ข่าว
ครั้งแรกของโลก ! หญิงญี่ปุ่นป่วยโควิด-19 ปลูกถ่ายปอดจากสามี-ลูกชายที่ยังมีชีวิต

9 เมษายน 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่น เปิดเผยการปลูกถ่ายปอดจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ปอดทั้งสองข้างสูญเสียการทำงานเป็นครั้งแรกของโลก

โรงพยาบาลฯ ระบุว่า ผู้ป่วยหญิงรายนี้อาศัยอยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่นและอยู่ระหว่างรักษาตัวในแผนกผู้ป่วยหนัก ขณะสามีและลูกชายของเธอ ซึ่งเป็นผู้เสียสละปอดคนละข้าง อยู่ในอาการคงที่หลังเข้ารับการผ่าตัดที่กินเวลานาน 11 ชั่วโมง โดยคาดการณ์ว่าผู้ป่วยจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในอีก 2 เดือน หากทุกอย่างราบรื่น

ผู้ป่วยหญิงรายนี้ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคมาก่อน แต่ระบบทางเดินหายใจของเธอทำงานแย่ลงอย่างรวดเร็ว หลังตรวจพบโรคโควิด-19 เมื่อปลายปี ก่อนจะประสบภาวะปอดอักเสบจนทำให้ปอดทั้งสองข้างแข็งตัวและหดตัวจนแทบไม่สามารถใช้งานได้ ต่อมาเธอเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลฯ เมื่อวันจันทร์ (5 เม.ย.) โดยใส่เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอดหรือเอคโม (ECMO) ก่อนเข้ารับการปลูกถ่ายปอดในวันพุธ (7 เม.ย.)

ปกติแล้วญี่ปุ่นมีข้อจำกัดปลูกถ่ายปอดให้ผู้ป่วย ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกาย โดยการผ่าตัดจะจำกัดเฉพาะผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากโรคโควิด-19

อย่างไรก็ดี ศาสตราจารย์ฮิโรชิ ดาเตะ ศัลยแพทย์ทรวงอก ผู้รับผิดชอบการผ่าตัด กล่าวว่า “ผมคิดว่าการรักษาครั้งนี้เป็นความหวังสำคัญสำหรับการสร้างทางเลือกใหม่ในการรักษาผู้ป่วย”

กิจกรรมถวายพระพรชัยมงคล

วันที่ 1 เมษายน 2564 นายมังกร ประทุมแก้ว กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้เป็นประธานในกิจกรรมถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 66 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2564 ณ วัดไทยสุชาดาธรรรมจารึกสังฆวิหาร เมือง Sun Valley นครลอสแอนเจลิส


การรวมพลังเพื่อต่อต้านการเหยียดกลุ่มคนเอเชีย (Asian Hate Crime)

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 เวลา 11.00 am ที่ไทยทาวน์ บริเวณหัวมุมถนนฮอลลีวูดและเวสเทิร์น โดยมี กงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส มังกร ประทุมแก้ว, นักการเมือง, ผู้นำองค์กรชาติเอเชี่ยน, เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ LAPD และ LASD ให้เกียรติเข้าร่วมกล่าวในงาน (เครดิตภาพ : ดอน เจริญสุดใจ)

จัดโดยผู้นำชุมชนไทย ในลอสแอนเจลิส ผู้ดำเนินรายการคุณรอสลิน ปัทมคันธิน (ประธานสภาหอการค้าไทยฯ) นำโดยตัวแทนและผู้นำการจัดงาน คุณวรินทร์ทิพย์ แจ้งดี นายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้

กล่าวเปิดงานโดย นายมังกร ประทุมแก้ว กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ระดับสูงภาครัฐ หัวหน้าตำรวจทั้ง Sheriff Department และ Los Angeles Department รวมถึงผู้นำชุมชนชาติอื่นๆ กลุ่มเอเชีย

ผู้ร่วมงานในครั้งนี้ได้แก่ Mitch O' Farrell (LA Councilmember), Mike Feuer (LA City Attorney ), Captain Steven Lurie (LAPD Commanding Officer for Hollywood Area Stations), Manju Kulkarni (Asian Pacific Planning and Policy Council Executive Director ), Colleen Oinuma (Rep) for Adam Schiff Congress member , Blake Dellinger (Rep) for Assemblymember Laura Friedman, Lisa Payne (Rep) for LA Mayor Eric Garcetti, Chief Dennis M. Kneer (For Sheriff Alex Villanueva, Los Angeles Sheriff’s Department) Chester Chong (Chinese Chamber of Commerce Chairperson), Brad Lee (Vice Chair of Los Angeles Korean American Chamber of Commerce), Nicole Sun (CAA Cambodian Association of America), Nancy Yap (Center for Asians United for Self-Empowerment Executive Director), Rick Eng (LA vs. Hate Rapid Response Provider Network Coordinator) Ms.Jieun Kim (From the CM John Lee office) K.Tanny Jiraprapasuke (เหยื่อของ Hate Crime ในรถไฟฟ้าใต้ดินที่Metrol) Chancee (President of Thai CDC)

ขอบคุณคนไทยทุกคนที่ออกมาร่วมแสดงพลังและจุดยืนในวันนี้ เสียงเราจะไม่ดังเช่นนี้ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจาก คุณเบน นพคุณ (NatTV) ในส่วนของเครื่องเสียง และได้รับการอำนวยความสะดวกเรื่องที่จอดรถฟรีจากคุณเอนก พลอยแสงงาม (ไทยแลนด์พลาซ่า) ในงานนี้มีของแจกมากมายจากสภาไทยทาว์น, สมาคมนวดฯ งานนี้เกิดขึ้นได้และสำเร็จอย่างสมบูรณ์ด้วยแรงกำลังของคนไทยในชุมชนทุกท่าน และแรงผลักดันจากคุณคิด ฉัตรประภาชัย และผู้นำชุมชนทุกๆ ท่าน

หากท่านเป็นเหยื่อของ Hate Crime / Hate Incident ขอให้โทรแจ้ง 911 ท่านสามารถขอล่ามภาษาไทยได้


ชาวอังกฤษ ร่ำไห้ เจ้าชายฟิลิปสิ้นพระชนม์ ลดธงลงครึ่งเสา ไว้อาลัย

ชาวอังกฤษร่ำไห้ นำช่อดอกไม้มาวางแสดงความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ขณะที่สำนักกพระราชวัง ตลอดจนหน่วยงานราชการลดธงครึ่งเสา ผู้นำนานาประเทศส่งสารแสดงความอาลัย

เมื่อ 9 เมษายน 64 ประชาชนในอังกฤษหลั่งไหลนำช่อดอกไม้มาวางแสดงความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ที่บริเวณด้านหน้าพระราชวังบังกิงแฮม ในกรุงลอนดอน รวมทั้งพระราชวังวินด์เซอร์ หลังทราบข่าวจากการประกาศของสำนักพระราชวังบักกิงแฮม เจ้าชายฟิลิปสิ้นพระชนม์อย่างสงบในช่วงเช้าวันนี้ ขณะพระชนมายุ 99 พรรษา

ด้านสำนักพระราชวังในอังกฤษ ตลอดจนหน่วยงานราชการทุกแห่งในอังกฤษได้ลดธงชาติลงครึ่งเสา เพื่อแสดงความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป

ในขณะที่ราชวงศ์ต่างประเทศ และผู้นำรัฐบาลนานาประเทศ ทั้งออสเตรเลีย ได้แสดงความเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป โดยกษัตริย์คาร์ล กุสตาฟ แห่งสวีเดน ตรัสว่า เจ้าชายฟิลิปทรงเป็นพระสหายที่ดีของราชวงศ์สวีเดนมายาวนาน และความสัมพันธ์มีคุณค่าที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

“73 ปีที่เคียงข้าง” เจ้าชายฟิลิป พระสวามีผู้ค้ำจุนเบื้องหลังควีนแห่งอังกฤษ

นับเป็นข่าวที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อสำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้ออกแถลงการณ์ ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564

เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ทรงเป็นพระโอรสของ เจ้าชายแอนดรูว์แห่งกรีซและเดนมาร์ก และพระมารดา เจ้าหญิงอลิซแห่งบัทเทินแบร์ค ประสูติที่กรีซ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 1921 โดยทรงมีพระนามเดิมว่า “เจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซ และเดนมาร์ก”

เจ้าชายฟิลิปทรงเข้ารับราชการทหารในราชนาวีอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.1939 ขณะมีพระชนม์ 18 ชันษา และในปีนั้นเอง ที่เจ้าชายฟิลิปได้ทรงเริ่มติดต่อทางจดหมายกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ ในวัย 13 ชันษา

ในฐานะทหารเรืออังกฤษ ทรงเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทรงปฏิบัติหน้าที่ในกองเรือเมดิเตอร์เรเนียนและกองเรือแปซิฟิก และภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทรงได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จ ให้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ ซึ่งทำให้พระองค์ทรงสละฐานันดรทั้งหมดของกรีซและเดนมาร์ก และกลายเป็นสามัญชน โดยใช้ชื่อและนามสกุลอังกฤษ ว่า “เมานต์แบตเทน” ซึ่งแปลมาจากนามสกุลเยอรมัน “บัทเทินแบร์ค” ของฝั่งมารดา

หลังจากอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธแล้ว เจ้าชายฟิลิป ได้รับพระราชทานยศขุนนาง

เป็นดยุกแห่งเอดินบะระ เอิร์ลแห่งเมริออเน็ต และบารอนกรีนวิช แล้วจึงได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1947 ก่อน ต่อมา เจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ขึ้นครองราชย์ในปี 1952 โดยทรงมีพระโอรสและพระธิดาด้วยกัน 4 พระองค์คือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ เจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซกซ์

ตลอดช่วงระยะเวลากว่า 73 ปีที่เคียงข้าง นับตั้งอภิเษกสมรส เจ้าชายฟิลิป ทรงนับเป็นพระสวามีผู้คอยค้ำจุนอยู่เบื้องหลังสมเด็จพะราชินีเอลิซาเบธที่ 2 อย่างแข็งแกร่ง จนกระทั่งวาระสุดท้าย สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ขณะพระชนมายุ 99 พรรษา


อินโดนีเซียเตือนภัย พายุลูกใหม่เสี่ยงเกิดดินถล่มอีกรอบ

หน่วยงานพยากรณ์อากาศในอินโดนีเซีย ประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนลูกที่ 2 ที่จะพัดเข้าพื้นที่ในสัปดาห์หน้า หวั่นทำให้เกิดน้ำท่วม ดินถล่มซ้ำรอยเดิม

อินโดนีเซียเตรียมรับมือพายุหมุนอีกลูก หลังเพิ่งได้รับความเสียหายหนักจากพายุหมุนเซอโรจาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 163 ศพ ในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ และทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยถึง 22,800 คน โดยขณะนี้หน่วยกู้ภัยยังคงเร่งค้นหาผู้สูญหายอีก 45 ราย และเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดนูซาเตงการาตะวันออก

ขณะที่ นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและบัญชาการการกู้ภัยด้วยตัวเองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระบุว่าปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากยังมีหินขนาดใหญ่ปิดเส้นทาง ทำให้ยังไม่สามารถเอาเครื่องจักรหนักเข้าไปได้

ทั้งนี้ หน่วยงานพยากรณ์อากาศของอินโดนีเซียระบุว่า พายุหมุนลูกใหม่ชื่อว่า โอเดตต์ กำลังก่อตัว และน่าจะพัดเข้าจังหวัดลัมปุงบนเกาะสุมาตรา รวมทั้งจังหวัดอื่นๆ ในชวาตะวันออก และชวากลาง รวมถึงเกาะบาหลี จึงขอเตือนประชาชนเฝ้าระวังลมกระโชกแรง และฝนตกหนัก โดยมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม ดินถล่ม

และน้ำท่วมฉับพลันด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าพายุโอเดตต์ น่าจะไม่รุนแรงและสร้างความเสียหายเท่ากับพายุเซอโรจา แต่ชาวประมงยังควรงดออกจากฝั่ง เนื่องจากอาจจะเกิดคลื่นลมแรงความสูงถึง 6 เมตรในมหาสมุทรอินเดีย ใกล้กับเกาะชวาและบาหลี

ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย


คิม จอง อึน เตือนชาวเกาหลีเหนือ เผชิญวิกฤตขาดอาหาร เหมือนทศวรรษ1990

คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือเตือนชาวเกาหลีเหนือเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก วิกฤตขาดอาหาร เหมือนทศวรรษ 1990

เมื่อ 9 เมษายน 64 สำนักข่าวบีบีซี และเดอะการ์เดียน รายงาน คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กล่าวเตือนไปถึงชาวเกาหลีเหนือทั่วประเทศ เรียกร้องให้เตรียมพร้อมรับมือวิกฤตการณ์ที่ยากลำบาก หลังจากหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนได้เตือนเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในเกาหลีเหนือในช่วงทศวรรษ 1990

คิม จอง อึน กล่าวเตือนเรื่องนี้ในการปิดการประชุมใหญ่ของสมาชิกทั่วไปพรรคแรงงาน เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการยอมรับที่ยากจะเกิดขึ้นกับผู้นำเกาหลีเหนือต่อสถานการณ์เลวร้ายในประเทศ

คิม จอง อึน ได้ใช้คำว่า “เดินทัพที่ยากลำบาก” ในระหว่างการกล่าวถึงสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งเป็นคำที่เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเคยใช้ในการอ้างถึงวิกฤตทุพภิกขภัย ภาวะอดอยาก ขาดแคลนอาหารที่เคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990 เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอดีตสหภาพโซเวียต รวมทั้งการจัดการที่ผิดพลาด และภัยธรรมชาติเป็นเหตุให้มีชาวเกาหลีเหนือเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งตัวเลขไม่แน่ชัด ตั้งแต่หลักหลายแสน ไปจนถึง 2-3 ล้านศพ

“มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ คิม จอง อึน จะพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ยากลำบากและหนักหนาสาหัส แต่ครั้งนี้ภาษาที่เขาใช้ เข้มแข็งทีเดียว และต่างไปจากเดิม” โคลิน สเวอร์โค นักวิเคราะห์ด้านเกาหลีเหนือ กล่าวกับบีบีซี

รัฐบาลทหารเมียนมาคุยม็อบต้านหดแล้ว ลั่นเลือกตั้งใน 2 ปี

โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาระบุ การประท้วงต่อต้านในประเทศหดตัวลงแล้ว อ้างเพราะประชาชนที่รักสันติให้ความร่วมมือดี ประกาศจะจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 2 ปี ขณะเอกอัครราชทูต 18 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้ฟื้นฟูประชาธิปไตย

รอยเตอร์รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 รัฐบาลทหารเมียนมาเปิดเผยกรอบเวลาการคายอำนาจเป็นครั้งแรกนับแต่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยพลจัตวาซอ มิน ทุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา แถลงที่กรุงเนปยีดอในวันเดียวกันว่า รัฐบาลทหารจะจัดการเลือกตั้งภายในเวลา 2 ปี แล้วส่งมอบอำนาจให้แก่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

โฆษกผู้นี้กล่าวด้วยว่า กระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลและธนาคารจะกลับมาปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้

เขายังประกาศอีกว่า การประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมานั้นลดน้อยลงแล้ว เหตุผลมาจากความร่วมมือของประชาชนที่ต้องการสันติภาพ ซึ่งเราให้ความสำคัญ

“เราขอร้องให้ประชาชนร่วมมือกับกองกำลังความมั่นคงและช่วยพวกเขา” โฆษกทหารนายนี้กล่าว

ซอ มิน ทุน ระบุว่า กองทัพบันทึกข้อมูลการเสียชีวิตได้ 248 คน และยังปฏิเสธว่ากองกำลังฝ่ายความมั่นคงไม่ได้ใช้อาวุธอัตโนมัติ นอกจากนี้ก็มีตำรวจเสียชีวิตด้วย 16 นาย

รอยเตอร์อ้างพยานและสื่อท้องถิ่นว่า มีผู้ประท้วงโดนกองกำลังความมั่นคงฆ่าตายอีกอย่างน้อย 4 คนที่เมืองพะโคในวันศุกร์ ขณะที่สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) กล่าวว่า มีพลเรือนตายไปอย่างน้อย 614 คนแล้ว ในจำนวนนี้ 48 คนเป็นเด็กและเยาวชน และมีอีกมากกว่า 2,800 คนโดนควบคุมตัว

ซอ มิน ทุน ยังได้กล่าวหาสมาชิกของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางอองซาน ซูจี ว่าวางเพลิง และยังอ้างด้วยว่าการประท้วงได้รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ แต่เขาไม่เปิดเผยรายละเอียด

เขาบอกด้วยว่า รายงานข่าวที่ว่าสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศบางชาติไม่ยอมรับรัฐบาลทหารว่าเป็น “ข่าวปลอม”

วันเดียวกันนี้ เอกอัครราชทูต 18 ประเทศประจำเมียนมา ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังทั้งหมดและรื้อฟื้นประชาธิปไตย

“เรายืนยันร่วมกันเพื่อสนับสนุนความหวังและแรงบันดาลใจแก่ทุกผู้คนที่เชื่อมั่นในเมียนมาที่เสรี, ยุติธรรม, สันติ และเป็นประชาธิปไตย ความรุนแรงต้องยุติ, นักโทษการเมืองทุกคนต้องได้รับการปล่อยตัว และประชาธิปไตยต้องได้รับการฟื้นฟู” คำแถลงจากเอกอัครราชทูตของ 18 ประเทศ อาทิ สหรัฐ, อังกฤษ, สหภาพยุโรป, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, เกาหลีใต้, สวิตเซอร์แลนด์ และอีกหลายชาติในยุโรป