พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้โพสต์แสดงความเห็นกรณี "กฎหมายขึ้นทะเบียนหมา-แมว" ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยมีเนื้อหาระบุว่า...
คิดดีแล้วหรือ? ที่จะขึ้นทะเบียนหมาแมว เห็นประกาศนี้ผ่านเข้ามาในหน้าเฟสบุ๊ค ก็รู้สึกหนักใจแทนรัฐบาล กลัวจะถูกชาวบ้านรุมสะกรัม เหมือนตอนที่ออกกฎหมายบังคับให้รถปิ๊คอัพ ต้องคาดเข็มขัดนั่งแค็บ ห้ามนั่งกระบะหลัง สุดท้ายทนเสียงด่าไม่ได้ ก็ต้องได้เลิกราไป ยิ่งหมาแมวเป็นสัตว์เลี้ยงคู่บ้านคู่เมืองของคนไทยมาช้านานแล้ว แมวคงมีไม่เยอะ แต่หมาคงมีไม่น้อย คนเลี้ยงหมาก็มีหลายประเภท แล้วแต่ชนิดและพันธุ์ของหมา เลี้ยงไว้ขาย เลี้ยงไว้ประดับบารมี เลี้ยงไว้ดูเล่น เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน เลี้ยงไว้เพราะสงสาร ยังมีหมาจรจัดที่ไม่มีเจ้าของก็อีกเยอะแยะ ถ้าต้องเสียค่าลงทะเบียนตัวละ 450 บาท คนที่เลี้ยงไว้เพราะสงสารจะเดือดร้อน เพราะหมาที่เลี้ยงมักเป็นหมายากไร้ ที่ไม่ค่อยมีใครอยากได้ อาจเป็นเพราะไม่สวย ไม่ฉลาด ไม่แข็งแรง หรืออาจเป็นโรคอย่างใดอย่างหนึ่ง
วัดเราก็มี 5 ตัว เป็นบางแก้ว 2 ตัว หมาไทยธรรมดา ๆ 3 ตัว ก็มีคนแอบเอามาปล่อย 2 ตัว ก็ต้องได้เลี้ยงเอาไว้ บางวัดอาจมีเป็น 10 ตัว 20 ตัว ก็คงเป็นภาระหนักมิใช่น้อย ถ้าต้องไปลงทะเบียนตัวละ 450 บาท งานนี้คงมีหมาถูกลอยแพเยอะแน่ ๆ
เพราะถ้าไม่เอาหมาไปลงทะเบียน เจ้าของก็ถูกปรับสูงสุดถึง 25,000 บาท ครั้นจะไปลงทะเบียนก็ไม่มีตัง เก็บไว้ก็ถูกปรับ ก็คงเอาไปปล่อยแถวโรงพักตำรวจ หรือแถวที่ให้ไปลงทะเบียนนั่นแหละ ก็หมดภาระไป ถ้าใครรับภาระได้ ก็คงยอมไป ลงทะเบียน ถ้าใครรับไม่ไหว ก็จำต้องเอาไปปล่อย
การออกกฏระเบียบใด ๆ มาใช้ มันก็ดีอยู่ สังคมจะได้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ต้องคำนึงบ้างว่า มันเข้ากันได้กับวิถีชีวิตของคนไทยหรือไม่? มันทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อนโดยใช่เหตุหรือเปล่า? มีวิธีอื่นที่มันพอจะเป็นไปได้บ้างไหม? ที่ง่ายและดีกว่านี้ ที่คนส่วนใหญ่จะรับได้
เลี้ยงหมา ก็ต้องดูแลเขาอย่างดี ฉีดยาป้องกันโรคมากมายหลายหลากเข็ม โรคพิษสุนัขบ้า โรคพยาธิ โรคหมัดเห็บ อาหารหมาสำเร็จรูปอีกต่างหาก เสียค่าใช้จ่ายหมดไปก็ไม่ใช่น้อยเลย นี่! ก็เพราะสงสารนั่นแหละ ก็จำต้องเลี้ยงดูกันไป ถ้าใครจะปล่อยหมา ก็อย่าเอาไปปล่อยที่วัดเลยเน้อ! สงสารวัดบ้างเถอะ ไอ้ที่ชอบพูดกันว่า ตัดหางปล่อยวัดน่ะ ขอเถอะ! เปลี่ยนไปปล่อยที่อื่นซะ! วัดส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีตังมากมายนักหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดที่อยู่ในชนบทไกลปืนเที่ยง จะมีตังเยอะก็แต่เฉพาะวัดใหญ่ ๆ ดัง ๆ เท่านั้นแหละ เอาหมาไปปล่อยวัด ก็สร้างภาระหนักให้กับทางวัดไม่ใช่น้อย เห็นใจกันบ้างเถอะ! ยิ่งถ้าต้องพาหมาไปลงทะเบียน คงวุ่นวายกันน่าดู คนคิดก็ช่างคิดได้ดีแท้น้อ! หาวิธีควบคุมที่มันง่ายกว่านี้ไม่ได้หรือไง?
(10 ต.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ WaenPloy Chitt-amphai ได้โพสต์ภาระกิจของนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นตัวแทนทีมช่วยเหลือรับรางวัล Asia Game Changer Awards 2018 ที่มหานครนิวยอร์กว่า....
2018 Asia Game Changers กับผู้ว่าณรงค์ศักดิ์, โค้ชเอก และอดุลย์ สัมภาษณ์พูดคุยบรรยากาศสบายๆ อเมริกันสไตล์ มีไรก็ว่ามาตรงๆ พิธีกรก็ถามตรงๆ ตอนหลังที่เปิดให้ถามคำถามก็ถามกันตรงๆ real world ดี ผู้ว่าณรงค์ศักดิ์พูดดีมากกกกก ท่านพิสูจน์ความเป็นผู้นำออกมาผ่านทางการพูดคุยครั้งนี้ได้อย่างบริ๊งๆๆๆ 555 คือแบบเหมือนมีรังสีความเก่งออกมารอบตัว ไม่รู้จะอธิบายยังไง ก่อนหน้าที่จะดูไลฟ์เราคุยกับเพื่อนอเมริกันที่อยู่ในกรุ๊ปติดตามข่าวนี้ (กรุ๊ปของฝรั่ง) เค้าก็คุยกันแบบประมาณว่ารู้นะว่านี้คือ leader แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก แต่พอดูจบ คือฝรั่งคอมเม้นกันแบบ “Governor. I got alittle chocked up.” แล้วก็ชมอีกมากมายแบบว่า เข้าใจแล้วว่าคนนี้สุดจริงอะไรจริง เห็นแล้วปลื้มแทนท่านและครอบครัว
แอบฮาตอนที่คุณทอมพิธีกร (จริงๆแล้วเป็น vice president ขององค์กร) ถามเรื่องอีลอน มัสก์ขึ้นมาดื้อๆ 5555 คือจะบอกว่า อเมริกันมันแซะกันเองเก่งยิ่งกว่าชาวท่าแซะบ้านเราเย๊อะะะะะ คือถามขึ้นมานี่ ทอมกับผู้ว่าหันมายิ้มให้กันเลย คนดูก็หัวเราะกันอิสระเสรี 555 ซึ่งแน่นอนว่าผู้ว่าก็ตอบเหมือนทุกรอบที่พูดมาว่า ขอบคุณอีลอนมัสค์ แต่เค้าบังเอิญโชคไม่ดีที่พาน้อง mini-sub มาเอาวันหลังๆ ที่เราตัดสินใจว่าจะใช้แผนเดิมคือดำน้ำออกกันไปแล้ว แต่ถึงยังไง mini-sub ก็จะนำไปเก็บไว้ที่หน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ของรัฐ เพื่อใช้ศึกษาหรือเป็นประโยชน์ในอนาคต พูดจบก็ต่างคนต่างยิ้มๆ #ชักวงวารอีลอนมัสก์ขึ้นมานิดหน่อย55 ...เก่งมากเจ้าmini-sub //ตบบ่าสองทีครึ่ง
พิธีกรถามเรื่องตอนเจอตัวเด็ก ผู้ว่ารู้จากไหน อย่างไร เมื่อไหร่ อันนี้ฟังแล้วลุ้นเลยเพราะบางอย่างไม่เคยรู้มาก่อน ผู้ว่าเล่าว่าคืนนั้นเป็นคืนที่ 10 กำลังประชุมกันอยู่ ก็มีซีล 1 นายวิ่งมาลากตัวออกจากห้องประชุม เอาออกไปไกลระยะนึงเลย แล้วบอกว่าเจอเด็กแล้ว ยังมีชีวิตและสุขภาพสมบูรณ์ ผู้ว่าทีแรกไม่เชื่อ บอกว่าเช็ครึยังเพราะต้องรอนักดำน้ำอังกฤษออกมาก่อนนะถึงจะชัวร์ ซีลบอกว่าออกมาแล้วคนนึง แล้วมาบอกคนข้างนอกแล้ว จากนั้นก็เลยเรียกประชุมว่าจะแถลงเลยหรือรอเช็คข่าว 100% ก่อนจากนักดำน้ำ แต่ก็ได้ข้อสรุปว่าต้องแถลงเลย เพราะถ้ารอช้าข่าวลือจะแพร่ออกไปก่อน แล้วประชาชนจะไม่เชื่อข่าวทางการอีก แล้วจากนั้นสิ่งที่ผู้ว่าทำคือ ไปหาพ่อแม่เด็กก่อนเลย เพื่อบอกว่า ‘เราเจอลูกคุณแล้ว มีชีวิตอยู่ทุกคน และจะทำเต็มที่เพื่อพาออกมาโดยมีชีวิตอยู่ให้ได้’ พิธีกรฟังตรงนี้แล้วอุทาน oh my goodness! เลย
ช่วงเวลาที่รอคอยมาถึงเมื่อทอมถามว่าได้บทเรียนอะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้ นั่นคือคำตอบที่ผู้ว่าเตรียมมาและพูดให้ฟังภาคภาษาไทยไปก่อนแล้ว ท่านก็ตอบตามนั้นว่า “คนมากกว่าหมื่นคน มาช่วยโดยไม่รู้จักเด็กๆมาก่อน และผมคิดว่าถ้าเราเอาบทเรียนตรงนี้ ไปใช้ในภายภาคหน้า อยู่เพื่อคนอื่น ทำประโยชน์ให้ผู้อี่น โลกก็จะน่าอยู่”
มีหนุ่มคนนึงถามขึ้นมาว่า เค้าเขียนหนังสือเด็กเกี่ยวกับเรื่องถ้ำหลวงนี้อยู่ เค้ามีคำถามที่ยังไม่เคยมีการอธิบายที่ไหนมาก่อนเลย ขอถามโค้ชเอกกับอดุลย์ ว่าตอนอยู่ข้างในถ้ำ นอกจากเนินทรายที่นั่งอยู่กันและบริเวณน้ำที่ลงมาเจอนักดำน้ำนั้น รายละเอียดอื่นๆเป็นยังไง ทำอะไรบ้าง ขุดหิน ดำน้ำ ทำด้วยกันหรือต่างคนต่างทำ ทำสมาธิคือแบบไหน ช่วยอธิบายแบบ physically หน่อย คือแบบ physically อ่ะ ไม่ใช่แค่บอกว่าทำ แต่อธิบายว่าทำอย่างไร อะไรประมาณนี้ อันนี้ผู้ว่าเลยตอบให้แทนว่า “จะมีการรวบรวมข้อมูลโดยทำ Action Review กันอีกที” เห้ยอันนี้ข้อมูลใหม่เด้ออ ทอมยังแปลกใจนิดๆด้วยเลย จะมีการเก็บข้อมูลโดย Action Review (คล้ายๆแบบไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพงี้ป่ะ ) แล้วถึงจะมีการเผยแพร่ข้อมูลรายละเอียดหลังจากนั้น (อันนี้เลยสงสัยเลยว่า แล้วพวกหนังที่เปิดกองไปแล้วจะทำยังไง? เกิดข้อมูลไม่ตรงกันกับข้อมูลที่ออกมาทีหลังก็เซ็งอี๊กก)
คำถามสุดท้ายดี มีผู้หญิงคนไทยถามว่า ผู้ว่าคิดยังไงกับรางวัลนี้ และคิดว่ามันสำคัญต่อคนไทยยังไง ผู้ว่าตอบว่า “รางวัลนี้เป็นของคนหมื่นกว่าคนที่ทำงานร่วมกันมา จริงๆแล้วทั้งหมื่นกว่าคนนั้นควรจะมาอยู่ที่นี่ในห้องนี้ (คนฮากันเล็กน้อยเพราะทอมตบมุกให้ประมาณว่า เดี๋ยวๆๆห้องมันไม่พอเด้ออ) และจะเป็นเครื่องเตือนใจว่า คนไทยประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เราก็มีศักยภาพในการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้สำเร็จได้ด้วยความสามัคคี ผู้ว่าบอกว่า คนไทยถ้ามีความสามัคคีและมีเป้าหมายเดียวกัน เราทำได้ทุกอย่าง ในมุมมองของท่านนี่คือความหมายและคุณค่าของรางวัลนี้สำหรับชาวไทย”
12 ต.ค.61 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงแนวทางในอนาคตต่อการร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะต้องรอเลือกตั้งก่อน และยังไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าไม่ลงสมัครแล้วเป็นนายกฯ คนนอก ก็คงจะยาก หากชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ 1 ใน 3 ในบัญชีนายกฯ ก็ต้องถามว่าพรรคคุณเป็นตัวแทนของความคิดอะไร และได้เสียงมาเท่าไหร่ เราต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน
"วันนั้นถ้าคุณประยุทธ์ได้คะแนนเสียงมามาก ก็มีความชอบธรรมที่จะมาเชิญชวนคนไปร่วมรัฐบาล แต่ถ้ามาชวนผม ผมก็ต้องถามว่าคุณจะบริหารงานแบบ 4 ปีที่ผ่านมา หรือไม่ ถ้าคุณบริหารแบบ 4 ปีที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่าผมจะไปช่วยสนับสนุนคุณได้ คุณต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการปรับปรุง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ปรับปรุงการทำงาน พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมทำงานด้วยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาต้องมาบอกก่อนว่าจะทำอะไร แต่ถ้ารวมศูนย์ ไม่กระจายอำนาจ หรือยืนยันแนวทางที่เขาทำอยู่ในขณะนี้ เราไม่สนับสนุน
12 ต.ค.61 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่จะมีการประชุมในวันที่ 28 ต.ค.นี้ว่า ตนไม่คิดว่าต้องเป็นอะไร คิดเพียงว่านอยู่ในองค์กรนี้ ในบ้านหลังนี้ แล้วบังเอิญเป็นองค์กรที่มีหน้าที่เข้าไปทำงานเพื่อส่วนรวม ดังนั้นหากตนมีความสามารถที่จะทำงานอะไรได้ในฐานะจักรตัวหนึ่งจากจำนวนหลายๆตัว ตนอาจจะใช้ความรู้ หรือประสบการณ์ในส่วนที่ตนถนัดเข้าร่วมทำงานกับผู้มีความสามารถในพรรค
“คิดว่าวันนี้มีคนที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งต่างๆ ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้ปรารถนาที่จะมีตำแหน่งอะไร อย่างไรก็ตามวันนี้เราผ่านจุดที่ยึดติดกับตัวคน แต่เป็นเรื่องความหวังของประชาชนที่มีต่อนโยบายของพรรค และฝีมือการทำงานของคนในพรรค ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย เราก็สามารถเดินตามนโยบายเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าได้” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงอีกคนหนึ่งหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ช่วยทำงานอะไรได้ก็ช่วย ไม่ได้คิดว่าอยากเป็นอะไร เพราะการเป็นนายกฯประเทศไทยในยุคสมัยแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ไม่ใช่ยากลำบากในการไปเป็น แต่จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากในการที่เราจะทำอะไรให้ประเทศไทย เนื่องจากกลไกมีความพิกลพิการ ดังนั้น หลายๆแรงต้องช่วยกัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง
เมื่อถามถึง กรณีที่ลูกทั้ง 3 คนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของปัจเจก และความตั้งใจที่ต้องการจะให้กำลังใจร่วมกัน ทุกคนรู้ว่าในยามนี้เส้นทางการเดินของพรรคเพื่อไทยนั้นไม่ง่าย เพราะเราไม่ได้อยู่ในสถานะที่เราได้รับความทัดเทียมในประเทศที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย แต่ความทัดเทียม และความยุติธรรมทางกฎหมายเรามักจะได้น้อยกว่าพรรคอื่น ดังนั้นจึงไม่ได้ง่ายดายสำหรับพรรคฝั่งประชาธิปไตย
"การที่น้องๆทั้ง 3 คนจะออกมาสนับสนุนแนวทางที่จะให้ประเทศกลับสู่แนวทางประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนจะเป็นข้อครหาที่ว่าพรรคถูกครอบงำโดยตระกูลชินวัตรหรือไม่นั้น ดิฉันมองว่าการเป็นสมาชิกไม่ได้มีปัญหาอะไร เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถแสดงจุดยืนทางการเมืองได้ การที่น้องๆทั้ง 3 มาก็เป็นการแสดงจุดยืนของเขา” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า จะทำให้แยกกันหรือไม่ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับตระกูลชินวัตร เพราะล่าสุดเองก็มีชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ บินไปพบนายทักษิณ คุณหญิงสุดารัตตน์ กล่าวว่า ตนว่าวันนี้ทุกคนรู้ว่าอะไรเป็นข้อเท็จจริง หรืออะไรเป็นสิ่งที่คาดเดา หรือเชื่อมโยง เราห้ามไม่ได้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ไม่ว่านามสกุลอะไรก็ควรมีสิทธิที่เขาจะเลือกเส้นทางที่เขาเดิน ว่าเขาจะสนับสนุน หรือจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด
เมื่อถามว่า พร้อมไหมหากในอนาคตพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า “ไม่พร้อมค่ะ” เพราะจุดยืนเราชัดเจน ตนในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ตนก็ต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยให้สามารถอยู่ได้ แม้จะล้มลุกคลุกคลาน เราจะต้องแก้ ปรับแล้วเดินใหม่ ดังนั้นอะไรที่จะมาขัดวางการพัฒนาระบบประชาธิปไตยอย่างการปฏิวัติ หรือยึดอำนาจทางเราจะไม่สนับสนุน และคงไม่เข้าไปร่วมงาน
12 ต.ค.61 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุให้ พรรคอนาคตใหม่ขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เพื่อเปิดรับบริจาคเงิน แต่ขณะที่ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้ก่อตั้งสามารถเรี่ยไรเงินได้ว่า ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องของคสช. ถือเป็นหน้าที่ของกกต.จะเป็นผู้พิจารณาว่าอะไรผิดหรือถูก
เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคการเมืองจะขอรับบริจาคเงินต้องขออนุญาตทางคสช. ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็ให้ กกต. เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ยืนยันว่าคสช.จะพิจารณาในเรื่องของการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ความขัดแย้งต่างๆจนถึงขั้นปะทะกัน
ส่วนการพิจารณาปลดล็อกทางการเมืองนั้น จะพิจารณาในช่วงเดือนธ.ค.นี้แน่นอน โดยจะมีการเชิญพรรคการเมืองมาหารืออีกครั้ง แต่ยังไม่ได้กำหนด วันและเวลา ซึ่งในครั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นตนหรือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เป็นประธาน ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน เพราะกฎหมายลูกยังไม่บังคับใช้ เนื่องจากยังไม่ครบ 90 วัน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีการปลดล็อกทางการเมืองอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายมิ่งขวัญ แสงสุข อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุจะไม่เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา จะอยู่พรรคไหนก็พรรคนั้น ส่วนที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยจะจับมือกันเพื่อสู้กับคสช.นั้น พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “คิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ เรื่องนี้จะมาถามผมได้อย่างไร เพราะผมไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย แต่ผมเป็นลุงป้อม”
วันที่ 12 ต.ค. เอพี รายงานสถานการณ์พายุเฮอริเคนไมเคิล ความเร็วลมสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเฮอริเคนรุนแรงระดับ 4 ลูกแรกในประวัติศาสตร์ที่พัดถล่มชายฝั่งรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะที่หาดเม็กซิโก สภาพอาคารบ้านเรือนพังราบ เศษซากกระจายเป็นชิ้นๆ
ฤทธิ์พายุที่เคลื่อนเข้าทำลายล้างตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 6 รายในพื้นที่ 3 รัฐที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ฟลอริดา นอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจีย รวมถึงเด็กหญิงวัย 11 ขวบในเขตเซมิโนล รัฐจอร์เจีย ที่เสียชีวิตหลังจากโครงหลังคาจอดรถถูกลมกระโชกแรงพัดกระแทกเข้ากับหลังคาบ้าน
นายริค สกอต ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา กล่าวว่าพายุสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง อาคารบ้านเรือนจำนวนมากถูกลมพัดพังเสียหาย โดยเฉพาะริมหาดเม็กซิโกบีชที่ถูกพายุซัดจนราบเป็นหน้ากลอง ประชาชนราว 6,700 คนต้องอพยพมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว 54 แห่ง และมากกว่า 1 ล้านคนในบ้านเรือนราว 400,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้
เจ้าหน้าที่เทคนิคไฟฟ้าเกือบ 20,000 นาย กระจายกำลังเร่งซ่อมแซมให้ไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยังนำอาหารพร้อมกิน 2 ล้านชุด และน้ำดื่ม 1 ล้านแกลลอนไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย
ส่วนกองทัพสหรัฐส่งเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาดินแดน 2,000 นายลงพื้นที่เพื่อประสานงานกับหน่วยกู้ภัยรัฐฟลอริดาในการค้นหาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012