ข่าว
"ข่าวข้นคนข่าว" ถูกถอดจากช่อง 9

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมชั้น 6 อาคารที่ทำการ บมจ.อสมท ผู้มีการแถลงข่าว เปิดผังรายการโทรทัศน์สถานีโมเดิร์นไนน์ ก.ค.-ธ.ค. 55 โดยมีนายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา กรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท เป็นผู้นำแถลงในครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผังรายการส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่ทางสถานีผลิตเองโดยเฉพาะรายการข่าว โดยเดิมรายการ "เช้าข่าวข้น" ที่ออกอากาศ เวลา 06.30 น. และ รายการ "ข่าวข้นคนข่าว" ที่ออกอากาศเวลา 21.50 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ที่ผลิตโดย บ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอเปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทาง อสมท ได้ดึงมาผลิตเอง โดยในช่วงเช้าได้ขยายเวลารายการ "คุยโขมงยามเช้า" เพิ่มเป็น 2 ชั่วโมง จากเดิม 1 ชั่วโมง และได้เพิ่มรายการ "9 ทันเกมส์" เข้ามา โดยออกอากาศ เวลา 05.30-07.30 น.

ส่วนช่วงเวลาของรายการ "ข่าวข้นคนข่าว" ทางสถานีได้ดึงเวลามาให้สำนักข่าวไทยผลิตรายการเอง ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์ข่าวรายวัน และในเวลาช่วงเย็นซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชน ทางสถานียังคงนำเสนอรูปแบบรายการเด็ก ยึดหลัก "สังคมอุดมปัญญา" และจะเปิดเสรีให้ผู้จัดรายการนอกมาเป็นผู้เช่าผลิตรายการ แต่ในรายการละเอียดของรายการยังไม่ได้ข้อสรุป จะแถลงอีกครั้งกลางเดือน มิ.ย. นี้

นายเปรมกมลย์ กรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ชี้แจงถึงผังรายการใหม่ ว่า ตอนนี้ผังรายการที่เสร็จเรียบร้อยแล้วยังคงพันธมิตรเดิมอยู่ และถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนผังน้อยมาก มีที่ปรับเปลี่ยนชัดเจนคือ อสมท จะผลิตรายการข่าวเอง 100 เปอร์เซนต์ ช่วงที่เป็นช่วงเดิมของรายการ "ข่าวข้น คนข่าว" ก็จะทำเองด้วยในช่วงนั้น ซึ่งช่วงนี้จะเป็นการวิเคราะห์ข่าวเช่นเดิม ในส่วนของรูปแบบรายการกำลังคุยกันอยู่

ผู้สื่อข่าวถามที่ว่าใช้อะไรพิจารณาในการเปลี่ยนผังรายการในครั้งนี้กรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่บมจ.อสมท เผยว่า ทาง อสมท ต้องคำนวณถึงรายได้ของบริษัทเป็นหลัก

ต่อข้อถามที่ว่ามีรายการอะไรที่หลุดผังไปแล้วบ้าง กรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวว่า ไว้รอวันที่ 15 มิ.ย.นี้ จะรู้ว่ารายไหนหายไปบ้าง เราจะมีการแจกผังคร่าวๆ ให้สื่อมวลชนดู แต่อาจจะไม่กำหนดชื่อรายการ

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าเรื่องรายได้จะมากขึ้นหรือเปล่า นายเปรมกมลย์ กล่าวว่า รายได้เพิ่มมากขึ้นแน่นอน เพราะว่าถ้าปรับผังแล้วรายได้ไม่เพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะปรับไปทำไม เพราะครั้งนี้ อสมท ผลิตรายการเองมากขึ้น รายได้น่าจะเพิ่มขึ้น 5-8 เปอร์เซ็นต์

เมื่อถามถึงข้อสงสัยของรายการ "ข่าวข้น คนข่าว" ที่ถูกถอดออกไปนั้นว่าเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือไม่ นายเปรมกมลย์ ชี้แจงว่า ในสัญญาสามารถถอดรายการทุกรายการออกได้ก่อนสัญญาหมด ไม่เกี่ยวกับเรื่องของการเมือง เพราะรูปแบบจะเปิดกว้างเหมือนเดิม อสมท เป็นองค์กรของประชาชนไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ฉะนั้นตรงนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีการเมืองเข้ามาแทรก หรือนำเสนอข่าวเกี่ยวกับฝ่ายการเมือง โดยไปเสนอภาพลบให้อีกฝ่ายหนึ่งคงไม่ใช่ แต่อยากจะให้พี่น้องเข้าใจว่าบริษัทของเรามีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ฉะนั้นต้องทำทุกอย่างควบคู่กันไป ทั้งๆ ที่เราต้องทำงานให้กับรัฐและประชาชนด้วย ตนยืนยันได้เลยว่าผังรายการนี้ เป็นผังรายการที่เทียบกับผังรายการอันเก่า ถือว่าสะอาดที่สุดแล้วเรื่องการเมืองไม่มีมาแทรกแซงแน่นอน

ต่อข้อซักถามถึงเรื่องละครว่าจะทำเพิ่มมากขึ้นไหมนายเปรมกมลย์เผยว่า "เรายังเป็นช่องสังคมอุดมปัญญาอยู่ ดังนั้นต้องเน้นไปยังรายการที่มีคุณภาพ รายการเด็ก รายการสาระประโยชน์ ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้และความบันเทิงไปด้วย แต่ละครก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากที่เคยมีข่าวว่าทางเราจะจัดทำละคร เราคงไม่ได้ทำถ้าจะทำต้องคุยกับผู้จัดก่อนว่าการทำละครแนวไหน"

รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท แถลงด้วยว่า ลักษณะของละครจะนำเสนอในรูปแบบที่ไม่เป็นตลาด อีกทั้งละครเราจะไม่ได้ผลิตเอง เพราะไม่ถนัดในการผลิตละคร เราชั่งน้ำหนักดูแล้วว่าควรจ้างบุคคลอื่นเข้ามาทำ ซึ่งมาหักคำนวณดูแล้วจึงคิดว่ามันเสียมากกว่าได้ ตอนนี้ก็มีการคุยกันแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้สรุป ซึ่งเดือนมิ.ย.นี้ จะมีการจัดงานแถลงใหญ่ โดยจะเชิญผู้สื่อข่าว, ผู้จัด และจะนำรูปแบบของรายการต่างๆ มาโชว์มาให้ดูที่ห้องส่ง ทุกรายการจะต้องมาในวันนั้น ตอนนี้เราสรุปหมดแล้ว ดังนั้นการจัดผังก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก ณ วันนี้

วันเดียวกัน นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรเล่าข่าวรายการเช้าข่าวข้น และข่าวข้นคนข่าว โพสต์ข้อความลงในเว็บเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "รายการตระกูลข่าวข้นฯหลุดผังทั้ง 2 รายการ! ผมจะไปร้องป๋าบ้าง..เพราะคนที่ป๋าปรองดอง ยังมีนิสัยลิดรอนสื่อ แต่ผมไม่อดข้าวประท้วงหรอก..เดี๋ยวเป็นลม!"

ด้านเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นบีซี เปิดเผย ภายหลังทราบการแถลงข่าวของ นายเปรมกมลย์ ซึ่งระบุว่าบอร์ดอสมท ได้ตัดสินใจไม่ต่อ "สัญญาร่วมผลิตรายการ"ระหว่างเอ็นบีซี กับอสมท ในรายการ"ข่าวข้นคนข่าว"และรายการ"เช้าข่าวข้น"ที่จะหมดลงในวันที่ 30 มิ.ย.ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เพราะหากพิจารณาตามแนวทางการดำเนินงานทางธุรกิจโดยทั่วไปของบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จะต้องคำนึงถึงผลประกอบการที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและพนักงานแล้ว ค่อนข้างผิดธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงานร่วมกัน

"การบอกเลิกข้อตกลงร่วมผลิตรายการแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีการปรึกษาหารือกับอีกฝ่ายที่เป็นคู่สัญญากัน ย่อมถือว่าผิดหลักปฏิบัติทางธุรกิจและธรรมาภิบาลที่ดี เพราะผู้ถือหุ้นและพนักงานของทั้งสองบริษัท ไม่ได้รับการชี้แจงอธิบายถึงสาเหตุการบอกเลิกรายการอย่างมืออาชีพที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสององค์กรเช่นนี้คืออะไรกันแน่ หรือมีเบื้องหลังที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างไร" นายอดิศักดิ์ ระบุ

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่าหากพิจารณาจากผลการดำเนินธุรกิจโดยปกติ ทางอสมท น่าจะต่อสัญญา "ร่วมผลิตรายการ" เพราะทั้งสองรายการเป็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ด้วยการนำจุดแข็งด้านข่าวของทั้งสององค์กรสื่อมาเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองรายการได้รับความนิยมสูงในลำดับต้นๆ ของรายการทั้งหมดในผังช่อง 9 ติดต่อกันมาหลายปี จนสามารถเพิ่มอัตราค่าโฆษณาได้ทุกปี ทำรายได้ให้อสมท จำนวนมากต่อเดือน หากบอร์ดออสมท ต้องการจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างเพื่อทำให้เกิดประโยชน์กับอสมท มากขึ้น ทางเอ็นบีซีก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด แต่กลับไม่เคยเชิญผู้บริหารเอ็นบีซีไปหารือในฐานะผู้ร่วมผลิตรายการที่เป็นคู่สัญญา

"ผมรู้สึกได้ถึงสัญญาณที่ไม่เป็นมิตรของกรรมการบอร์ดอสมท บางคนตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค. เพราะมีการปล่อยข่าวมาโดยตลอดว่าจะถอดรายการข่าวข้นคนข่าวและรายการเช้าข่าวข้นออกจากผังตั้งแต่ต้นปี จนบริษัทเอเจนซี่จำนวนมากได้แสดงความห่วงใยผ่านมาทางเนชั่น และทราบว่าความเห็นของเอเจนซี่โฆษณาดังกล่าวยังผ่านไปยังผู้บริหารอสมท หลายท่านว่า ทำไมกรรมการของบอร์ดอสมท บางคนจะต้องไปปล่อยข่าวทำร้ายองค์กรตัวเอง จนส่งผลลบต่อรายได้โฆษณาเดือนม.ค.ลดลงไปอย่างมาก ทั้งๆ ที่ทั้งสองรายการยังเป็นที่นิยมของคนดูและผู้ลงโฆษณา" กรรมการผู้อำนวยการเอ็นบีซี ให้สัมภาษณ์

นายอดิศักดิ์กล่าวว่าจะขอความเป็นธรรมจากนายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานบอร์ดอสมท และคงจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อยากให้ทบทวนการตัดสินใจใหม่หรืออย่างน้อยที่สุดถือหลักการปฏิบัติอย่างมืออาชีพระหว่าง 2 องค์กรสื่ออสมทกับเนชั่นที่เป็นพันธมิตรกันมายาวนาน การตัดสินใจแต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณเสมือนว่าบอร์ดอสมทหรือบอร์ดบางคน ไม่ต้องการทำงานและทำธุรกิจใดๆ ร่วมกับสื่ออย่างเนชั่นอีกต่อไป

"ถือว่าสวนทางกับความพยายามสร้างบรรยากาศการปรองดองของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกันและทำงานร่วมกัน การตัดสินใจเช่นนี้เป็นการผลักไสให้สื่อในเครือเนชั่นถูกมองจากสังคมว่าเป็นสื่อที่ยังเป็นคู่อริหรืออยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลชุดนี้ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อการประกอบวิชาชีพของสื่อภาคเอกชนที่ทำงานอยู่บนหลักจรรยาบรรณาของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อที่นักข่าวทุกคนในเครือเนชั่นยึดมั่นมาโดยตลอด" นายอดิศักดิ์ กล่าว

'ในหลวง'ทรงชุดทหารบก เสด็จฯยังทุ่งมะขามหย่อง

"ในหลวง" ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารบก เสด็จฯไปยังทุ่งมะขามหย่อง ประชาชนทั่วทุกสารทิศรอเฝ้าฯรับเสด็จแน่น ขณะที่กรมศิลปากรเตรียมเป็นจดหมายเหตุแห่งชาติ พร้อมภาพเหตุการณ์พสกนิกรชาวไทยเฝ้าฯรอรับเสด็จ "สุกำพล" บอกคนไทยปลาบปลื้มเห็น "ในหลวง" ทรงแข็งแรง

เมื่อเวลา 16.45 น.วันที่ 25 พ.ค.2555 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดทหารบก

พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ตนมีความรู้สึกเหมือนกับประชาชนชาวไทยที่ปลาบปลื้มที่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ทุ่งมะขามหย่อง ที่สำคัญเมื่อเราเห็นพลานามัยของพระองค์ท่านสมบูรณ์แข็งแรงทำให้ประชาชนคนไทยทุกคนปลาบปลื้ม และรอคอยที่เห็นพระองค์ท่านถือเป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่

ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ที่พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย พบว่า ประชาชนพากันเดินทางมาเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด 03.00 น. โดยประชาชนส่วนหนึ่งจอดรถริมถนนสาย 347 บางปะอิน-บางปะหัน ตรงหน้าพระราชานุสาวรีย์ฯ เลยไปถึงถนนที่อยู่ด้านนอก ซึ่งเป็นคันกั้นน้ำ เป็นระยะทางยาวกว่า 3 ก.ม.

ขณะที่บริเวณจุดจอดที่ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้จัดสถานที่จอดให้ ที่พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทุ่งภูเขาทอง วัดเกต และสถาบันเทคโนโลยีแห่งอโยธยา ประชาชนเริ่มนำรถมาจอด และไม่รอรถรับส่งที่จัดไว้ ต่างพากันเดินเข้าไปที่ทุ่งมะขามหย่อง ซึ่งประชาชนกว่าหมื่นคน พากันมาจับจองสถานที่แน่นด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ซึ่งจนท.อนุญาตให้นั่งเพียงฝั่งเดียว

นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินพบปะกับประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ และชี้แจงถึงการปฏิบัติตัวในการรอรับเสด็จ โดยประชาชนส่วนใหญ่จะต้องออกไปรับการตรวจจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งมีทั้งทหาร

ตำรวจ ซึ่งในเช้าวันเดียวกันนี้มี พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา และพ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ รองผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา มาอำนวยการตั้งแต่ช่วงเช้า ร่วมกับกำลังของทหารจากหน่วยต่าง ๆ

นายสมาน ดาวเรือง อายุ 80 ปี ประชาชนจังหวัดนครสวรรค์ เดินทางมาจาก อ.ตาคลี ตั้งแต่เมื่อเช้าวันที่ 24 พ.ค. และมาหลับนอนอยู่ภายในพระราชานุสาวรีย์ เปิดเผยว่าเคยไปเฝ้ารับเสด็จที่รพ.ศิริราชมาแล้ว และอยากชื่นชมพระบารมีอีก

ด้านนางประภาพร เกียรติ์กระโทก อายุ 64 ปี เปิดเผยว่า เดินทางมาจาก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เพราะอยากที่จะเปล่งเสียงถวายพระพรพระองค์ ซึ่งครอบครัวก็กำลังตามมา

นายดุสิต จันทร์คง อายุ 38 ปี ภูมิลำเนา จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เดินทางโดยรถไฟฟรีออกมาตั้งแต่ 06.00 น.มาถึง จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 พ.ค.รีบเข้ามาจับจองนอนที่ริมอ่างน้ำโดยหวังว่าจะได้เห็นพระองค์ ที่บริเวณศาลากลางน้ำ ปรากฎว่าฝนตกต้องเข้าไปอาศัยวัดเกตุนอน ตื่น 04.00 น.วันที่ 25 พ.ค. จึงรีบมาจองที่นั่ง แม้จะอยู่ไกลแต่ไม่ย่อท้อที่จะเดินทางอยากเข้าเฝ้าอยากเห็นพระบารมีของพระองค์อย่างใกล้ชิด

นางสุรีย์รัตน์ วงศ์เสงี่ยม รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร จะมีการจดบันทึกจดหมายเหตุ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน มาประทับ ณ ทุ่งมะขามหย่อง จ. พระนครศรีอยุธยา

โดยจะจดบันทึกเหตุการณ์ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช จนกระทั่งถึงที่ประทับ ณ ทุ่งมะขามหย่อง และเสด็จฯกลับ

นอกจากนี้ ยังมีการบันทึกภาพเหตุการณ์พสกนิกรชาวไทยที่มาเฝ้าฯรอรับเสด็จอีกด้วย โดยจะมีการประสานกับทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงาน และสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อรวบรวมข้อมูลเอกสาร และภาพถ่ายตลอดการประทับ ณ ทุ่งมะขามหย่อง

เมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการเยือนลาวถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมประชาชนที่ทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยาว่า มองว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นการแสดงออกว่าพระองค์ทรงมีพระวรกายแข็งแรงขึ้นแล้วคนไทยปลาบปลื้มมาก


เปิดสาระ'พรบ.ปรองดอง'31พ.ค.นิรโทษกรรมหมด

เปิดสาระ พรบ. ปรองดอง นิรโทษกรรมหมด "ผู้ก่อการร้าย - คนสลายม็อบ" โละคดี คตส. เข้ากระบวนการยุติธรรมปกติ คืนสิทธิ 111 - 109 แต่ไม่ปิดทางฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย “สมศักดิ์” คาดสภา ถก 31 พ.ค.นี้

25 พ.ค.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ได้เสนอร่างพรบ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติพ.ศ. โดยได้ระบุถึงเหตุผลและความจำเป็นในการเสนอกฎหมายดังกล่าวซึ่งสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.เวลา 14.45น.โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

โดยหลักการและเหตุผลระบุว่า โดยที่ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงในประเทศในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาโดยเฉพาะเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตการบาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจ ผู้ต้องหาและจำเลยจึงไม่ใช่เป็นผู้ร้ายหรืออาชญากรดังเช่นคดีอาญาปกติ การยึดทำอำนาจการปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ที่ผ่านมา รวมถึงการยุบพรรคการเมืองและการเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคที่มิได้ส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิด ทำให้เกิดข้อวิจารณ์เกี่ยวกับความสอดคล้องกับหลักนิติธรรมของกลไกต่างๆของรัฐ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม

ประกอบกับได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกระทบกระเทือนต่อขวัญและกำลังใจของคนในชาติตลอดจนความสงบสุขของบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนทั่วไปต้องการให้บ้านเมืองเกิดความปรองดองสมานฉันท์ หันหน้าเข้าหากัน แปลงวิกฤติครั้งนี้ให้เป็นโอกาสเพื่อฟื้นความสงบสุขและความเชื่อมั่นของคนในชาติรวมทั้งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้กลับคืนมา

จึงสมควรใช้หลักเมตตาธรรมด้วยการให้อภัยและให้โอกาสกับทุกฝ่ายซึ่งล้วนมีเจตนาดีต่อชาติบ้านเมือง อันเป็นไปตามประเพณีที่ประเทศไทยเคยปฎิบัติมาแล้วหลายครั้งและเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วยการนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดอันมีสาเหตุตจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ได้กระทำระหว่างวันที่ 15 ก.ย.2548จนถึงวันที่ 10 พ.ค.2554 และเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาด้วยการคืนความชอบธรรมให้แก่ผู้ถูกดำเนินคดีโดยกระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นตามประกาศหรือคำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.)หรือคำสั่งของหัวหน้าคปค.ที่มิได้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตามปกติหรือขัดต่อหลักนิติธรรม

อันเป็นการผดุงรักษาไว้ซึ่งระบบนิติธรรมและกระบวนการยุติธรรมของประเทศที่สากลให้การยอมรับ รวมทั้งการคืนสิทธิทางการเมืองให้กับกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่มิได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิดอันเป็นเหตุให้มีการยุบพรรคการเมืองนั้น เพื่อให้โอกาสแก่ทุกฝ่ายได้เข้ามาใช้ความรู้ความสามารถของตนร่วมกันแก้ไขปัญหาและนำพาประเทศให้ก้าวข้ามความขัดแย้งครั้งนี้ไปสู่สันติภาพและความมั่นคงสืบไป จึงจำเป็นต้องตราพรบ.นี้

โดยเนื้อหา พรบ. ฉบับนี้ประกอบด้วย

มาตรา1 พรบ.นี้เรียกว่า พรบ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ...

มาตรา2 พรบ.นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมืองตั้งแต่วันที่15 กันยายน พ.ศ. 2548 จนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 หากมีการกระทำใดเป็นความผิดตามกฎหมาย ให้การกระทำนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

การกระทำตามวรรคหนึ่งให้หมายความถึงการกระทำของบุคคลดังต่อไปนี้

(1) การกระทำทั้งหลายของบุคคลที่เกิดจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่ห้ามการชุมนุม การกล่าววาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีใดเพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการประท้วงด้วยวิธีใดๆอันเป็นการกระทบต่อร่างกายหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง

(2) การกระทำทั้งหลายของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลใดๆอันเกี่ยวเนื่องกับการป้องกันระงับหรือปราบปรามในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือการกระทำใดที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าว

มาตรา 4 เมื่อพรบ.นี้มีผลใช้บังคับแล้ว ถ้าผู้กระทำการตามมาตรา 3 อยู่ในระหว่างการสอบสวนให้ผู้มีอำนาจสอบสวนระงับการสอบสวนผู้นั้น ถ้าอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องให้พนักงานอัยการหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้องหรือให้ถอนฟ้อง ถ้าผู้นั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี ถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นรับโทษอยู่ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลงและปล่อยตัวผู้นั้น

มาตรา 5 ให้ถือว่าบุคคลที่ได้รับผลระทบจากการดำเนินการหรือการปฏิบัติทั้งหลายขององค์กรหรือคณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยประกาศหรือคำสั่งของคปค. หรือคำสั่งของหัวหน้าคปค. ซึ่งได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ 19กันยายน พ.ศ. 2549 หรือการดำเนินการหรือการปฏิบัติทั้งหลายขององค์กร หรือหน่วยงานอื่นใดอันเป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินการหรือการปฏิบัติขององค์กรหรือของคณะบุคคลดังกล่าว มิได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาหรือเป็นผู้กระทำความผิด โดยให้นำความในมาตรา 4 มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้องค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติต่อบุคคลที่ได้รับผลกระทบนั้นให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมต่อไป

มาตรา 6 เพื่อให้บุคคลได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาประเทศซึ่งเป็นการสร้างความปรองดองในสังคม ให้การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นกรรมมาการบริหารพรรคการเมืองเพราะเหตุมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคการเมืองเป็นอันสิ้นสุดลง และให้ถือว่าบุคคลผู้นั้นไม่เป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทฺเลือกตั้งนับแต่วันที่พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ

มาตรา 7 การกระทำใดๆตรมพรบ.นี้ไม่เป็นการตัดสิทธิของบุคคลซึ่งมิใช่องค์กรหรือหน่วยงานของรัฐที่จะเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งจากการะกระทำของบุคคลใดซึ่งพ้นจากความรับผิดชอบตามพ.ร.บ.นี้และทำให้ตนต้องได้รับความเสียหาย

มาตรา 8 ให้นายรัฐมนตรีรักษาการตามพรบ.นี้

“สมศักดิ์”คาดสภาถก31พ.ค.นี้

นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ถ้ารายละเอียดขั้นตอนการนำเสนอร่างพรบ.เข้าสู่สภาถูกต้อง ก็สามารถบรรจุต่อท้ายวาระเร่งด่วนได้เลย และสามารถเลื่อนวาระขึ้นมาพิจารณาในวันที่ 31 พ.ค.ได้

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 5 มิ.ย.จะเป็นการประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฯในวาระ 3 ซึ่งไม่แน่ใจว่าเสร็จแล้วจะปิดสมัยประชุมได้เลยหรือไม่ เพราะยังมีระเบียบค้างในวาระพอสมควร

“ยงยุทธ”สบช่องหนุน“บิ๊กบัง”

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิทธิของ ส.ส. ที่มีอำนาจในการเสนอร่างกฎหมาย ส่วน ปคอป.ก็จะเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องการปรองดอง

“วัฒนา”ชี้ “ทักษิณ”ต้องกลับมาสู้คดียันต้องนับ1ใหม่

นายวัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าว พรบ.นี้ไม่ว่าใคร ไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือตนที่ถูกดำนเนินคดี แม้ว่าศาลตัดสินตนยกฟ้อง ก็ต้องมานับ 1 ใหม่ และพ.ต.ท.ทักษิณ เองก็ต้องกลับมาสู้คดี และคดีต่างๆจะเริ่มใหม่ ก็ต้องดู ว่าคดีอยู่ในอำนาจใคร ก็เป็นคนไปทำ และปปช.ก็มีอยู่แล้ว"

เมื่อถามว่าจะมีผลแต่ความน่าเชื่อถือของศาลหรือไม่ เพราะศาลได้ตัดสินไปแล้ว นายวัฒนา กล่าวว่า คดีแบบนี้ เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ 2517 นายอุทัย พิมใจชน ไปกล่าวหาจอมพล.ป.พิบูลย์สงคราม และจอมพล.ถนอม ฟ้องศาล ศาลบอกสิ่งที่จอมพล ถนอม ทำถูกต้องหมดแล้ว เพราะเขาเป็นรัฐถาธิปัตย์ ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 21 สั่งจำคุก10 ปี พอเหตุการณ์ 16 ตุลา จอมพลถนอม ถูกไล่ และเมื่อเกิดสภานิติบัญญัติ ก็ยกเลิกไป

เต็มอิ่มคอนเสิร์ต"เลดี้ กาก้า"
แถมไฮไลท์ใส่ชฏาร้องเพลง

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับคอนเสิร์ตที่ถูกจับตามองมากที่สุดกับ The Born This Way Ball Tour Live in Bangkok ของนักร้องสาวชื่อดัง "เลดี้ กาก้า" ที่มาเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกที่ประเทศไทยในวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งงานนี้มีสาวกแฟนคลับเหล่ามอนสเตอร์แห่มาร่วมชมอย่างคับคั่งเต็มแน่นสนามราชมังคลาฯเลยทีเดียว

หลังจากได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากอัลบั้ม Born This Way ส่งให้การเปิดคอนเสิร์ตThe Born This Way Ball Tour ครั้งนี้ของเลดี้ กาก้า ถูกยกระดับคอนเสิร์ตจาก 2 อัลบั้มก่อนหน้านี้ที่จัดตามอารีนาต่างๆ มาเป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้นสู่การใช้สนามระดับ สเตเดียม เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเลดี้ กาก้า เองที่ต้องการพัฒนาฝีมือด้านการแสดงโชว์นอกจากนั้นยังเป็นการตอบสนองบรรดาแฟนคลับลิตเติลมอนสเตอร์จากทั่วโลกที่ต่างต้องการรับชมการแสดงอันยิ่งใหญ่ของเธอ

คอนเสิร์ตครั้งนี้ถูกจัดทำออกมาในรูปแบบ Electro-Metal Pop-Opera โดยเป็นเรื่องราวที่ถือกำเนิดขึ้นจากอาณาจักร Kingdom of Fame โดยสื่อว่าเราจะเฉลิมฉลองกับการเกิดและการตายอย่างไร โดยมีฉาก เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายต่างๆของเธอถูกปรับเปลี่ยนไปตามอารมณ์แต่ละบทเพลง

คอนเสิร์ตวันนี้ผ่านไปด้วยดีกับอารมณ์เต็มอิ่มที่ เลดี้ กาก้า ขนเพลงใหม่และเพลงเก่าสุดฮิตจากอัลบั้มBorn This Way, The Fame และ The Fame Monster มาร่วมโชว์มากถึง 23 บทเพลง กับความยิ่งใหญ่ของฉากหลังที่ลืมเรื่องจอ LED ไปได้เลย เพราะงานนี้เธอจัดเต็ม ใช้ฉากปราสาทใหญ่ยักษ์เคลื่อนที่เปิดปิดได้มาเป็นแบ็คกราวนด์ พร้อมแสงสีตระการตา เปิดตัวเพลงแรกด้วย Highway Unicorn ( Road to Love ) ซึ่งงานนี้เป็นไปตามชื่อเพลง เพราะเธอนั่งมาบนยูนิคอร์นมาพร้อมขบวนพาเหรดของเหล่าแดนเซอร์ ก่อนจะเข้าสู่เพลง Government Hooker ที่นักร้องสาวเดินร้องเพลงลงมาจากด้านบนของปราสาท

เลดี้ กาก้า กลับมาอีกครั้งพร้อมกับฉากที่เรียกเสียงฮือฮาโดยเป็นฉากรูปขาขนาดยักษ์ที่นอนกางออกพร้อมท้องโต ก่อนที่นักร้องสาวจะยืนอยู่ด้านบนทำท่าร้องโอดโอยเหมือนจะคลอดลูก และเธอก็โผล่ออกมาจากช่องซิปขนาดยักษ์ด้านล่างที่เปรียบเสมือนช่องคลอดทำให้เธอได้คลอดออกมาดูโลกแล้ว เป็นการเข้าเพลง Born This Way ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างมาก

การแสดงครั้งนี้เลดี้ กาก้า จัดแฟชั่นมาให้แฟนๆได้ชมแบบเต็มๆขนชุดมาเพียบกว่า 15 ชุด กับบทเพลงหลากหลายจากอัลบั้มเก่าใหม่ทั้ง Bloody M ary, Bad Romance, Judas, Fashion of His Love, Just Dance, Love Game ต่อมาเธอได้หยอดคำหวานๆใส่แฟนๆให้โทรหาเธอได้เมื่อรู้สึกไม่มีใคร เพื่อเข้าสู่เพลง Telephon บทเพลงที่เธอเคยร่วมงานกับ บียอนเซ นักร้องสาวชื่อดัง

เลดี้ กาก้า เปิดตัวอลังอีกครั้งกับการนอนคว่ำยาวพาดคอมาบนแฮนด์มอเตอร์ไซค์พร้อมชุดตาข่ายสุดเซ็กซี่เผยให้เห็นสัดส่วนและก้นของเธออย่างชัดเจนในเพลง Heavy Metal Lover โดยที่ท้ายมอเตอร์ไซค์จะมีการห้อยธงชาติของประเทศที่เธอกำลังเปิดการแสดงไว้ด้วยทุกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ธงชาติไทยก็โบกสะบัดอยู่ท้ายมอเตอร์ไซค์คันเก่งของเธอเช่นกัน ในเพลงนี้เราได้เห็นเลดี้ กาก้า นอกจากจะร้องเพลงแล้วเธอยังแสดงกายกรรมโยคะโชว์ตัวอ่อนและยืนทรงตัวยกขาชี้ฟ้าบนรถมอเตอร์ไซค์ให้คนรู้สึกทึ่งแปลกตาหลายต่อหลายครั้งด้วย ก่อนที่จะลงมาแดนซ์กระจายกันต่อกับบทเพลง Bad Kids ต้องบอกว่าแม้คอนเสิร์ตจะผ่านไปครึ่งทางแล้วแต่เลดี้ กาก้า ก็ร้องไปเต้นไปด้วยพลังเสียงที่ไม่มีตก สมกับที่สื่อต่างๆพากันชื่นชมว่าเธอเป็นศิลปินที่แสดงสดได้อย่างสุดมหัศจรรย์

เลดี้ กาก้า กล่าวชื่นชมประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนที่เธอจะเข้าสู่บทเพลงต่อไป ยานแม่หันไปสังเกตเห็นยานลูกด้านล่าง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น"โอม" แฟนคลับคนเดียวกับที่ใส่ชุดไทยสวมชฏาไปยืนต้อนรับเธอที่สนามบิน นักร้องสาวระบุว่าเธอจำ"โอม"ได้ เธอเห็นเขาที่สนามบินก่อนจะขอยืมชฏาดังกล่าวมาสวม โดยก่อนที่จะรับชฏามาสวมเธอก็ยกมือไหว้เป็นอย่างดี และเมื่อสวมเสร็จเธอก็ยืนไหว้อีกครั้งทำให้แฟนๆต่างส่งเสียงกรี๊ดลั่น โดยเลดี้ กาก้า ระบุว่าเธอจะขอสวมชฏานี้ไว้เพื่อร้องเพลงต่อไปจนจบ ก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ตัวเก่าอีกครั้งซึ่งมันไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ธรรมดาแต่มีคีย์บอร์ดฝังอยู่ด้านหน้า

และขณะที่ดีดอินโทรลไปเจ้าตัวก็กล่าวถึงการต่อต้านการรังแกผู้อื่นโดยเฉพาะกับกลุ่มรักร่วมเพศเป็นระยะๆ เพื่อเข้าสู่เพลง Hair และในระหว่างที่กำลังร้องเพลง เจ้าตัวได้กล่าวคั่นอีกว่าแต่ละประเทศที่เธอไปเปิดคอนเสิร์ตมีคนประท้วงต่อต้านเธอมากมาย และประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆที่เธอรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้มาเปิดคอนเสิร์ต และขอบคุณคนดูกว่าห้าหมื่นคนที่เชื่อมั่นและยังคงยืนหยัดเพื่อเธอ ซึ่งมาถึงตรงนี้เจ้าตัวเสียงสั่นเครือยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มอย่างเห็นได้ชัด พร้อมร้องเพลงดังกล่าวต่อไปจนจบโดยมีแฟนๆที่กำลังซาบซึ้งร้องไห้ไปด้วยต่างช่วยกันร่วมร้องส่งเสียงดังลั่น ความหวานซึ้งยังดำเนินต่อไปจนถึงเพลง You and I ซึ่งงานนี้แฟนคลับต่างปรบมือและร้องเพลงตามไปด้วยลั่นสนาม

นอกจากจะร้องเต้นและโชว์เสียงร้องอย่างสุดมันส์แล้ว เลดี้ กาก้า ยังมาอวดลีลาทำท่าดีดกีตาร์แบบขาร็อคให้ดูในเพลง Electronic Chapel ต้องบอกว่าเลดี้ กาก้า ให้ความสำคัญกับเรื่องความเท่าเทียมและต่อต้านการรังแกผู้อื่นมากทีเดียว โดยเห็นชัดว่ามือกีตาร์ที่มาแสดงบนเวทีของเธอไม่มีการแบ่งแยกสีผิว โดยเธอมีทั้งมือกีตาร์ผิวสี ผิวเหลือง และผิวขาวอยู่บนเวทีอย่างครบถ้วน

และหากใครยังจดจำได้กับชุดเนื้อสุดฉาวที่เธอใส่ไปเดินพรมแดงงานประกาศผลรางวัล MTV Video Music Awards จนเป็นที่ฮือฮา งานนี้เธอก็นำชุดเนื้อดังกล่าวกลับมาขึ้นเวทีอีกครั้งกับเพลง Americano แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เนื้อสดแต่ใช้เป็นผ้าพิมพ์ลายเนื้อแทน โดยมีพร็อพประกอบฉากเป็นเนื้อปลอมชิ้นใหญ่ยักษ์ห้อยต่องแต่งไปมาเต็มเวที ต้องนับว่าเลดี้ กาก้า แสดงนัยยะแฝงบางอย่างผ่านเนื้อเพลงและการแสดงดังกล่าว เมื่อครั้งที่เธอใส่ชุดเนื้อสดขึ้นรับรางวัลเธอได้กล่าถึงนัยยะของชุดดังกล่าวว่า "มันถูกตีความไปหลายๆด้าน แต่สำหรับฉันในเย็นวันนี้ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นยืนหยัดตามความเชื่อของเราเอง และถ้าเราไม่ต่อสู้เพื่อสิทธิความชอบธรรมของเรา อีกไม่นานเราก็จะมีสิทธิของเราเท่ากับเนื้อที่ห่อหุ้มกระดูกของตนเองเท่านั้น และฉันไม่ใช่ชิ้นเนื้อ" หากดูตามเนื้อเพลงแล้วเพลงนี้ค่อนข้างกล่าวอย่างชัดเจนถึงการต่อต้านกฏหมายเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกันในอเมริกา รวมทั้งศาสนาคริสต์ที่ต่อต้านเกย์ นอกจากนั้นยังพูดถึงเรื่องการอพยพข้ามชาติ ซึ่งกำลังจะบอกว่าดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างอเมริกาตอนนี้ได้ขับไล่ทุกคนออกไปจนสิ้น โดยในตอนท้ายเธอลุกขึ้นมาหยิบปืนยิงขับไล่เหล่าแดนเซอร์ชายที่ถือปืนออกไปจากเวทีด้วย

จากนั้นก็เข้าสู่เพลงสุดฮิต Poker Face โดยเธอถอดกระโปรงออกเหลือแต่เพียงชุดว่ายน้ำเกาะอกคอร์เซ็ตต์ลายเนื้อ ซึ่งเพลงนี้เจ้าตัวแฝงอารมณ์ขันโดยจับแดนเซอร์ยัดลงไปในเครื่องบดเนื้อขนาดยักษ์ซึ่งเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากพร้อมกล่าวว่าเธอทำแบบนี้กับแฟนเก่า และตอนจบเพลงเธอก็นำตนเองหัวทิ่มลงไปในเครื่องบดเช่นกันก่อนจะเลื่อนลงสู่ด้านล่างเวที

เธอกลับขึ้นมาอีกครั้งบนโซฟาเนื้อขนาดยักษ์พร้อมเสื้อยกทรงรูปปืนที่หน้าอกทั้งสองข้างเพื่อเข้าสู่เพลง Alejandro และไฮไลท์ต่อไปเห็นจะเป็นเพลง Paparazzi ซึ่งในเพลงนี้เปิดตัวด้วย หน้าหุ่นยนต์เลียนแบบเลดี้ กาก้า ขนาดยักษ์ที่สามารถขยับปาก ขยับตา ร้องเพลงได้ โดยในตอนท้ายเพลง เลดี้ กาก้า ได้ยิงปืนใส่หุ่นดังกล่าว ทำให้หุ่นดังกล่าวมีเลือดออก นับว่าน่ากลัวและน่าตื่นตาในเวลาเดียวกัน

แม้จะเดินทางมาถึงช่วงท้ายเจ้าตัวออกอาการเหนื่อยให้ได้เห็นบ้าง แต่เมื่อถึงเพลงScheiße ลีลาการเต้นของเธอยังคงออกสเต็ปได้อย่างดี นอกจากนั้นพลังเสียงร้องของเธอก็ยังดีไม่มีตกเช่นกันเรียกทุกคนโบกไม้โบกมือให้ขยับเต้นตามไปด้วย ก่อนจะลาไปด้วยเพลง Black Jesus Amen Fashion ซึ่งเธอบอกกับแฟนๆว่าเป็นเพลงสุดท้ายของโชว์แล้ว

แต่งานนี้เหล่าบรรดา ลิตเติล มอนสเตอร์ ไม่ยอมให้จบง่ายๆต่างตะโกนเรียก "กาก้า" กันดังกึกก้องเป็นการอังกอร์ให้เธอกลับขึ้นเวทีอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ไม่ปล่อยให้แฟนคลับรอนาน กลับขึ้นเวทีโดยปรากฏตัวที่ยอดปราสาทพร้อมดีดคีย์บอร์ดร้องเพลงโชว์พลังเสียงชั้นยอดใน The Edge of Glory ก่อนจะเดินไปตามปราสาทและเรียกให้แฟนคลับยกมือกระโดดไปตามจังหวะอย่างสนุกสนาน และจบลงด้วยลีลาการไซร้ซอกคอเธอจากแดนเซอร์หนุ่ม

ปิดท้ายคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วยเพลง Marry The Night โดยก่อนไปเธอกล่าวหวานว่าเธอคงจะคิดถึงทุกๆคนมากและขอบคุณช่วงเวลาที่เธอได้อยู่ที่นี่ และเมื่อจบเพลงเธอลากลับไปด้วยท่ากรงเล็บมอนสเตอร์พร้อมกับบรรดาแดนเซอร์ รวมทั้งบรรดาแฟนคลับที่ทำท่ากรงเล็บสัญลักษณ์ของลิตเติล มอนสเตอร์บอกลายานแม่อย่างพร้อมเพียงกัน