เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ซีบีเอส12 รายงานว่า มีหญิงชาวฟลอริดา สหรัฐอเมริกา โดนจับโทษเมาแล้วขับ และใช้ความรุนแรงกับเด็ก วัย 3 ขวบฐานให้นั่งอยู่เบาะด้านหลังโดยที่ไม่มีการรัดเข็มขัดหรือให้เด็กนั่งในบนที่นั่งสำหรับเด็กบนรถ ขณะที่ตนเองขับรถด้วยความหวาดเสียวอันเนื่องมาจากพิษสุรา
เดลีเมล์รายงานว่า ข่าวดังกล่าวนี้สะดุดตาผู้คนจำนวนมาก เนื่องจากภาพถ่ายบันทึกประวัติคดีที่สำนักงานอำเภอปาล์มบีช ผู้ต้องหาหญิง เบรนดี เลอร์มา อายุ 31 ปี ทำตาถลนใส่กล้องจนน่าตกใจ
สำหรับคดีดังกล่าว มีพลเมืองดี ชื่อนายฮวน มาร์ติเนซ แจ้งกับพนักงานสืบสวนที่สำนักงานนายอำเภอปาล์มบีช ในฟลอริดา ว่าพบเห็นรถยนต์เซฟโรเลต มาลิบูสีทองของสตรีรายหนึ่งขับส่ายไปสายมาบนถนนเส้นหนึ่ง และเกือบชนรถยนต์ถึง 4 คัน หญิงผู้ขับรถคันดังกล่าวมีอาการคล้ายมึนเมาหรือเสพอะไรบางอย่างมา อีกทั้งยังเห็นเด็กเล็กอยู่ที่เบาะด้านหลังอีกด้วย
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมน.ส.เลอร์มา วัย 31 ปีที่อยู่ในอาการมึนเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง และหาใบขับขี่ไม่พบ ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่เห็นใบขับขี่ของสตรีผู้นี้อย่างชัดเจนในรถคันดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบเด็กวัย 3 ขวบยืนอยู่ที่เบาะหลังของรถอีกด้วย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่บังคับคดีเรื่องเมาและขับเข้าถึงพื้นที่พร้อมกับใน น.ส.เลอร์มาเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดถูกถึง .200. และ .187. จากการเป่าสองครั้ง ซึ่งเกินกว่ากฎหมายรัฐฟลอริดากำหนดไว้ที่ 0.08.
น.ส.เลอร์มายอมรับว่า ดื่มวิสกี้สองแก้วพร้อมกับยาพาราเซตามอล และยานอนหลับอย่างละเม็ด จึงทำให้มีสภาพเป็นอย่างที่เห็นในรูปทำประวัติ
เวลาผ่านมา 25 วันแล้ว ที่รถเก๋งของ 2นักศึกษาไทย นายภคพล หรือกอล์ฟ ชัยัตนทรงพร อายุ 26 ปี และนางสาวทิวาดี หรือมิน แสงสุริยฤทธิ์ อายุ 24 ปี นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ชนราวกั้นถนนตกลงไปติดแก่งหินในแม่น้ำคิงส์ ก้นเหว ขากลับจากเที่ยวอุทยานคิงส์ แคนยอน เมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยขณะนี้ ยังไม่สามารถกู้ซากรถเพื่อนำร่างของ 2 นักศึกษาไทย ขึ้นมาได้ เนื่องจากกระแสน้ำยังไหลเชี่ยว อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่จะลงไปกู้
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 18 ส.ค. ได้รับการเปิดเผยจาก นายโทนี่ บอตติ โฆษกของสำนักงานนายอำเภอเมืองเฟรสโน เมื่อตอนสายวันที่ 18 จากการตรวจสอบพยากรณ์อากาศ มีโอกาสสูงที่จะมีพายุ ที่อุทยานแห่งชาติคิงส์ แคนยอน ช่วงวันอาทิตย์ถึงวันพุธหน้า คือ ระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 ส.ค.นี้ ทำให้ยังไม่สามารถกู้ซากรถ 2 นักศึกษาไทยตอนนี้ได้ และต้องรอดูปริมาณนํ้าในแม่น้ำคิงส์ หลังพายุอีกครั้งว่า จะสูงขึ้นและน้ำเชี่ยวระดับไหน
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 60 ที่บริเวณศาลาธรรมะสังเวช วัดกลาง ต.ท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา นางพัชรี ปั้นทอง นายวิชา ผลิผล และญาติ เดินทางมาพร้อมด้วย กระดูกของพลอยนรินทร์ ผลิผล หรือ น้องพลอย ซึ่งบรรจุอยู่ในลังกระดาษ และห่อผ้าขาวมาอีกชั้น
ทั้งนี้ ที่ศาลามีเพื่อนๆ และคนที่รู้จัก มารอร่วมรดน้ำศพจำนวนมาก ทันทีที่มาถึง หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ ได้ช่วยกันนำห่อกระดูกออกจากลังกระดาษ แล้วจัดเรียงเป็นรูปร่าง ซึ่งมีเพียงส่วนของซี่โครงและกระดูกขาบางส่วน แล้วจึงนำวิกผมมาเรียง พร้อมทั้งนำชุดกระโปรงลายจุดขาวดำที่น้องพลอยชอบมาวางคลุมเอาไว้
ขณะเดียวกัน นางพัชรี ได้เดินไปยืนดูที่รูปตั้งหน้าศพ แล้วบอกว่า วันนี้ลูกสวยมาก จากนั้นได้เดินไปติดกิ๊บวางที่วิกผม ซึ่งแม่ของน้องพลอยกลั้นน้ำตาไม่อยู่ถึงกับก้มลงไปร้องไห้เป็นเวลานาน จนทำให้คนที่มาร่วมงานถึงกับร้องไห้ตามไปด้วย จากนั้นนายวิชา ผู้เป็นพ่อก็มายืนดูร่างของลูก แล้วก็ร้องไห้เช่นกัน
ด้านนายวิฑิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ ได้เดินทางมาแสดงความเสียใจกับสองสามีภรรยา และกล่าวว่า นางพัชรีเป็นคนเก่งมาก ที่อดทนจนสามารถติดตามพบลูกได้ แม้ว่าจะเสียชีวิตก็ตาม
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างหดหู่ ซึ่งมีเพื่อนๆ ของแม่และน้องพลอยมาช่วยกันประดิษฐ์ตกแต่งด้วยดอกไม้และดอกกุหลาบ มีข้าราชการและคนที่รู้จักนำพวงหรีดมาวางไว้ เพื่อแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก โดยงานศพจะจัดไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 20 ส.ค. ก่อนที่จะทำพิธีฌาปนกิจวันจันทร์ที่ 21 ส.ค.นี้
นางวิภาวรรณ สุวรรณอ่วม อายุ 38 ปี อดีตเพื่อนพนักงานของน้องพลอย กล่าวว่า น้องพลอยเป็นคนน่ารัก และไม่ชอบยุ่งเรื่องใคร ปกติน้องจะทำงานอยู่ภายในออฟฟิศ ส่วนตนทำงานอยู่แผนกเทยา ซึ่งน้องจะอยู่หน้าห้อง ทุกวันจะขี่จักรยานมาทำงานด้วยกัน และมักจะคุยกันเรื่องที่จอดรถจักรยานเป็นประจำ
นายเทพ เกิดสมบูรณ์ เจ้าของร้านกุหลาบล้านนา ตลาดไท เปิดเผยว่า ดอกไม้ที่นำมาวันนี้ แม่ของน้องพลอยกำหนดให้เป็นสีขาวล้วน เนื่องจากน้องพลอยชอบสีขาว โดยเฉพาะดอกเบญจมาศและดอกมัม ซึ่งวันนี้ใช้ดอกเบญจมาศตกแต่งที่เครื่องตั้ง หีบศพ จำนวน 300 ดอก เป็นดอกเบญจมาศสีขาวล้วน ดอกใหญ่ แซมด้วยดอกมัม ซึ่งสั่งมาจากดอยอินทนนท์ โครงการหลวง จำนวน 20 กำ นับร้อยดอก และตกแต่งบริเวณรูป ด้วยดอกกล้วยไม้สีขาว.
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2560 พร้อมด้วย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับรัฐวิสาหกิจที่ขับเคลื่อนประเทศมาโดยตลอด และต้องทำให้ก้าวหน้าต่อไปโดยเร็ว ทุกคนทราบดีถึงความสำคัญของรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องการให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังนั้นผู้ได้รับรางวัลในวันนี้ ขอให้นำไปใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม ตอบสนองการเมือง ตอบสนองนโยบายจากรัฐบาล ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ เพราะเป็นการทำงานต่อเนื่องมาถึง 3 ปี ต้องขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้าให้ได้ ต้องแก้ปัญหาต่างๆ สร้างความเข้มแข็งอนาคตประเทศ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นวันนี้คือการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความหวาดระแวง สร้างประโยชน์ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกฝ่าย คำนึงถึงเป้าหมาย บริการประชาชน และสร้างรายได้ให้กับประเทศ
"ปัญหาที่ประเทศยังติดขัดอยู่คือความคิดคนที่ไม่เปลี่ยนมากนัก ปัญหาความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจการทำงานของรัฐบาล ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากต้องช่วยตัวเอง เพราะวันนี้ได้ยินนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่า สื่อไม่มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้รัฐบาล แต่มีหน้าที่ในการทำประโยชน์สาธารณะ ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ทำเพื่อใคร มีประโยชน์หรือไม่ แทบไม่รู้ตัว แต่ไม่ได้คาดหวังอะไรท่านอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องตามสัมภาษณ์ผมอีกต่อไป ผมจะพูดของผม พูดกับพวกเรา คงไม่มีใครเบื่อที่จะฟัง จะพูดไปเรื่อยๆ ต้องการให้ประเทศไปข้างหน้า ใครจะเกลียดก็ช่าง ไม่มีอะไรทำให้ผมตายได้หรอก นอกจากผมจะตายเอง เส้นโลหิตแตกตายเอง ตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ เหรียญบาทสักเหรียญ ลูกหลานไม่ได้เอายัดปาก ผมได้พูดทุกอย่าง ไม่ต้องโกหกใคร ไม่ต้องอ้อมแอ้ม แต่ทุกคนต้องเคลียร์เรื่องผลประโยชน์ให้ได้ ต้องเปิดเผย ต้องพูดทำความเข้าใจ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการสร้างความเข้าใจ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราได้รับความเชื่อถือจากต่างประเทศมากพอสมควร เพราะทำตามสัญญา ทำถูกต้องชอบธรรม ลดความไม่โปร่งใสได้มาก นี่คือสิ่งที่ต่างประเทศพูดกับตน พวกเขาพอใจ เป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนภูมิใจ นอกจากรางวัลแล้ว ให้มีกำลังใจสู้รบต่อกับเรื่องแบบเมื่อกี๊ แม้จะท้อ แต่ท้อไม่ได้ เขาเรียกว่า ยิ่งตียิ่งโต เพราะมันสู้ จะทำอะไรต้องสร้างความเข้าใจ ต้องป้องกันตัวเองให้ได้ ทุกคนต้องช่วยตรงนี้ ตนไม่อาจแก้ตัวให้ได้มากนัก เพราะอยู่ในฐานะรัฐบาล ถืออำนาจบริหารราชการแผ่นดิน ให้ลองนึกถึงเม่น ตัวนิดเดียว แต่ใครเข้าใกล้ไม่ได้ เพราะพองขน ดังนั้นต้องสร้างมาตรการป้องกันตัวเอง ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่องค์กรต้องทำตัวแบบนี้ ปกป้องตัวเองให้ได้ ปกป้องรัฐบาลให้ได้ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง
"คนไทยเคยชินกับการแสดงความเห็นแบบไม่มีขีดจำกัด ทั้งในสื่อ หรือในโซเชียลมีเดีย ทั้งที่จริงควรมีพื้นฐานหลักการ ถ้ามองแค่ว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ เรื่องรายรับรายจ่าย ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น มีการโกงกิน ก็วนอยู่ที่เดิม ก็เน่าอยู่ที่เดิม ทั้งที่ยังไม่ใช่ ต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ ทำแผนยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน เชื่อมโยงทั้งภูมิภาค จังหวัด และท้องถิ่นให้ได้"
วันที่ 18 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 22..00 น. ตามเวลาไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เมืองตูร์กู ประเทศฟินแลนด์ รายงานว่า เกิดเหตุไล่แทงคนได้รับบาดเจ็บ และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง”
ทั้งนี้ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยว่า คนร้ายใช้มีดไล่แทงประชาชน โดยมีหญิงคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ส่วนประชาชนในบริเวณดังกล่าว ต่างส่งเสียงร้องตกใจและวิ่งไปคนละทิศละทาง ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เป็นเรื่องที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นในฟินแลนด์
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงคนร้าย และสามารถควบคุมตัวได้แล้ว ขณะที่ รัฐบาลฟินแลนด์ประกาศให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในพื้นที่สถานีรถไฟและสนามบิน
ทั้งนี้ ตำรวจ เผยว่า ได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 1 ราย หลังยิงปืนเข้าใส่ และดำเนินการตามล่าผู้ต้องสงสัยคนอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีครั้งนี้ ส่วนสื่อท้องถิ่น รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน ในเหตุโจมตี และตำรวจกำลังเข้าตรวจค้นรถไฟและรถบัสขาออก
ด้าน นายจูฮา ซิปิลา นายกรัฐมนตรี เขียนบนทวิตเตอร์ก่อนหน้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลกำลังติดตามสถานการณ์ในเตอร์กูอย่างใกล้ชิด และตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการ
สื่อท้องถิ่น รายงานว่า ตำรวจยกระดับรักษาความปลอดภัยที่สนามบินเฮลซิงกิและสถานีรถไฟต่างๆ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการสรุปว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังการก่อการร้ายในสเปนประมาณ 24 ชั่วโมง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ร.ต.ต.เชิดชาย ไชยจันทร์ หัวหน้าสายตำรวจควนลัง สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งว่า มีชาวต่างชาติ เข้าไปหุงข้าวและ ประกอบอาหารอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ (เซเว่นอีเลฟเว่น) ตรงข้ามโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ ริมถนนสายสนามบิน หมู่ 6 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตำรวจจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ
พบชายต่างชาติอายุประมาณ 50 ปี เป็นชาวจีน ลักษณะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับรถจักรยานที่ดัดแปลงขึ้นเป็นพิเศษสำหรับปั่นทางไกล มีสัมภาระและเครื่องยังชีพครบชุด โดยเฉพาะเครื่องครัวและเตาแก๊สขนาดเล็กสำหรับหุงหาอาหาร ที่รถยังมีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องร่อนไว้ด้วย โดยกำลังนั่งกินข้าวอยู่ข้างรถจักรยาน ซึ่งทางตำรวจพยายามสื่อสารและสอบถามพนักงานร้านสะดวกซื้อ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุชายชาวจีนรายนี้ได้ปั่นรถจักรยานมาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ และนำเครื่องครัวทั้งหม้อหุงข้าว เตาแก๊สขนาดเล็กเข้าไปวาง แล้วหุงข้าวบริเวณหน้าร้านแบบหน้าตาเฉยไม่รู้ไม่ชี้ และยังใช้น้ำของทางร้านอีกด้วย ท่ามกลางความงุนงงของพนักงานร้าน
ต่อมาพนักงานจึงได้ออกมาขอร้องให้ไปหุงข้าวและทำอาหารที่อื่น เพราะกีดขวางลูกค้า เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้น ชายชาวจีนรายนี้จึงยอมออกมาหุงข้าวที่บริเวณลานหน้าร้านแทน และนั่งกินข้าวโดยไม่แคร์สายตาใคร หลังกินเสร็จได้ปั่นรถจักรยานต่อไป ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะไปที่ใด เนื่องจากสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012