ข่าว
รัสเซียดุ! ประกาศถล่มรถบรรทุกน้ำมันทุกคันที่เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ของไอเอส

จากรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียแถลงว่าจะส่งเครื่องบินรบโจมตีรถบรรทุกน้ำมันทุกคันที่เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ที่กองกำลังรัฐอิสลาม(ไอเอส)ยึดครองในซีเรียหวังเพิ่มแรงกดดันต่อกองกำลังดังกล่าว

เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำกองทัพรัสเซีย อันเดร การ์ตาโปโลฟ ระบุในสื่อท้องถิ่นว่า “ในวันนี้ มีการตัดสินใจให้เครื่องบินรบรัสเซียออกปฏิบัติการในรูปแบบที่สามารถ ‘โจมตีได้อย่างอิสระ’ ต่อรถบรรทุกน้ำมันของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ที่ไอเอสยึดครอง”

เจ้าหน้าที่อาวุโสคนดังกล่าวระบุว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเครื่องบินรบรัสเซียได้ทำลายรถบรรทุกน้ำมันประมาณ 500 คันที่เดินทางขนส่งน้ำมันระหว่างซีเรียกับโรงกลั่นน้ำมันในอิรัก

พร้อมชี้ว่าการโจมตีนี้ถือเป็นการลดความสามารถของกองกำลังในการส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานอย่างผิดกฎหมายรวมถึงทำให้รายได้จากการค้าน้ำมันเถื่อนลดลงด้วย

เอเอฟพีระบุว่าเครื่องบินจากฐานทัพรัสเซียในซีเรียได้ทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายประมาณ 150 เป้าหมายทั่วประเทศซีเรีย โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียประกาศที่จะยกระดับการโจมตีในซีเรียหลังจากยืนยันเป็นครั้งแรกว่าเหตุเครื่องบินโดยสารสัญชาติรัสเซียตกนั้นเป็นผลจากการถูกวางระเบิด

"บิ๊กตู่"กำชับทุกฝ่ายยอมรับผลสอบ"อุทยานราชภักดิ์"

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เชื่อมั่นว่าจะได้ผลการสอบสวนการดำเนินการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ตามกำหนดเวลาที่กองทัพบกระบุไว้ โดยนายกฯได้กำชับว่าไม่ว่าผลสอบจะออกมาเป็นเช่นไร ทุกฝ่ายจะต้องยอมรับ และแสดงความรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่และการกระทำที่เกิดขึ้น พร้อมทั้ง เน้นย้ำว่า เมื่อมีผลการสอบสวนออกมา ถ้ามีการพาดพิงถึงบุคคลหรือฝ่ายใด ผู้ถูกพาดพิงก็ต้องรับผิดชอบตามกระบวนการทางกฎหมายหรือทางวินัยต่อไป ในส่วนของรัฐบาล แม้ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการโครงการโดยตรง ก็ต้องรับผิดชอบอำนวยการให้การสอบสวนติดตามข้อมูลเป็นไปโดยโปร่งใส เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ต่อประชาชนและประเทศที่จะต้องสร้างบรรทัดฐานในการปราบปรามการทุจริตเช่นกัน

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้ผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการยังไม่แล้วเสร็จ จึงอยากเตือนผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลจากจินตนาการของตัวเองซึ่งพาดพิงบุคคลหรือองค์กรต่างๆ ว่าควรยุติพฤติกรรมนั้นเพราะอาจถูกฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบโดยตรงในการหาข้อเท็จจริงจะเหมาะสมที่สุด รวมถึงกลุ่มการเมืองที่พยายามเอาไปเปรียบเทียบกับคดีรับจำนำข้าวว่ารัฐบาลหรือผู้นำรัฐบาลต้องรับผิดชอบเหมือนกันนั้น การพยายามโยงเช่นนี้ถือว่าไม่ได้ใช้หลักเหตุและผลที่ถูกต้อง โครงการรับจำนำข้าวเกิดความเสียหายภายใต้การปฏิบัติของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ขณะที่โครงการอุทยานราชภักดิ์ รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มหรือดำเนินการใดๆ จึงมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงขอร้องว่าอย่าพยายามโยงทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง เพราะจะทำให้หลักเหตุและผล ของสังคมผิดเพี้ยน เป็นตัวอย่างที่น่าละอายสำหรับเยาวชนที่ติดตามอ่านข้อมูล


ผิดหวังไทยส่งกลับชาวจีน ขัดข้อตกลง UNHCR

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ประเทศฝรั่งเศส ว่า สหรัฐฯห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะฝรั่งเศสเป็นมิตรประเทศและพันธมิตรกับสหรัฐฯ มาตั้งแต่ตั้งประเทศ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชาวอเมริกันทุกคนเศร้าใจเป็นอย่างมาก ขณะที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศชัดเจนว่าสหรัฐฯจะยืนเคียงข้างฝรั่งเศส จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับฝรั่งเศสและประเทศในทวีปยุโรป เพื่อกำจัดการก่อการร้าย ทั้งนี้สหรัฐฯ กำลังหาทางที่จะจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย และยุติเรื่องร้ายๆดังกล่าวซึ่งในที่สุดกลุ่มก่อการร้ายจะไม่มีทางชนะ แต่ประชาคมโลกจะเป็นผู้ชนะ

“วันนี้กลุ่มก่อการร้ายพยายามที่กระจายความหวาดกลัวต่อคนทั้งโลก และเขาคิดว่าโลกเสรีอย่างสหรัฐฯและยุโรปจะยอมแพ้ในสงครามการต่อต้านการก่อการร้าย แต่ผมมั่นใจว่าเสรีภาพมีความแข็งแกร่งมากกว่าความกลัว ซึ่งในที่สุดพวกเราจะชนะ ส่วนจะแก้ปัญหาให้ได้ข้อยุติโดยเร็วได้เมื่อไหร่นั้นอยู่ระหว่างการพูดคุยกับพันธมิตร และเมื่อกลุ่มก่อการร้ายกำลังพยายามแพร่กระจายความหวาดกลัว ส่งสัญญาณความเกลียดชังอยู่นั้น ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องร่วมกันต่อสู้แสดงพลังร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ก็จะสามารถขจัดกระแสคุกคามและโอกาสในการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ในที่สุดเราจะชนะ”นายเดวีส์ กล่าว

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ เป็นห่วงต่อการที่ประเทศไทยจะส่งผู้ลี้ภัยชาวจีน 2 คน กลับไปยังประเทศจีนในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ว่า ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับพล.อ.อ.ประจิน เพราะไม่ได้ดูแลงานด้านความมั่นคงอย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวทางสหรัฐฯ มีความเป็นห่วงและผิดหวังต่อการตัดสินใจของรัฐบาลไทยที่ได้ส่งกลับผู้ลี้ภัยชาวจีน 2 คน เพราะประเทศไทยมีพันธสัญญากับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ว่าผู้ใดที่ลงทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยกับยูเอ็นเอสซีอาร์ จะต้องได้รับการดูแลและปฏิบัติตามฐานะที่เป็นผู้ลี้ภัย สหรัฐฯจึงเห็นด้วยกับแถลงการณ์ของยูเอ็นเอชซีอาร์ และเมื่อวันที่้ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์แล้วว่าเมื่อประเทศไทยมีพันธกิจและลงนามในสันธิสัญญาแล้วก็ควรปฏิบัติตาม


"ปู ไปรยา" ดาราหญิงคนแรกของไทยที่วิ่งฟูลมาราธอนได้สำเร็จ!!

เรียกว่าเป็นการพิชิตเส้นชัยด้วยใจตัวเองได้สำเร็จในการลงเเข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งแรกในชีวิต สำหรับนางเอกสาวปู ไปรยา ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้เข้าร่วมวิ่งมาราธอนในรายการกรุงเทพมาราธอน ครั้งที่ 28 ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ในเวลา 6 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งสาวปูใช้เวลาวิ่งทั้งหมด 5 ชั่วโมง 45 นาที ก็สามารถมาถึงเส้นชัย

เเต่ที่เจ้าตัวดีใจสุดๆก็คงจะเป็นการได้เห็นคุณเเม่มายืนรอเซอร์ไพรส์ที่จุดเข้าเส้นชัย เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับน้ำตาคลอพร้อมโผเข้ากอดคุณเเม่ด้วยความปลื้มปีติ โดยสาวปู ไปรยา ถือเป็นนักแสดงหญิงคนแรกของไทยที่สามารถวิ่งฟูลมาราธอนได้สำเร็จ


สิงค์โปร์ซิวมัธยมปลายเลิศที่สุดในโลก เวียดนามแซงโค้ง ไทยหล่นอยู่ที่ 47

(18 พ.ย.58) นายภาวิช ทองโรจน์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD) ได้เปิดเผยข้อมูลจากรายงาน Universal Basic Skills What Countries Stand To Gain ซึ่งได้วิเคราะห์และจัดลำดับการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ใน 76 ประเทศทั่วโลกพบว่า 20 ประเทศที่จัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้ดีที่สุดได้แก่ 1. ประเทศสิงคโปร์ 2. ฮ่องกง 3. เกาหลี 4. ญี่ปุ่น 5. ไต้หวัน 6. ฟินแลนด์ 7. เอสโตเนีย 8. สวิตเซอร์แลนด์ 9. เนเธอร์แลนด์ 10. แคนาดา 11. โปแลนด์ 12. เวียดนาม 13. เยอรมนี 14. ออสเตรเลีย 15.ไอร์แลนด์ 16. เบลเยียม 17. นิวซีแลนด์ 18.สโลวีเนีย 19. ออสเตรีย และ20. อังกฤษ โดยที่น่าจับตามองคือประเทศเวียดนาม ที่อยู่ในอันดับที่ 12 ขณะที่ประเทศไทย ตกไปอยู่อันดับที่ 47 ดีกว่าประเทศมาเลเซียอยู่ไม่มากนักและเชื่อว่า อีกไม่นาน ประเทศมาเลเซียจะพัฒนาการศึกษาขึ้นมาได้เทียบเท่ากับประเทศไทย เพราะขณะนี้ประเทศมาเลเซียอยู่ระหว่างเร่งปฏิรูปการศึกษาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ

นายภาวิช กล่าวต่อว่าผลการจัดอันดับดังกล่าวเป็นการนำข้อมูลการทดสอบทั้ง โครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) และการสอบภายในประเทศ อาทิ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต มาวิเคราะห์ และนำมาจัดอันดับ ทั้งนี้ผลที่ออกมาไม่เป็นที่น่าแปลกใจนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดอันดับการจัดการศึกษาในระดับนานาชาติของหน่วยงานอื่น ก็พบว่าไทยอยู่ในอันดับรั้งท้ายเท่ากับว่าการพัฒนาของเราหยุดนิ่งขณะที่ประเทศอื่น ๆ กำลังเดินไปข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่น ทางเศรษฐกิจ ทั่วโลกจะมองข้ามประเทศไทย โดยปัจจุบันจะเห็นได้ว่าภาคอุตสาหกรรมหลักหลายประเภทที่เคยมีฐานการผลิตในประเทศไทย เริ่มย้ายฐานการผลิตไปในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ดังนั้นจึงควรหันกลับมาเร่งพัฒนาการจัดการศึกษาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะนโยบายการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ของพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ไม่ว่ารัฐบาลจะบอกว่า ประชาชนเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว แต่ถ้าไปสอบครูในพื้นที่ จะพบว่าส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อม เพราะยังเน้นจัดการเรียนการสอนตามเนื้อหาวิชาเป็นหลัก

“โดยหลักการแล้ว เราเห็นด้วยว่า เด็กไทยทุกวันนี้เรียนมากเกินไป แต่การลดเวลาเรียนต้องทำอย่างเป็นระบบ แบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะหลักสูตรปัจจุบันจัดการเรียนการสอนโดยเน้นเนื้อหาสาระเป็นหลัก ดังนั้นการปรับลำดับแรกจึงควรสร้างหลักสูตรใหม่ ที่ลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหา และจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาที่เรียน โดยบางวิชาที่เคยเรียนในห้องเรียน ก็สามารถนำมาจัดกิจกรรมนอกห้องเรียนได้ อาทิ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น โดยที่ผ่านมาผมได้จัดทำหลักสูตรใหม่ ที่ลดเวลาเรียนลงเหลือ 660 ชั่วโมงต่อปี รวมถึงมีตัวอย่างกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาเรียน เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อนำมาปรับใช้แล้ว แต่คิดว่า ขณะนี้สพฐ.เองคงยังไม่กล้านำหลักสูตรที่ผมเสนอไปมาดำเนินการ” นายภาวิช กล่าว


นสพ.มะกันนิวยอร์กไทม์ส ประกาศยุติพิมพ์ขายในไทย

สำนักข่าวเอพีประจำประเทศไทย รายงานเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่า อินเตอร์เนชั่นแนล นิวยอร์ก ไทม์ส หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศจะยุติการตีพิมพ์และวางจำหน่ายในประเทศไทย ในสิ้นปีนี้ เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระ ค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการที่สูงขึ้นได้

หนังสือพิมพ์ที่เคยรู้จักกันในชื่อ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทรีบูน จนถึงปี 2556 ประกาศการตัดสินใจ ในจดหมายที่ส่งถึงบรรดาสมาชิกบอกรับหนังสือพิมพ์ ความเคลื่อนไหวได้รับการยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี ในอีเมล์จาก ชาร์ลอตต์ กอร์ดอน รองประธานฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศของ อินเตอร์เนชั่นแนล นิวยอร์ก ไทม์ส กอร์ดอน กล่าวว่า อินเตอร์เนชั่นแนล นิวยอร์ก ไทม์ส จะยังคงตีพิมพ์วางจำหน่ายในอีก 6 ประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อคำถามที่ว่า บรรยากาศทางการเมืองมีส่วนในการตัดสินใจยุติการตีพิมพ์จัดจำหน่ายในประเทศไทยหรือไม่

กอร์ดอนกล่าวว่า หนังสือพิมพ์ของเธอไม่มีความเห็น นอกเหนือไปจากที่ได้ชี้แจงในจดหมาย ที่ส่งถึงบรรดาผู้อ่านที่เป็นสมาชิก ทั้งนี้ รัฐบาลทหารของไทยพยายามควบคุม การรายงานของสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์

อาน้ำอ้อยชี้ข่าวดีปอ-ทฤษฎี ถอดเครื่องพยุงปอด-หัวใจ

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายศรมนตรา พิชัยศรแผลง หรืออาน้ำอ้อย ผู้จัดการส่วนตัว "ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์" เปิดเผยความคืบหน้าอาการพระเอกคนดังว่า ขณะนี้ยังอยู่ห้องซีซียูเหมือนเดิม ไม่ได้ย้ายไปไหน ถ้ามีอะไรทางโรงพยาบาลจะเป็นคนให้ข่าวเอง ส่วนเครื่องพยุงปอด และหัวใจได้เอาออกแล้ว เพื่อให้ปอด และหัวใจได้ทำงานเอง แต่ยังถือว่าอยู่ในช่วงเฝ้าระวังอยู่เหมือนเดิม เรียกว่ายังอยู่ในภาวะวิกฤต ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายที่ได้มีการถอดเครื่องออกนั้น รู้สึกว่าบางอย่างดีขึ้น แต่มีบางอย่างก็เกิดขึ้น คุณหมอจึงยังต้องฝ้าดูตลอด ซึ่งต้องรอให้คณะแพทย์เป็นผู้ออกมาแถลงข่าว เป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด ส่วนทางญาติๆ คุณพ่อคุณแม่ และแฟน ของปอทุกคนสภาพจิตใจเหมือนกันหมด นั่นคือมีความวิตกกังวลเป็นของธรรมดา การเดินสายทำบุญเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่ดีขึ้น ทุกคนก็คงเห็นด้วย ขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่มาก็มีจิตที่เสนอทางช่วยหลายทาง ตนขอขอบคุณมาก เพราะสิ่งที่ได้มาล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีหมด และขอขอบคุณ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนตัวตนสบายใจขึ้นทุกครั้งที่ได้ทำบุญ จะรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาเป็นการปลอบใจในส่วนที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องการแพทย์ก็ขอให้ทางโรงพยาบาลเป็นผู้ชี้แจงต่อไป