ผลการแข่งขันการประกวด Instragram Reels Contestในโอกาสครบรอบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ โดยสถานกงสุลใหญ่ นครลอสแอนเจลิส ร่วมกับสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ จัดการประกวดแข่งขัน Video จากเยาวชนไทยใน US ประกาศผลผู้ชนะการประกวด IG Reels Video และได้ทำพิธีมอบรางวัลผู้ชนะเลิศ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยได้รับเกียรติจากนายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ นครลอสแอนเจลิส เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล โดยมี นุชนาฏ อุงอำรุง นายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้และทีมงานเข้าร่วมพิธีด้วย ผลการแข่งขันการประกวดมีดังนี้คือ
รางวัลที่1 ได้ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 1ใบจาก ททท.คือน้องนาตาชา มาร์ จาก San Diego
รางวัลที่ 2 500 USD : คือ BENJAMIN BARAMEE GOODMAN
รางวัลที่ 3 300 USD : คือ MARINA PEARL TONGDEE
สามารถติดตามรายละเอียดได้ดังนี้
1. รางวัล popular vote : Link :
https://www.instagram.com/p/CrqEEqIrGv8/
2. รางวัลที่ 1 Link :
https://www.instagram.com/reel/Cqb9cmLMJ8D/?igshid= YmMyMTA2M2Y=
3. รางวัลที่ 2 Link :
https://www.instagram.com/reel/CrpyCJUud2i/?utm_source= ig_web_button_share_sheet
4. รางวัลที่3:Link :
https://www.instagram.com/reel/Crl3kHUgO_j/?igshid=YmMy MTA2M2Y=
ผู้ที่ได้รับรางวัลโปรดติดต่อกลับสถานกงสุลใหญ่ฯ เพื่อยืนยันตัวตนได้ที่
ฝ่ายชุมชน โทร (323) 962 - 9574 +ต่อ 221 หรือ อีเมล์ Thaicommunity@thaiconsulatela.org
เมื่อวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2023 สมาคมอีสานแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ นำโดย “เบญจพร อัญฤาชัย” นายกสมาคมอีสานฯ พร้อมด้วยอดีตนายกสมาคมอีสานฯ อาทิ พูนสิน สุทธิสาร, วราภรณ์ เตียประสิทธิ์, รังสิต คงจันทร์ จัดงาน “อีสานบอลล์” ที่ Arcadia Community Center เพื่อนำรายได้สนับสนุนอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนที่โรงเรียนทางภาคอีสาน โดยมี กงสุลใหญ่ ลอสแอนเจลิส ต่อ ศรลัมพ์ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน มีกิจกรรมสืบสานประเพณีพิธีแห่บั้งไฟ นอกจากนี้ยังมีการประกวดแต่งกายอีสานยอดเยี่ยม
ผู้นำจีนต้อนรับนายบิล เกตส์ ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นกลับมาเยือนแผ่นดินมังกรเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2562 ของอภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวอเมริกัน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ให้การต้อนรับและพบหารือ กับนายบิล เกตส์ อภิมหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ และปัจจุบันดำรงตำแห่งประธานร่วมของมูลนิธิบิลแอนด์เมลินดา เกตส์ ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันศุกร์ โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่เกตส์เดินทางมายังจีน และถือได้ว่า เป็นเหตุการณ์แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ผู้นำจีนต้อนรับนักธุรกิจจากตะวันตกด้วยตัวเอง
ขณะที่สื่อกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลปักกิ่งรายงานไปในทางเดียวกัน ว่าสีกล่าวในช่วงหนึ่งระหว่างการสนทนากับเกตส์ ว่าอีกฝ่ายเป็น “เพื่อนเก่า” และ “เพื่อนชาวอเมริกันคนแรกในปีนี้” ซึ่งผู้นำจีนได้พบในกรุงปักกิ่ง และแสดงความหวังว่า การมาเยือนของเกตส์จะเป็นความหวัง และเป็นการสานต่อมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
ด้านเกตส์เปิดเผยหลังการเข้าพบกับสีว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้กลับมาเยือนจีนอีกครั้ง และกล่าวว่า หารือกับผู้นำจีน “ในหลายประเด็นสำคัญ” แต่ปฏิเสธขยายความ
อย่างไรก็ดี ต่อจากนั้นไม่นาน มูลนิธิบิลแอนด์เมลินดา เกตส์ ประกาศมอบความสนับสนุนมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,731 ล้านบาท) ให้แก่ทางการจีน เพื่อร่วมยกระดับโครงการต่อสู้กับโรคมาลาเรีย และวัณโรค
เครดิตภาพ : XINHUA... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/2444356/
แอนเธีย เกรซ แพทริเซีย เดนนิส สาวน้อยวัย 12 ปี เด็กอัจฉริยะ ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนอายุน้อยที่สุดที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในแคนาดา โดยสำเร็จปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ โดยเริ่มต้นสายวิชาการตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
“ฉันจะภูมิใจ ฉันจะหวังว่าฉันจะไม่ตกเวที ฉันจะมีความสุขสำหรับตัวเองด้วย ไม่ใช่แค่สำหรับคนอื่นเท่านั้น ฉันภูมิใจในตัวเองที่มาถึงจุดนี้ได้ แม้จะมีอุปสรรคและอุปสรรคมากมายสำหรับคนอย่างฉันก็ตาม”
วิทยานิพนธ์ของเธอนั้นมีเนื้อหาครอบคลุม 40 หน้า มุ่นเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมการทำงานในสมอง และความโน้มเอียงในการใช้มือข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้างหนึ่ง การค้นพบของเธอ เผยให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของสมอง ระหว่างคนถนัดขวาและถนัดซ้าย
โจฮานนา เดนนิส แม่ของเธอ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว และอาจารย์สอนกฎหมาย เห็นความสามารถพิเศษของเธอตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบครึ่ง โดยแพทริเซียมองว่า การสำเร็จการศึกษาครั้งนี้เป็นโอกาสที่ได้แสดงความขอบคุณแม่ของเธอ
การเริ่มต้นชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น ทำให้แพทริเซียเจอความท้าทายไม่เหมือนใคร ผู้คนมักมีอคติ และคาดหวังตามอายุของเธอ ทำให้เธอต้องจัดการและเอาชนะสิ่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งเธอได้ฝากถึงคนอายุน้อยว่า อย่าปล่อยให้ความคาดหวังของคนอื่นมาบั่นทอน
นอกจากนี้ เธอยังมีความสามารถพิเศษในฐานะนักไวโอลินมากฝีมือ เธอชอบเล่นกับแมวของเธอและดูรายการทีวีกับครอบครัวของเธอ
หลังจากหมดช่วงพักร้อน แพทริเซียก็ศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา ซึ่งตัวเลือกของเธอคือ McGill University, University of Toronto และ Illinois Institute of Technology เพื่อค้นคว้าเรื่องสมองต่อไป และฝันจะมีห้องทดลองของตัวเองสักวัน
ที่มา uOttawa / risingafrica / cbc
16 มิ.ย.66 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้รายงานว่า กองทัพเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธนำวิถีลูกหนึ่ง ตกลงในทะเลตะวันออก เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการฝึกซ้อมรบร่วมด้วยกระสุนจริง ระหว่างกองทัพเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ที่ดำเนินการใกล้กับเขตปลอดทหาร ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา
แม้การซ้อมรบลักษณะนี้ “ซึ่งเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ” โดยดำเนินการมาแล้ว 11 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2520 แต่การฝึกซ้อมครั้งนี้ มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากกองทัพทั้งสองประเทศ ขนระบบอาวุธเข้าร่วมประมาณ 610 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินขับไล่ เฮลิคอปเตอร์โจมตี อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน และรถถัง
ขณะเดียวกัน กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างเก็บกู้ซากจรวดของเกาหลีเหนือ ซึ่งพยายามปล่อยดาวเทียมสอดแนมทางทหาร เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยชิ้นส่วนจรวดตกลงในทะเลเหลือง ห่างจากชายฝั่งเกาะโอช็อง ที่อยู่นอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ ออกไปทางตะวันตกอีกประมาณ 200 กิโลเมตร
ในฐานะที่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจ ฉะนั้นหากเราพอจะวิเคราะห์และคาดการณ์ว่า ใครอยู่ในเกณฑ์และมีแนวโน้มจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปในปีค.ศ. 2024 ก็ย่อมจะทำให้เราสามารถปรับตัวได้ไม่มากก็น้อยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง และด้านการต่างประเทศที่จะมีต่อสหรัฐอเมริกา
สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนต่อไปนั้นจะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน ปีค.ศ. 2024 แต่ขณะนี้นักพนันส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นว่า “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” เป็นตัวเก็งที่มีแต้มเป็นต่อมีส่วนจะได้รับเลือกอีกหนึ่งสมัย !!!
แต่อย่างไรก็ตามการเมืองของสหรัฐฯ ไม่แน่ไม่นอนมีภาวะผันผวนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” สอบตกการเลือกตั้งไปเมื่อสองปีก่อน โดยที่เขาไม่ยอมทำใจรับการพ่ายแพ้ ทั้งๆ ที่ทราบล่วงหน้ามาก่อนแล้ว จะเห็นได้ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์พยายามงัดเอากลเม็ดต่างๆ ออกมาใช้ เพื่อหวังจะพลิกโผการเลือกตั้ง แต่กลับประสบกับความล้มเหลวแทบทุกครั้ง
ทั้งๆ ที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของพรรครีพับลิกันทั่วประเทศต่างก็ออกมาแถลงในแนวทางเดียวกันว่า “การเลือกตั้งเมื่อครั้งที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการเลือกตั้งที่เป็นไปด้วยความราบรื่นสมบูรณ์แบบ และยุติธรรมที่สุด ซึ่งข้อกล่าวหาที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาประกาศป่าวร้องว่า มีการโกงเลือกตั้งไม่มีมูลความจริง”
“ศาสตราจารย์อะแลน ลิชต์แมน” นักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงเรืองนามคนหนึ่งของสหรัฐฯ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำนายผลการเลือกตั้งประธาธิบดีสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำเต็มร้อยทุกๆ ครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 เป็นต้นมา
แม้กระทั่งในการเลือกตั้งเมื่อปีค.ศ. 2016 ที่บรรดาสำนักโพลต่างๆ ต่างคาดการณ์กันว่า “ฮิลลารี คลินตัน” คงจะได้รับชับชนะในการเลือกตั้งและได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสุภาพสตรีของสหรัฐฯ เป็นคนแรกก็ตาม แต่กลับปรากฏว่าศาสตราจารย์ดร.ลิชต์แมน กลับทำนายตรงกันข้ามกับบรรดาสำนักหยั่งเสียง เพราะเขาออกมาทำนายว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับเลือก ซึ่งก็แม่นยำดั่งองค์เทพสามตามาดลใจ จนโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเขียนจดหมายไปกล่าวคำขอบคุณต่อศาสตราจารย์ลิชต์แมนอีกด้วย
และในทำนองเดียวกันดร.ลิชต์แมน ก็ยังทำนายได้อย่างถูกต้องตรงเป๊ะว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพ่ายแพ้ และโจ ไบเดน จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป”
ทั้งนี้ศาสตราจารย์ดร.ลิชต์แมน ได้ออกมาอธิบายถึงข้อกล่าวหาที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมากล่าวอ้างว่า มีการฉ้อฉลโกงการเลือกตั้งหลังจากที่ตนเองประสบกับความพ่ายแพ้ว่า เป็นเรื่องเท็จ ไม่มีมูลความจริง และไม่มีน้ำใจนักกีฬายอมรับต่อผลการพ่ายแพ้ นับว่าเป็นตัวอันตรายต่อรากฐานระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่เคยเกิด ขึ้นเช่นนี้ในแวดวงการเมืองของสหรัฐฯ มาก่อนเลย !!!
ในหนังสือของดร.ลิชต์แมน ที่เขียนเกี่ยวกับคดีปลดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ที่หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “The Case for Impeachment” ในบทที่ 5 หน้า 87 ท่านได้เขียนเอาไว้ว่า “การโกหกของประธานาธิบดีทรัมป์ถือเป็นการทรยศต่อประเทศชาติ ทำนองเดียวกับที่ “ประธานาธิบดีบิล คลินตัน” ให้การมดเท็จเมื่อปีค.ศ. 1998 กรณีอื้อฉาวที่เข้าไปมีเพศสัมพันธ์กับอดีตนักศึกษาสาว “โมนิกา ลูวินสกี” และทำนองเดียวกันกับกรณีวอร์เตอร์เกตของ “ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน” นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีการที่ “ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช” ออกมาปรุงแต่งปั้นเรื่องว่า อิรักมีอาวุธร้ายแรง” โดยศาสตราจารย์ดร.ลิชต์แมน เขียนลงในหนังสือว่า “รู้สึกประหลาดใจที่เพราะเหตุใดครั้งนั้น ประธานสภาฯ แนนซี เพโลซี มิยอมดำเนินการปลดประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ออกจากตำแหน่ง”
ในหนังสือหน้า 88 ของหนังสือ “The Case for Impeachment” ท่านได้อธิบายกรณีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่า “ประธานาธิบดีผู้นี้มีประวัติการโกหกมาเกือบตลอดทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการโกหกทางด้านประกอบธุรกิจ ด้านการต่อสู้คดีมาแล้วนับพันๆ คดี” โดยศาสตราจารย์ดร.ลิชต์แมน ได้เขียนลงในหนังสือว่า “อดีตประธานาธิบดีทรัมป์คงจะไม่เปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรม และคงจะตั้งหน้าตั้งตาโกหกต่อไป ถึงแม้ว่าจะกล่าวคำสาบานเอาไว้ว่า จะพูดแต่ความจริงก็ตาม”
ล่าสุดนี้ “อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรจอห์น โบห์เนอร์” ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองอีกท่านหนึ่งของค่ายพรรครีพับลิกันได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอส เมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า “ถึงเวลาแล้วที่พรรครีพับลิกันจะต้องเดินหน้าต่อไป และข้าพเจ้าขอเปิดใจพูดตรงๆเลยว่า พวกเราในพรรคควรจะถอยห่างออกจากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เสียที ” ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าอดีตประธานสภาฯ ได้ผันตัวถอยห่างออกจากประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ผู้ชุมนุมแห่แหนเข้าโจมตีรัฐสภาของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
ตามมาด้วย “อดีตผู้ว่าฯคริส คริสตี” แห่งรัฐนิวเจอร์ซีย์นานสองสมัย และยังเคยมีตำแหน่งเป็นอัยการของรัฐบาลกลาง และเคยลงแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเจ็ดปีก่อน ซึ่งเขาเป็นคนแรกในบรรดาผู้เข้าแข่งขันที่ได้ออกมาประกาศสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ แต่หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์พ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อปี ค.ศ.2021 แถมยังไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ ก็ปรากฏว่า ทั้งคู่ต่างหันหลังแยกวงคอนเวิร์สทางใครทางมัน !!!
และเมื่อวันอังคารที่แล้วผู้ว่าฯคริสตี ก็ได้ออกมาประกาศตัวลงสมัครแข่งขันการเป็นตัวแทนของพรรคกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในการเลือกตั้งปี 2024 โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์
ซีเอ็นเอ็นว่า “คนอเมริกันผู้ที่มีสิทธิมีเสียงควรจะวิเคราะห์และเล็งเห็นถึงพฤติกรรมของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าเป็นคนที่ขาดความรับผิดชอบ”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผู้ว่าฯคริสตี ได้ออกเดินทางไปหาเสียงที่ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เขาก็ได้กล่าวว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นนักฉวยโอกาส เป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวนฉุนเฉียวขี้โมโห แถมยังเป็นคนขี้โม้ และขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีประสบแต่ความล้มเหลว”
ผู้ว่าฯคริส คริสตี วัย 60 ปี ได้ประกาศว่า ข้าพเจ้าพร้อม และเต็มใจที่จะกล่าวโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แม้จะเคยเป็นเพื่อนเก่ากันก็ตาม และนอกเหนือจากนั้นผู้ว่าฯคริสตี้ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เหมาะสมที่จะกลับไปทำเนียบขาวอีกต่อไป สืบเนื่องจากการที่เข้าไปอยู่เบื้องหลังยุยงชักใยให้ฝูงชนเข้าไปโจมตีรัฐสภานั่นเอง”
โดยตอนหนึ่งผู้ว่าฯ คริสตียังได้กล่าวว่า “อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกตั้งข้อหาและกำลังจะเผชิญต่อการถูกฟ้องร้องเพิ่มเติมในคดีอื่นๆ อีกมากมาย”
อนึ่งผู้ว่าฯ คริสตี ยังกล่าวเสริมเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า “ข้าพเจ้าทราบดีว่า ตนเองถนัดอะไร ข้าพเจ้ารู้วิธีโต้แย้ง และข้าพเจ้ารู้ว่าทั้งหมดจะลงเอยเช่นไร ซึ่งหมายความว่า พวกเราจะไม่ต้องกลัวอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อีกต่อไปแล้ว” !!!
มองๆ ไปแล้วโอกาสที่ผู้ว่าฯ คริสตีจะได้รับเลือกเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน ดูเหมือนช่างแสนจะห่างไกล เนื่องมาจากเขาตัดสินใจประกาศลงแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีค่อนข้างล่าช้าและขาดเม็ดเงินสนับสนุน แต่ดูเหมือนว่าการที่เขามีความมุ่งมั่นเข้ามาลงแข่งขันในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะมาโต้วาทีทำลายล้างอิทธิพลที่มีอยู่ในพรรครีพับลิกันของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ให้หมดสิ้นไปนั่นเอง !!!
อย่างไรก็ตามแม้ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะโดนฟ้องร้องในนครนิวยอร์กถึง 34 กระทง และยังปรากฏอีกว่า เมื่อวันศุกร์ที่แล้วเขาก็ยังต้องเผชิญกับความผิดทางอาญาจากรัฐบาลกลางแถมเพิ่มอีก 37 กระทง ในข้อหาที่เอาเอกสารลับสุดยอดกว่า 300 ฉบับ ที่ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์กับต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทหารและแหล่งข่าวที่เป็นความลับด้วย ที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์นำเอาไปเก็บไว้ที่บ้านพักมาร์-อา-ลาโก รัฐฟลอริด้า
กล่าวโดยสรุปทั้งนั้นและทั้งนั้นเมื่อวันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2023 หลังจากที่ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ปรากฏตัวในศาลรัฐบาลกลางไมอามี รัฐฟลอริด้า ที่เขาต้องเดินทางไปรับฟังข้อกล่าวหาทางคดีอาญา 31 กระทง เกี่ยวกับพระราชบัญญัติจารกรรม ปรากฏว่าวันนั้นบรรดาอดีตพันธมิตรเก่าของเขาที่เคยรักกันแบบสนิทสนมดูดดื่ม อาทิเช่น “มิชท์ แม็คคอนเนลล์” ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาหรือแม้กระทั่ง “อดีต ผู้ว่าฯ นิกกี้ เฮลีย์” แห่งรัฐเซาท์แคโรไลนาที่คาดว่าจะอยู่ในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะนี้ต่างแสดงท่าทีเฉยเมยหันหลังตีตัวออกห่าง เท่ากับว่าทางเดินในแวดวงการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์คงจะอยู่ห่างออกไปแบบแสนยาวไกลทุกทีทุกที
ข่าว : ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย