ข่าว
ดันลูก “เจ๊แดง” นั่ง หน.เพื่อไทย ทักษิณมั่นใจชนะแบบหิมะถล่ม!

ทำไม? นายทักษิณ ชินวัตร จึงกล้าที่จะประกาศถึงสถานการณ์ทางการเมืองในงานวันเกิด 26 กรกฎาคม ครบรอบ 69 ปี ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยอาจจะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายแบบ “อาวาแลนช์” (avalanche) หรือ หิมะถล่ม

ซึ่งการประกาศชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายในวันนั้น เป็นการยืนยันความมั่นใจต่อเนื่องจากที่เคยประกาศไว้เมื่อครั้งเดินทางไปเข้าร่วมในงานประชุมเอ็นเอชเคเวิลด์ของญี่ปุ่นกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่นกันว่า “พรรคเพื่อไทยจะสามารถนำพรรคไปสู่ชัยชนะแบบถล่มทลายได้อีกครั้ง”

ขณะนี้ข้อมูลที่นายทักษิณ มีอยู่ในมือทั้งที่ “ว่าจ้าง” บริษัทต่างชาติ และบริษัทในเครือไปทำการสำรวจเป็นระยะๆ เพื่อรู้ถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลง ผสมผสานข้อมูลทางราชการ ทั้งของทหาร (กอ.รมน) กองบัญชาการตำรวจสันติบาล, สถาบันการศึกษา รวมไปถึงผลโพลของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปทำการสำรวจ จะถูกนำมาสังเคราะห์โดยทีมงานคนเดือนตุลาฯ และนักวิชาการพรรคอย่างเป็นระบบ ตรงนี้จึงนำไปสู่ความมั่นใจว่า “เพื่อไทย” ชนะเลือกตั้งแน่นอน!

อย่างไรก็ดี นายทักษิณ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ศึกษาเรื่องความนิยมที่ลึกไปกว่านั้นว่า นอกจากความนิยมในตัวพรรคแล้ว ในตัวผู้นำพรรคระหว่างคนที่เป็นทายาทสายตรง “ชินวัตร” กับคนนอกที่ “นายใหญ่” ให้การสนับสนุนผลคะแนนจะมีความแตกต่างกันหรือไม่? และถ้าจะชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตัวเลข ส.ส.ควรจะเป็นเช่นไร

ทั้งนี้ ในรัฐธรรมนูญปี 2560 จะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 500 คน ประกอบด้วย ส.ส.แบบแบ่งเขต 350 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 150 คน โดย กทม.และภาคกลางจะมี ส.ส.121 คน ภาคเหนือ 62 คน ภาคอีสาน 118 คน ภาคใต้ 49 คน

“ข้อมูลที่ประเมินกันไว้ เพื่อไทย จะได้ภาคเหนือ 40 อีสาน 70 ภาคกลาง ได้ 30-40 กทม.ได้ 10 รวมๆ ก็ได้ 160 ส่วนภาคใต้ก็ต้องรอกลุ่มวาดะห์ กับเครือข่าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งก็หวังยาก เพราะทหารประกบไว้แล้ว หากไปรวมกับพรรคอนาคตใหม่ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพรรคของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ ก็ยังไม่น่าจะถึง 210”

แหล่งข่าวระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นการประเมินกรณีของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่ใช่คนในตระกูลชินวัตร ไม่ว่าจะเป็น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งแต่ละคนได้รับคะแนนนิยมจากการสำรวจอีสานโพลทั้งสิ้น ซึ่งคะแนนทั้ง 3 คน ไม่ได้ทิ้งห่างกันเลย

ดังนั้น หากต้องการชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายตามที่ นายทักษิณ กำหนดไว้ จึงนำไปสู่ “สมการ” ใหม่ คือ จะต้องเป็นคนในครอบครัวชินวัตร และเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจกลไกการเปลี่ยนแปลงของโลก และคนที่ถูกพูดถึงวงในสุดของการสนทนาของครอบครัวชินวัตร จึงมีอยู่เพียง 2 คน ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและพร้อมในการบริหาร

คนแรก คือ “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ลูกเขย ทักษิณ ชินวัตร สามีของ “เอม พินทองทา ชินวัตร” ปัจจุบันนั่งเก้าอี้ซีอีโอ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) จบปริญญาตรีจากคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ ที่เดอพอล ยูนิเวอร์ซิตี้ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา

“คนนี้สเปกได้หมด เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ มีความรู้ความสามารถด้านการบริหาร สร้างความเติบโตให้ SC มาตลอด เป็นคนนิ่ง สุขุม และเป็นสายตรงชินวัตรที่สุด หากไม่นับโอ๊ค เอม อุ๊งอิ๊ง แต่ปัญหาคือนายหญิงไม่ยอมให้เข้ามาเสี่ยงในการเมืองและไม่อยากให้ลูกๆ มีความทุกข์กับชีวิตการเมือง”

คนที่ 2 คือ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ เป็นบุตรคนโตของนายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (เจ๊แดง) และเป็นหลานชายของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่ง ยศชนัน ถือเป็นคนรุ่นใหม่ มีตำแหน่งทางวิชาการเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ จบปริญญาโทด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จบปริญญาเอกด้านคลื่นสมอง ทำดุษฎีนิพนธ์เรื่องการใช้สัญญาณสมองมาช่วยเหลือผู้พิการ และในสมัยที่เป็นอาจารย์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชา Biomedical Engineer (วิศวกรรมชีวการแพทย์) มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำสิ่งประดิษฐ์ด้านการแพทย์เพื่อช่วยเหลือคนไข้ไว้มาก

ผศ.ดร.ยศชนัน ไม่ใช่เป็นแค่นักวิชาการด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ เท่านั้น ยังมีประสบการณ์ในการบริหารบริษัทมากมายที่เป็นของครอบครัวเจ๊แดง และยังมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นของส่วนตัวด้วย

ที่สำคัญ เขาไม่ใช่เป็นคนอ่อนหัดทางการเมือง เนื่องจากได้ลาออกจากราชการมาสมัคร ส.ส.เขต 3 เชียงใหม่ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2557 และผลอย่างไม่เป็นทางการ นายยศชนัน ชนะเลือกตั้งในเขต 3 และหากไม่เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองมีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของกลุ่ม กปปส. จนนำไปสู่การปฏิวัติของ คสช.จะสามารถประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้ก็จะมี ส.ส.ชื่อ ยศชนัน และจะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แน่นอน

“ยศชนัน” เคยให้สัมภาษณ์ในช่วงนั้นว่าตัวเขามีความสนใจด้านการเมืองมานานแล้วและได้ศึกษาหาความรู้มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมที่จะเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อพี่น้องประชาชนโดยจะใช้จุดเด่นด้านความรู้ที่มีเกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาประเทศต่อไป

“จะเลือก ณัฐพงศ์ หรือ ยศชนัน ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็น TRUST FACTOR ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของคำว่าหิมะถล่ม เพราะกระแสชาวบ้านต้องการตระกูลชินวัตร และเป็นโอกาสที่เพื่อไทยจะทวงอำนาจรัฐคืนจาก คสช.”

แหล่งขาวระบุว่า แม้ณัฐพงศ์จะไม่เข้าสู่สนามการเมือง แต่เขาก็มีบทบาทสำคัญในการปั้นและสร้างเครือข่ายในการดึงนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่สนใจการเมือง จากการเข้าอบรม The Next Real หลักสูตรเพื่อผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เข้ามาสู่พรรคเพื่อไทย และคนเหล่านี้ก็จะเป็นกำลังสำคัญในการทดแทนอดีต ส.ส.ที่ถูกดูดไปได้อย่างมีคุณภาพ

ดังนั้น ผศ.ดร.ยศชนัน จึงเป็นทายาทชินวัตรสายตรงในเวลานี้ที่ถูกเลือกให้นั่งหัวหน้าพรรค หากไม่มีสถานการณ์อะไรทำให้ต้องเปลี่ยนแปลง ซึ่งนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยประเมินแล้วว่าการจะทำให้พรรคได้ 300 ที่นั่งขึ้นไป จะต้องจุดกระแสไม่เอาทหารและไม่เอาประชาธิปัตย์ ให้สำเร็จ จึงจะเป็นโอกาสให้พรรคเพื่อไทยชนะแบบหิมะถล่มจริงๆ !

ไม่รู้ไปโกรธใครมา! “บิ๊กตู่” ยังงดจ้อสื่อ ออกระเบียบเข้มห้ามช่างภาพ-สื่อเข้าใกล้ 5 เมตร

(3 ส.ค.)ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เมื่อเวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดงาน Thailand Social Expo 2018 ที่ฮอลล์ 5-7 อิมแพค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี

อย่างไรก็ดี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอิมแพค เมืองทองธานี ได้ทำการตรวจ (สกรีน) บุคคลที่จะเข้าร่วมงานอย่างละเอียดเข้มงวด โดยทุกคนจะต้องเดินผ่านเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัย รวมทั้งต้องลงทะเบียนติดบัตรและติดสติกเกอร์เพื่อแสดงว่าผ่านการตรวจเรียบร้อยแล้วทุกคน กระเป๋าและวัตถุแปลกปลอมจะต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่

วันเดียวกันนี้ (3 ส.ค.) เป็นที่น่าสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ได้มีความเข้มงวดกับสื่อมวลชนและช่างภาพที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ภายในบริเวณงาน และเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่จากกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 จัดทำใบลงทะเบียนสำหรับช่างภาพสื่อมวลชนโดยให้มีการลงชื่อ สังกัด และเบอร์โทรศัพท์อย่างชัดเจน มีการจดเลขที่ไอดีการ์ดบัตรประชาชนพร้อมทั้งมีข้อกำหนดมีเนื้อหา ดังนี้ มารยาทในการถ่ายภาพของช่างภาพสื่อมวลชน 1. ต้องอยู่ในลักษณะเคารพต่อนายกรัฐมนตรีและแสดงความเคารพทั้งก่อนและหลังถ่ายภาพ 2. การแต่งกายที่สุภาพบุรุษชุดสูทสากล สุภาพสตรีชุดกระโปรง รองเท้าหุ้มส้น 3. กล้องที่จะนำมาบันทึกภาพต้องผ่านการตรวจและติดแท็กที่ได้รับอนุญาตจากตำรวจสันติบาล 4. จะอนุญาตให้เฉพาะช่างภาพที่ลงทะเบียนและติดต่อแผนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น 5. ไม่แสดงกิริยาวาจาหรือมารยาทอันไม่สมควร 6. ในการถ่ายภาพควรอยู่ห่างจากนายกรัฐมนตรี 5 เมตรเป็นอย่างน้อย 7. ไม่ควรเบียดเสียดกันถ่ายภาพหรือถ่ายภาพลักษณะยืนค้ำศีรษะผู้อื่น หรือยื่นกล้องถ่ายภาพในลักษณะถ่ายภาพข้ามท่าน

สำหรับข้อควรปฏิบัติในการบันทึกภาพ 1. ต้องไม่ถ่ายภาพตรงหน้า ขณะที่นายกรัฐมนตรีอยู่ในห้องรับรอง 2. ห้ามถ่ายภาพขณะเดินขึ้นหรือลงจากที่สูงเช่นบันได ฯล 3. ห้ามถ่ายภาพขณะรับประทานอาหาร 4. ห้ามออกนอกสถานที่ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ วิ่งตัดหน้า วิ่งลุกลน หรือห้อมล้อมกีดขวางทางเดิน 5. ให้บันทึกได้ในจุดหรือสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ได้จัดไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม 6. การใช้ไฟฉายใช้ได้ในทุกโอกาส แต่การถ่ายไฟไม่ควรเกิน 1,500 วัตต์ และควรอยู่ห่างจากห้องรับรอง 7. หากฝ่าฝืนมารยาทข้อควรปฏิบัติหรือไม่เชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่จะถูกริบปลอกแขนและห้ามบันทึกภาพ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในและต่างประเทศ โดยล่าสุด JAKARTA POST สื่อหลักอินโดนีเซีย ตีพิมพ์บทความแนะอย่าให้ผู้นำเผด็จการทหารไทยนั่งเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า โดยมีเนื้อหาของบทความระบุว่า “การรัฐประหาร (junta) ของไทยไม่คู่ควรกับตำแหน่งท่ามกลางคลื่นที่แข็งแกร่งของความประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้ (democratization) ประเทศไทยสมควรได้รับสิทธิในการเก้าอี้อาเซียนแต่ไม่ได้อยู่ภายใต้การรัฐประหาร (junta) ที่มีอย่างต่อเนื่องเพื่อยึดติดกับพลังที่มันปล้นจากประชาชนเมื่อสี่ปีที่แล้ว และก่อนที่จะนั่งเก้าอี้อาเซียนในปีหน้า พล.อ.ประยุทธ์ควรเติมเต็มความมุ่งมั่นของเขาในการถือเลือกตั้งฟรีและประชาธิปไตย ถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้นเขาไม่ควรเก้าอี้การค้าในปีหน้า” น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศที่จะไม่ตอบโต้และพูดประเด็นการเมืองในช่วงนี้ และคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เจ้าหน้าที่เข้มงวดกับการทำงานของช่างภาพและสื่อมวลชน


‘ไอ้บอล’ ยอมสารภาพ พาเสี่ยอ้วนไปยิง 2 ศพ

เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 2 ส.ค. 61 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผกก.สภ.นาจอมเทียน เดินทางมาที่ สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อสอบสวน นายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ อายุ 35 ปี หรือ นายบอล ผู้ต้องหา ตามขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ในข้อหาว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและกระสุนปืน พกอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” หลังร่วมกับเสี่ยอ้วนก่อเหตุยิง นายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส และ นางสาวปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย เสียชีวิตคู่หน้าเขาชีจรรย์

หลังจากนั้นได้พาผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ทิ้งอาวุธปืนทั้ง 4 กระบอก และแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง ที่ใช้ติดรถซีอาร์วีขณะก่อเหตุ บริเวณริมทางรถไฟ ห่างจากสถานีรถไฟพลูตาหลวง ประมาณ 200 เมตร ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไกลจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 5 กิโลเมตร โดย นายบอล รับหน้าที่เป็นคนขับรถซีอาร์วีพา เสี่ยอ้วน และพวกไปก่อเหตุ และเปลี่ยนเป็นรถกระบะพาหลบหนี หลังเจ้าหน้าที่พบรถกระบะคันที่ขับหลบหนีตกข้างทางในจังหวัดสระแก้ว แล้วญาติมารับนายบอลไปกบดานที่บ้านแม่ ในอำเภอเขาฉกรรจ์ ก่อนถูกชุดสืบตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว, ชุดสืบภาค 2 ร่วมกับทหาร เข้าปิดล้อมจับกุมเมื่อช่วงเวลา 5 ทุ่มคืนที่ผ่านมา และนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.เขาฉกรรจ์ ถึงเวลาตี 3 วันนี้ (2 ก.ค.) ก่อนนำตัวไปที่ จ.ชลบุรี

ขณะที่ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้นำปืนที่ใช้ก่อเหตุไปมอบให้ ผู้กำกับการ สภ.นาจอมเทียน และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน นำไปตรวจสอบว่ากระบอกไหนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยปืนดังกล่าวค้นพบเมื่อคืนนี้ ตามคำให้การของนายบอล ว่าเอาไปทิ้งในพงหญ้าข้างทาง ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก สามารถเก็บรวบรวมมาได้ 4 กระบอก ประกอบด้วย บาเร็ตต้า รุ่น Px4 STORM ขนาด 9 มม. 1 กระบอก, สมิธแอนด์เวสสัน ขนาด 9 มม. 1 กระบอก, สมิธแอนด์เวสสัน .357 จำนวน 1 กระบอก CZ 75 D COMPACT ขนาด 9 มม. 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนจำนวน 129 นัด และยังตรวจยึดเงินสดของกลาง จำนวน 99,000 บาท เป็นเงินที่เสี่ยอ้วนว่าจ้าง ในการก่อเหตุ (เงินจ้างจำนวน 100,000 บาท ผู้ต้องหาใช้ไปแล้ว 1,000 บาท) ส่วนรถซีอาร์วี ซึ่งเป็นรถของ เสี่ยอ้วน เจ้าหน้าที่ตามไปพบที่ อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านน้องชายเสี่ยอ้วน ที่นำไปซ่อนไว้ ซึ่งได้นำไปไว้ที่ สภ.นาจอมเทียน ทั้งหมดแล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 2 ได้ตรวจหาลายนิ้วมือ และเก็บรายละเอียดไว้เป็นหลักฐาน

และมีรายงานว่า นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวแล้ว ที่จังหวัดภูเก็ต อยู่ระหว่างนำตัวมาที่ สภ.นาจอมเทียน คืนนี้ โดยนายจิรศักดิ์เป็นคนขับรถโตโยต้ายาริส ทำหน้าที่ทีมคุ้มกันพาเสี่ยอ้วนหลบหนี

สำหรับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับก่อนหน้านี้ 3 คน คือ 1. นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน ที่ตอนนี้ยังจับตัวไม่ได้ 2. นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน ติดต่อเข้ามอบตัวแล้วที่ภูเก็ต และ 3. นายสายัต์ ศรีสุข จับได้เป็นคนแรก ทำแผนชี้จุดเกิดเหตุไปเมื่อวาน และฝากขังที่ศาลจังหวัดพัทยา และคนล่าสุดคนที่ 4 นายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ อายุ 35 ปี หรือ นายบอล ผู้ต้องหา ซึ่งวันนี้ได้นำตัวมาชี้จุดทิ้งปืน และแผ่นป้ายทะเบียน ก่อนจะหลบหนี

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า นายเกียรติศักดิ์ หรือ นายบอล ให้ข้อมูลว่าเป็นผู้ที่ขับรถซีอาร์วี สีขาว แล้วก็ขับรถพาผู้ต้องหาในรถหลบหนี ซึ่งมีเสี่ยอ้วนอยู่ด้วย นายบอลยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มมือปืน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ กลุ่มที่ลงมือยิงมีไม่ต่ำกว่า 1 คน ส่วนที่ เสี่ยอ้วน ลงมายิงด้วยไหม กำลังรวบรวมหลักฐาน อยู่ในการสอบสวน ขณะนี้สอบสวนไปแล้วมีผู้อยู่ในขบวนการก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 3 คน จุดที่ทิ้งปืนและป้ายทะเบียน มีเสี่ยอ้วนมาด้วย ส่วนเส้นทางการหลบหนีอยู่ในระหว่างการสอบสวน ส่วนรถกระบะที่พบในจังหวัดสระแก้ว เป็นการสับขาหลอกเจ้าหน้าที่ โดยมีเสี่ยอ้วนอาศัยมาเป็นบางช่วง

ขณะที่ พล.ต.ท.จิตติ กล่าวว่า นายบอลได้รับค่าจ้างในการขับรถก่อเหตุในครั้งนี้ 100,000 บาท โดยนายบอลขับรถคันก่อเหตุมาจากจังหวัดภูเก็ต เพราะนายบอลอยู่ที่ภูเก็ตอยู่แล้ว เป็นลูกน้องเสี่ยอ้วน ส่วนเสี่ยอ้วนนั่งเครื่องบินตามมา โดย ผบ.ตร.สั่งมาแล้วให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มมือปืน โดยนายบอลยังรับสารภาพว่าพา เสี่ยอ้วน ไปส่งแนวเขตชายแดน แต่ไม่ขอบอกสถานที่ เพราะยังอยู่ในรายละเอียด ถ้ามีการพาดพิงก็เตรียมออกหมายจับเพิ่ม อีก 2-3 วันอาจมีข้อมูลเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ตอนนี้ยังตั้งประเด็นชู้สาวอยู่ เกิดจากความรักความหึงหวง ส่วนเรื่องเงินที่ยืมกันมา เบื้องต้นผู้ตายกับเสี่ยอ้วนชอบพอกัน ทางเสี่ยอ้วนได้ให้เงินกับคนตายไปเยอะพอสมควร ส่วนนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ เป็นคนขับรถโตโยต้ายาริส มีหน้าที่คุ้มกันทีมมือปืน ล่าสุดจับกุมได้แล้ว กำลังนำตัวมาที่ สภ.นาจอมเทียน.


ธารน้ำสีเขียวมรกต ไหลจากขุนน้ำนางนอน

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 61 ที่วนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน บ.จ้อง หมู่ 9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้มีชาวบ้านใกล้เคียงและนักท่องเที่ยวต่างจังหวัดทยอยเดินทางไปเที่ยวชมธารน้ำไหลจากขุนน้ำนางนอน ซึ่งเป็นสายน้ำไหลเชื่อมออกมาจากถ้ำหลวง เทือกเขาดอยนางนอนเดียวกัน ห่างจากถ้ำหลวง ประมาณ 2-3 กม. ภายหลังจากกระแสข่าวเกิดปรากฏการณ์ใหม่น้ำที่ไหลออกจากเทือกเขาดอยนางนอน ซึ่งเชื่อมต่อมาจากถ้ำหลวงมาตามลำธารขุนน้ำนางนอน เกิดเป็นสีเขียวมรกต และเป็นสีฟ้า ตามจุดแสงกระทบของแดด เป็นที่กล่าวขวัญถึงความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น

เมื่อวานอุทยานขุนน้ำนางนอนได้อนุโลมเปิดให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านเข้าชมขุนน้ำนางนอนระหว่างวันหยุดวันที่ 3-6 ส.ค.เท่านั้น จากนั้นเป็นช่วงปิดห้ามเข้าเพื่อทำการบูรณะปรับปรุงภูมิทัศน์เป็นเวลา 6 เดือน

นายตา ตะสุข อายุ 77 ปี ชาวบ้าน บ.โป่ง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เล่าว่า วันนี้ได้พาเพื่อนมาเที่ยวชมลำธารสีเขียว เห็นเป็นเรื่องอัศจรรย์ เพราะย้ายมาอยู่ในพื้นที่นี้กว่า 50 ปีไม่เคยเห็นธารน้ำไหลขุนน้ำนางนอนเป็นสีเขียวมาก่อน ความเห็นส่วนตัวเชื่อเป็นอิทธิฤทธิ์ของเจ้าแม่นางนอน หลังจากผู้คนทั่วโลกมาช่วย 13 หมูป่าออกจากถ้ำได้สำเร็จ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าป่าเจ้าเขาและเจ้าแม่ขุนน้ำนางนอนได้แสดงอิทธิฤทธิ์ให้ผู้คนได้เห็น เพื่อให้คนนับถือและให้ทุกคนเคารพในสถานที่ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

ส่วน นางกุลวรา ศรีหนองห้าง อายุ 45 ปี นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ กล่าวว่า วันนี้ได้พาครอบครัวมาเที่ยวชมความสวยงามของสายธารสีเขียวมรกตและสีฟ้าสดใส ของสายธารขุนน้ำนางนอนแห่งนี้ ซึ่งเพิ่งเข้ามาดูครั้งแรก หลังจากได้ทราบข่าวตามสื่อ และเมื่อได้เห็นสายน้ำเป็นสีเขียวมรกตและสีฟ้าคล้ายๆ กับที่ จ.กระบี่ ทำให้แปลกใจและทึ่งในความงาม ส่วนเกิดจากอะไรก็ไม่ทราบเช่นกัน.


“ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” พบพระ-เณร ทีมหมูป่า เชิญเป็นประธานเปิดนิทรรศการชมภาพถ่าย

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในการช่วยเหลือ 13 ชีวิต นักฟุตบอลเยาวชนพร้อมโค้ช ทีม หมูป่าอะเคเดมี่ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในขณะนั้น นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ผู้บัญชาการในการปฏิบัติการช่วยทีมหมูป่า ที่ติดอยู่ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังการช่วยเหลือทั้ง 12 ชีวิต ได้ตัดสินใจบวช ที่วัดพระธาตุดอยตุง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นเวลา 9 วัน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. เพจ “สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา” ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 3.28 นาที เผยให้เห็นบรรยากาศหลังพระครูประยุตเจติยานุการ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยเวา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นำคณะสามเณรทีมฟุตบอลหมูป่า พร้อมพระโค้ชเอก เข้าพบ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมทั้งยังได้เรียนเชิญ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ไปเป็นประธานในพิธีตัดริบบิ้นเปิดงานนิทรรศการขอบคุณคนทั้งโลก ในวันที่ 4 สิงหาคม 2561 ณ วัดพระธาตุดอยเวา ทั้งนี้ จะพบกับภาพถ่ายของภารกิจช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิต จากถ้ำหลวงกว่า 4,000 รูป อย่างไรก็ตาม วันที่ 4 ส.ค. นี้ จะเป็นวันที่สามเณรทีมฟุตบอลหมูป่า 11 คน ลาสิกขา ณ วิหารพระเจ้าอินทร์สาน วัดพระธาตุดอยเวา เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-11.00 น.โดยมีพระภิกษุผู้ใหญ่หลายรูปร่วมในพิธี จากนั้นในช่วงเย็นจะเป็นงานนิทรรศการ “ขอบคุณคนทั้งโลก” ณ ลานวัดพระธาตุดอยเวา โดยมี นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโดยมีการจัดเลี้ยงอาหารมื้อค่ำในรูปแบบล้านนา

สุดทึ่งนายอำเภอบางกรวย ตามพระบิณฑบาตทุกเช้า

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในอำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี ว่า ได้มีชายสูงอายุ นุ่งขาวทั้งชุด มักเดินตามพระสงฆ์ออกบิณฑบาตในช่วงเช้ามืด โดยชายดังกล่าวจะมาปฏิบัติธรรมสวดมนต์เจริญจิตภาวนาที่วัดหูช้าง ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ในช่วงเย็นๆ หลังเสร็จจากงาน และถือปิ่นโตเดินตามพระภิกษุสงฆ์ออกบินฑบาตทุกเช้า และเป็นที่ทราบกันดีว่าชายคนนี้เป็นถึงข้าราชการฝ่ายปกครองระดับสูง

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปที่วัดดังกล่าว และพบว่า ชายคนนี้ที่แท้ ก็คือ นายวัชรเดช เกียรติชานน นายอำเภอบางกรวย ซึ่งกำลังเตรียมตัวจะออกบิณฑบาตกับพระพอดี และพบว่า นายวัชรเดช ได้เดินตามพระภิกษุออกบิณฑบาตโดยไม่ส่วมรองเท้า จึงได้สอบถามว่า เดินเท้าเปล่าแบบนี้ไม่เจ็บเท้าบ้างหรือ นายวัชรเดช บอกว่า ไม่เจ็บเดินบิณฑบาตกับพระแบบนี้มานานแล้ว จนเคยชินและปฏิบัติแบบนี้มาช้้านานแล้ว

นายวัชรเดช เปิดเผยว่า ในอดีตตนเองเคยดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เมื่อมาเป็นผู้นำในองค์กรแล้ว จึงใช้พระธรรมขัดเกลาจิตใจจนละเลิกได้ทั้งเหล้าและบุหรี่ เวลามีงานที่อำเภอ หรือลงพื้นที่เยี่ยมเยียนชาวบ้านแม้แต่กาแฟยังไม่ดื่มเลย เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นว่าเราเอาเวลาไปนั่งจิบกาแฟสูเอาเวลาไปแก้ปัญหาให้เขาดีกว่า “การที่จะเป็นผู้นำคนได้ต้องทำตนให้ได้ก่อนจึงจะไปปกครองคนได้”

ผู้สื่อได้สอบถามนายวัชรเดช ว่า ชาวบ้านรู้หรือเปล่าว่านายอำเภอมาเป็นเด็กวัดถือปิ่นโตตามพระ นายวัชรเดช หัวเราะก่อนตอบว่า ตอนแรกชาวบ้านก็ไม่รู้คิดว่าตนเองเพียงเป็นแค่ลุงแก่ๆ มาปฏิบัติธรรม แม้แต่บางคนยังเคยเรียกให้ตนเองไปยกของเลย ซึ่งตนก็ไม่ได้บอกหรือแสดงตัวยกของตามที่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดตามปกติ ชาวบ้านหลายคนกล่าวว่าไม่เคยพบเห็นคนระดับนายอำเภอจะทำตัวติดดินได้ขนาดนี้

นายสุเทพ ต่ายจันทร์ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอบางกรวย กล่าวว่า ตนเป็นกำนันมาหลายปียังไม่เคยเห็นท่านนายอำเภอคนใหนทำแบบนี้มาก่อน คนในอำเภอบางกรวยรักท่านนายอำเภอคนนี้มากเพราะท่านทำตัวไม่เหมือนเจ้าคนนายคนเป็นกันเองกับทุกคนแบบไม่ถือตัว จนชาวบ้านแถวนี้กล่าวขานว่าท่านเป็นนายอำเภอนักบุญสมควรแก่การยกย่องนับถือ