ข่าว
สาวไฮโซกำมะลอรัสเซีย ยอมรับเสียใจตุ๋นคนทั้งนิวยอร์ก

นิวยอร์ก (เอพี/ซีเอ็นเอ็น) - แอนนา โซโรกิน ผู้เข้าเมืองชาวรัสเซีย วัย 28 ปี ที่แอบอ้างเป็นทายาทเศรษฐีเยอรมัน และหลอกลวงคนทั่วนครนิวยอร์ก จนกระทั่งถูกตัดสินจำคุก 12 ปี เมื่อไม่กี่วันก่อน เผยจากห้องขังว่าไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเพราะไม่คิดว่าทำผิด หากมีโอกาสก็จะทำอีก

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เผยแพร่บทสัมภาษณ์ น.ส.โซโรกิน จากเรือนจำบนเกาะไรเกอร์ส ที่เธอถูกควบคุมตัวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ก่อนถูกคณะลูกขุนตัดสินว่ามีความผิดเมื่อเดือนก่อน และถูกตัดสินจำคุก 12 ปี เมื่อวันพฤหัสบดี เธอพยายามอธิบายเรื่องที่ใช้ชีวิตกำมะลอต้มตุ๋นคนไปทั่วว่า เป็นความผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการให้คนยอมรับเท่านั้น เธอไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำ หากบอกว่าเสียใจก็จะเป็นการโกหกทุกคนรวมทั้งตัวเอง เธอไม่คิดเบี้ยวหนี้ที่ติดค้างโรงแรมหรูกลางเมือง 2 แห่ง บริษัทเครื่องบินส่วนตัว และธนาคารหลายแห่ง คณะลูกขุนตัดสินว่า เธอฉ้อโกงรวมกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 6.31 ล้านบาท) และพยายามล่อลวงกองทุนเก็งกำไรแห่งหนึ่งให้ปล่อยสินเชื่อให้เธอ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 789 ล้านบาท)

น.ส.โซโรกินอ้างว่า ชื่อแอนนา เดลวีย์ ที่เธอใช้และเป็นที่รู้จักนั้น เป็นชื่อกลางของมารดา ส่วนเรื่องปลอมแปลงเอกสารธนาคารก็เพราะฝันจะเปิดคลับส่วนตัวมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,262 ล้านบาท) มีคนพร้อมร่วมลงทุนแต่เธอต้องเปิดคลับให้ได้ก่อน เธอไม่ได้กระหายเงินแต่กระหายการมีอำนาจ เพราะการที่มีผู้ชายทรงอิทธิพลทางการเงินและอสังหาริมทรัพย์มาให้ความสนใจทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เพื่อนฝูงอาจคิดว่าเธอมีเงินมากมาย แต่เธอไม่เคยพูดเลย เป็นการทึกทักไปเองเท่านั้น น.ส.โซโรกินที่อ้างตัวว่าเป็นทายาทเศรษฐีเยอรมัน มีกองทุนจ่ายเงินให้ใช้ชีวิตไฮโซ พักโรงแรมสุดหรู ใช้ของแบรนด์เนม และสังสรรค์กับแวดวงคนดังในย่านแมนฮัตตันเผยว่า เกิดในรัสเซีย แต่ไปโตในเยอรมนี ไปเรียนด้านแฟชันที่กรุงปารีส เมื่ออายุ 19 ปี และใช้ชื่อแอนนา เดลวีย์ ตั้งแต่นั้น ต่อมาเลิกกับแฟนจึงเดินทางมาเที่ยวนิวยอร์กในปี 2556 แต่ไปๆ มาๆ มีเพื่อนมากกว่าที่ปารีส ก็เลยตัดสินใจอยู่ถาวร

อัยการระบุว่า น.ส.โซโรกินใช้โปรแกรมโฟโตช็อปปลอมแปลงรายการเดินบัญชีธนาคาร 4 รายการ ระหว่างกลับไปเยอรมนีช่วงปลายปี 2559 เพราะต้องการเร่งเปิดคลับเพื่อให้มีคนมาลงทุน เธอกลับมานิวยอร์กต้นปี 2560 แล้วใช้รายการปลอมเหล่านั้นยื่นขอสินเชื่อครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกจับครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน เพราะไม่จ่ายค่าที่พักโรงแรมหรูสองแห่งและค่ามื้อเที่ยงที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนได้รับการปล่อยตัวและถูกจับอีกครั้งในเดือนตุลาคม หากพ้นโทษคาดว่าทางการสหรัฐจะเนรเทศเธอไปเยอรมนี แต่เธออยากไปกรุงลอนดอน ของอังกฤษ มากกว่า และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอีกหรือไม่ เธอยักไหล่พร้อมหัวเราะว่า อาจจะทำอีก

ปชป.‘เอา-ไม่เอา’? พปชร.ซื้อใจสุดๆพร้อมยกเก้าอี้ประธานสภาฯแลกร่วมรัฐบาล

หึ่ง “พปชร.” ประเคนเก้าอีประธานสภาฯให้ “ปชป.” หวังซื้อใจแลกมติร่วมรัฐบาล แต่คนในพรรคหวั่นไม่ปกป้อง “บิ๊กตู่–ครม.” เผยถ้าออกเกมนี้ “พ่อมดดำ” ส่อวืด ขณะที่ “วิรัช” ก็ส่อแห้ว หลัง ป.ป.ช.เตรียมวินิจฉัยปมทุจริตสร้างสนามฟุตซอล

17 พ.ค.62 รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ยังไมได้ข้อยุติ แม้ก่อนหน้านี้จะปรากฏรายชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นแคนดิเดต ล่าสุดพรรคยังตกลงกันไม่ได้

ทั้งนี้ นายสุชาติ พยายามหาเสียงสนับสนุนจากส.ส.ในพรรคทั่วประเทศ รวมถึงพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ที่พร้อมสนับสนุนนายสุชาติ แต่ติดปัญหาที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากต้องการสนับสนุนนายวิรัชมากกว่า จนทำให้มีความเห็นแตกต่างกันภายในพรรคอย่างอย่างชัดเจน

ด้านแหล่งข่าว กล่าวว่า ขณะเดียวกันในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งได้หัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ พรรคพลังประชารัฐอาจจะยื่นข้อเสนอตำแหน่งประธานสภาฯให้ ซึ่งมีชื่อของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่มีความเหมาะสมเพราะมีความอาวุโสภายในพรรคและสามารถควบคุมเกมภายในสภาได้

อย่างไรก็ตาม มี ส.ส.บางกลุ่มของพรรคพลังประชารัฐ แสดงความกังวลว่าข้อเสนอสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะอาจทำให้พรรคพลังประชารัฐเสียเปรียบในรัฐสภา ที่พรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และบุคคลในคณะรัฐมนตรี ไม่เต็มที่เท่ากับคนในพรรคเป็นเอง

“ตอนนี้นายวิรัช อาจติดปัญหาเรื่องภาพลักษณ์คดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอลที่ตนเองถูกแจ้งข้อกล่าวหา และล่าสุดอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อวินิจฉัย อาจไม่สง่างาม และถูกลดให้ไปเป็นประธานวิปรัฐบาล พร้อมกับให้ลูกชายของนายวิรัชเป็นรัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่งแทน” แหล่งข่าว ระบุ


‘เต้น’บอกพท.เป็นฝ่ายค้านดีกว่าพึ่งสิ่งแปลกปลอม เสี่ยงถูก‘หักหลัง’กลางทาง

16 พ.ค.62 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊กวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่า ในช่วงการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลเต็มไปด้วยข่าวสารมากมาย ตนคิดว่าหลักสำคัญของการต่อต้านการสืบทอดอำนาจที่ทุกพรรคการเมืองจะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยกัน คือ การเชื่อมโยงอุดมการณ์และจุดยืนประชาธิปไตยเท่านั้น ตนเอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย (พท.) ชื่นชมพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และเป็นกำลังใจให้กับทุกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่ประกาศจุดยืนต่อต้นการสืบทอดอำนาจ จริงๆเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองต้องมี แต่ในโลกของความเป็นจริงหลายพรรคที่เราเห็นอยู่ตั้งขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อนและสนับสนุนการสืบทอดอำนาจโดยเฉพาะ ไม่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์หรอก พรรคไหนเป็นอย่างไรมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ถ้า 7 พรรคการเมืองซึ่งได้ประกาศสัตยาบันร่วมกันตั้งแต่ช่วงต้น ยังคงยืนยันเหมือนเดิม นี่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ใน 7 พรรคการเมืองนี้ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะเป็นนายกฯตัวจริงจากพรรคไหนส่วนตัวตนยอมรับได้ เพราะถือว่าชัดเจนตั้งแต่ต้นทาง แต่หากดูกระแสข่าวว่ามีการทาบทาม เชิญชวนพรรคการเมืองอื่นอีกหลายพรรค โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดกลาง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เข้ามาร่วม ในฐานะประชาชนตนก็สนับสนุนให้ทั้ง 2 พรรคเข้ามาจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตย

นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ประเด็นแตกต่างอยู่ตรงที่ ผมมีข้อสังเกตว่าถ้าพรรค ปชป. และ ภท. ถ้าจะมาไม่มาทั้งใจ กลับไปเสียดีกว่า ต้องมาด้วยหัวใจประชาธิปไตยเท่านั้น สิ่งที่ประเทศไทยและประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ คือ ตัวแทนของประชาชนที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตยเด็ดขาด ชัดเจน ไม่ใช่มาอ้างว่าต่อต้านการสืบทอดอำนาจ เพียงมุ่งหวังผลประโยชน์ หรือเก้าอี้ตัวใหญ่ทางการเมือง

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. จะเป็นนายกรัฐมนตรี ผมไม่มีอะไรขัดข้อง ถ้ามายืนด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตย ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. มีข้อสังเกตเพิ่มเติม ผมคิดว่าวันนี้ในทางการเมืองนายอภิสิทธิ์ ถูกปฏิเสธทั้งจากมวลชนที่สนับสนุนพรรค ปชป.แต่เดิม จากสมาชิกพรรคปัจจุบัน ดังนั้นแม้จะเป็นแคนดิเดตหนึ่งเดียวของพรรค ปชป. แต่ความชอบธรรมที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีหรือไม่ ที่สำคัญที่สุดจุดยืนเรื่องประชาธิปไตยที่ผ่านมาของนายอภิสิทธิ์ เต็มไปด้วยคำถาม มากไปด้วยปัญหา” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ดังนั้นสิ่งที่ตนอยากจะสื่อสารตรงไปตรงมาก็คือให้เขามาด้วยความสัตย์จริงต่อประชาชนว่าเขาทำเพราะเชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตย อย่าให้เขามาเพราะสมประโยชน์กันเรื่องเก้าอี้ เพราะในวันหนึ่งข้างหน้า ท่ามกลางกติกาที่เป็นอยู่ ในสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งฝ่ายไหนตั้งรัฐบาลได้ ก็จะไม่มีเสถียรภาพ ใครจะไปรู้ วันหนึ่งอาจจะเกิดการพลิกขั้ว ย้ายข้าง วันหนึ่งฝ่ายประชาธิปไตยอาจจะถูกหักหลังกลางทางอย่างที่เคยเป็นมาแล้วก็ได้

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ดังนั้นส่วนตัวของตน ฝ่ายประชาธิปไตยต้องยืนอยู่กับโลกของความเป็นจริง ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ แล้วจะต้องเอาสิ่งแปลกปลอมเข้ามาเจือปน เป็นฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่า ตนไม่ได้ปรามาสพรรคการเมืองอย่าง ปชป. หรือ ภท. แต่ตนคิดว่าประชาชนกำลังรอดู ถ้านายอนุทินจะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ให้ชัดเสียตั้งแต่วันนี้ ส่วนพรรค ปชป. หลายฝ่ายบอกว่าถ้ามีมติสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถึงคราวที่อาจจะต้องสูญพันธุ์ ก็ต้องปล่อยให้สูญพันธุ์ไป ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายประชาธิปไตยที่จะยื่นมือต่อชีวิตทางการเมืองให้ หรือเสนอเก้าอี้ใหญ่ตัวใดๆให้

“ผมเชื่อว่าพรรค พปชร.ตั้งรัฐบาลได้ ก็อยู่ไม่นาน แล้วถึงที่สุดชัยชนะก็จะเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเห็นว่าจะตกลงกันได้ทุกพรรค ด้วยตำแหน่งทางการเมือง ด้วยยศศักดิ์ ด้วยเก้าอี้ ผมก็เคารพในการตัดสินใจ แต่ผมยืนยันว่าไม่เห็นด้วย” นายณัฐวุฒิ กล่าว


‘โบว์’โดดถือหาง’ธนาธร’นั่งนายกฯ ชักแม่น้ำทั้งห้ากล่อม'ปชป.-ภท.'หนุนตั้งรบ.

16 พ.ค.62 น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมทางการเมือง ได้โพสต์เฟชบุ๊กหลังจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.)ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า สถานการณ์ล่าสุดการจัดตั้งรัฐบาล-ภารกิจปักธงประชาธิปไตย สนับสนุนธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี

ภายหลังจากเช้านี้ที่พรรคเพื่อไทยประกาศเปิดทาง ไม่ยึดติดตำแหน่งนายก เพื่อชวนพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยมาเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เมื่อสี่โมงเย็นที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ก็ประกาศพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเสนอธนาธร เป็นนายกรัฐมนตรี

ในสถานการณ์นี้ ถือว่าอนาคตใหม่มีความชอบธรรมที่จะเสนอตัวเป็นแกนนำ ในฐานะที่มีที่นั่งสูงเป็นลำดับสามของทั้งประเทศและลำดับสองต่อจากเพื่อไทยในขั้วนี้ และเนื่องจากอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองใหม่ที่ไม่เคยเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับพรรคใด จึงไม่น่าจะเป็นอุปสรรคที่อีกสองพรรคจะตัดสินใจเข้าร่วม หากเห็นแก่ประโยชน์ในการร่วมสร้างรัฐบาลเสียงข้างมากที่จะมีเสถียรภาพในสภาผู้แทนราษฎร

ณ วันนี้ หากพรรคที่ยังอยู่ตรงกลางทั้งหมดจะตัดสินใจเข้าร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตย เราจะมีรัฐบาล 361 เสียง แต่หากตัดสินใจสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ก็จะเกิดรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ 254 เสียง ที่ไม่อาจมีเสถียรภาพในการบริหาร

ขอสื่อสารต่อพรรคการเมืองทั้งหมด โดยเฉพาะประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย การตัดสินใจเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน บนพื้นฐานประชาธิปไตยสุจริต ไม่ยากค่ะ

ทรัมป์ออกคำสั่งฉุกเฉิน ปกป้องเครือข่ายไอทีสหรัฐ-แบนหัวเว่ย

วอชิงตัน/ปักกิ่ง (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - ผู้นำสหรัฐลงนามคำสั่งฉุกเฉินปกป้องเครือข่ายด้านไอทีจากบริษัทต่างชาติ พร้อมสั่งห้ามหัวเว่ยซื้ออะไหล่จากสหรัฐ ด้านหัวเว่ยเตือนคำสั่งดังกล่าวของผู้นำสหรัฐจะทำให้สหรัฐล้าหลังเรื่องเครือข่าย 5จี (5G)

ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญลงนามคำสั่งฉุกเฉิน ห้ามบริษัทในสหรัฐใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมจากบริษัทต่างชาติ โดยเชื่อว่ามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ เทคโนโลยีที่อยู่ในข่ายนี้คือเทคโนโลยีที่ออกแบบ พัฒนา ผลิต หรือจัดหาโดยบุคคลที่ปรปักษ์ต่างชาติเป็นเจ้าของ ควบคุม มีอำนาจตุลาการเหนือหรือสั่งการได้ แม้คำสั่งนี้จะไม่ได้เผยว่าบริษัทต่างชาติใดที่เป็นภัยคุกคาม แต่เชื่อได้ว่าคำสั่งนี้พุ่งเป้าไปที่บริษัทหัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ยังสั่งห้ามบริษัทหัวเว่ย และบริษัทในเครือของหัวเว่ยสั่งซื้อชิ้นส่วนอะไหล่จากบริษัทของสหรัฐ หากไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล

การออกคำสั่งของทรัมป์ที่พุ่งเป้าไปที่บริษัทหัวเว่ยครั้งนี้ ยิ่งทำให้สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนตึงเครียดมากขึ้น อย่างไรก็ดี นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนมีแนวโน้มจะเปิดเจรจาระดับรัฐมนตรีอีกครั้งในเร็วๆ นี้ เพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้าระหว่างกัน หลังจากที่การเจรจาหลายครั้งที่ผ่านมาไม่สามารถหาข้อยุติกันได้ และล่าสุดสหรัฐได้ขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่มีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่จีนได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสินค้าจากสหรัฐเช่นกัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์

ด้านหัวเว่ยส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีของสหรัฐว่า การจำกัดไม่ให้หัวเว่ยทำธุรกิจในสหรัฐไม่ทำให้สหรัฐปลอดภัยหรือแข็งแกร่งขึ้น แต่กลับทำให้สหรัฐถูกบีบให้ต้องเลือกทางเลือกที่ด้อยกว่าแต่แพงกว่า เป็นเหตุให้สหรัฐล้าหลังเรื่องการวางเครือข่าย 5จี ส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและบริษัทอเมริกันในที่สุด นอกจากนี้การจำกัดอย่างไร้เหตุผลถือเป็นการละเมิดสิทธิของหัวเว่ยและจะมีปัญหาทางกฎหมายร้ายแรงอื่นๆ ติดตามมา โฆษกหัวเว่ยเผยกับซีเอ็นบีซีว่า หัวเว่ยเป็นเจ้าตลาด 5จี หัวเว่ยพร้อมและยินดีร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐหามาตรการที่มีประสิทธิภาพในการรับรองความปลอดภัยของอุปกรณ์บริษัท

ผู้เชี่ยวชาญเคยบอกกับซีเอ็นบีซีว่า สหรัฐอาจใช้อุปกรณ์ของบริษัทอื่น เช่น โนเกีย อีริคสัน ยังไม่ชัดเจนว่าคำสั่งบริหารของทรัมป์จะกระทบหัวเว่ยอย่างไร เพราะหัวเว่ยถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดสหรัฐมาหลายปีแล้ว รายได้ที่มาจากทวีปอเมริกามีสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.6 ของรายได้ทั้งหมดเมื่อปีก่อน เพราะส่วนใหญ่มาจากลาตินอเมริกา ส่วนไตรมาสแรกของปีแรกรายได้ของหัวเว่ยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 39 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน