ข่าว
แผ่นดินไหวชิลี รุนแรง 8.2 ริกเตอร์ ดับแล้ว 5

สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 8.2 ริกเตอร์ บริเวณนอกชายฝั่งตอนเหนือของประเทศชิลี เมื่อคืนวันที่ 1 เมษายน เวลา 20.46 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 06.46 น. ของเช้าวันที่ 2 เมษายนตามเวลาในไทย ทำให้ต้องมีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิบริเวณชายฝั่งของอเมริกาใต้และอเมริกากลาง โดยทางการชิลีได้สั่งให้ประชาชนหนีขึ้นที่สูง เช่นเดียวกับประเทศเปรูที่ประกาศเตือนภัยสึนามิ ก่อนที่จะมีรายงานว่าเกิดคลื่นสึนามิขึ้นสูงกว่า 2 เมตรกระทบเข้าฝั่งของชิลี แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรงและยังมีแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวหรืออาฟเตอร์ช็อครุนแรง 6.2 ริกเตอร์ขึ้นตามมา

สำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ (ยูเอสจีเอส) แจ้งว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองอีกีเกราว 83 กิโลเมตร และอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 10 กิโลเมตร โดยมีรายงานความเสียหายเกิดขึ้นในเมืองอีกีเก อย่างเช่นสนามบินที่ได้รับความเสียหายและถนนถูกตัดขาดเนื่องจากดินถล่มลงมาปิดกั้นถนนหลายสาย และมีรายงานนักโทษหลบหนีออกจากเรือนจำราว 300 คน ในช่วงที่เกิดเหตุชุลมุนหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ขณะที่อีกหลายเมืองไม่มีไฟฟ้าใช้ และเกิดไฟไหม้ขึ้นบางจุด โดยกระทรวงมหาดไทยชิลีแจ้งว่า มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวแล้วอย่างน้อย 5 ราย รวมทั้งผู้ที่เกิดอาการหัวใจวาย และมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 3 ราย

ด้านประธานาธิบดีมิเชล บาเชเลท แห่งชิลี ได้ประกาศให้พื้นที่บางส่วนทางตอนเหนือของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเป็นเขตภัยพิบัติ และประกาศจะเดินทางไปยังแคว้นอารีกาและตาราปากา ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยในวันที่ 2 เมษายน พร้อมสั่งการให้ส่งทหารเข้าไปในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปล้นสะดมและความวุ่นวายเกิดขึ้น

ไทยติด1ใน10ใช้น้ำเปลืองมากที่สุดในโลก

นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ผลการศึกษาการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) พบว่า ประเทศไทย เป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่ใช้น้ำมากที่สุดในโลก รองจากอินเดีย จีน สหรัฐฯปากีสถาน และญี่ปุ่น โดยน้ำที่นำไปใช้ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร เพื่อการส่งออกเฉลี่ย 2,131 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี และยังไม่มีการจัดการทรัพยากรน้ำที่ดี โดยเฉพาะการพัฒนาเครื่องมือวัดร่องรอยการใช้น้ำ (วอเตอร์ ฟุตปริ้นท์) ตามแบบสากล เพราะต่อไปทั่วโลกจะนำมาใช้เป็นมาตรการกีดกันทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมได้ เนื่องจากมองว่าไม่แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

“ทั่วโลกมีแนวโน้มการขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้เร็วๆ นี้ จะเกิดมาตรการกีดกันทางการค้า จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดความยั่งยืนกับภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทย สศอ. จึงร่วมกับสถาบันอาหาร ดำเนินโครงการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนด้วย วอเตอร์ฟุตปริ้นท์ ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออก โดยจะยกระดับผู้ประกอบการอาหารส่งออกไม่น้อยกว่า 24 ราย ได้ดำเนินการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยจะได้ปริมาณค่าอ้างอิงวอเตอร์ฟุตปริ้นท์ ในกลุ่มอาหารที่สำคัญของอุตฯ อาหารไทย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการรับสมัครและอยู่ระหว่างการเข้าให้การปรึกษาขั้นต้นและคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีความพร้อมและประสงค์เข้าร่วมโครงการ”นายสมชายกล่าว

ทั้งนี้ตามโครงการจะเน้นให้ผู้ประกอบการสามารถใช้แนวทางวอเตอร์ฟุตปริ้นท์ ไปประยุกต์ใช้ประเมินปริมาณการใช้น้ำ และจัดทำแนวทางการใช้น้ำในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะสามารถระบุวอเตอร์ฟุตปริ้นท์บนฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารไปยังผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศว่าสินค้าของบริษัทมีการใช้น้ำมากน้อยเพียงไร เป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิต และเป็นกรองรับมาตรการกีดกันทางการค้าในอนาคตได้


ชายแคลิฟอร์เนียสุดเฮงถูกแจ๊กพอต 13,000 ล้าน โผล่รับรางวัลแล้ว

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสลากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า นายบี. เรย์มอนด์ บักซ์ตัน ชายชาวแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้ถูกรางวัลแจ๊กพอตลอตเตอรีเพาเวอร์บอลเพียงคนเดียวมูลค่า 425 ล้านดอลลาร์ (ราว 13,000 ล้านบาท) เดินทางมารับรางวัลที่สำนักงานใหญ่กองสลากแคลิฟอร์เนีย ในเมืองซาคราเมนโตแล้ว เมื่อวันที่ 1 เมษายน โดยนายบักซ์ตันกล่าวว่า "ไม่อยากจะเชื่อเลย เป็นคำเดียวที่ผมสามารถพูดได้ หลังจากตกตะลึงที่รู้ข่าวนี้เป็นครั้งแรกแล้ว ผมไม่สามารถนอนหลับได้เลยเป็นเวลาหลายคืน" ทั้งนี้ รางวัล 425 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นแจ๊กพอตที่มีมูลค่าสูงที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ลอตเตอรีของสหรัฐอเมริกา โดยรางวัลมูลค่าสูงสุดคือ 656 ล้านดอลลาร์ของลอตเตอรีเมกะมิลเลียนเมื่อปี 2555 ขณะที่รางวัลแจ๊กพอตมูลค่าสูงสุดของพาวเวอร์บอลคือ 590.5 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

กัมพูชาส่งคืนศพทหารอเมริกัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่2เม.ย.ว่ากัมพูชาได้จัดพิธีส่งคืนศพของทหารเมริกัน3คนซึ่งหายสาบสูญไปในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 40ปีก่อนในสงครามเวียดนามโดยศพของทหารอเมริกันทั้ง3คนนี้อยู่ในหีบศพประดับด้วยธงชาติสหรัฐนำขึ้นสู่เครื่องบินขนส่งซี-17เพื่อเดินทางออกจากกรุงพนมเปญมุ่งหน้าสู่รัฐฮาวายประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อทำการตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์เอกลักษณ์นิติบุคคลของทหารอเมริกันทั้ง3คนนี้

ยังคงมีทหารอเมริกันราว90คนที่ถูกขึ้นบัญชีสูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในประเทศกัมพูชาช่วงเกิดสงครามเวียดนามซึ่งจบลงในปี 2518แต่ก็พบเพียง37ศพเท่านั้นและพิสูจน์เอกลักษณ์นิติบุคคลได้แล้ว

สำหรับศพของทหารอเมริกัน3ศพนี้พบอยู่ที่จังหวัดกำปง จามทางตะวันออกของกัมพูชาซึ่งทหารอเมริกันเคยทำสงครามรุกรานภาคพื้นดินทางตะวันออกของกัมพูชาเมื่อปี2513และยังโจมตีทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี2512-2516