มือปืนกราดยิงที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงปราก สังหารผู้คน 14 รายและทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ท้ายที่สุดผู้ก่อเหตุทำการฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธกำลังตรวจค้นบริเวณระเบียงของมหาวิทยาลัยชาร์ลส์ใจกลางกรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม หลังเกิดเหตุกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิต 14 ราย (Photo by Michal CIZEK / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2566 กล่าวว่า เกิดเหตุกราดยิงที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
เหตุอุกอาจเกิดขึ้นที่คณะอักษรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชาร์ลส์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น สะพานชาร์ลส์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดยหน่วยฉุกเฉินของกรุงปรากรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 15 รายในที่เกิดเหตุ รวมทั้งตัวมือปืนชายวัย 24 ปีที่ถูกพบเสียชีวิตจากการยิงตัวตาย
เหยื่อทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตภายในอาคาร ส่วนมือปืนรายนี้ได้รับการคาดการณ์ว่าน่าจะทำการสังหารเหยื่อบางรายมาแล้ว ก่อนมาลงมือสังหารที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
ตำรวจพบคลังอาวุธและกระสุนจำนวนมหาศาลในครอบครองของชายคนดังกล่าว และการดำเนินการอย่างรวดเร็วช่วยป้องกันเหตุสังหารหมู่ที่อาจร้ายแรงกว่านี้มาก
รถพยาบาลและหน่วยฉุกเฉินได้เร่งอพยพผู้บาดเจ็บหลายสิบคนออกจากที่เกิดเหตุ เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ปลอดภัย โดยรายงานเบื้องต้นระบุว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 25 คน และในจำนวนนี้อาการสาหัส 10 คน
ความรุนแรงในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเช็กก่อให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่วเมือง มีการระดมกำลังตำรวจจำนวนมาก และทางการแจ้งเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน จนกว่าเหตุการณ์จะสงบ
วิท ราคูสัน รัฐมนตรีมหาดไทยเช็ก กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า มือปืนผู้ก่อเหตุเสียชีวิตแล้ว ตามข้อมูลยืนยันเบื้องต้น
แรงจูงใจในการก่อเหตุยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน แต่เบื้องต้นทางการเชื่อว่าไม่ใช่การก่อการร้าย
สื่อท้องถิ่นจีนรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ภัยพิบัติในมณฑลกานซูและ มณฑลชิงไห่ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน หลังเผชิญแผ่นดินไหว 6.2 แมกนิจูด เมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา และทางการได้ยกเลิกปฏิบัติการค้นหาเหยื่อผู้ประสบภัยไปแล้ว เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่จะพบผู้รอดชีวิตต่ำลง โดยเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ทางการมณฑลชิงไห่ยืนยันว่ายังคงมีผู้ประสบภัยสูญหายอย่างน้อย 12 คน แต่มิได้เปิดเผยว่าจะมีการค้นหาเพื่อช่วยเหลือผู้สูญหายหรือไม่ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 135 ศพ
ขณะที่ทางการมณฑลกานซูระบุว่าไม่มีผู้สูญหาย แต่อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 207,000 แห่ง ในจำนวนนี้พังถล่มกว่า 15,000 แห่ง ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 145,000 คน อย่างไรก็ตาม กระทรวงบริหารจัดการภัยพิบัติของจีนเปิดเผยว่า สิ่งของบรรเทาทุกข์กว่า 135,000 ชิ้น ได้เข้าถึงพื้นที่ประสบภัยในมณฑลกานซูและชิงไห่แล้ว โดยมีทั้งเต็นท์ผ้าฝ้าย ฟูกนอนแบบม้วน ผ้าห่ม เครื่องทำความร้อน สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุด้วยว่า ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจีนต่างกังวลเรื่องผู้สูญหาย เนื่องจากอุณหภูมิในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ -10 องศาเซลเซียส
วันที่ 22 ธันวาคม 2566: เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม รอยเตอร์ รายงานโดยอ้าง บลูมเบิร์กว่า บริษัทขนส่งสินค้าความเร็วสูง ไฮเปอร์ลูป วัน (Hyperloop One) เตรียมจะปิดตัวลง เนื่องจากล้มเหลวในการชนะสัญญาใดๆ เพื่อสร้างไฮเปอร์ลูป ที่ใช้งานได้ ทั้งนี้ บริษัทในลอสแอนเจลิสแห่งนี้ เสร็จสิ้นการให้บริการ การโดยสารด้วย
ไฮเปอร์ลูป วัน ก่อตั้งในปี 2014 และได้รับการระดมเงินลงทุนมากกว่า 400 ล้านดอลลาร์ จากประชาชนทั่วไป และ หัวเรือใหญ่ของบริษัท เวอร์จิ้น บริษัทสายการบินและธุรกิจบันเทิงชื่อดัง ริชาร์ด แบรนสัน รวมทั้งหน่วยธุรกิจจากสหรัฐอาหรับเอมิเรต ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น เวอร์จิ้น ไฮเปอร์ลูป วัน ในปี 2017 แล้วเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อ ไฮเปอร์ลูป วัน เหมือนเดิมเมื่อปีที่แล้วเนื่องจาก Virgin ถอนการลงทุน
โดยบริษัท จะขายสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ ในขณะที่การจ้างงานสำหรับพนักงานที่เหลืออยู่ จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม ไฮเปอร์ลูป วัน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความเห็นจากรอยเตอร์ในทันที
ไฮเปอร์ลูป วัน เดินทางผ่านท่อสุญญากาศ มียานแคปซูล ขับเคลื่อนด้วยแรงแม่เหล็ก เพื่อให้การเดินทางเงียบกริบ โดยใช้เวลาเดินทางจากนิวยอร์ก ไป วอชิงตัน ในระยะเวลาเพียง 30 นาที เร็วกว่าการบินด้วยเครื่องบินเจ็ตเชิงพาณิชย์ถึง 2 เท่า และเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูง 4 เท่า
สำหรับไฮเปอร์ลูปเป็นความคิดของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ ที่จะปฏิวัติการเดินทางของมนุษยชาติด้วยกระสวยโดยสารในหลอดสุญญากาศที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 1,000 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง โดยเขาได้ลงทุนกับไฮเปอร์ลูป ในบริษัทชื่อ Boring โดยได้เจาะอุโมงค์เพื่อสร้างไฮเปอร์ลูปเชื่อมระหว่างเมือง
22 ธ.ค. 2566: ฮอนด้า เรียกคืน 4.5 ล้านคันทั่วโลก ทั้ง ‘แอคคอร์ด-ซีวิค-ซีอาร์วี’ รุ่นดังโดนเพียบ หลังจากเจอปัญหาความเสี่ยงที่ปั๊มเชื้อเพลิงขัดข้อง
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 66 รอยเตอร์ รายงานว่า หน่วยงานในอเมริกาของฮอนด้า มอเตอร์ กำลังเรียกคืนรถยนต์ประมาณ 4.5 ล้านคันทั่วโลก จากความเสี่ยงที่ปั๊มเชื้อเพลิงขัดข้อง
การเรียกคืนครั้งนี้ครอบคลุม รถยนต์จำนวน 2.54 ล้านคันในสหรัฐ โดยเกิดขึ้นหลังจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เคยเรียกคืนรถยนต์ 628,000 คันในสหรัฐ ก่อนหน้านี้ในปี 2564 และ 136,000 คัน ในปี 2563 จากปัญหาเดียวกัน
ฮอนด้า เรียกคืนรถเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จากปัญหาเดียวกันในจีนและญี่ปุ่น
ทั้งนี้ บริษัทแจ้งต่อสำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA) ว่าจะเปลี่ยนระบบปั๊มเชื้อเพลิงในรถให้ใหม่ และมีแผนที่จะแจ้งย้ำเรื่องการเรียกคืนรถอีกครั้งในช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ปีหน้า
การเรียกคืนรถยนต์ครั้งนี้ ครอบคลุมรถยนต์หลายรุ่น ในปี 2018-2020 ได้แก่ Honda Accord, Civic, CR-V, HR-V, Insight, Ridgeline, Odyssey, Passport และรุ่น Acura หลายรุ่น รวมถึง ILX, MDX, RDX, RLX, TLX และ NSX ยานพาหนะ
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวัน หลังจากที่ฮอนด้าเรียกคืนรถยนต์ซีอาร์-วีไฮบริด ประมาณ 106,030 คัน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดเพลิงไหม้หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดจากสายไฟแบตเตอรี่ร้อนจัดหรือไฟฟ้าลัดวงจร
ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ออกโรงเตือนว่าพวกเขาจะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีตอบโต้ หากถูกยั่วยุด้วยนิวเคลียร์ก่อน ขณะที่เกาหลีใต้กับพันธมิตร เรียกร้องให้เปียงยางมาเจรจา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 ธ.ค. 2566 คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือออกโรงเตือนว่า เปียงยางจะไม่ลังเลในการใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตี หากพวกเขาถูกยั่วยุด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อน ในขณะที่เกาหลีใต้กับชาติพันธมิตรเรียกร้องให้เกาหลีเหนือมาเจรจากันโดยไม่มีเงื่อนไข
เกาหลีใต้กับสหรัฐฯ เพิ่งหารือกันเมื่อสัปดาห์ก่อน เรื่องมาตรการป้องปรามทางนิวเคลียร์กรณีที่เกิดความขัดแย้งกับฝ่ายเหนือ ซึ่งรวมถึงแผนการเชิงยุทธศาสตร์ โดยทั้งสองประเทศย้ำว่า การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ใดๆ ของเกาหลีเหนือต่อสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ จะส่งผลให้การปกครองของรัฐบาลเกาหลีเหนือสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม คิม จอง อึน บอกกับฝ่ายขีปนาวุธของกองทัพเกาหลีเหนือว่า อย่าลังเลที่จะโจมตีหรือใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากศัตรูยั่วยุด้วยนิวเคลียร์ก่อน หลังจากนั้นไม่นาน สหรัฐฯ, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ก็ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดการยั่วยุ และตอบรับการเรียกร้องของพวกเขาให้เข้าร่วมการเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไข
ทั้งนี้ สหรัฐฯ, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ยกระดับความร่วมมือทางทหารระหว่างกันมากขึ้นอีก หลังรัฐบาลเปียงยางดำเนินการทดสอบอาวุธมากเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านทั้ง 3 ประเทศเพิ่งเปิดระบบแบ่งปันข้อมูลในเวลาจริง เกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เพื่อให้สามารถรับมือได้ทันท่วงที
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือดำเนินการทดสอบมิสไซล์ ‘ฮวาซอง-18’ (Hwasong-18) ขีปนาวุธข้ามทวีปที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขา โดยระบุว่า เป็นการส่งสัญญาณเตือนต่อฝ่ายวอชิงตันและชาติพันธมิตรที่มีพฤติกรรมเป็นภัยทางทหารอย่างต่อเนื่อง
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012