตย จะเป็นวิถีชีวิตของคน คนดีเลวไม่เท่ากัน คนจน คนชั้นกลาง คนรวย คนเรียนจบประถม มหาวิทยาลัย ปริญญาเอก ก็ต้องเคารพในเกียรติ์ ศักดิ์ศรี ความสามารถของมนุษย์ และวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย


ยึดแบงก์การันตี"ไทยทีวี" กสทช.นำขึ้นเงินจันทร์นี้

(12 มิ.ย.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช. ) เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 15 มิ.ย.นี้ กสทช. จะนำแบงก์การันตีของบริษัท ไทยทีวี จำกัด ที่ถือครองใบอนุญาต 2 ช่อง คือ ช่องไทยทีวี และช่องโลก้า ไปขึ้นเงินที่ธนาคารทันที เนื่องจากทางบริษัทไม่มีการตอบหนังสือกลับมา และไม่มีการชำระค่าใบอนุญาตงวดที่ 2 เนื่องจากที่ผ่านมาได้ส่งหนังสือทวงถามและชี้แจงรายละเอียด เงื่อนไข การชำระค่าใบอนุญาตไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 พ.ค.58 ซึ่งระบุชัดเจนว่า บ.ไทยทีวี ต้องทำหนังสือตอบกลับมาภายใน 15 วัน หลังจากได้รับหนังสือ

สำหรับกระบวนการขอขึ้นเงินจากแบงก์การันตีนั้น กสทช. ต้องนำแบงก์การันตี ไปฟ้องบังคับคดีต่อธนาคารที่ออกแบงก์การันตี เพื่อขอให้ชำระเงินแก่ กสทช. แทนผู้ประกอบการ จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนของการที่ธนาคารไปทวงหนี้กับผู้ขอออกแบงก์การันตี ซึ่ง กสทช.จะได้รับเงินแน่นอน ส่วนธนาคารก็จะไม่เสียหายเพราะผู้ขอออกแบงก์การันตีต้องมีหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงกว่ามาค้ำประกันอยู่ก่อนแล้ว

นายฐากร กล่าวว่า เมื่อ กสทช.ได้รับเงินจากสถาบันการเงินแล้ว กสทช. จะดำเนินการฟ้องร้องผู้ประกอบเพื่อเรียกค่าดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่เกินเวลานัดชำระจนถึงวันที่ธนาคารได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้น

ด้านนายสุชาติ ชมกุล ทนายความบริษัท ไทยทีวี จำกัด กล่าวว่า บริษัทไม่ได้ทำหนังสือตอบกลับ โดยจะไม่จ่าย เงินค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอล รวมถึงในส่วนของค่าธรรมเนียมรายปี 2% เนื่องจาก กสทช. ไม่ดำเนินการตามแผนแม่บทที่ได้วางไว้ ทั้งการขยายโครงข่ายสัญญาณทีวีดิจิตอลที่ล่าช้า การประชาสัมพันธ์ที่ล้มเหลวฯลฯ.

ฝนถล่มกรุง-น้ำท่วมซ้ำ ‘สุขุมพันธุ์’ ตรวจกลางดึก

ฝนกระหน่ำกรุงหนักอีกรอบ เริ่มจากฝั่งธนฯ ก่อนตกกระจายไปทั่วพื้นที่ ทำให้มีน้ำท่วมขังถนนหลายสาย รวมถึงหน้าวังสวนผักกาด ผู้ว่าฯกทม.มิอาจจะข่มตานอน ออกตะลอนตรวจพื้นที่กลางดึก ก่อนจะโพสต์เฟซ ‘ไม่เกิน 06.00น.ทุกจุดจะกลับคืนสู่ปกติ’...

เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 13 มิ.ย.58 ได้มีรายงานกลุ่มฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเริ่มจากเขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ ราษฎรบูรณะ จอมทอง บางนา ประเวศ วัฒนา สวนหลวง ห้วยขวาง ดินแดง วังทองหลาง บึงกุ่ม มีนบุรี และดอนเมือง

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ระบุว่ามีน้ำท่วมขังรอระบายในถนนหลายสาย อาทิ ถนนศรีอยุธยา บริเวณหน้าวังสวนผักกาด เขตราชเทวี มีน้ำสูง 15-20 ซ.ม.ระยะทางประมาณ 200 เมตร ถนนจอมทอง ช่วงซอย 10-14 เขตจอมทอง สูง 5-10 ซ.ม. ระยะทาง 80 เมตร ถนนอโศกมนตรี แยกชิโนทัย เขตวัฒนา สูง 15-20 ซ.ม. ระยะทาง 300 เมตร

จากนั้นในช่วงเวลา 02.45 น. มีรายงานน้ำท่วมขังบนถนนสุขุมวิท ช่วงซอย 33-51 ซอย 51-63 ซอย 63-69 ถนนรามคำแหง ช่วงซอย 1-คลองกะจะ ถนนลาดพร้าว ช่วงซอย 122-คลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง น้ำสูง 15-20 ซ.ม. ถนนดินแดง ช่วงสุทธิพร-ตลาดขวัญ เขตดินแดง น้ำสูง 15-20 ซ.ม.ระยะทางประมาณ 200เมตร

สภาพน้ำท่วมขังแถวซอยอินทามะระ หลังเจอฝนกระหน่ำ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากผู้ใช้รถใช้ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ต้องผจญกับน้ำท่วมขัง ซึ่งหลายจุดมีน้ำท่วมในระดับสูง เช่น บริเวณแยกอโศก ถนนสุขุมวิท ถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณหน้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ภายในซอยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รวมถึงมีรายงานหม้อแปลงไฟระเบิด จนสายไฟไหม้ลุกพรึบ หน้าโรงเรียนเซนต์ดอมินิก ถนนเพชรบุรี ขาเข้า

บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงหน้า ร.1พัน 1รอ.

ขณะเดียว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปยังสำนักการระบายน้ำฯ เขตดินแดง หลังจากลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมขังในหลายจุด เพื่อสั่งการในการแก้ปัญหา

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถึงขั้นไม่หลับไม่นอน ทันทีที่ฝนถล่มกรุง ออกตรวจทันทีที่สำนักการระบายน้ำ

พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า "สวัสดีครับ ดูจากเรดาร์ฝนเริ่มเคลื่อนตัวออกจาก กทม. แล้วนะครับมีน้ำท่วมขังบนพื้นผิวจราจร เราเร่งระบายน้ำอยู่นะครับ ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนนี้ได้รับรายงานในบางจุดน้ำเริ่มลดลงแล้ว ฝนไปแช่แถวบางนา คลองตัน ขอเวลาอีกสักหน่อยนะครับ ไม่เกิน 06.00น. ทุกจุดจะกลับคืนสู่สภาพปกติ ขอบคุณครับ"

สำหรับปริมาณฝนสูงสุดในกทม. เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 13 มิ.ย.58 พบว่าปริมาณน้ำฝนสูงสุดในเขตประเวศ 88.5 มม. เขตบางกะปิ 82.5 มม. และดินแดง 81 มม.

อย่างไรก็ตาม ฝนตกครั้งนี้ เป็นไปตามที่กรมอุตุนิมวิทยา คาดการณ์ไว้ว่าวันที่ 13 มิ.ย.กทม.จะมีฝนตกจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นวันที่ 14-16 มิ.ย.คนกรุงเตรียมตัวรับฝนอีกรอบ.