ข่าว
"เพื่อไทย"ฉุนขาดไล่ส่ง “สุชาติ” จุดไฟเผาบ้าน

วันที่ 27 มิ.ย. นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ระบุว่ารัฐบาลอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงสิ้นปีนี้ว่า เป็นอาการของคนทุรนทุรายที่จะถูกปรับออกจาก ครม. เพราะเมื่อมีข่าวกระทบก็ฟาดหัวฟาดหางจุดไฟเผาบ้านตัวเอง การออกมาพูดของนายสุชาติเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ตนในฐานะส.ส.พรรคเดียวกันก็รับไม่ได้ เพราะนั่งเรือลำเดียวกันแต่กลับตักน้ำใส่ให้เรือล่ม ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำงานด้วยความทุ่มเท แต่กลับมาเจอการพูดจาดูถูกแบบนี้ หากมี รมว.ศึกษาธิการ แบบนี้ก็รีบไสหัวไปให้พ้น ๆ จะดีกว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่าจะมีน้ำยาแก้ไขปัญหาอะไร นอกจากนี้ยังเป็นรัฐมนตรีที่เข้าพบยาก ซึ่งยังมีคนในพรรคเพื่อไทยที่เหมาะสมกว่าอีกมาก

“ผมอยากถามนายสุชาติว่า รู้ได้อย่างไรว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปี หรือนายสุชาติเปลี่ยนสันดานเป็นอำมาตย์ไปแล้ว ผมมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ถึงสิ้นปีแน่นอน นายสุชาติกล้าเดิมพันกับผมหรือไม่” นายประชา กล่าว

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คงเป็นการวิเคราะห์ในมุมมองส่วนตัวของคนที่ไม่ถนัดการเมือง เพราะนายสุชาติถนัดด้านเศรษฐกิจและการศึกษามากกว่า ดังนั้นการวิเคราะห์จึงดูเหมือนจินตนาการ เหมือนกินยาไม่ได้เขย่าขวด ในฐานะที่ตนอยู่กับพรรคเพื่อไทยมายาวนานตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านจนมาเป็นรัฐบาลมองต่างมุมกับนายสุชาติ โดยเห็นว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวเพราะมีประชาชนสนับสนุนแน่นหนา อีกทั้งเสียง ส.ส.ในสภาก็แข็งแกร่งกว่า 300 เสียง ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ นายสุชาติคงกังวลเกินเหตุจากสถานการณ์ที่รุมเร้ารัฐบาล ซึ่งคนไม่เคยผ่านการต่อสู้ในช่วงวิกฤติหรือถูกกระทำอย่างหนักจากฝ่ายตรงข้ามคงประเมินสถานการณ์ไม่ออก อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่แน่ใจว่านายสุชาติออกมาพูดล้อเล่นหรือพูดลักษณะน้อยใจใครหรือไม่ แต่ตนมั่นใจว่ารัฐบาลอยู่ยาวแน่นอน และรัฐมนตรีอาจจะต้องปรับเปลี่ยนบ้างซึ่งเป็นปกติธรรมดา

น.1 เฉ่ง “บก.น.7”สันหลังยาว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ที่ห้องประชุมใหญ่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น. พร้อมรอง ผบช.น. เรียกประชุมบริหารประจำเดือน ครั้งที่ 3/2555 โดยมี ผบก.น.1-9, ผบก.สส., ผบก.สปพ., ผบก.อคฝ., ผบก.จร., ผบก.อก., ผบก.ประจำ บช.น. รอง ผบก. ผกก.ทุก สน. รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า ก่อนหน้านี้ตนมารักษาราชการเป็น ผบช.น. 30 วัน แต่หลังจากที่มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งผบช.น. จึงต้องเรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจกัน โดยเฉพาะหัวหน้าโรงพักทั้งหมด เพราะตนถือว่าระดับ ผกก. เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากผกก. ทำงานไม่เต็มที่ประชาชนก็เดือดร้อน ต่อไปนี้คนที่จะมาเป็นผกก. ต้องทำงานให้เต็มที่ ถ้าอยากไปอยู่โรงพักที่มีปริมาณงานมาก แต่ขีดความสามารถไม่ถึง ตนจะบันทึกข้อมูลเอาไว้ ยกตัวอย่างผลการระดมจับกุมอาวุธปืน ปรากฏว่าโรงพักใหญ่บางโรงพักไม่มีผลการจับกุมสักกระบอกเดียว ต้องฝากผู้บังคับบัญชาด้วย ถ้าสักแต่ว่าวิ่งเต้นมาลงโรงพักที่มีปริมาณงานมาก แต่ทำงานไม่ได้ ตนจะตรวจสอบตั้งแต่ระดับ ผกก.ลงไปด้วย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากความสามารถไม่ถึง ก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนในทันที พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ตนจะเปลี่ยนทันที เพราะที่ตนมาไม่มีต้นทุนอยู่แล้ว ผู้บังคับบัญชาพิจารณามา ตนจะทำเพื่อพี่น้องประชาชนเท่านั้น คดีที่เกิดขึ้นมีการใช้อาวุธปืนยิงกันจำนวนมากจน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ต้องสั่งการลงมา เอารถเอ็กซเรย์มาช่วยในการตรวจค้น แต่ถ้าระดับผกก.ไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนชนจะอยู่ได้อย่างไร หากมีการพิจารณาแต่งตั้ง ตนจะชี้แจงให้ผู้บังคับบัญชาเห็นว่า คนไหนทำงานยังไง ได้ผลยังไง คดีเกิดไม่เคยลงไปจี้คดี ระดับ ผบก. หากมีคดีเกิด คดีสำคัญต้องไปสั่งการเอง ตนอยู่ในจุดนี้ยังไปตรวจสอบเองทุกคดี

เมื่อถามว่าเมื่อมาดำรงตำแหน่งผบช.น. จะไม่มีการมาวิ่งเต้นในสำนักงานใช่หรือไม่ พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวว่า ไม่มี ตนยืนยันได้เลย และเตรียมห้องไว้ อย่างกรณีนี้ การจับอาวุธปืนครั้งนี้ เห็นชัดเจนว่าผกก.คนไหน หัวหน้าโรงพักคนไหน ทำงานหรือไม่ทำงาน เดือนหน้าจะมีการระดมอีกขออีก 3-5 วัน หากไม่มีผลการจับกุมซ้ำสอง ให้เตรียมตัวมาได้เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า สน.ใดที่ไม่มีผลการจับกุม พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า มีหลายโรงพัก แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ บอกได้แค่ว่าอยู่ในพื้นที่ บก.น. 7 ตนไม่พอใจ ทั้งนี้ยังไม่ได้คุยกับผบก.น.7 แต่เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุม จะตำหนิในที่ประชุมเลย

เชาวรินทร์ งานเข้า คดีลวงเช่า "จตุคาม"

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 นำตัว ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ ที่ปรึกษา พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี และอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย มาส่งฟ้อง เป็นจำเลย ต่อศาล ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน

โดยอัยการโจทก์ ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย. 50 ต่อเนื่องกัน จำเลย ได้บังอาจกระทำผิดกฎหมาย เจตนาทุจริต โดยบังอาจหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงที่ควรบอกแก่ประชาชน โดยนำข้อความลงประกาศใน นสพ. หลายฉบับ ฉบับวันที่ 16 มิ.ย.50 เชิญชวนให้ประชาชนทั่วไป สั่งจองและซื้อวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่น "ทรัพย์สินเนืองนอง เงินทองไหลมา" โดยจำเลย ได้เป็นประธานกรรมการในการจัดสร้าง พร้อมกับปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และศาลหลักเมือง ที่ล้วนเป็นเท็จ เพราะความจริงแล้วไม่มีการนำวัตถุมงคลดังกล่าวไปปลุกเสกตามสถานที่จำเลยอ้างแต่อย่างใด ทำให้มีประชาชนทั่วไปจำนวนมากหลงเชื่อ สั่งจองและจ่ายเงินค่าวัตถุมงคลดังกล่าว ทั้ง ร.ต.นพดล เดชาฤทธิ์ จ่ายเงิน จำนวน 1,791 บาท และนายสุริยาวุธ มีบุญมาก จำนวน 1,194 บาท ให้แก่จำเลย

เหตุเกิดที่ แขวงบรมมหาราชวัง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร จ.ราชบุรีและที่อื่นเกี่ยวพันกัน ต่อมาวันที่ 23 ม.ค.51 จำเลย ได้เข้าพบพนักงานสอบาสวน สน.พระราชวัง รับทราบข้อกล่าวหา

ศาลพิจารณาแล้วให้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีดำ อ.2084/2555 และสอบถามจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดตรวจหลักฐานในวันที่ 3 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ต่อมา ร.ต.ท.เชาวริน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นเงินประจำตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี มูลค่า 400,000 บาทเศษเพื่อขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยตีราคาประกัน 90,000 บาท