ข่าว
ฝากถึง ตั๊ก บงกช-ยะใส กรณี "อากง" เสียชีวิต

วันที่ 10 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงในเครือข่ายสังคมออนไลน์ หลังจาก ตั๊ก บงกช คงมาลัย ดาราสาวชื่อดัง โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายอำพล ตั้งนพคุณ หรือ "อากง เอสเอ็มเอส" จำเลยในคดี ม.112 ด้วยข้อความระบุว่า "เวรกรรมของอากง / แต่อากงไม่อยู่ก็ดีนะคะ แผ่นดินจะได้ดีขึ้น / ถึงฉันจะเปิดนม เปิดอะไร หรือมีชื่อเสียงไม่ดี หรืออะไรก็ตามที่คุณจะสรรหามาด่า แต่ฉันก็ไม่โง่ แล้วทำไมคุณกล้าสู้เพื่ออากง แล้วเมื่อไรคุณจะตายคะ จะได้ไปช่วยอากงต่อในนรก เพราะอากงคุณตกนรกแน่ / คุณรักอากง ฉันก็รักครอบครัวพ่อของฉัน ทำไมเหรอ" และต่อมา นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนและอดีตผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้ทวีตลิงก์ข่าวจากเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่นำเสนอประเด็นเรื่องการโพสต์ข้อความดังกล่าวของตั๊ก บงกช โดยพาดหัวว่า "ตั๊กรับโพสต์ไม่เห็นด้วยกับพวกเชียร์ อากง ถามทำเพื่อคนที่ตนเคารพรักผิดหรือ?"

ล่าสุด นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความลงใน เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีนี้ ระบุว่า

"ฝากถึงยะใสกับคุณบงกช คงมาลัย: การแสดงความรักที่ไม่กอปรด้วยปัญญาและความเข้าใจ อาจทำร้ายผู้อื่นที่เจ็บปวดอยู่แล้วได้ ด้วยความเขลาและขาดความรับผิดชอบ การทำด้วยความรัก โดยตัวมันเองไม่ผิด แต่สิ่งที่ทำนั้น หากขาดความรู้ความเข้าใจที่รอบคอบรัดกุมรองรับ ก็อาจกลายเป็นการกระหน่ำซ้ำเติมทำร้ายผู้อื่นที่เจ็บปวดสูญเสียอยู่แล้วให้เขาเสียใจยิ่งขึ้นได้

"ลองคิดถึงกรณีทำนองเดียวกันแล้วมีคนมาโพสต์ด้วยน้ำเสียงเลือดเย็นคล้ายๆ กันกับการจากไปของน้องโบว์ดู แล้วญาติมิตรของเธอจะรู้สึกอย่างไร? มันถูกต้องหรือไม่? เป็นสิ่งที่เพื่อนมนุษย์ควรทำต่อกันหรือไม่?

"ความรักที่ไม่กอปรด้วยปัญญาหากถือเอาอารมณ์สะใจตนเองเป็นที่ตั้งจึงอาจทำร้ายพสกนิกรของในหลวงด้วยกันด้วยความเขลาและขาดความรับผิดชอบ

"น่าเสียดายที่คุณยะใสที่น่าจะมีความเข้าใจและรับผิดชอบทางการเมืองจากประสบการณ์ที่มีมากกว่าก็ดูจะเป็นแบบนี้ด้วยเหมือนกัน"

"อากง เอสเอ็มเอส" เสียชีวิตแล้ว

เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. วันที่ 8 พ.ค. นายอานนท์ นำภา ทนายความสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กในชื่อ อานนท์ นำภา ระบุว่า นางรสมาริน แจ้งว่า นายอำพล ตั้งนพคุณ หรือ อากง สามีอายุ 61 ปี ผู้ต้องขังคดีส่งเอสเอ็มเอสหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งถูกศาลอาญาฯ พิพากษาจำคุก 20 ปี ในความผิดมาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังมีอาการปวดท้อง เนื่องจากคาดว่า น่าจะเป็นผลพวงจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายอานนท์ โพสต์ข้อความระบุว่า "อากงเสียชีวิตแล้ว ป้าอุ๊โทรมาแจ้งเมื่อสักครู่ ช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนแกที่เรือนจำหน่อยครับ !"

พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ ยืนยันว่า นายอำพลได้เสียชีวิตลงแล้วจริงที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีอาการปวดท้องมาตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยแพทย์ในเรือนจำได้ให้ยาบรรเทาปวดเบื้องต้นก่อนที่ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และเสียชีวิตเมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ของวันที่ 8 พ.ค. อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างให้แพทย์ชันสูตรสาเหตุของการเสียชีวิตแล้ว

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "กราบ อากง อำพล .... (2494 - 8 พฤษภาคม 2555) ผมเสียใจมาก ร้องไห้ออกมา แบบปล่อยโฮเลย ทั้งๆที่ไม่รู้จัก อากง มาก่อน ...เพิ่งโทรคุยกับคุณ ป๋าจอม Nithiwat Wannasiri ได้รายละเอียดเพิ่มอีกเล็กน้อยอากง มีอาการป่วยมาสักระยะหนึงแล้ว แต่ว่า ระบบเรือนจำ การรักษาอะไรมันก็ไม่ดีเหมือนข้างนอก เห็นว่า สุดท้าย (ข้อมูลนี้คงต้องเช็ครายละเอียดอีกที นะครับ) ต้องไหว้วาน อ.หวาน Suda Rangkupan ช่วยเดินเรื่องให้เข้าไปรักษาในโรงพยาบาลในเรือนจำ อากง เข้า รพ.ในเรือนจำ ตั้งแต่วันศุกร์ วันนี้เสียชีวิต แน่นอน ป้าอุ๊ ไม่ได้อยู่ด้วยตอน อากง สิ้นใจ (โรงพยาบาลอยู่ในคุก คนนอกเข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว) "ป๋าจอม" กำลังเดินทางเป็นเพื่อนไปกับป้าอุ๊ ไปเรือนจำ"

ด้านพ.ต.อ.จักร อ่อนนิ่ม ผกก.สน.ประชาชื่น กล่าวว่า หลังจากสน.ประชาชื่นรับแจ้งว่ามีนักโทษเสียชีวิตในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ช่วงเวลา 11.00 น. ได้รีบไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช ทนายความ รวมถึงภรรยาและลูกของผู้ตาย พบว่าร่างกายภายในนั้นปกติดี ไม่พบบาดแผลร่องรอยการถูกทำร้าย เพียงแต่ว่าบริเวณหน้าท้องมีลักษณะบวมมาก เนื่องจากผู้ตายมีปัญหาเกี่ยวกับไต และกำลังรับการรักษาอยู่เลยเกิดผลแทรกซ้อน ซึ่งทางญาติไม่ได้ติดใจอะไร เพียงแต่ต้องรอผลการผ่าพิสูจน์อีกครั้ง โดยทางเรือนจำอนุญาตให้ส่งศพผู้ตายไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ จากนั้นก็จะทราบสาเหตการตายที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด ทั้งนี้จะเรียกผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตายไม่ว่าจะเป็นภรรยาและญาติ แพทย์ที่รักษา รวมถึงนักโทษและผู้คุมที่มีความใกล้ชิดกับผู้ตายมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2555 "อากง"ได้เขียนจดหมายจากเรือนจำถึงนายอานนท์นำภามีเนื้อหาระบุว่า"สวัสดีครับ คุณอานนท์ ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยที่ไม่เคยเขียนจดหมายไปหาเลย เหตุเพราะว่าผมเขียนไม่ค่อยเก่ง คิดอะไรไม่ค่อยออก สายตาก็ไม่ดีเลย เลยไม่ค่อยอยากเขียน กับหลานๆผมก็ไม่เคยเขียนไปนะ ทั้งๆที่คิดถึงพวกเขามาก อาจเพราะว่าคุณหนุ่มเขาทำหน้าที่นี้แทนผมไปก็ได้ เขียนไปคุยเรื่องของผมให้หลานๆฟังอยู่เรื่อยๆ ผมเลยไม่ได้เขียนไป คุณหนุ่มเขียนเสมือนผมเขียนแหล่ะ

"ผมเองสบายดีครับโดยเฉพาะช่วงนี้ ที่รู้ข่าวว่าคุณอานนท์จะทำเรื่องขออภัยโทษรายบุคคลให้พร้อมๆกับเพื่อนครอบครัว 112 ทั้ง 11 คน ผมดีใจและมีความหวังมากๆที่จะได้รับอิสรภาพในเร็วๆนี้ พร้อมๆกับเพื่อนๆที่ร่วมอดทนต่อสู้กันมาและผมเชื่อว่าทางออกทางนี้ดีที่สุด เพราะคดีอย่างผมยังไงก็ไม่มีทางที่จะนิรโทษกรรมกับเขาหรอก

"ทุกวันนี้ผมก็ออกกำลังกายตอนเช้าๆทุกวัน บางวันผมก็ทำคนเดียว แต่บางวันผมก็ทำกับคุณหนุ่ม เรื่องความเป็นอยู่พวกเราก็กินด้วยกันที่แดน 8 พวกเราเกาะกลุ่มกันดีครับ ก็มีหนุ่ม หมี สุริยันต์ ไมตี้ และเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบคนเสื้อแดงอีกหลายคนคอยดูแลกันและกัน คุณอานนท์อย่าได้กังวล ที่ผ่านมาผมยอมรับว่าเหนื่อยมากๆ เหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ เหนื่อยที่จะต่อสู้เพื่อค้นหาความยุติธรรมให้กับตัวเองและคนในครอบครัว ผมหมดกำลังใจหลายครั้ง คิดถึงแต่ลูกเมียและหลานๆ ก็มีแต่คุณหนุ่มที่จะคอยชาร์ตแบตให้ คุณหนุ่มจะบ่นว่าเสมอ ผมเป็นพวกแบตเสื่อมชาร์ตได้ไม่กี่นาทีก็ต้องกลับมาชาร์ตอยู่เรื่อยๆคิดแล้วก็เห็นใจหนุ่มเขานะ แต่ผมก็ท้อจริงๆในแต่ละวันผมจะเฝ้ารอ อุ้มาเยี่ยม บางวันพาหลานๆมา ทำให้ผมมีกำลังใจยิ้มได้บ้าง นี่แหล่ะคือความสุขของผมสามารถหาได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา

"คุณอานนท์ไม่ต้องห่วงผมนะครับ ผมจะพยายามอดทนและมีกำลังใจสู้ต่อไป หวังแต่เพียงว่าคุณอานนท์และรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์จะช่วยกันผลักดันการขออภัยโทษของพวกเราในกรณีพิเศษเพื่อว่าผมจะได้กลับไปอยู่กับหลานๆลูกเมียเสียทีผมบอกตามตรงเลยนะครับว่าผมคิดถึงหลานๆมากที่สุดเลยครับผมเขียนจดหมายถึงหลานทีไรผมก็น้ำตาไหลทุกทีเลย เลยไม่อยากเขียนไปหา

"คุณอานนท์ครับ ฝากกราบขอบคุณคนที่มาเยี่ยมให้กำลังใจผมและนักโทษ 112 ทุกคนด้วยครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะได้รับข่าวดีในเร็ววันนี้ ขอขอบพระคุณมากครับ (นายอำพล.....) "

สำหรับนายอำพลถูกจับกุมตั้งแต่วันที่3ส.ค.2553และถูกคุมขังสองเดือนก่อนศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวแต่หลังนายอำพลไปรายงานตัวเพื่อรับทราบคำสั่งฟ้องของอัยการเมื่อวันที่18ม.ค.2554ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัวอีกจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีการยื่นขอประกันตัวอีกหลายครั้ง ด้วยเหตุที่ว่าเกรงจำเลยจะหลบหนี ส่วนการพิพากษานั้นในวันที่ 23 พ.ย. 2554 ศาลได้ตัดสินจำคุกนายอำพล 20 ปี จากการส่งข้อความสั้น (SMS) เข้าข่ายหมิ่นสถาบันไปยังมือถือของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัวในอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ในช่วงกลางปี 2553 ซึ่งมีการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและนายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ล่าสุดเมื่อวันที่3 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอานนท์ ทนายความของนายอำพลดำเนินการยื่นถอนอุทธรณ์ในคดีดังกล่าวเนื่องจากเจ้าตัวต้องการจะขอพระราชทานอภัยโทษประกอบกับอายุมากและเป็นโรคประจำตัวแต่ปรากฏว่ามาเสียชีวิตเสียก่อน

เวลา 15.00 น. วันที่ 8 พ.ค. ที่ริมฟุตบาธหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นางสุดา รังกุพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิชาอักษรศาสตร์ จุฬาฯ พร้อมคนเสื้อแดงประมาณ 50 คน ส่วนใหญ่ใส่ชุดสีขาวดำเพื่อไว้อาลัยให้กับนายอำพล นำรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง ชูภาพอากง ป้ายข้อความไม่เอา ม.112 เพื่อให้ประชาชนที่สัญจรไปมาได้พบเห็น รวมทั้งมีการนำผ้าดำบางมาติดที่รั้วของศาลตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า จนถึงป้ายศาลอาญา ระหว่างนี้มีการอภิปรายเชิญชวนให้ผู้ที่ได้รับทราบข่าว SMS มาร่วมชุมนุม โดยสำนักงานศาลยุติธรรมนำกำลังรปภ.มาดูแลความปลอดภัยภายในรั้วศาลอาญาอย่างเข้มแข็ง และปิดประตูเหล็กทางเข้าออกหน้าศาลอาญาเพื่อป้องกันเหตุร้าย

ขณะที่นางสุดา กล่าวทั้งน้ำตาโดยเรียกร้องให้รัฐปล่อยตัวนักโทษการเมืองออกทั้งหมด โดยระบุว่าส่วนใหญ่นักโทษทางการเมืองมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งเป็นโรคเก๊าต์ อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งในช่วง 19.12 น. ของวันนี้ ตนจะนำคนเสื้อแดงจุดเทียนสีดำเพื่อไว้อาลัยแก่อากงและไว้อาลัยให้กับความอยุติธรรม โดยมวลชนคนเสื้อแดงทยอยเดินทางมากันอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจราจรบนถนนรัชดาภิเษกตัดขัด

เปิดนิทรรศการศิลปะของ 12 ยุวศิลปิน

นายเจษฎา กตเวทิน กงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส นายชาย นครชัย ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และ ศิลปินแห่งชาติ ดร.กมล ทัศนาญชลี

มีความยินดีขอเชิญท่านร่วมในพิธีเปิดนิทรรศการศิลปะของ 12 ยุวศิลปินยอดเยี่ยม ผู้ชนะการประกวดโครงการค่ายเยาวชนศิลปะร่วมสมัยจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ระดับปริญญาตรี และปริญญาโท โดยจะแสดงผลงาน ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส เลขที่ 611 North Larchmont Blvd., 2nd Floor Los Angeles, CA 90004 และจะมีพิธีเปิดในวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2555 เวลา 18.00 น. ทั้งนี้นิทรรศการจะแสดงต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ตามวันและเวลาราชการ

ในโอกาสที่คณะยุวศิลปินเดินทางมาแสดงงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ สภาศิลปกรรมไทยสหรัฐอเมริกา จัดให้ศึกษาดูงานในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ รวมทั้งพบปะศิลปินนานาชาติ ดูการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ ดูงานการศึกษาศิลปะในมหาวิทยาลัยต่างๆ และการปฎิบัติงานศิลปะในหลายมลรัฐ แถบตะวันตก โดยมี True Vision TV. ติดตามบันทึกเทปตลอดโครงการเพื่อนำไปเผยแพร่ออกอากาศที่ประเทศไทยหลังโครงการเสร็จสิ้น

กิจกรรมพิเศษ ที่ วัดไทย แอล.เอ. ในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2555 ระหว่างเวลา 11.00น.-14.00น โดยจะมีการเขียนภาพคนเหมือน การทำภาพพิมพ์เบื้องต้น การวาดภาพเหมือนบุคคล การทำภาพปะติด การวาดภาพลงบนผ้าดิบ(สีขาว) ทุกคนวาดภาพในผ้าผืนเดียวกัน พร้อมกับชมการสาธิตทำขนมลูกชุบ กิจกรรมทุกอย่างล้วนแล้วแต่น่าสนใจและหาชมได้ยากยิ่ง

จึงขอเชิญชวนสื่อมวลชนและเพื่อนชาวไทยในต่างแดนที่รักและชื่นชอบงานศิลปะไปร่วมชมกันได้ในวันและเวลาดังกล่าว


สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย. สถานกงศุลไทย. วัดไทยแอลเอ. สภาศิลปกรรมไทยสหรัฐอเมริกา