18 ธันวาคม 2567 ศูนย์วิทยุสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยาได้รับแจ้งเหตุพบ โครงกระดูกมนุษย์ลอยเกยชายหาดพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่นุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณชายหาดพบนักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังยืนมุงดูซากโครงกระดูกจากการตรวจจสอบพบว่า ไม่ใช่โครงกระดูกมนุษย์ตามที่ได้รับแจ้งแต่คาดว่าน่าจะเป็นโครงกระดูกของลิง พบ หัวกะโหลก และหาง จึงได้ทำการเก็บกู้พร้อมส่งให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ
สอบถามนาย สหวัฒน์ แจ่มใส เจ้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยาได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการว่ามีพลเมืองดีพบชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์จึงได้ทำการตรวจสอบเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุจากการตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพบว่าเป็นชิ้นส่วนกระดูกคลายกระดูกลิง ไม่ใช่ชิ้นส่วนของมนุษย์แต่อย่างใดจึงได้ส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ดำเนินการต่อไป
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ….. ที่คณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีมติเห็นชอบตามร่างฯของวุฒิสภา ที่ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ
โดยน.ส.ลิณธิภรณ์ วรินวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า สส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับเสียงข้างมาก2ชั้น เพราะเป็นระบบ2มาตรฐาน แปลกแยกจากระบบที่เป็นอยู่ ในเมื่อระบบการลงคะแนนเสียงที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย การใช้เสียงข้างมากปกติโดยตรงจึงเป็นสิ่งสมควร ตนไม่เห็นความจำเป็นที่จะใช้เสียงข้างมาก2ชั้นให้ยุ่งยาก กีดกันเสียงแท้จริงของประชาชนออกไป เพื่อความเสี่ยงต่างๆ เช่น การรณรงค์ของผู้ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ แม้อาจมีจำนวนน้อยกว่า แต่เมื่อพิจารณาสิทธิไม่ถึงกึ่งหนึ่งตามด่านพิสดารเสียงข้างมาก2ชั้น ก็อาจทำให้เสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิตามกระบวนการถูกบิดเบือนไปได้ เว้นแต่ผู้สนับสนุนเสียงข้างมาก2ชั้น ปรารถนาลึกๆในใจให้การใช้สิทธิของประชาชนยากขึ้น พูดง่ายๆว่าใครที่สนับสนุนเสียงข้างมาก2ชั้น อาจถูกครหาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญปี2560
“ดิฉันขอเรียกร้องให้ยืนยันตามหลักการ3ข้อ 1.ยืนยันตามข้อเสนอของกมธ.สภาฯ 2.ยืนยันในหลักการเดิมอย่างตรงไปตรงมา และ3.ยึดถือสิทธิในฐานะสส. โปรดลงมติสนับสนุนให้ใช้เสียงข้างมากปกติ หรือเสียงข้างมากชั้นเดียว ที่เคยมีมติเอกฉันท์กันมาแล้ว ขอส่งต่อกุญแจดอกที่สมบูรณ์ ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดพิสดารให้ถึงมือประชาชนได้ใช้สิทธิออกเสียงประชามติ เพื่อปูทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว
ด้านนายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ฝ่ายสภาฯควรยืนยันตามหลักการเดิม คือการใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว ไม่ใช่เสียงข้างมาก2ชั้น และไม่ใช่ใช้เล่ห์เหลี่ยมทางกฎหมายแก้เสร็จแล้วแล้วแก้กลับไปเป็น2ชั้นอีก จะใช้แบบชั้นเดียวก็ตามนั้นไปเลย ไม่ใช่เวลาจะรับใช้ชั้นเดียว แต่เวลาจะแก้ใช้2ชั้น
ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตอนฉีกรัฐธรรมนูญง่ายแสนง่าย เงียบสงัดเหมือนป่าช้า แล้วสร้างประติมากรรมคือรัฐธรรมนูญปี60 ที่มีปัญหาคือเวลาจะแก้ไขทำได้ยากยิ่ง ยากเกินไป แบบไม่อยากให้แก้ไขเลย ดังนั้นเมื่อความเห็นของสส. และสว.ไม่ตรงกัน ในเรื่องหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก ทำให้ต้องพักไว้180วัน มันเสียเวลา จนทราบมาว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไม่ทันในสมัยนี้ ถามว่าใครเป็นจำเลยในสังคมนี้ ประชาชนต้องหาจำเลยให้ได้ สส.ไม่ใช่จำเลย แต่อีกสภาฯใช่หรือไม่ ก็ต้องใช้วิจารณญาณ ตนผิดหวังที่อยู่ๆกมธ.ร่วมฯฝ่ายสส.ไปงดออกเสียง ถือว่ากลับลำในสิ่งที่ตัวเองเคยลงมติใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียว ในชั้นกมธ.สภาฯ และทราบว่าครั้งนี้ก็จะงดออกเสียงอีก มันไปบั่นทอนอำนาจสูงสุดของประชาชน ไปร่วมกับสว. ที่เป็นสภารากฝอยได้อย่างไร
”พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แถลงนโยบายด้วยกันก็ต้องปฏิบัติตาม ถ้าไม่ทำตามนี้แล้วจะลงเรือลำเดียวกันได้อย่างไร ผมรู้ว่าคุณขวางเพื่อถ่วงไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งมันแก้ยากอยู่แล้ว หรืออยากจะให้มีตะแล้นแต๊นแต๊นอีก สภาฯแห่งนี้ตั้งอยู่ถนนทหาร เรือรบ1ลำ รถถัง1คันยึดได้แล้วสภาฯแห่งนี้ ทำไมไม่โน้มจิตใจด้วยกันมาแก้รัฐธรรมนูญ เห็นแก่ชาติบ้านเมืองเถอะ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยิ่งอยู่นานยิ่งเป็นอันตรายต่อสังคม เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นหมด การเมืองทั้งหมด ขอให้กมธ.ร่วมฯฝ่ายสส.ที่กลับลำ กลับใจมาแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เถอะ ที่นี้เป็นที่แก้ไข ไม่ใช่ที่ถ่วงความเจริญของประชาธิปไตย ใครคนใดไม่แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือถ่วงความเจริญ ผมถือว่าคนนั้นทำลายประชาธิปไตย“ นายอดิศร กล่าว
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า หลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำให้ง่าย เป็นธรรม แบบชั้นเดียว แต่สว. หรือกมธ.ร่วมกันฯ จะมาให้ฝ่ายสส.ที่เคยลงมติ409เสียงเห็นด้วยกับเสียงข้างมากชั้นเดียว ในชั้นกมธ.สภาฯ มาเห็นด้วยกับเสียงข้างมาก2ชั้นตามร่างฯของวุฒิสภาไม่ได้ เราต้องยืนยันเพื่อยับยั้ง มีคนถามตนว่า หากรัฐบาลผสม มีพรรคๆหนึ่งไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้จะทำอย่างไร ตนก็ตอบไปว่าต้องคุยกันใหม่ คุยกันเรื่อยๆจนจบ หวังว่าจะต้องคุยกัน หากมีปัญหาขึ้นมา ชาวบ้านจะตัดสินว่าพรรคเหล่านั้นที่บอกว่าอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดีแต่พูด ประชาชนจะสั่งสอนในการเลือกตั้งปี2570 ดังนั้นอย่าพูดเอาหล่อ ขณะนี้บ้านเมืองมันแย่จริงๆ ก็ขอให้สส.ทำเพื่อประชาชน ทำตามกฎหมาย ช่วยกันลงมติเพื่อยับยั้งแล้วรออีก180วันค่อยมาว่ากันอีกครั้ง
นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า หากเราไม่มีเกณฑ์ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ในการทำประชามติ เราจะพูดได้เต็มปากเต็มคำหรือไม่ว่านี่คือการตัดสินใจของประชาชนทั้งประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เราจะได้รับการยอมรับจากคนไทยทั้งประเทศจริงๆหรือไม่ ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากเพียงพอ หรือเรากำลังเปิดช่องให้เสียงส่วนมากมีโอกาสโดนมองข้ามเพียงเพราะคำว่าง่ายหรือไม่ พรรคภูมิใจไทย ยึดถือเกณฑ์เสียงข้างมาก2ชั้น ตนตกใจว่ามีเพียงพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียวเท่านั้นที่รู้สึก ทั้งๆที่เรามีคะแนนเสียงเป็นอันดับ4 ยืนยันว่าแม้เราจะเห็นต่าง แต่เราไม่ได้ยึดติดโดยไม่มีหลักการเหตุผล เราไม่ได้ไม่พยายามที่จะทำความเข้าใจในความเห็นต่างของเพื่อนสมาชิก
เมดิสัน (เอพี/รอยเตอร์ส)-เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่รัฐวิสคอนซินของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ธ.ค. มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บอีก 6 คน ก่อนมือปืนจะยิงตัวตาย เผยเป็นนักเรียนหญิงวัย 15 ปีของโรงเรียนดังกล่าว แต่ยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุ
สื่อท้องถิ่นในสหรัฐฯ รายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนขึ้นอีกครั้งในสหรัฐ คราวนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียน อะบันแดนท์ ไลฟ์ คริสเตียน ที่เมืองเมดิสัน เมืองเอกของรัฐวิสคอนซิน ช่วงก่อน 11.00 น. วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น (16 ธ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ เป็นครูกับนักเรียนวัยรุ่น และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน ในจำนวนนี้ 2 คนอาการสาหัส ส่วนมือปืนถูกพบว่าเสียชีวิตแล้วจากบาดแผลกระสุนปืนก่อนที่ตำรวจจะไปถึงที่เกิดเหตุ เชื่อว่าเป็นการยิงตัวตาย และยังพบอาวุธปืนสั้นของมือปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
หัวหน้าตำรวจเมืองเมดิสันบอกว่า เหตุกราดยิงเกิดขึ้นในห้องเรียนห้องหนึ่งในโรงเรียนที่มีนักเรียนหลายชั้นปีเรียนรวมกันผู้ต้องสงสัยชื่อ นาตาลี หรือ ซาแมนธา รัพนอพนักเรียนหญิงวัย 15 ปี เข้ามาเรียนหนังสือที่โรงเรียนตามปกติก่อนก่อเหตุ ส่วนผู้ที่โทรศัพท์แจ้งเหตุกับตำรวจ เป็นนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีอายุเพีง 7-8 ขวบเท่านั้น ขณะนี้ไม่มีเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตของครูและนักเรียนในโรงเรียนรวมถึงพื้นที่ในชุมชนแล้ว แต่ยังคงขอให้ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องหลีกเลี่ยงการเดินทางมาใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะที่ยังคงมีการปิดถนนบริเวณโดยรอบโรงเรียน และเปิดศูนย์ชั่วคราวให้พ่อแม่ผู้ปกครองเดินทางมารับบุตรหลานที่โรงเรียน ซึ่งมีนักเรียนราว 400 คน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย
สำหรับแรงจูงใจของมือปืนในการก่อเหตุยังไม่มีการเปิดเผยและอยู่ระหว่างการสืบสวน แต่เบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ และกำลังสอบปากคำครอบครัวของมือปืน ซึ่งให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างดี
เฉพาะในปีนี้ เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนสหรัฐฯ มากกว่า 300 ครั้ง ในจำนวนนี้ 38 ครั้งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมแล้วมีเหยื่อกระสุน 69 รายจากเหตุกราดยิงในโรงเรียนทั่วสหรัฐฯ ปีนี้ ในจำนวนนี้เสียชีวิต 16 ศพ
18 ธ.ค. 2567 นสพ.The Star ของมาเลเซีย รายงานข่าว Japan to actively recruit nurses from South-East Asia ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น จะส่งเสริมการสรรหาพยาบาลจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) อย่างจริงจังตั้งแต่ปีงบประมาณ 2568 เป็นต้นไป เพื่อรับมือกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรอาชีพนี้อย่างรุนแรง โดยปัจจุบันญี่ปุ่นมีพยาบาลประมาณ 2.15 ล้านคน แต่คาดว่าจะขาดแคลนประมาณ 250,000 คนในปีงบประมาณ 2569 และประมาณ 570,000 คนในปีงบประมาณ 2583
แผนการของญี่ปุ่นเกิดขึ้นเนื่องจากแดนอาทิตย์อุทัยกำลังเผชิญกับภาวะสังคมสูงวัยที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้มีผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการดูแลมากขึ้น โดยกระทรวงฯ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ผู้ประกอบการจัดหาพยาบาลและพนักงานดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่นต้องเสียไปเมื่อต้องสรรหาพนักงานในภูมิภาคดังกล่าว และจะจัดตั้งโครงการการศึกษาวิชาการพยาบาลในอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ในปี 2568 สัดส่วนชาวญี่ปุ่นที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป จะคิดเป็น 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ
ตามข้อมูลของสำนักงานบริการตรวจคนเข้าเมือง ณ สิ้นปี 2566 มีชาวต่างชาติ 28,400 คนเข้ามาในญี่ปุ่นโดยมีสถานะวีซ่าสำหรับคนงานที่มีทักษะที่กำหนดไว้ เพื่อทำงานในอุตสาหกรรมการดูแล ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงมากกว่าร้อยละ 50 ของเป้าหมายของรัฐบาล เบื้องหลังการขาดแคลนนี้คือสงครามระดับโลกเพื่อแย่งชิงบุคลากรในอุตสาหกรรมสวัสดิการ โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วเนื่องจากประชากรมีอายุมากขึ้น
กระทรวงฯ จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับบริษัทที่ดำเนินการบ้านพักคนชราพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ และโรงเรียนอาชีวศึกษาเพื่อฝึกอบรมผู้ดูแล นอกจากนี้ เงินดังกล่าวจะนำไปใช้ในการจัดการบรรยายสรุปที่โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นและ “ตัวแทนดำเนินการ (dispatch agencies)” ในประเทศกลุ่มอาเซียน เช่น เวียดนามและเมียนมา
เยาวชนในพื้นที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเพื่อเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) จะได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับประโยชน์ของการทำงานในญี่ปุ่นและเงื่อนไขการจ้างงานที่เสนอให้ นอกจากนี้ ยังจะมีการให้การสนับสนุนทางการเงินสำหรับการสัมภาษณ์และกิจกรรมการสรรหาบุคลากรอื่นๆ รัฐบาลกลางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ระดับจังหวัดของญี่ปุ่น จะจัดสรรเงินรวม 1 ล้านเยน (ราว 2.2 แสนบาท) ต่อบริษัท กระทรวงฯ คาดว่าจะมีธุรกิจมากถึง 100 แห่งเข้าร่วมในปีงบประมาณ 2568 และได้รวมเงินทุนที่เกี่ยวข้องไว้ในงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับปีดังกล่าว
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจที่จัดทำขึ้นในปีงบประมาณ 2566 โดย Care Work Foundation ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว พบว่าสถานดูแลผู้ป่วยและคนชราร้อยละ 60 รายงานว่าขาดแคลนพนักงาน แต่มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่ยอมรับแรงงานต่างด้าว ขณะที่ โฆษกจากสำนักงานนโยบายวางแผนการสรรหาบุคลากรด้านสวัสดิการของกระทรวงฯ กล่าวว่า ต้องการกระตุ้นให้ผู้คนก้าวไปสู่การจ้างพนักงานต่างชาติเป็นอันดับแรก
ในอินโดนีเซีย ซึ่งมีความกระตือรือร้นที่จะส่งแรงงานไปต่างประเทศ จะมีการจัดตั้งโครงการ 3 ปีที่เรียกว่า “ไคโก (Kaigo)” ในปีงบประมาณ 2568 เพื่อฝึกอบรมผู้คนเกี่ยวกับเทคนิคการพยาบาลและการดูแล โดยกระทรวงฯ และหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นจะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประกันการดูแลและการดูแลผู้สูงอายุจำนวน 3 คนไปนั่น ซึ่งโครงการไคโก มุ่งเป้าไปที่การฝึกอบรมผู้สอนและเยาวชนที่เรียนในวิทยาลัยพยาบาลของรัฐในท้องถิ่น ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น เยอรมนี ได้ดำเนินการสรรหาบุคลากรในอินโดนีเซียแล้ว
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติที่มีคุณวุฒิด้านผู้ดูแลจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง สามารถเข้าไปทำงานในญี่ปุ่นได้ โดย ศ.โนริโกะ สึคาดะ (Prof. Noriko Tsukada) ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุและสังคม มหาวิทยาลัยนิฮง กล่าวว่า รัฐบาลควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรับคุณวุฒิและพยายามสร้างสถานที่ทำงานที่สอดคล้องกัน รวมถึงต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อม เช่น เพิ่มค่าจ้าง และดึงดูดชาวต่างชาติให้ทำงานในอุตสาหกรรมนี้เช่นกัน
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012