ข่าว
มาร์คชี้เป็นข่าวดีมาก 'วีระ-ราตรี'ได้ลดโทษ

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาเตรียมลดโทษให้นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชัน (คปต.) และอภัยโทษให้น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ว่า ถือเป็นข่าวดี ที่ทั้ง 2 ท่านจะได้รับการลดโทษและการอภัยโทษ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนก็ต้องการเห็น โดยเฉพาะในกรณีของนายวีระ ที่ทางรัฐบาลนี้ต้องทำการร้องขอการลดโทษกับทางกัมพูชากันต่อไป ทั้งนี้ตนไม่อยากให้ไปสรุปเรื่องนี้ว่า มีนัยอะไรหรือไม่ อย่างไร เพราะถือเป็นธรรมเนียมที่ทำกันในโอกาสสำคัญจึงเป็นเหตุผลหลักในการเสนอขอการอภัยโทษให้ แต่ว่าจะมีอะไรตามมาหรือไม่ และจะเกี่ยวข้องกับที่บางคนกังวลนั้น ก็ขอให้ติดตามและตรวจสอบกันอีกทีหนึ่งว่ามีอะไร

บทความของผู้จัดการ ที่ทำให้ทหารปรี๊ดแตก

เป็นเรื่องน่าสะทกสะท้อนใจยิ่งนักที่นายทหารผู้ยิ่งใหญ่อย่างพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบกเกิดอาการเหวี่ยงวีนปรี๊ดแตกเจาะจงใส่สื่อมวลชนในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวทั้งหลายที่มีอาการสติแตกพาลคนรอบข้างเวลาฮอร์โมนพุ่งยามปวดท้องประจำเดือน

เมื่อนายทหารท่านนี้รับไม่ได้กับข้อเท็จจริงในการนำเสนอข่าวการปฏิบัติหน้าที่ผบ.ทบ.ของตนที่ล้มเหลวในทุกๆเรื่องโดยไม่สามารถที่จะนำข้อเท็จจริงใดๆมาแสดงผลงานอันเป็นรูปธรรมให้สังคมไทยได้ประจักษ์

แทนที่จะเร่งจัดการจุดอ่อนในเรื่องต่างๆ ให้เข้ารูปเข้ารอยซึ่งประโยชน์ย่อมตกแก่ประเทศชาติเต็มๆ กลับเลือกที่จะบริภาษสื่อที่กล้าเป็นกระจกสะท้อนการทำงานซึ่งเป็นนิสัยเดิมๆ ที่ ผบ.ทบ.คนนี้มักจะทำเป็นประจำคือขู่คำรามใส่สื่อ เพียงแต่คราวนี้คงจะอัดอั้นมากถึงกับระบุชื่อ"ผู้จัดการ"ออกมาอย่างเฉพาะเจาะจงพร้อมด้วยคำนำหน้าว่า"ไอ้"

และน่าหวั่นใจแทนประเทศไทยประชาชนคนไทยและทหารหาญของกองทัพไทยเข้าไปใหญ่กับถ้อยแถลงและพฤติกรรมอันแสดงถึงทัศนคติอันคับแคบ ดูถูกดูแคลน ต่อกระบวนการพิทักษ์รักษาอธิปไตยชาติไทยของภาคประชาชน ราวกับว่าเป็นการคลั่งชาติอย่างไม่มีเหตุผล ไม่มีการศึกษาข้อกฏหมาย และ เป็นชนวนยั่วยุให้เกิดสงคราม ถึงกับประกาศจะเอาผิดกับทหารในกองทัพถ้ามีการพบว่าได้เข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าว ซึ่งพลเอกประยุทธ์อ้างว่าผิดกฎหมายซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีกฎหมายข้อไหนในรัฐธรรมนูญระบุเอาไว้ว่าห้ามประชาชนหรือทหารไทยทำการชุมนุมเพื่อรักษาอธิปไตยของไทยในทางตรงข้ามนี่ควรจะเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหารและพลเรือน

พลเอกประยุทธ์ประกาศออกมาว่าภาคประชาชนไม่ใช่รัฐบาลจึงไม่มีความจำเป็นต้องฟังข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะและนั่นย่อมหมายรวมไปถึงข้อเสนอแนะจากสื่อมวลชนและนักวิชาการที่นำอาข้อเท็จจริงข้อมูลเชิงลึกแผนที่เปรียบเทียบหลักฐานเขตแดนและคำพิพากษาของศาลโลกข้อได้เปรียบเสียเปรียบของการรักษาอธิปไตยมาตีแผ่ โดยเป็นข้อโต้แย้งที่แม้แต่รัฐบาลก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้

นั่นสะท้อนออกมาอยางชัดเจนว่าพลเอกประยุทธ์มิได้เอาอธิปไตยของชาติเป็นใหญ่หากแต่พร้อมที่จะสนองภาคการเมืองที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ของนักการเมืองพรรคการเมืองและกลุ่มทุนเหนืออธิปไตยของชาติเพียงอย่างเดียว

แน่นอนการรักชาติไม่สามารถผูกขาดไว้คนเดียวได้แต่วิธีรักชาติของผบ.ทบ.ท่านนี้ดังที่ยกมาได้สร้างความน่ากังขากับสังคมไทยยิ่งนักโดยได้อ้างกรณีการวางยุทธศาสตร์รอบเขาพระวิหารที่ผ่านมาว่าได้ขยับปรับกำลังเพื่อให้สองประเทศกล่าวคือไทยและกัมพูชาปลอดภัยไม่ได้มารุกรานต่อกัน

ข้อกล่าวอ้างนี้ตรงกันข้ามกับความจริงที่คนระดับ ผบ.ทบ.อย่างพลเอกประยุทธ์ ผู้เคยผ่านกองกำลังบูรพาที่ดูแลชายแดนฝังตะวันออกไทย-เขมร น่าจะรู้ดีกว่าใครว่าไทยเราได้เสียส่วนบนของเขาพระวิหารให้แก่เขมรตามคำตัดสินศาลโลก เราไม่เคยล้ำแดนเข้าไปสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือตั้งกำลังทหารในแดนเขมร หากแต่เขมรเป็นฝ่ายล้ำแดนเข้ามาตลอดเวลา ซ้ำร้ายเขมรยังเปิดฉากยิงโจมตีทหารและพลเรือนไทยก่อนขณะที่ทางไทยได้รับคำสั่งให้ตอบโต้นัดต่อนัดเท่านั้น

วันนี้ชาวบ้านที่ภูมิซรอลทุกคนพร้อมลุกขึ้นสู้พร้อมตายในแผ่นดินที่เกิดที่เติบโตที่เก็บเกี่ยวไม่หลีกลี้หนีหน้าไปไหนพากันขุดบังเกอร์รักษาที่มั่นและต้องการการสนับสนุนจากภาคประชาชนทั้งประเทศและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังทหารเพื่อความอุ่นใจความปลอดภัยในทรัพย์สินและสวัสดิภาพแต่การเข้าไปตรวจพื้นที่ของพลเอกประยุทธ์กลับทำราวกับว่าคนไทยเหล่านี้คืออริราชศัตรูฝั่งตรงข้าม

ทั้งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดสงคราม แต่ในเรื่องอธิปไตยของชาติก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงที่มีกรณีพิพาทอย่างจีนกับญี่ปุ่น จีนกับเวียดนามและฟิลิปปินส์ หรือไกลข้ามมหาสมุทรอย่างอังกฤษและอาร์เจนติน่า ทั้งภาคการเมือง ทหารและประชาชนล้วนเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันคือรักษาอธิปไตยของชาติตน มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่ภาคประชาชนถูกทิ้งให้ปกป้องชาติตามลำพัง ภาคการเมืองพากันลอยตัวและกลับเอนเอียงไปฝั่งเขมร ในขณะที่ทหารไทยล้วนแต่รู้สึกอึดอัดแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อมีแม่ทัพอย่าง ผบ.ทบ.ท่านนี้

ดังนั้นเมื่อพลเอกประยุทธ์ถามว่าสื่อมวลชนในเครือผู้จัดการอย่างเราเอาศักดิ์ศรีอะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ตนก็อยากจะบอกว่าเราเอาศักดิ์ศรีของสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในการปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติราชบัลลังก์และสิทธิของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

การทำหน้าที่สื่อยืนหยัดเพื่อความถูกต้องของพวกเราได้ผ่านการพิสูจน์ทดสอบและเชี่ยวกรำมาแล้วในทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่การถูกปองร้ายการพยายามลอบสังหารอย่างอุกอาจจากผู้เสียประโยชน์หลายฝ่าย หากแต่บททดสอบของพลเอกประยุทธ์นั้นยังมิได้ผ่านการทดสอบเลยสักเรื่อง

ในเรื่องศักดิ์ศรีที่พลเอกประยุทธ์ท่านถือนักถือหนานั้นอยากจะถามท่านกลับไปเหมือนกันว่าศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำกองทัพขอท่านอยู่ตรงไหน

-ในเรื่องชายแดนเขมรก็ดังที่ได้กล่าวข้างต้นไปแล้ว

-ในเรื่องภาคใต้จนบัดนี้เรือเหาะตรวจการที่ท่านเป็นผู้อนุมัติส่งซื้อก็ยังบินไม่ได้ซ้ำร้ายเกือบพานักข่าวไปตาย ยังไม่นับรวมถึงเรื่องประสิทธภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ทหารชั้นผู้น้อยต้องนำไปรักษาความสงบและปกป้องสวัสดิภาพของตัวเอง

-ในเรื่องความเป็นธรรมให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาจนบัดนี้ทหารหาญที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการรักษาความสงบเรียบร้อยถูกอาวุธสงครามและการประชาทัณฑ์จากม็อบติดอาวุธที่เผาบ้านเผาเมืองก็ยังคงไม่ได้รับการเหลียวแลซ้ำรายยังต้องตกเป็นจำเลยโดยที่ผู้บังคับบัญชาอย่างพลเอกประยุทธ์ไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ใส่ใจขณะที่คนร้ายเผาบ้านเผาเมืองได้รับการชดเชยเยียวยาเป็นเงินถึงรายละ7ล้านกว่าบาท

-ในเรื่องการพิทักษ์สถาบันที่พลเอกประยุทธ์พยายามสร้างภาพให้สัมภาษณ์เมื่อถึงคราวเรื่องกระทบถึงเบื้องสูงและสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศอย่างกรณีที่รัฐมีคำสั่งห้ามหน่วยงานต่างๆจุดพลุเฉลิมพระเกียรติวันที่5ธันวาฯเมื่อปีกลายก็เงียบเฉยหรือกรณีที่พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร แบบอ้างถ้วยพระราชทานมอบรางวัลให้นักมวยที่บ่อนมาเก๊าร่วมกับทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ก็นิ่งเฉยปิดปากสนิท ดีแต่ปากดีกับสื่อมวลชนและประชาชนที่ไม่มีอำนาจใดในมือ

-ในเรื่องการวางตัวก็เปลี่ยนภาพจากทหารของพระราชาทหารของประชาชนมาเป็นข้าราชการการเมือง เดินตามนักการเมืองต้อยๆ ให้คนเขาดูถูกและเป็นที่น่าอดสูแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา

ที่น่าอดสูที่สุดคือ พลเอกประยุทธ์กลับสำคัญตัวเองผิดว่าตนคือกองทัพ และกองทัพคือตนเอง การเอาแต่ตนเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ใส่ใจต่อนายทหารระดับปฏิบัติการนั้น เป็นที่รู้ดีกันทั้งกองทัพ ถ้าไม่มัวแต่หลงอยู่ในคำเยินยอของทหารที่ใกล้ชิดและนักการเมืองแล้วพลเอกประยุทธ์คงจะต้องอกแตกตายหากจะต้องเจอกับโลกความเป็นจริงว่าไม่เป็นที่ต้อนรับของทั้งทหารในระดับปฏิบัติการและทหารชั้นผู้น้อยไม่เป็นที่ศรัทธาและโปรดปรานของประชาชนไม่ว่าจะเป็นสีใดกลุ่มใดแต่อาจกำลังขึ้นหม้อเป็นที่ถูกใจของใครบางคนที่อยู่ดูไบก็เป็นได้

ท้ายสุดนี้เราขอฝากถึงท่านผบ.ทบ.ด้วยว่าถ้าคิดว่าตนเองดีกว่าใครรู้ทุกเรื่องทำไมไม่เห็นจะแก้ไขปัญหาได้สักเรื่องในทางตรงข้ามมีแต่ความล้มเหลวที่สะท้อนกลับมาอย่างเป็นรูปธรรมแทนที่ แล้วยังมาอวดเก่งอวดอำนาจบาตรใหญ่ขู่คำรามแสดงความเจ้ายศเจ้าอย่างผิดที่ผิดเวลาเสียอีก

วันนี้เชื่อว่าไม่ต้องพูดไปเสียงจากสังคมคงจะดังสะท้อนอยู่ในใจทุกคนกันแล้วว่าไอ้ผู้จัดการมันเขียนห่วยหรือไอ้ ผบ.ทบ.ที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชาคนนี้มันห่วยกันแน่!

ภาพ"เฉลิม"ดื่มไวน์ทีมาเลย์ ปชป.รุมถล่มอ้างทำเสียชื่อ

น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับที่มีการเผยแพร่ภาพดูคล้ายมึนเมาในขณะที่เดินทางเยือนประเทศมาเลเซียนั้น เมาจริง แต่เป็นการกินกับเพื่อนและนอกเวลาราชการว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ถึงแม้ ร.ต.อ.เฉลิม จะอ้างดื่มกับเพื่อน และดื่มในช่วงเวลาราชการก็ตาม เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม ไปในฐานะรองนายกฯ ซึ่งถือเป็นหน้าตาของประเทศ แต่การที่มีภาพเผยแพร่ออกไปก็ทำให้ชื่อเสียงประเทศเสียหายไปทั่วโลก

ด้านนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องถือว่า ร.ต.อ.เฉลิม เป็นลูกผู้ชายที่กล้ายอมรับความจริง แต่ต้องไม่ลืมว่า ตัวเองไม่ได้ไปด้วยเงินส่วนตัว แต่ไปด้วยเงินของราชการ อยู่ในฐานะตัวแทนของประเทศ และการไปดื่มไวน์จนมึนเมาในประเทศที่เคร่งศาสนา จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายต่อชาวมุสลิมทั่วโลก ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศเสื่อมเสีย ส่วนการที่อ้างว่าดื่มนอกเวลาราชการนั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

"ขอเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาขอโทษรัฐบาลและชาวมาเลเซียอย่างเป็นทางการ และต้องไม่ประพฤติตัวเช่นนี้อีก เพราะการเจรจาระหว่างประเทศในเรื่องการแก้ไขปัญหานั้น ไม่ได้แก้กันด้วยเรื่องการดื่มไวน์ เพราะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่มีมายาวนาน ซึ่งผม รวมทั้งประชาชนทั้งประเทศไม่เชื่อว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะแก้ปัญหาได้ เพราะไม่เคยลงพื้นที่เลยแม้แต่วินาทีเดียว จึงสงสัยว่า ร.ต.อ.เฉลิม เคยก่อกรรมอะไรไว้ที่นั่น" นายวัชระ กล่าว