15 เม.ย. 2568 สถานีโทรทัศน์ Myanmar International รายงานข่าว Celebrating 3rd day of Thingyan: Union Ministers observed and supported the participants ระบุว่า ทางการเมียนมาจัดงานเทศกาล “ติงจัน” หรือประเพณีสงกรานต์ของชาวเมียนมา บริเวณทางแยกของเกสต์เฮาส์ซีปิน-ถนนปินมานาตองยอ ในเขตพื้นที่สภากรุงเนปิดอว์ ในงานมีกิจกรรมสาดน้ำแบบดั้งเดิมและศาลาจัดงานรื่นเริง โดยมี Maung Maung Ohn รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ Khin Maung Yi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Soe Win รองนายกรัฐมนตรี และ Ye Tint รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศ เข้าร่วม
ในงานนี้ รัฐมนตรีที่เข้าร่วมงาน ได้ร่วมสังเกตการณ์และสนับสนุนพิธีสระผมแบบดั้งเดิมที่ทำขึ้นสำหรับผู้สูงอายุชาย 10 คนและผู้สูงอายุหญิง 10 คนจากบ้านพักคนชรา "Garuna World" ซึ่งรวมถึงการสระผมโดยใช้แชมพูเปลือกไม้แบบดั้งเดิมและตัดเล็บ สอบถามเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของพวกเขาด้วย มีการเลี้ยงอาหารและมอบของขวัญให้กับผู้สูงอายุ
ในเวลาต่อมา ที่ศาลา Aung Bar Lay ในพื้นที่จัดงานเทศกาล Walking Thingyan คณะผู้บริหารของรัฐบาลเมียนมาดังกล่าว ได้ร่วมกันเลี่ยงอาหาร ขนม และแจกของที่ระลึก แก้วน้ำ ผ้าคาดศีรษะ ผ้าเช็ดหน้า และซองใส่โทรศัพท์มือถือ ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานด้วย ขณะที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานในบริเวณสถานที่จัดงาน
ทั้งนี้ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้รับรองเทศกาลเล่นสาดน้ำ “ติงจัน (Thingyan)” ของเมียนมา เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ระหว่างการประชุมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของโลกครั้งที่ 19 ณ กรุงอะซุนซิโอน ประเทศปารากวัย โดยได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2567 ในระหว่างการประชุมที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-7 ธ.ค. 2567
โดยข้อมูลจากกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยวของเมียนมา ระบุว่า เทศกาลติงจัน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน ของทุกปี โดยเป็นการเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของฤดูแล้ง และต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ที่มาพร้อมกับฤดูฝน ซึ่งชาวเมียนมาจะเล่นสาดน้ำกับคนในครอบครัว เพื่อนฝูงไปจนถึงนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน และในวันสุดท้ายของเทศกาลจะมีการทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลา และกล่าวคำอวยพรแก่กันและกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2568 สำนักข่าว Radio Free Asia ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติตั้งขึ้นเพื่อต้องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกรัฐบาลประเทศต่างๆ ในเอเชียปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าถึง เผยแพร่คลิปวีดีโอ Myanmar celebrates Thingyan after earthquake; Thailand marks Songkran Buddhist New Year (RFA) ระบุว่า แม้เมียนมาเพิ่งผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 แต่ยังคงจัดงานเทศกาลติงจันในเมืองย่างกุ้ง ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุ 40 องศาเซลเซียส โดยมีทั้งประชาชนชาวเมียนมาและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วม ซึ่งประเทศแห่งนี้กำลังพยายามฟื้นตัวจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ดังกล่าว
วันที่ 16 เมษายน 2568 สมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทยนำเกษตรกรผู้เลี้ยงโคจาก 60 กลุ่มทั่วประเทศ เตรียมบุกหน้ากระทรวงเกษตรฯ พรุ่งนี้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 3 กระทรวงคัดค้านนโยบายการเปิดนำเข้าเนื้อโคและเครื่องในโคจากสหรัฐอเมริกา หวั่นราคาตกต่ำซ้ำรอยและกระทบสุขภาพประชาชน
หนังสือที่สมาคมโคเนื้อฯ เตรียมยื่นต่อภาครัฐจะส่งถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยเนื้อหาระบุว่า การเปิดนำเข้าเนื้อโคและเครื่องในโคจากสหรัฐฯ จะกระทบเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกว่า 1.4 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันต้องเผชิญปัญหาราคาโคตกต่ำจากการแข่งขันในตลาด โดยเคยได้รับผลกระทบมาแล้วจากการนำเข้าโคตามข้อตกลงการค้าเสรีกับออสเตรเลีย ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
ขณะเดียวกันยังมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค เนื่องจากไทยมีกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ซึ่งสารดังกล่าวจัดเป็นสารก่อมะเร็งตามข้อมูลทางวิชาการ หากมีการนำเข้าเนื้อจากสหรัฐฯ ที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคภายในประเทศ และส่งผลกระทบต่อการส่งออกโคและผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศที่เข้มงวดด้านมาตรฐาน เช่น มาเลเซีย เวียดนาม และจีน
นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเห็นว่าการเปิดนำเข้าเนื้อโคจากสหรัฐฯ ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการยกระดับอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อ เช่น โครงการ “โคแสนล้าน” ที่มุ่งสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเกษตรกร จึงขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายดังกล่าว เพื่อปกป้องเกษตรกรไทยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 เมษายน 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ประชุมร่วมกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. และ นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหารือและรับฟังข้อมูลการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
จากนั้น เวลา 16.00 น. นายพิชัย ได้แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาผลที่จะเกิดขึ้นและสิ่งที่สหรัฐฯต้องการ วันนี้จึงได้มาติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว แต่ยังไม่ทราบว่าจะจบลงอย่างไร เพราะสถานการณ์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกวัน สิ่งที่เราต้องดูคือ การปรับการค้า การนำเข้า การส่งออก กติกาที่เปลี่ยนไป วันนี้ส่งผล
กระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน เฉพาะในเรื่องของตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรและเรื่องค่าเงิน เป็นไปทิศทางที่คาดเดาได้ลำบาก
นายพิชัย กล่าวต่อว่า วันนี้จึงต้องมานั่งพูดคุยกันว่า จะมีกรณีใดเกิดขึ้นกับประเทศไทยบ้าง เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะกระทบกับภาคธุรกิจและภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะผู้ส่งออก ดังนั้นจะต้องหามาตรการที่เหมาะสมและวางแนวทางในการรับมือกรณีที่ร้ายแรงด้วย เพราะเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นมีผลต่อผู้ส่งออก ซึ่งการส่งออกคงชะลอลง และมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน และหนี้ที่ครบกำหนดชำระ รวมถึงการนำเข้า สิ่งต่างๆเหล่านี้ ปัญหาที่ตรงกันคือ เรื่องของสภาพคล่อง ดังนั้นวันนี้จึงยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะดำเนินมาตรการใด และคงต้องมอนิเตอร์ติดตามต่อไป
“วันนี้คงไม่มีใครบอกได้ว่า หยิบมาตรการไหนดี ซึ่งมาตรการต่างๆในอดีตมีเยอะ แต่สิ่งที่เราจะทำ เราจะทำงานใกล้ชิดมากขึ้น แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และจะเจอกันบ่อยขึ้น เพื่อดูว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป มีอะไรบ้างกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องดู เพื่อหามาตรการชัดเจนและมากำหนดร่วมกันที่จะแก้ไข”นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะติดตามสถานการณ์ต่อไปด้วย ทั้งเรื่องดอกเบี้ย อัตราการแลกเปลี่ยนและปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่อง เพื่อนำข้อมูลมาประกอบในการเสนอมาตรการต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดอกเบี้ยจะมีส่วนช่วยเรื่องสภาพคล่องหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องดอกเบี้ยนโยบายเป็นเรื่องไม่ควรไปพูดถึง แต่ทางธนาคารแห่งประเทศก็ต้องมีการมอนิเตอร์ ซึ่งจะมีการประชุมอาทิตย์หน้าด้วย
เมื่อถามว่า จะเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯเมื่อใด นายพิชัย กล่าวว่า ขอเตรียมตัวให้ชัดๆและจะเปิดเผยวันเดินทางอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า จะนำผลการหารือของ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาอาเซียนทั้งหมด มาเป็นส่วนหนึ่งในประเด็นที่จะนำไปเจรจาหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า คงไม่ เพราะการคุยรอบแรกคงไม่มีการพูดคุยถึงขนาดนั้น แต่ในอาเซียนด้วยกันคงจะมีการแลกเปลี่ยนร่วมกัน เพราะปัญหาของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน พร้อมยกตัวอย่างว่า สินค้าบางอย่างที่ส่งออกไปสหรัฐฯ แต่ส่งออกไปอาเซียนก่อนจะส่งไปสหรัฐฯต่อ จึงต้องดูเรื่องพวกนี้ด้วยและพูดคุยกันเพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมด ซึ่งต้องแก้ในส่วนของเราก่อน
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ความสนใจของสหรัฐ ฯ อยู่ที่เรื่อง non-tariff หรือ มาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ที่ไม่เอื้อต่อการนำเข้าและส่งออก ซึ่ง non-tariff เป็นเรื่องกว้าง แต่เรื่อง Tariff หรือ ภาษีศุลกากรเป็นเรื่องเล็ก เพราะเป็นไปตามกลไกอยู่แล้ว ดังนั้นแต่ละประเทศต้องปรับไปตามนั้น และต้องมาดูแลแก้ไข ซึ่งจะมีการเชิญอีกหลายหน่วยงานมาพูดคุยเพิ่มเติม
16 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เดินทางถึงประเทศมาเลเซียแล้ว โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียรอต้อนรับ ซึ่งมีกำหนดการร่วมงานเลี้ยงรับรองที่พระราชวังหลวง ก่อนจะเริ่มการหารือกับ'นายอันวาร์ อิบราฮิม' ที่กรุงปุตราจายา ศูนย์กลางการปกครองแห่งใหม่ของมาเลเซีย เนื่องจากจีนกำลังต่อสู้กับ'ภาษีทรัมป์'ซึ่งมีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้น
กระทรวงต่างประเทศมาเลเซียเผยว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับนายอันวาร์ อิบราฮิม เป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงระดับทวิภาคีหลายฉบับ หลังจากสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่อัตรา 145% จนทำให้ฝ่ายจีนตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ที่ 125% เมื่อสัปดาห์ก่อน นายสี จิ้นผิง ก็เริ่มการทัวร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อผลักดันให้จีนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มั่นคงกว่า สำหรับประเทศที่กำลังเผชิญมาตรการภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์
'สี จิ้นผิง' กล่าวว่า เขาตั้งตารอที่จะสานสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนกับมาเลเซียให้ลึกล้ำขึ้นไปอีก และเขาจะมีการแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกในการหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน อิบราฮิม และนายอันวาร์ ซึ่งด้วยความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย การเยือนครั้งนี้จะบรรลุผลลัพธ์มากมายแน่นอน
"จีนจะทำงานร่วมกับมาเลเซีย เพื่อต่อสู้กับความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์โลกและการเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธ รวมถึงทวนกระแสแนวคิดเอกภาคนิยม และการคุ้มครองทางการค้า โดยเราต้องค้ำจุนระบบกับระเบียบระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง และส่งเสริมการบริหารโลกอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น"
16 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'Liberty Justice Center'องค์กรที่ปรึกษาทางกฎหมาย เป็นตัวแทนของธุรกิจ 5 รายในสหรัฐฯ ยื่นฟ้องที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เพื่อหาทางยับยั้งมาตรการภาษีของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่บังคับใช้โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
คำฟ้องร้อง ระบุว่า รัฐบาลอ้างเรื่องการขาดดุลการค้ากับต่างประเทศ ไม่เข้าข่ายสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายฉบับนี้ได้ และประธานาธิบดียังก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภาในการประกาศขึ้นภาษีศุลกากร ทั้งที่ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจเรื่องนี้ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีขึ้นภาษีฝ่ายเดียวที่ส่งผลกระทบทั่วโลกในวงกว้างขนาดนี้ และการขึ้นภาษีของทรัมป์ส่งผลกระทบถึงประเทศที่สหรัฐฯ ไม่ได้ขาดดุลการค้าด้วย ยิ่งทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลในการบังคับใช้มาตรการภาษี 'ทรัมป์' ประกาศขึ้นภาษีพื้นฐานอย่างน้อย 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศส่วนใหญ่ และขึ้นภาษีตอบโต้กับอีกราว 60 ประเทศ ที่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อธุรกิจขนาดเล็กทั่วสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้พบว่า องค์กรสิทธิพลเรือน New Civil Liberties Alliance เป็นตัวแทนของบริษัทซิมพลิฟายด์ในรัฐฟลอริดา ก็ได้มีการยื่นฟ้องต่อศาลในรัฐฟลอริดา กล่าวหาว่าประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้อง ละเมิดสิทธิของรัฐสภาที่มีอำนาจกำหนดเรื่องภาษีและละเมิดรัฐธรรมนูญในประเด็นการแบ่งแยกอำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ
15 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.2 ขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ในเขตเทศมณฑลซานดิเอโก ลึกลงไปใต้ดิน 13 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ในหลายเขตทั้งซานดิเอโก ออเรนจ์ และลอสแอนเจลีส
ประชาชน 28 ล้านคนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวของสหรัฐบอกว่ามีแรงสั่นสะเทือนขนาด 3.3 เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ส่วนความเสียหายจากแผ่นดินไหวอยู่ระหว่างการสำรวจของทางการ
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012