สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ว่า ตัวแทนเหมืองแร่เหล็กซามาร์โก ประนีประนอมความกับรัฐบาลบราซิล เมื่อวันพุธ โดยยินยอมจ่ายค่าเสียหายมูลค่า 6,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 220,285 ล้านบาท) เพื่อชดเชยจากเหตุการณ์เขื่อนในเหมืองถล่ม ทำให้น้ำและดินโคลนที่ปนเปื้อนสารเคมีไหลทะลักเข้าท่วมย่านที่อยู่อาศัยและส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม
เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา ในเมืองมาเรียนา รัฐมีนัสเชไรส์ ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อเขื่อนในเหมืองพังถล่มลงมา พัดพาเอาสารเคมีต่างๆ ออกไปสู่ชุมชนด้านนอกและสิ่งแวดล้อม หมู่บ้านถูกคลื่นโคลนทำลาย ระบบจ่ายน้ำประปาถูกปนเปื้อน เช่นเดียวกับแม่น้ำโดเชซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญ นอกจากนี้ยังกระทบต่อระบบนิเวศน์ สัตว์ป่า ธุรกิจท่องเที่ยว และการประมง
ประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟฟ์ ผู้นำบราซิล เผยว่า ค่าชดเชยดังกล่าวจะทยอยจ่ายในระยะเวลา 15 ปี โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ส่วนแรก 5,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 181,202 ล้านบาท) เป็นส่วนของการชดใช้ค่าเสียหาย และอีก 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 39,082 ล้านบาท) จะใช้สำหรับการลงทุนเพื่อชดเชยต่อความเสียหายที่เยียวยาไม่ได้ ซึ่งประธานาธิบดียังย้ำอีกว่า กระบวนการจ่ายค่าชดเชยจะไม่จำกัดแค่นี้ จะต้องดำเนินไปจนกว่าส่วนที่เสียหายจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย และสูญหายอีก 2 ราย โดยเมื่อเดือนที่แล้วตำรวจตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่น แก่ผู้บริหารระดับสูงของซามาร์โก 6 คน ซึ่งรายงานระบุว่ายังต้องเจอกับการดำเนินคดีทางกฎหมายเพิ่มเติมอีกนับจากนี้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อัยการรัฐคนหนึ่งกล่าวว่า จะทำการประท้วงต่อการประนีประนอมความ เพราะไม่เห็นด้วยกับการประเมินตัวเลขความเสียหายที่ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดและเป็นตัวเลขที่ต่ำเกินจริง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มีนาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายกฯให้ข้อคิดกับข้าราชการถึงความเหมาะสมในการออกรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกร และผู้ดำเนินรายการที่ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 13 ปี 4 เดือน จากคดียักยอกเงินยักยอกเงิน ว่า “ผมไม่เคยห้าม แต่ให้ข้าราชการไปพิจารณาเอาเองว่าควรหรือไม่ แต่สิ่งที่อยากให้ทบทวนและช่วยดูให้ผมด้วย ว่าทำถึงต้องออกมาพูดว่าให้ไปพิจารณาเอาเองว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร เพราะวันนั้นหรือจะมีปัญหาปรากฏก็มีเทปสัมภาษณ์อธิบดีกรมสรรพกรออกมา ซึ่งเอามาออกทำไม เมื่อมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์เกิดขึ้นแล้วมีคำสั่งศาลออกมา ทำไมไม่เอาเทปอื่นมาออก แต่เทปนี้ซึ่งออกอากาศไปแล้วเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เอามาออกซ้ำ ทำให้สื่ออื่นออกมาโจมตี เอารูปอธิบดีไปออก ซึ่งอธิบดีรายงานผมว่าได้ให้สัมภาษณ์มา 2-3 อาทิตย์แล้ว ผมจึงสงสัยว่าจะเอามาออกช่วงนี้เพื่ออะไร ให้ไปถามช่อง 3 ซิ เพื่อประโยชน์อะไรให้คนมาว่ารัฐบาลไม่สนใจ ทำให้มีการโจมตีรัฐบาลว่าที่เคยบอกให้ความสำคัญกับเพื่อการปราบปรามการทุจริต แล้วทำไมถึงให้อธิบดีไปออกรายการที่มีปัญหา ซึ่งเรื่องทุจริตผิดกฎหมายก็ไปว่ากันมา”
เมื่อ 10.30น. วันที่ 3 มีนาคม ที่ศูนย์บริการประชาชนทำเนียบรัฐบาล นางสาวปทิตตา เตชาวรวัฒน์ ที่ปรึกษากลุ่มสตรีศรีสยาม ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) 3 ประเด็น คือ 1.ขอให้ใช้อำนาจปกป้องพระธรรมธรรมวินัยของพุทธบริษัท เนื่องจากพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่ไม่เหมาะสม 2.ให้รัฐบาลจัดการขั้นเด็ดขาดต่อผู้ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทย เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะให้สัมภาษณ์กับสถาบันนโยบายโลก(ดับเบิ้ลยูพีไอ) ซึ่งหากรัฐบาลปล่อยให้นายทักษิณเคลื่อนไหวโดยใช้เวทีโลกกล่าวโจมตีการบริหารของรัฐบาลนั้น อาจนำไปสู่ความสับสนในคุณธรรมจริยธรรมและความหายนะมาสู่ประเทศได้ 3.ขอให้นายกฯแถลงแนวทางและขั้นตอนการเรียกคืนค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าวต่อสื่อมวลชน เนื่องจากเคยเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเรียกร้องคืนค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว ต่อมานายวิษณุ เครืองาม นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและสรุปความเสียหายนั้นได้ยืนยันต่อสาธารณะว่า จะไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง แต่จะใช้คำสั่งทางปกครองเพื่อเรียกคืนค่าสินไหมจากผู้สมควรรับผิดชอบ
สำนักข่าวเอพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 มี.ค. เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินสหรัฐเผยเมื่อวันพุธว่า จากการพิจารณาภาพถ่ายของชิ้นส่วนเครื่องบินที่พบบนชายหาดของประเทศโมซัมบิก แสดงให้เห็นว่า เป็นส่วนแพนหางด้านขวาของเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ซึ่งวัสดุด้านในเป็นอะลูมินัมแบบรังผึ้ง ส่วนด้านนอกเป็นไฟเบอร์กลาส
สอดคล้องกับแถลงการณ์ของนายเลียว เตียง ไล้ รมว.กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย ที่ออกมาเผยก่อนหน้านี้ว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าชิ้นส่วนดังกล่าวจะเป็นของเครื่องบินโบอิ้ง 777 แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ จึงเรียกร้องขอให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการคาดเดาโดยไร้หลักฐาน
ด้านสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งออสเตรเลีย (เอทีเอสบี) ระบุว่า ทางการออสเตรเลียกำลังประสานงานร่วมกับรัฐบาลมาเลเซีย ในการนำส่งชิ้นส่วนดังกล่าวไปยังออสเตรเลียเพื่อทำการตรวจวิเคราะห์ และยืนยันจะยังไม่ให้ข้อสรุปใดๆ เพียงแค่การประเมินจากภาพถ่าย
นายแดน โอมอล์ลีย์ โฆษกเอทีเอสบี กล่าวว่า การค้นพบชิ้นส่วนที่โมซัมบิก ในขั้นนี้ยังไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินในบริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ที่ผ่านมามีการคาดคะเนว่า ชิ้นส่วนเครื่องบินที่ตกในมหาสมุทรอินเดีย น่าจะถูกกระแสน้ำซัดพาไปทางชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกา
นายดาร์เรน เชสเตอร์ รมว.กระทรวงคมนาคมออสเตรเลีย แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ตำแหน่งที่พบชิ้นส่วนล่าสุดนี้ สอดคล้องกับทฤษฎีการเคลื่อนที่ของชิ้นส่วนที่ถูกคลื่นซัดตามที่เคยมีการวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ยืนยันได้ว่า ปฏิบัติการค้นหาอยู่ในพิกัดที่ถูกต้องแล้ว
ทั้งนี้ เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย มุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่งของจีน พร้อมด้วยผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2557 ได้ขาดการติดต่อและหายไปอย่างเป็นปริศนา
หลักฐานการส่งสัญญาณเรดาร์แสดงให้เห็นว่าเครื่องบินหันหัวย้อนกลับลงทางใต้และบินออกนอกเส้นทาง จึงทำให้สันนิษฐานว่าจุดที่เครื่องหายไปคือทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย แต่ปฏิบัติการค้นหานานาชาติที่นำโดยออสเตรเลียในพื้นที่ดังกล่าวยังคงไม่มีความคืบหน้า
กระทั่งมีการค้นพบชิ้นส่วนเครื่องบินเกยหาดบนเกาะเรอูนียง ดินแดนของฝรั่งเศสทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา ซึ่งห่างจากจุดค้นหาราว 3,700 กิโลเมตร เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว และได้รับการยืนยันว่าเป็นชิ้นส่วนของเอ็มเอช 370 และเป็นเพียงหลักฐานชิ้นเดียวตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา
การที่ไม่พบกล่องดำซึ่งเป็นกล่องบันทึกข้อมูลการบินและบันทึกเสียงในห้องนักบิน จึงยังไม่สามารถอธิบายหรือตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นได้ มีเพียงทฤษฎีและแนวคิดที่หลากหลาย รวมถึงเรื่องที่ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาของนักบิน แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากไม่มีหลักฐานใดยืนยัน
นายชวลิต พิชาลัย รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินนโยบายส่งเสริม และปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากขยะของเสียเพื่อผลิตเป็นพลังงานว่า ขณะนี้มีโรงไฟฟ้าขยะชุมชนสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์แล้วทั้งสิ้น 135.48 เมกะวัตต์ โดยกระทรวงพลังงาน คาดว่า ปี 60 จะสามารถรับซื้อไฟฟ้าขยะชุมชนเพิ่มเป็น 348 เมกะวัตต์ และสามารถรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเริ่มที่ 10 เมกะวัตต์ รวมกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 358 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายระยะยาวจะรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากขยะรวม 550 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นขยะชุมชน 500 เมกะวัตต์ และขยะอุตสาหกรรม 50 เมกะวัตต์ เพื่อลดปัญหาการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากขยะของเสียในประเทศ ตามแผนส่งเสริมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก(เออีดีพี)
สำหรับแนวทางการส่งเสริมการผลิตพลังงานจากขยะ กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน เริ่มจากการกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบอัตราตามต้นทุนที่แท้จริง(ฟีดอินทารีฟ) สำหรับไฟฟ้าจากขยะตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ในช่วงที่ผ่านมา และร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนแม่บทการจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (ปี 58 – 62) จนเกิดโครงการสำคัญ เช่น โครงการนำร่องการจัดการขยะชุมชนแบบครบวงจรแบบกระจายศูนย์ โครงการศึกษาออกแบบระบบบริหารจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นพลังงานทดแทนระดับจังหวัด
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มีนาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะเรื่องน้ำประปาที่มีการปล่อยน้ำไม่สม่ำเสมอทำให้ประชาชนกักตุนน้ำว่า มีการรายงานสถานการณ์เข้ามาตลอดเวลา ทั้งเรื่องของน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งปัญหานี้ตนอยากให้ประชาชนเข้าใจไม่ว่าจะคิดอะไรก็ตาม เราต้องคำนึงถึงน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ เพราะหากไม่มีน้ำจะต้องมาคำนวณว่าจะลดการใช้ในส่วนใดได้บ้าง เพื่อรักษาการใช้น้ำอุปโภคบริโภค ทั้งนี้การประปายืนยันว่าจะมีการใช้น้ำส่วนนี้เพียงพอถึงเดือนกรกฎาคม 2559 จึงทำให้มีการปล่อยน้ำไม่สม่ำเสมอเพื่อลดการปล่อยน้ำ รวมถึงลดแรงดันน้ำเพื่อไม่ให้ท่อแตกหรือรั่วด้วย
นายกฯกล่าวว่า เรื่องการเกษตรจะเพียงพอที่จะสามารถปลูกข้าวได้ ส่วนใดควรที่จะลดการปลูกข้าวเพื่อหันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน ซึ่งรัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณส่วนหนึ่งให้เกษตรกรเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืช แต่หากใครต้องการปลูกข้าวก็ต้องยอมรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะมีน้ำไม่เพียงพอที่จะปลูกข้าวอยู่แล้ว วันนี้เรามีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 147 ล้านไร่ ซึ่งขณะนี้สามารถใช้ได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ในเขตพื้นที่ชลประทาน ซึ่งวันนี้รัฐบาลได้ขุดแหล่งน้ำทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลางรวมถึงบ่อบาดาลจำนวนมาก จึงขอให้แยกออกจากกันในเรื่องทุจริตก็ส่วนทุจริต ก็ขอให้สอบสวนกันเอง ซึ่งคิดว่าในช่วงฤดูฝนปีนี้จะสามารถกักเก็บน้ำได้จำนวนมาก และบางแหล่งกักเก็บน้ำก็สามารถใช้ในการเกษตรได้บ้างแต่ไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่านายแรนด์ พอล ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนปัจจุบันของสหรัฐ ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2555 โดยสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดี คู่กับนายมิตต์ รอมนีย์ ซึ่งลงสมัครในตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวเมื่อวันพุธ ปฏิเสธสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้เป็นตัวแทนของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ หลังมหาเศรษฐีนักลงทุนฝีปากกล้า วัย 69 ปี กวาดชัยชนะ 7 จาก 11 รัฐ ในศึกเลือกตั้งขั้นต้น "ซูเปอร์ ทิวส์เดย์" เมื่อวันอังคาร โดยพอลกล่าวว่าทางพรรคไม่เห็นด้วยกับการที่ทรัมป์สงวนท่าทีเรื่องกลุ่ม "คูคลักซ์คลัน" ( เคเคเค ) ซึ่งมีแนวคิดเหยียดเชื้อชาติและสีผิว
ขณะที่นายลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกรัฐเซาท์แคโรไลนา หนึ่งในสมาชิกแกนนำของพรรครีพับลิกัน กล่าวว่ามีความเป็นไปได้สูง ว่าหากได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนพรรคจริง ทรัมป์จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่ตัวแทนของพรรคเดโมแครต ที่น่าจะเป็นฮิลลารี คลินตัน ในการเลือกตั้งสนามใหญ่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. นี้ ด้านนายมิช แมคคอนเนล แกนนำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา กล่าวว่าพรรคมีนโยบายชัดเจนในเรื่องการต่อต้านแนวคิดเหยียดผิวของเคเคเค แต่ท่าทีของทรัมป์กลับสวนทางของเสียงส่วนใหญ่
ส่วนแถลงการณ์ของพี่น้องตระกูลค็อค คือชาร์ลส และเดวิด ค็อค ซึ่งเป็นนายทุนสายอนุรักษ์นิยมทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐ ระบุว่าไม่มีแผนเข้าร่วมในการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งนี้ และไม่มีแนวคิดจัดสรรเงินกองทุนการเมืองที่มีอยู่ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 14,240 ล้านบาท ) เพื่อใช้ขัดขวางไม่ให้ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน
อย่างไรก็ตาม นายแฮร์รี รีด แกนนำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครต กล่าวว่าสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นภายในพรรครีพับลิกัน เป็นสิ่งที่สมาชิกพรรคไม่สามารถกล่าวโทษใครได้ เนื่องจากทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกัน ในการใช้เวลาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา สร้าง "อำนาจมืด" ครอบงำให้ทรัมป์กลายเป็น "ปีศาจ" และดูเหมือนสายเกินไปแล้วที่จะยับยั้งความพยายามของทรัมป์
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012