ข่าว
ค่าแรง 300 พ่นพิษผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทยส่งออกหด 8 พันล้าน

นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ เลขาธิการสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน คาดว่าทำให้การส่งออกสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ปี 2555 ลดน้อยลง หรือขยายตัวประมาณ 6-8% มูลค่า 9.54-9.72 หมื่นล้านบาท จากที่คาดว่าจะขยายตัว 12-15% มูลค่า 1-1.03 แสนล้านบาท หรือมูลค่าการส่งออกหายไปประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น 15% ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในกลุ่มลดน้อยลง

"สินค้าไลฟ์สไตล์ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมปลายปีที่ผ่านมา ทำให้การส่งออกไม่โตในช่วงต้นปี และเริ่มกลับฟื้นตัวไตรมาส 2 ซึ่งหากไม่มีผลกระทบด้านค่าแรง เชื่อว่าการส่งออกของกลุ่มจะโตถึง 15% แต่เมื่อเจอปัญหาค่าแรงทำให้การส่งออกเติบโตน้อยลง"นายจิรบูลย์ กล่าว

ด้านนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์กล่าวว่า กระทรวงฯยังยืนยันเป้าหมายการส่งออกภาพรวมของไทยปี 2555 เติบโตระดับ 15% แม้ว่าผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบจากค่าแรงงานที่ปรับขึ้น แต่เชื่อว่าด้วยมาตรการของภาครัฐในการดูแลและช่วยเหลือ รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าไทย จะทำให้การส่งออกทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมาย เพียงแต่ต้องพยายามผลักดันมากขึ้น เห็นได้จากสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ แม้จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว ประกอบการขึ้นค่าแรงปีนี้ แต่การส่งออกของกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ปีนี้คาดว่าจะส่งออกได้ถึง 1 แสนล้านบาท จากปี 2554 ที่ส่งออกได้ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท

ผงะ!! พบกะโหลกปริศนา โดนเจาะรอบด้าน ริมคลอง 13 ปทุมธานี

เมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 18 เม.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พ.ต.ท.มนัส กันเทียะ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งจากนายธง ชอบธรรมเสน อายุ 28 ปี สัปเหร่อวัดพิชิตปิตยาราม ว่าพบชิ้นส่วนมนุษย์เป็นกะโหลกศีรษะอยู่ในถุงปุ๋ย ริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลอง 13 ถนนรังสิต-นครนายก หมู่ 6 ต.บึงนำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.นิรุตน์ ประสิทธิเมตต์ ผกก.สภ.ธัญบุรี พ.ต.ท.วนา ปาสุข สวป.และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ธัญบุรี

ในที่เกิดเหตุพบประชาชนจำนวนมากมุงดูด้วยความสนใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกันพื้นที่ไม่ให้เข้าในเขตโดยรอบที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบถุงปุ๋ยสีขาว มัดปากถุงด้วยเชือกฟาง ระบุอักษร เทสตี้ ภายในบรรจุกะโหลกศีรษะจำนวน 5 หัว ที่หน้าผาก, ด้านหลัง, ขมับซ้าย, ขมับขวา มีร่องรอยเป็นรูกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 นิ้ว และพบเป็นเศษกระดูกป่นเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย ประมาณ 2 กำมือ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมในรอบที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนนายธง ให้การว่า มีคนตกปลาไปแจ้งว่ามาตกปลาในคลองดังกล่าว และเดินหาถุงมาใส่ปลาที่ตกได้ และไปพบถุงปุ๋ยใบดังกล่าวเข้า จะหยิบมาใส่ปลาแต่พบว่ามีสิ่งของอยู่ภายในจึงจะเปิดเพื่อเททิ้ง แต่พบว่าเป็นกะโหลกมนุษย์ จึงตกใจและมาเรียกตนเองให้มาดู จากนั้นจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้านพ.ต.อ.นิรุตน์ เผยว่า จากการตรวจสอบสภาพกะโหลกศีรษะที่มีการเจาะเป็นรูกลม ซึ่งลักษณะคล้ายเป็นเครื่องเจาะ ลักษณะไม่น่าจะเกิดจากร่องรอยกระสุน แต่อย่างไรก็ตามจะได้ส่งตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ผบ.เหล่าทัพตบเท้ารดน้ำดำหัว'ป๋าเปรม'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่18เม.ย. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ตัวแทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด และตัวแทนผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เข้ารดน้ำดำหัวพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์

พล.อ.อ.สุกำพล ได้กล่าวขอบคุณพล.อ.เปรม ที่เปิดโอกาสให้ได้รดน้ำดำหัวในครั้งนี้ และบอกว่า การร่วมใจกันมาครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความเคารพรักด้วยใจจริง

ด้าน พล.อ.เปรม ได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่มารดน้ำดำหัว ซึ่งถือเป็นการรักษาวัฒนธรรมไทย ที่แสดงถึงการระลึกถึงกันและกัน และว่า พล.อ.อ.สุกำพล เคยเป็นทหารย่อมรู้ดีว่า พวกทหารรักกันอย่างไร และจะรักกันตลอดไป

พล.อ.เปรม ยังได้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบันดาลให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง จงรักภักดี และขอให้พระสยามเทวาธิราช รวมถึงบุญกุศลที่เคยทำมา เป็นเครื่องป้องกันภัยทุกคนจากการปฏิบัติหน้าที่

เรื่องจริงจาก"300บาท"

ช่วงสงกรานต์ได้ไปจับจ่ายซื้อของที่ "ห้างดิสเคาน์สโตร์" แห่งหนึ่ง ระหว่างที่รอชำระค่าสินค้าที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ดูสีหน้าพนักงานเก็บเงินท่าทางจะเหน็ดเหนื่อยเอาการ ระหว่างคิดราคาสินค้าเธอบ่นพึมพำ "ถ้ารู้ว่าได้ 300 บาทแล้วเหนื่อยอย่างนี้ ไม่เอาดีกว่า"

พอได้ฟังสัญชาตญาณนักข่าว ก็ไม่รีรอยิงคำถามทันที เธอเล่าว่า "ตั้งแต่รัฐบาลมีนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท ห้างที่เธอทำงานอยู่ก็ทยอยปลดคนงานออก จะเลือกปลดคนอายุมากๆ แผนกของเธอมีคนโดนปลดถึงหนึ่งในสามจึงต้องทำงานหนักเป็นอีกเท่า"

หากได้ 300 บาททำงานหนักขึ้นคงไม่เป็นไร แต่คนที่ต้องถูกปลด ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรกินแต่ละคนก็อายุมากๆ มีครอบครัวมีภาระต้องรับผิดชอบ ข้อมูลอย่างนี้ไม่รู้ไปกระทบถึงหูผู้รับผิดชอบบ้างหรือไม่

ที่สำคัญ คนธรรมดาอย่างเราๆ ที่ไม่ได้มีธุรกิจก็เริ่มได้รับผล กระทบ

ล่าสุด "คุณสมชาย พรรัตนเจริญ" นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกแห่งประเทศไทยบอกว่า จากนโยบายค่าแรง 300 บาททำให้ผู้ผลิตสินค้าหลายรายการทั้งปลากระป๋อง ซอสปรุงรส ขอปรับราคากระป๋องและขวด 1-2 บาท

ไม่เฉพาะราคาสินค้า แม้แต่ค่าบริการต่างๆ ก็ทยอยปรับราคาเช่นกัน พรรคพวกอยู่บ้านจัดสรรย่านมีนบุรีเล่าให้ฟัง เมื่อต้นเดือนเมษาฯ คณะกรรมการหมู่บ้านได้ประกาศปรับค่าบริหารส่วนกลาง จากตารางเมตรละ 21 บาท เป็นตารางเมตรละ 50 บาท โดยอ้างว่าต้องเพิ่มค่าแรงให้กับคนงานเป็น 300 บาท

ทั้งหมดเป็นแค่ไม่กี่ตัวอย่างที่เกิดขึ้น อันที่จริงคนที่น่าเห็นใจที่สุดคือลูกจ้างโดนทั้งขึ้นทั้งล่องสิบกว่าปีที่ผ่านมาบริษัทธุรกิจเอกชนต่างๆ มีกำไรต่อเนื่องทุกปีแต่ค่าจ้างแทบไม่มีการปรับค่าจ้างที่ได้ก็ปรับตามไม่ทันข้าวของที่แพงขึ้น

รัฐบาลเข้ามาก็หวังเพิ่มค่าครองชีพ แต่เป็นความหวังดีแต่ประสงค์ร้าย เพราะเป็นการขึ้นค่าแรงโดยใช้เงื่อนไขทางการเมืองกำหนดนโยบายให้ฮือฮา ไม่ได้พิจารณาจากข้อมูล ภาวะแวดล้อมและผลกระทบที่จะตามมา ด้วยความรอบคอบและชอบธรรมกับทุกฝ่าย

ผลที่ตามมา จึงมีคนอีกกลุ่มหนึ่งต้องตกงาน เพราะนายจ้างไม่ยอมรับภาระจ่ายค่าจ้างเพิ่ม จึงต้องใช้วิธีปลดคนออกแทน

ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะประเมินนโยบาย 300 บาท ที่บีบคอภาคธุรกิจขึ้นค่าจ้างสำเร็จหรือล้มเหลว เพราะภาคธุรกิจหันมาบีบคอลูกจ้างด้วยการปลดออกแล้วยังบีบคอชาวบ้านด้วยการขึ้นราคาสินค้าอีกทอด