ข่าว
ประชาชนหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมศพ 5 ต.ค.2560 รวมทั้งสิ้น 110,889 คน

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ วันที่ 5 ต.ค.2560 มีทั้งหมด 110,889 คน รวมตลอด 337 วันอยู่ที่กว่า 12.7 ล้านคน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลรวม 337 วันกว่า 889 ล้านบาท...

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2560 สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 5 ต.ค.จนถึงเวลา 02.18 น. ของวันที่ 6 ต.ค. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 110,889 คน รวม 337 วัน มี 12,739,531 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 7,016,818 บาท รวม 337 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 889,545,100.01 บาท.

นายกฯ ชวนคนไทย แสดงความจงรักภักดี

วันที่ 6 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า ในห้วงเดือน ต.ค.นี้ มีการปฏิบัติที่สำคัญๆ เกี่ยวข้องกับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศสูงสุด รวมทั้งแสดงความจงรักภักดี และความอาลัย แด่พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ตนขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสมพระเกียรติ

โดยขอประชาชนโดยทั่วไป และทุกภาคส่วน ให้ความร่วมมือไว้ทุกข์และออกทุกข์ สอดคล้องกับทางราชการ ตามที่ขยายออกไปอีก จากวันที่ 13 ต.ค.ให้ถึงวันที่ 27 ต.ค. 60 และขอให้สถานที่ราชการ สถานศึกษา สถานที่ทำการของรัฐ ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ลดธงครึ่งเสา ในช่วงเวลาการไว้ทุกข์ดังกล่าว รวมเป็นเวลา 15 วัน และออกทุกข์ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ต.ค. 60 โดยเริ่มทยอยเก็บผ้าระบาย และป้ายต่างๆ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป

สำหรับสถานบันเทิง และสถานีโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ ขอให้พิจารณา งด หรือลดกิจกรรมบันเทิงตลอดเดือนตุลาคมนี้ เพื่อความเหมาะสมกับอารมณ์ และความรู้สึกของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ และเนื่องจากในวันที่ 26 ต.ค. 60 ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จึงกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการพิเศษเพียงวันเดียว เฉพาะในปีนี้ ส่วนวันที่ 13 ต.ค.ของทุกปี เป็นวันหยุดราชการ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ทั้งนี้ เนื่องด้วยในวันที่ 26 ต.ค. มีข้อจำกัดเรื่องการใช้พื้นที่ การจราจร และการรักษาความปลอดภัย ทำให้มณฑลพิธีท้องสนามหลวงไม่อาจจะรองรับทุกคนได้ ดังนั้น พี่น้องประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้ในพื้นที่โดยรอบ ตามความสมัครใจ โดยการถวายดอกไม้จันทน์ของประชาชนนั้น สามารถดำเนินการได้ ณ พระเมรุมาศจำลอง ทั่วประเทศ ซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ และวัดต่างๆ ที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งสถานทูตไทย ณ ต่างประเทศทั่วโลก เพื่อให้บริการและรับรองประชาชนอย่างทั่วถึง


รวบแก๊งต้มตุ๋นอ้างรัชทายาทมอญ หลอกนักธุรกิจไทยเเสียหาย 300 ล้าน

(6 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ดำเนินการสืบสวนหลังพบว่ามี กลุ่มขบวนการแอบอ้างเป็นเจ้าแห่งรัฐมอญหลอกลวงนักธุรกิจไทยไปลงทุนที่รัฐมอญ ในประเทศเมียนม่า มีบริษัทหลงเชื่อกว่า 100 แห่ง รวมทั้ง มีการแต่งกายชุดราชการพลเรือนและทหารไทยหลอกลวงชาวบ้าน เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายประมาณ 300 ล้านบาท จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนก่อนเสนอ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขออนุมัติเป็นคดีพิเศษ 217/2560 กรณี การนำเข้าข้อมูลบุคคล นิติบุคคล และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์(แอบอ้างเป็นรัชทายาทมอญ และหลอกลวงว่าได้รับสัมปทานโครงการก่อสร้างในประเทศเมียนม่า) กระทั่งได้มีการออกหมายจับ ผู้ต้องหา 3 ราย เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา คือ 1.นางสุภัตทา จันทรรังษี สัญชาติไทย 2. นายกอว มิน อู (MR.KYAW MYINT OO) หรือ เทพโยธิน มหาทุน สัญชาติชาวเมียนม่า และ 3.นายโกสินธ์ จินาอ่อน สัญชาติไทย ในฐานความผิด ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฏหมายอาญาและร่วมกันเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ

ต่อมา วันที่ 5 ต.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ติดตามจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ได้บริเวณย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ คือ 1.นางสุภัตทา จันทรรังษี ถูกควบคุมตัวตามความในข้อ 4 แห่งคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2559 เรื่องการป้อง และปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และ 2.นายโกสินธ์ จินาอ่อน ถูกจับกุมตามหมายจับ พร้อมกับแจ้งข้อหาชั้นสอบสวน ในฐานความผิด ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , ร่วมกันเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อัน เป็นเท็จและร่วมกันฉ้อโกงประชาชนอันเป็นความผิดตามมาตรา 14 (1) (5) แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับ 2) พ.ศ.2560 และมาตรา 343 มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91 แห่งประมวล กฎหมายอาญา ซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ผู้เสียหายที่เคยถูกกลุ่มขบวนการดังกล่าวแอบอ้างหลอกลวงสามารถเดินทางมาให้ปากคำในฐานะพยานได้ที่ ดีเอสไอ เพื่อดำเนินการสอบสวนขยาย ผลผู้เกี่ยวข้องร่วมขบวนการดังกล่าวต่อไป


นายกฯเผย "ทรัมป์" ไม่ถามการเมืองไทย

(6 ต.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ช่วงหนึ่งว่า การพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นการหารือสองต่อสอง ตนได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ในลาสเวกัสและภัยพิบัติเฮอริเคนที่สหรัฐฯ ประสบอยู่ ได้ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่เป็นมิตรกันมาอย่างยาวนาน 184 ปี ในปีนี้อย่างเป็นทางการ และคงต้องย้อนไปเกือบ 200 ปี สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ส่วนในเรื่องของการพัฒนาการเมืองไทย ท่านไม่ได้ถามอะไร ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เป็นที่น่าแปลกใจ แสดงว่าท่านเข้าใจ เพราะฉะนั้นตนได้ยืนยันเราเดินหน้าตามโรดแมป โดยจะมีการเลือกตั้งแน่นอนในปลายปีหน้า คำว่าเลือกตั้งก็คือ การประกาศวันเลือกตั้ง จากนั้นก็ต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการต่ออีกประมาณ 150 วัน ก็ยืนยันไปตามนั้นตามโรดแมป

นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังชื่นชมประเทศไทย บอกว่าเมืองไทยสวยงาม คนไทยก็น่ารัก ตนก็ถือโอกาสขอเชิญท่านประธานาธิบดีและภริยาเยือนเมืองไทยด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเพียงแต่สอบถามความคิดเห็นเรากับเกาหลีเหนือ ไทยเองก็ยืนยันว่าต้องการเห็นความสงบสุขในคาบสมุทรเกาหลี การแก้ปัญหาที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง และพร้อมที่จะร่วมมือสหรัฐฯ และประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อจะผลักดันให้เกาหลีเหนือกลับไปสู่โต๊ะเจรจามากกว่าที่จะเผชิญความรุนแรงระหว่างกัน ต้องหารือกันต่อไป ประเทศไทยก็ได้ทำตามพันธสัญญาทั้งมติของสหประชาชาติทั้ง 2 ไปแล้ว และหลายอย่างเราก็ริเริ่มเอง เช่น การลดความร่วมมือ การลดการควบคุม ในเรื่องของการทำงานต่างๆ ก็น้อยมาก เป็นสิ่งสำคัญในประเด็นร้อน

อีกเรื่อง ด้านความร่วมมือด้านความมั่นคง เรายืนยันของความสำคัญของการฝึกคอปราโกลด์ ซึ่งมีการฝึกร่วมกันมา 35 ปี มี 28 ประเทศ ในการร่วมกันทำการฝึก และเราก็ต้องการความร่วมมือกับสหรัฐฯในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพราะสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศชั้นนำในเรื่องเหล่านี้ เราไม่ได้มีอาวุธเอาไว้เพื่อจะสู้รบกัน เรามีไว้เพื่อทำให้ไม่เกิดการรบกัน เป็นศักยภาพทางสงครามเท่านั้นเอง ก็คิดว่ายังมีความจำเป็นอยู่

นายกฯ กล่าวต่ออีกว่า อีกเรื่องคือภัยก่อการร้าย ตนก็ยืนยันว่าจะป้องกันกสรเคลื่อนไหวของไอซิสในประเทศไทย ถึงแม้จะมีข่าวอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องของการลักลอบ ยังไม่มีเรื่องของการใช้อาวุธ ไม่มีเรื่องการแสดงตัวออกมา เหมือนกับการผ่านแดนอะไรหรือเปล่า รู้สึกจะพบอยู่ครั้งสองครั้งที่มี เพียงแต่เป็นชื่อ ประเทศไทยเองยังไม่มีใครไปร่วมการสู้รบ อาจมีอยู่ในเว็บไซต์ ซึ่งคนจะเขียนอะไรก็ได้ในเว็บ เอาสนุกก็เขียนไปเรื่อย ใครอวยอะไรก็เห็นด้วยไปหมด ใช่ไหม วันนี้ต้องระมัดระวังการใช้โซเชียลฯ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือขอให้สหรัฐฯ ดูแลเรื่องสินค้าเกษตรของไทยให้มากขึ้น การแลกเปลี่ยนต่างตอบแทนกันในเรื่องสินค้าเกษตร ผลไม้ เหล่านี้ หารือในภาพกว้างแล้ว ต่อไปเป็นเรื่องของคณะทำงานที่จะมาทำต่อทุกเรื่อง ผู้นำจะพูดกันในเรื่องหลักการ ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แต่ในส่วนของการทำงานจะมีคณะทำงานที่ได้พูดคุยกันในรายละเอียด

"เพราะฉะนั้นการมาครั้งนี้ หลายคนอาจมองว่าผมคุยกับใครหรือเปล่า หรือจะมาซื้ออาวุธ ไม่ได้หรอกมั้ง ประเทศไทยไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีที่ไหน ที่มีเงินไปตกลงซื้อกับใครก็ได้ ทุกอย่างเป็นกระบวนการหมด ไม่ว่าจะอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มันอยู่ในแผนการใช้งบประมาณประจำปีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการคัดเลือกอยู่ในกรรมวิธี ซึ่งสินค้าจากสหรัฐอเมริกาเป็นสินค้ามีคุณภาพ ผมได้พูดคุย และยินดี เพียงแต่ขอให้ดูแลเรื่องราคา ราคามันสูง" นายกฯ กล่าว


สัมมนา: ข้อควรปฏิบัติการทำธุรกิจด้านอาหารอย่างปลอดภัย ประสบความสำเร็จเกินคาด

Garden Grove, California เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2560 สํานักงาน นางมิเชล พาร์ค สตีลประธานกรรมการบริหาร บอร์ดออฟซุปเปอร์ไวเซอร์ ออเรนจ์เคาน์ตี้ ร่วมกับนายกเทศมนตรีเมือง Garden Grove ได้จัดสัมมนาให้ความรู้ ในด้านสาธารณสุขกับธุรกิจด้านอาหาร โดยได้เชิญชุมชนต่างๆ รวมถึงชาวเวียดนาม เกาหลี จีน ไทย เข้ารับฟังการบรรยายจากเจ้าหน้าที่ของ O.C. Health Care Agency โดย นาง Jenafer Forester ผู้ตรวจการร้านอาหาร ในเขตออเรนจ์เคาน์ตี้

มีผู้เข้าร่วมฟังกว่า 350 คน นับว่าเป็นความสำเร็จในการจัดกิจกรรมแบบนี้เป็นครั้งแรก ให้กับธุรกิจด้านอาหารเป็นอย่างมาก นาง มิเชล ได้กล่าวเปิดงาน สวัสดีคนไทย โดยย้ำว่าการจัดสัมมนาแบบนี้ ต้องได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและองค์กรต่างๆ เธอเล่าว่า สมัยที่เป็นรองประธานกรรมการด้านภาษี ณ สเตทบอร์ด ของรัฐแคลิฟอร์เนียนั้น ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ในด้านภาษีและด้านสาธารณสุข เช่นนี้มาโดยตลอด จนประสบผลสำเร็จอย่างสูง เพราะทำให้ผู้ทำธุรกิจมีความรู้ ทำให้ประชาชนได้ข้อมูลที่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่โดยตรง เธอขอบคุณคนไทย โดยสภาหอการค้าไทย-อเมริกัน ที่ให้การสนับสนุนมาด้วยดี มีคนไทยเข้ารับฟังประมาณ 15 คน

จากการบรรยาย มีหัวข้อที่สำคัญดังนี้

1 ใน 6 คน ของประชาชนในอเมริกา ต้องป่วยจากการทานอาหารที่เป็นพิษ

(Foodborne illness)

สาเหตุหลักของที่มาซึ่งอาหารเป็นพิษ (Critical Risk Factors) ประกอบด้วย

1. ความสัมพันธ์ ระหว่างเวลา และอุณหภูมิของอาหาร (Hot/Cold Holding temperatures) อาหารร้อนต้องมีอุณหภูมิ 135 องศาฟาเรนไฮต์ และอาหารเย็นที่อุณหภูมิ 41 องศาฟาเรนไฮต์

2. ขาดมาตรการป้องกันในการทำความสะอาด การล้างมือ สุขนิสัยคนทำอาหาร การขาดอุปกรณ์ และส่วนประกอบในการทำความสะอาด

3. มีสัตว์นำพาหะ เชื้อโรค อยู่สถานประกอบการ เช่น หนู แมลง อุจจาระนก และสัตว์อื่นๆ

4. การติดต่อเชื้อโรค จากเขียงที่ใช้ และอุปกรณ์อื่นๆ ในการเตรียมอาหาร โดยไม่มีการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง

5. ผู้จัดการ คนงาน คนครัว หรือแม้แต่เจ้าของ คนที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบบริหารร้าน ขาดความรู้เพียงพอที่จะป้องกันภัยต่างๆ ที่นำมาซึ่งการติดเชื้อในการทำธุรกิจอาหาร

หลังจากการบรรยายที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จึงเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการถามปัญหาต่างๆ ซึ่งทางสำนักงานคุณมิเชล ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขของออเรนจ์เคาน์ตี้ หลังจากนั้น จึงได้มอบใบประกาศนียบัตร ให้ผู้มาร่วมงาน พร้อมแจกคู่มือกระบวนการตรวจ และกฎหมายที่ควรรู้ ในธุรกิจด้านอาหาร แก่ทุกท่าน (Retail Food Program Inspection Guide)


คิด ฉัตรประภาชัย
จนท.กู้ร่างคู่รักชาวจีน ขับรถตกเหว ที่สหรัฐฯ ได้แล้ว

วันที่ 5 ต.ค. ปฎิบัติการของเจ้าหน้าที่กู้ภัยและค้นหา (SAR) ได้เริ่มทำงานตั้งแต่เวลา 6.00 น. เพื่อทำการกู้ร่างคู่รักชาวจีน นาย Wang Yinan อายุ 31 ปี และนาง Jie Song อายุ 30 ปี ซึ่งถูกพบครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2560 ที่บริเวณจุดเชื่อมถนน Crystal Cave Rd กับ Generals Highways โดยขับรถสีขาว ยี่ห้อฟอร์ด โฟกัส ปี 2012 ตกลงไปในเหวซึ่งจุดเดียวกับที่นักศึกษาไทยสองคนตกลงไปในอุทยานแห่งชาติคิงส์ แคนยอน รัฐแคลิฟอร์เนีย

โดยปฏิบัติการก็เป็นไปอย่างการคาดการณ์ไว้ เนื่องจากระดับน้ำอยู่ที่ 160 คิวบิดฟิตต่อวินาที โดยทำการใช้สายเคเบิลลากรถสีขาวที่จมอยู่ในแอ่งเข้ามาที่ฝั่ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการนำร่างของทั้งสองคนขึ้นจากเหว โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ดึงขึ้นมา ซึ่งวันนี้มีผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของอเมริกัน ไปทำข่าวและสังเกตการณ์โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการกู้รถทั้งสองคันขึ้นมาจากเหวต่อไป