ข่าว
แบงก์พันบาทไทยแบบล่าสุด คว้ารางวัลธนบัตรยอดเยี่ยม

นายวรพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธนบัตร 1000 บาท แบบ 16 ได้ชนะเลิศรางวัลธนบัตรยอดเยี่ยมแห่งภูมิภาคประจำปี 2558 (The Best Regional Banknote of the Year 2015) ในการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพิมพ์สิ่งพิมพ์มีค่า จัดขึ้นที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยธนบัตรที่ชนะเลิศรางวัลนี้ต้องมีความสวยงาม ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต มีลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงที่ยอดเยี่ยม และที่สำคัญ ต้องสะท้อนเอกลักษณ์และคุณค่าทางวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี

นายวรพรกล่าวว่า สำหรับธนบัตรแบบ 16 ของประเทศไทย ได้จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและสื่อเรื่องราวพระราชกรณียกิจอันสำคัญของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งมีเทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงที่ทันสมัยเพื่อให้ประชาชนรวมถึงผู้บกพร่องทางสายตาสามารถตรวจสอบได้ง่ายอาทิลายพิมพ์เส้นนูนและอักษรเบรลล์ ลายน้ำ หมึกพิมพ์พิเศษสลับสีพร้อมตัวเลขแฝง ภาพซ้อนทับ แถบฟอยล์ 3 มิติ เป็นต้น

"สมเด็จพระบรมฯ"ทรงนำ ขบวนจักรยาน"ปั่นเพื่อพ่อ"

(11 ธ.ค.) บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงเป็นประธานเปิด-ปิด กิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 88 พรรษา 5 ธ.ค.2558 และทรงนำขบวนพสกนิกรผู้เข้าร่วมกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ

เวลา 15.20 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงจักรยานพระที่นั่ง เสด็จฯ ออกจากพระที่นั่งอัมพรสถาน ไปยัง พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ณ พระลานพระราชวังดุสิต

เมื่อเสด็จฯ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะกรรมการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ และผู้เข้าร่วมกิจกรรมเผ้าฯ รับเสด็จ แล้วทรงพระดำเนินไปยังบริเวณด้านหน้าพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวางพานพุ่ม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงวางพานพุ่ม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงวางพานพุ่ม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ จากนั้นทรงพระดำเนินไปยังบริเวณด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมทั้งกราบทูลเชิญเสด็จฯเปิดกิจกรรมฯ และทรงจักรยานพระที่นั่ง นำขบวนพสกนิกรผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ ตามลำดับ

ต่อมา ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเสด็จฯ ไปยังบริเวณพิธีเปิด ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทูลเกล้าฯ ถวายแท็คแด่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และทูลถวายแด่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ แล้วทรงพระดำเนินไปยังเต็นท์ที่ประทับ พักพระราชอิริยาบถและพระอิริยาบถ

เวลา 15.29 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงจักรยานพระที่นั่ง ไปยังจุดจอดจักรยานพระที่นั่งพื้นที่ขบวน A สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงกดปุ่มเปิดเส้นทาง เริ่มขบวนจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ ทรงจักรยานพระที่นั่ง นำขบวนพสกนิกรผู้เข้าร่วมกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ ออกจากจุดเริ่มต้นพระลานพระราชวังดุสิต ไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ.พญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ระยะทาง 7 กม.

ขณะที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงส่งเสด็จฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ บริเวณจุดเริ่มขบวน เมื่อขบวน Bและขบวน C เคลื่อนมาถึงจุดเริ่มขบวน ทั้งสองพระองค์ทรงนำขบวนนั้นๆ ตามลำดับ ไปตามเส้นทางเริ่มต้นจากพระลานพระราชวังดุสิต เลี้ยวเข้า ถ.ศรีอยุธยา ไปแยกมักกะสัน เลี้ยวเข้า ถ.ราชปรารภ ตรงไปทางประตูน้ำ แยกราชประสงค์ เลี้ยงขวาเข้า ถ.พระราม 1แยกปทุมวัน เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.พญาไท หยุดพักที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นเวลา 30 นาที


'บิ๊กโด่ง' ซัด 'บิ๊กต๊อก' โยนบาป ตัดพ้อ ถูกตราหน้าโกง 'ราชภักดิ์'

"บิ๊กโด่ง" ตัดพ้อถูกตราหน้าเป็นคนโกง ลั่นทั้งชีวิตเคยปราบแต่พวกโกง-ผู้มีอิทธิพล สวนกลับ "บิ๊กต๊อก" ตั้งธงชี้นำโยนบาปใส่ตนว่าทุจริต ขณะที่ "บิ๊กต๊อก" โยนสื่อปั่นเรื่อง ฟังไม่จบ เอาไปสรุปเองว่ามีมูลโกง ด้าน "บิ๊กช้าง" เผย คกก.เร่งสปีดสอบให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้านี้

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 58 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ตนตั้งใจทำโครงการดังกล่าวโดยไม่ได้ต้องการหาประโยชน์เพื่อตัวเอง และไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะต้องเจออะไรแบบนี้ เพราะในชีวิตผ่านการรบ ฝ่าดงระเบิด ก็ผ่านมาได้ แต่กรณีนี้กระทบต่อชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิต ที่ผ่านมาทำหน้าที่ปราบคนโกงผู้มีอิทธิพล แต่กลับถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกงเสียเอง โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์คิดว่าเป็นจุดแข็งของตน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา จึงรู้สึกเป็นห่วงและต้องแก้กันเป็นห้วงๆ ไป ตอนนี้ทุกอย่างหยุดชะงัก หากเป็นแบบนี้ในระยะยาวจะเกิดความเสียหายต่ออุทยานฯ ขึ้น ตนอยากจะตั้งโต๊ะชี้แจงในกรณีที่เป็นปัญหา แต่เวลานี้ถือว่าไม่เหมาะสมแล้ว ควรให้คณะกรรมการตรวจสอบแล้วจึงแถลง และตนขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่สามารถฮั้วกับคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหมได้ หากจะซักถามอย่างไร ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ

"เสียใจที่ทำสิ่งดีๆ มาแล้วเป็นถึงขนาดนี้ ไม่ได้ห่วงใยตำแหน่งหรืออะไรหรอก งานที่ทำเราก็ทำไปไม่ได้บอกว่าจะดีหรือไม่ดี แต่ต้องทำไปเรื่อยๆ" พล.อ.อุดมเดช กล่าว และระบุว่า เสียดายที่การชี้แจงรายรับรายจ่ายของกองทัพบกครั้งที่แล้ว น่าจะมีการนำรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายมาชี้แจงด้วย ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ ทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามารถตรวจสอบได้ สำหรับกรณีที่ตนเคยพูดว่าอาจมีการหักค่าหัวคิวของโรงหล่อนั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นการยอมรับว่ามีการรับค่าหัวคิว แต่เหมือนกับค่าตอบแทนบางอย่าง ระหว่างบริษัทหนึ่งกับบริษัทหนึ่งที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่เกี่ยวกับกองทัพบก

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ระบุว่า มีการทุจริตในโครงการนี้ เพราะ พล.อ.อุดมเดช เคยระบุว่า อาจมีการทุจริตหักค่าหัวคิว พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า "ต้องถามว่าถูกต้องหรือไม่ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แล้วมีคน 2 คน เดินมาหาแล้วนำซองเอกสารสีน้ำตาลบางๆ มาให้คุยกันอยู่สักพัก เสร็จแล้วมาบอกว่าทุจริตแน่นอน มีที่ไหนเขาทำกัน จริงๆ แล้วทำแบบนี้ผิดเพราะเป็นการชี้นำ เนื่องจากกรรมการที่ตรวจสอบ ต้องหาคนผิดให้ได้ โดยต้องเป็นลักษณะที่ว่าเอาข้อมูลมาแล้วไปให้กับ สตง.และ ป.ป.ช. ไปไล่ดูแต่ละจุด ไม่ใช่ออกมาพูดแบบนี้ เป็นนายพรานออกมาจากพุ่มไม้หรืออย่างไร ผมไม่ได้ทะเลาะกัน แต่เขาพลาดพลั้งที่พูดไปถามว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องมีวุฒิภาวะ มีสติ ไม่ใช่มีธงในใจแล้ว เมื่อนักข่าวถามก็ตั้งใจว่าเดี๋ยววันนี้จะฟันแน่ การเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ใช่มีเอกสารอยู่แค่นั้น แล้วจะมาบอกว่าผิดแน่นอน"

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีที่ระบุว่า มีการทุจริตในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ตนจะไม่ให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว ขอให้รอหลังจากมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สื่อนั่นแหละฟังตนพูดยังไม่ทันไรก็ไปสรุปกันแล้วว่ามีการทุจริต

ขณะที่ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ กล่าวว่า ที่ว่าจะมีการสรุปผลการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ก่อนวันแถลงผลงานของรัฐบาลในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ว่า คณะกรรมการฯ คงดำเนินการตรวจสอบให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า โดยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลหลายคนแล้ว และเรียกเอกสารมาตรวจสอบหลายฉบับ โดยเฉพาะในส่วนของทหาร ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงในส่วนของพลเรือนไม่กี่คน

เมื่อถามว่า จะเชิญเซียนพระซึ่งเป็นผู้เรียกหัวคิว ตามการให้ข้อมูลของโรงหล่อมาหรือไม่ พล.อ.ชัยชาญ หัวเราะและปฏิเสธที่จะตอบคำถาม


ผบ.ตร.ปัดแกล้ง’ปวีณ’ คาดลี้ภัยปมการเมือง

ผบ.ตร.ยืนยันการโยกย้าย พลตำรวจตรีปวีณ พงศ์สิรินทร์ ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง ส่วนกรณีขอลี้ภัยระบุไม่รู้เหตุผล พร้อมตั้งข้อสงสัยอาจเป็นเรื่องการเมือง ขณะที่โฆษก ทบ.ชี้เป็นการใช้ความรู้สึกตัดสิน ไม่มีข้อเท็จจริง ทำกองทัพเสื่อมเสีย...

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2558 พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงถึงกรณีที่ พลตำรวจตรีปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ทำเรื่องขอลี้ภัยในประเทศออสเตรเลีย ว่าเบื้องต้นยังไม่ทราบเหตุผล ว่าทำไมพลตำรวจตรีปวีณ ถึงทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมือง และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในแนวทางที่อาจทำให้องค์กรตำรวจ และทหาร เสื่อมเสีย

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ยังตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาเคลื่อนไหวของพลตำรวจตรีปวีณ จะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับทางการเมืองหรือไม่ หรือเป็นการจงใจทำลายประเทศ แต่จากสิ่งพลตำรวจตรีปวีณ ให้สัมภาษณ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายเข้าตรวจสอบกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่พลตำรวจตรีปวีณ กล่าวอ้างว่าเป็นบุคคลใด ส่วนจะมีการดำเนินคดีกับพลตำรวจตรีปวีณ ฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ต้องพิจารณาอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ยืนยันว่า การโยกย้ายพลตำรวจตรีปวีณ ไม่มีการกลั่นแกล้ง แต่เป็นการพิจารณาตามความเหมาะสมเนื่องจากเห็นว่าพลตำรวจตรีปวีณ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเรื่องการค้ามนุษย์โรฮีนจา ประกอบกับ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ไม่ประสงค์จะให้พลตำรวจตรีปวีณ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต่อไป

ด้าน พันเอกวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่พลตำรวจตรีปวีณ ให้สัมภาษณ์ โดยอ้างว่ามีกลุ่มอิทธิพลในรัฐบาล กองทัพ รวมทั้งตำรวจ ว่าเป็นข้อมูลที่ใช้ความรู้สึกตัดสิน ไม่มีข้อเท็จจริงที่จับต้องหรือพิสูจน์ได้ ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของพลตำรวจตรีปวีณ อาจเกิดจากความไม่พอใจส่วนตัวแล้วอาศัยประเด็นดังกล่าวตีรวนหรือไม่ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแยกแยะ เนื่องจากขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหาก็ถูกดำเนินคดีแล้ว การพูดในลักษณะดังกล่าวส่งผลให้กองทัพเสื่อมเสีย ประชาชนเข้าใจผิด แต่คงต้องรอผู้บังคับบัญชา ว่าจะดำเนินการอย่างไร

โฆษก ทบ.กล่าวด้วยว่า ในระบบการทำงาน หากผู้ปฏิบัติมีปัญหาหรือถูกข่มขู่คุกคามจริง ทางต้นสังกัดย่อมมีขั้นตอนการแก้ปัญหาตามกฎหมาย ไม่มีการละเลยอย่างแน่นอน.


กลุ่ม"ดาวดิน"ผนึก"จ่านิว" ขอร่าง รธน.ฉบับประชาชน

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 10 ธันวาคม ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ถนนศรีจันทร์ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น มีกลุ่มชาวบ้านซึ่งได้รับผลกระทบเรื่องที่ดิน ป่าไม้ เขื่อน เหมืองแร่ ในภาคอีสาน พร้อมกลุ่มสมาชิกเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม หรือ"กลุ่มดาวดิน"นำโดยนายกรชนก แสนประเสริฐ และนายมารุต พลายอยู่วงศ์ ประมาณ 60 คน รวมตัวกันมาแสดงสัญลักษณ์ พร้อมประกาศจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอ้างร่างรัฐธรรมนูญไม่แก้ปัญหาประชาชน โดยมีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ"จ่านิว"นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ผู้จัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ด้วยในฐานะพันธมิตร

ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านและกลุ่มดาวดิน ต่างสวมใส่เสื้อยืดสีดำแขนยาว ด้านหน้าพิมพ์คำว่า"สามัญชน" ด้านหลังเสื้อพิมพ์คำว่า"แถวนี้แม่งเถื่อน บอกตรงๆ นะ ไม่แน่จริง อยู่ไม่ได้ และ 2499 อันธพาลครองเมือง" โดยมีนายกำธร ถาวรสถิต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ท.พิทักษ์ ชูศรี ผบ.ชุดประสานงานประจำพื้นที่กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดขอนแก่น นำกำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กว่า 100 นาย มาร่วมสังเกตการณ์

ต่อมานายกรชนก ได้นำพานไปตั้งวาง หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วอ่านแถลงการณ์สรุปได้ว่า เป็นคำประกาศของคนอีสานใหม่ ที่ต้องต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม จากผู้มีอำนาจที่สูงส่งเพียงฝ่ายเดียว ปัญหาจากการพัฒนาของรัฐยังย่ำยี และยิ่งขยายวงความขัดแย้งด้วยรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ตอบสนองความต้องการของพวกเรา และไม่ตอบสนองสามัญชนคนธรรมดาส่วนใหญ่ในประเทศ การลุกขึ้นมาของพวกเราเพียงเพื่อเรื่องพื้นๆ ที่ไม่ยิ่งใหญ่อะไร เราเพียงต้องการให้หยุดการเกิดปัญหาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เราต้องการสิทธิในที่ดินทำกิน การงานที่ยุติธรรม ที่อยู่อาศัยที่เพียงพอ คุณภาพชีวิตที่ดี การศึกษาที่เป็นธรรม สภาพแวดล้อมที่ดี สิทธิ์ในการจัดการตนเองของเราและชุมชน เสรีภาพและประชาธิปไตยที่พวกเราสามัญชนคนธรรมดามีอำนาจในการจัดการ

"เราขอประกาศต่อสาธารณะว่า อีสานที่เฮาฮักแพง จะร่างรัฐธรรมนูญของสามัญชนเอง เราจะร่วมกับเพื่อนเราสามัญชนคนธรรมดาจากทุกภูมิภาค ในการต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรมให้ถึงที่สุด ให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนโดยแท้จริง มาจากเสียงของพวกเรา มาจากชีวิตของพวกเรา และเราจะร่วมเสริมสร้างและต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยไปพร้อมกับสามัญชนทุกคน เพื่อสิทธิเสรีภาพ และอำนาจของสามัญชน เราจะสู้ เราจะสู้ เราจะสู้"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากอ่านประกาศจบแล้ว กลุ่มดาวดินและชาวบ้านได้พากันสลายตัวเดินทางกลับ โดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น

ทั้งนี้ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายมารุต แกนนำกลุ่มดาวดิน ได้นำสมาชิกกลุ่มดาวดิน จัดงานสัมมนาภายใต้ ชื่อโครงการ"อีสานสะเทือนทุ่ง" ที่ห้องมงกุฎเพชร 1 ชั้น 2 โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น ในหัวข้อ"สถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนภายหลังรัฐประหารในภาคอีสาน" หัวข้อ"ขบวนการภาคประชาชนภายหลังรัฐประหาร" หัวข้อ"บทเรียนการทำงานของภาคประชาชนหลากรูปแบบ" หัวข้อ"การเคลื่อนไหวปกป้องทรัพยากร" หัวข้อ"ขบวนการต่อสู้ประชาธิปไตยในยุคปัจจุบัน" หัวข้อ"ขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนกับการเมืองท้องถิ่น" หัวข้อ"พรรคการเมืองในฝันของประชาชน"ซึ่งในหัวข้อนี้นายมารุต เป็นคนดำเนินรายการเอง รวมทั้งมีมติที่จะเคลื่อนไปดำเนินกิจกรรมเชิงสัญลักษ์ต่อที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ถนนศรีจันทร์ ต.ในเมือง จ.ขอนแก่น ในเวลา 16.00 น.

เวลา 13.00น.วันเดียวกัน พ.ท.พิทักษ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.นรวัตร คำภิโร รองผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้เดินทางไปพบปะกลุ่มดาวดิน เพื่อเจรจาขอความร่วมมือไม่ให้เดินทางไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ทางกลุ่มดาวดินยืนยันจะไปทำกิจกรรมให้ได้ โดยใช้เส้นทางถนนมะลิวัลย์ ผ่านประตูสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) ถนนศรีจันทร์ผ่านประตูเมือง แล้วเข้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ข้างศาลหลักเมืองขอนแก่นดังกล่าว

"บิ๊กจิ๋ว"เตือน ยุคบ้านเมืองตกต่ำ เดือดร้อนทั่ว อยู่นานยิ่งอันตราย

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในการบริหารประเทศหลังยึดอำนาจมาประมาณ 1 ปีครึ่ง ว่า ขณะนี้มีความทุกข์ยากเกิดขึ้นทั่วแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไร่ ชาวนา และผู้คนระดับล่างที่เป็นคนที่เป็นรากฐานของประเทศชาติเดือนร้อนหนัก ซึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องรู้ว่ามีใครรับผิดชอบแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ทหารเข้ามาถูกจังหวะเวลาระงับความขัดแย้งของคนไทยที่ใกล้ขั้นสูงสุด ซึ่งทุกคนก็ยินดีกันหมด แต่หน้าที่ทหารมีแค่นั้น จึงควรหันกลับมาทำความเข้าใจในปัญหาของบ้านเมืองแท้จริงกำลังเผชิญอยู่ว่าทำไมจึงทำให้เราตกต่ำถอยหลังจนวันนี้นอกจากนี้การเอาสิ่งต่างๆมาใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อขยายขอบเขตภาระหน้าที่ไปใหญ่นั้น ไม่ถูกต้อง หรือจะทำเหมือนในอดีตเขาทำมา ก็ฉีกรัฐธรรมนูญกันแล้วก็ร่างอะไรไว้ เป็นปัญหาต่อไป จึงควรจะพอแล้ว เพราะใกล้จะถึงจุดที่เกิดอันตรายต่อประเทศ การที่ตนตัดสินใจออกมาพูดวันนี้ เพราะรักและห่วงใยบ้านเมือง นี่คือสิ่งที่เราขอให้คสช.วางหน้าที่ไว้แค่นั้น

ทุกวันนี้ชาวไร่ชาวนาลำบากหมด เกษตรกรฆ่าตัวตาย บ่งชัดถึงหน่วยงานต่างๆละเลยปัญหา และรัฐบาลลงไปช่วยดูแลหรือไม่ จึงต้องพูดกันให้ถึงที่สุดว่าระวังอย่าให้เกิดความขัดแย้งสูงสุดอีก ซึ่งนายกฯต้องฟังให้เข้าใจ อย่าโกรธง่ายๆ ใจเย็นๆ ขอพูดกันตรงๆว่าทุกครั้งที่ทหารทำการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้เพราะทหารมีอำนาจ มีกำลัง หากไม่ออกมาบ้านเมืองก็จะยุ่ง และก็ออกมาหลายครั้งแล้ว พอยึดอำนาจนั้นได้ แต่ทำต่อไปไม่ค่อยถูก ผมฝากสิ่งนี้ไว้ด้วยจากใจทั้งนั้นพล.อ.ชวลิต กล่าว

พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวการปฎิวัติซ้ำนั้น ตนไม่ขอพูด แต่ความต้องการของคนในชาติวันนี้ไม่ใช่ปฎิวัติซ้ำ ตนต้องการให้ผู้นำทำความเข้าใจกับปัญหา รวมถึงลงมาหาประชาชนด้วยแนวทางที่ถูกต้องและด้วยความคิดใหม่เท่านั้นจบ อย่าไปต่อว่าเขายึดติดอำนาจ เขาอาจได้ข้อมูลที่ผิด เราต้องให้เกียรติผู้นำประเทศ ขณะเดียวกันเขาต้องให้เกียรติเราด้วยที่ให้ความเป็นจริงของสถานการณ์บ้านเมืองกับเขา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก.