นางประนอม คลังทอง วัฒนธรรมจังหวัดราบุรี ประกาศตามหาเด็กผู้ชายที่ก้มลงกราบในรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งที่เสด็จทรงเปิดที่ทำการศูนย์อนามัยแม่และเด็ก เขต 7 เมื่อประมาณ 45 ปีมาแล้ว โดยคาดว่าปัจจุบันเด็กในภาพน่าจะมีอายุประมาณ 50-51 ปี ทั้งนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้ตามหาคนในภาพที่เกี่ยวกับเรื่องการแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคมนี้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่ศูนย์อนามัยที่ 4 ราชบุรี อ.เมือง จ.ราชบุรี นางประนอม คลังทอง วัฒนธรรมจังหวัดราบุรี ได้เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้เตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคมนี้ โดยได้พยายามหาภาพในอดีตที่ไม่เคยปรากฎที่ไหนมาก่อน และจะหาคนในภาพที่เกี่ยวกับเรื่องการแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้มีภาพของ จ.ราชบุรี อยู่ภาพหนึ่ง จึงมีคำสั่งให้ตามหาเด็กผู้ชายที่ก้มลงกราบในรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งที่เสด็จทรงเปิดที่ทำการศูนย์อนามัยแม่และเด็ก เขต 7 หรือประมาณ 45 ปีมาแล้ว ปัจจุบันคาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 50-51 ปี ตอนนี้ค้นพบรูปพระบรมฉายาลักษณ์อยู่ที่ศูนย์อนามัยที่ 4 จังหวัดราชบุรี ซึ่งกำลังตามค้นหาแล้ว ซึ่งถ่ายเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2512 จึงอยากทราบว่าเด็กในรูปภาพนี้อยู่ที่ไหน หากใครทราบชื่อ และที่อยู่ของเด็กชายคนนั้น ขอให้แจ้งมาที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรีด้วย
ขณะที่ นางสิริลักษณ์ เจริญผล อดีตข้าราชการศูนย์อนามัยที่ 4 เปิดเผยว่า สมัยนั้นเป็นนักเรียนผดุงครรภ์อนามัยวชิรพยาบาล มาฝึกงานภาคสนามที่ศูนย์อนามัยที่ 4 ได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาทรงเปิดศูนย์อนามัยแม่และเด็กเขต 7 เป็นชื่อเดิมของศูนย์อนามัยที่ 4 วันนั้นมีประชาชนเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมาก และภาพที่เห็นอยู่นี้เป็นภาพลงรถพระที่นั่งของศูนย์อนามัยแม่และเด็ก ซึ่งตอนนี้เป็นอาคารอำนวยการปลูกสร้าง 3 ชั้น และอาคารเฉลิมราชที่พระองค์พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 5 แสนบาทสร้างเป็นโรงอาหารให้กับเจ้าหน้าที่ไว้สำหรับเลี้ยงนักศึกษาผดุงครรภ์ที่สมัยนั้นจะมีโรงเรียนผดุงครรภ์ มีนักศึกษาและคนไข้ได้ใช้ประโยชน์ นอกจากนั้นพระองค์ยังพระราชทานผ้าขาวม้า ผ้าทอบ้านไร่ ให้กับหน่วยพระราชทาน สมัยนั้นจะมีการออกหน่วยพระราชทานให้กับศูนย์อนามัยได้ออกไปเยี่ยมประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารด้วย.
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ วิป สนช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิป สนช. ถึงการพิจารณาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ว่า วิป สนช.มีมติเลื่อนการพิจารณาถอดถอนออกไป เนื่องจากทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ทำหนังสือขอเลื่อนการพิจารณาคดีถอดถอนออกไป 30 วัน เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดของสำนวน ทางวิป สนช.จึงมีมติเลื่อนการพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งถือเป็นการพิจารณานัดแรก เพื่อกำหนดวันแถลงเปิดคดี
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิป สนช. ถึงการพิจารณาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 12 พ.ย. ว่า วิป สนช.มีมติเลื่อนการพิจารณาถอดถอนออกไป เนื่องจากทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ทำหนังสือขอเลื่อนการพิจารณาคดีถอดถอนออกไป 30 วัน เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดของสำนวน ซึ่งวิปสนช.ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่าได้ส่งหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งตามข้อบังคับต้องส่งสำนวนภายใน 15 วัน ซึ่งจะตรงกับวันที่ 22 พ.ย. แต่เนื่องจากเป็นวันหยุด จึงต้องเลื่อนการพิจารณาไปในวันที่ 27 พ.ย. แต่ที่ประชุม สนช.ต้องพิจารณาเรื่องถอดถอนนายนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรม และเพื่อให้ถูกต้องตามข้อบังคับ วิป สนช.จึงมีมติเลื่อนการพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งถือเป็นการพิจารณานัดแรก เพื่อกำหนดวันแถลงเปิดคดี
นพ.เจตน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 พ.ย.นี้ จะเปิดโอกาสให้ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาคัดสำเนาเอกสารถอดถอนเพื่อไปศึกษาเพิ่มเติม และในวันดังกล่าววิป สนช.จะแจ้งมติให้ที่ประชุม สนช.ใหญ่รับรองเรื่องดังกล่าว รวมถึงพิจารณากฎหมายอื่น ๆ ที่ค้างอยู่ด้วย ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือขอให้ถอดเรื่องดังกล่าวออกจากการพิจารณานั้น เรื่องนี้วิป สนช.มีการพิจารณาประเด็นดังกล่าวแล้ว และเห็นว่านายเรืองไกรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้
เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่หากยังเดินหน้าพิจารณาอาจจะถูกยื่นต่อป.ป.ช.ว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือไม่ นพ.เจตน์ กล่าวว่า ไม่ผิดข้อบังคับ สนช.ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและข้อบังคับทุกอย่าง
ศพชายไม่ทราบชื่อ ซึ่งคาดว่าอาจเป็น นายการะเวก ศรีสด อายุ 42 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร ลอยน้ำขึ้นอืดในคลองลาดพร้าว ก่อนมาติดที่หน้าบ้านเลขที่ 900/77 ชุมชนลาดพร้าว 80 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง โดย นางอุทุมพร นาคเทียน เจ้าของบ้าน เล่าว่า ก่อนจะมาพบศพเมื่อคืนที่ผ่านมาน้องสาวได้ฝันแปลกๆว่า มีชายวัยกลางคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่งกายด้วยชุดสีดำล้วน เข้ามาสะกิดที่ปลายขา ก่อนพูดว่า "ศพลอยมาอยู่หน้าบ้านแล้ว ตื่นเมื่อไหร่ให้รีบไปดู" กระทั่งมาพบศพลอยมาติดที่หน้าบ้านจริง
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ร.ต.ท.ไกรสร อินปิน ร้อยเวร สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตลอยน้ำขึ้นมาติดบริเวณคลองลาดพร้าวหน้าบ้านเลขที่ 900/77 ชุมชนลาดพร้าว 80 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.นันทภูมิ เรื่องรุ่งรอง ผกก.ป. พ.ต.ต.พัฒนากร สูงนารถ สวป. และมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุมีชาวบ้านจำนวนมากยืนมุงดูเหตุการณ์ พบศพชายไม่ทราบชื่อ สภาพขาวซีด มีเลือดไหลออกมาจากจมูก ลักษณะสวมเสือสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ ภายในกระเป๋ากางเกงพบบัตรประชาชนระบุชื่อ นายการะเวก ศรีสด อายุ 42 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร นอกจากนี้ยังมีธนบัตรราคา 20 บาท จำนวน 3 ใบ และเศษเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน และไม่มีร่องรอยจากการต่อสู้
โดย นางอุทุมพร นาคเทียน อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านที่ศพลอยขึ้นมาติด เล่าให้ฟังด้วยอาการตกใจเล็กน้อยว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ตนและน้องสาวที่พักอยู่ด้วยกันได้ตื่นขึ้นมาอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวจะไปทำงานตามปกติ แต่น้องสาวบอกว่าเมื่อคืนได้ฝันแปลกๆ ระบุในช่วงกลางดึกที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น มีชายวัยกลางคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่งกายด้วยชุดสีดำล้วน เข้ามาสะกิดที่ปลายขา ก่อนพูดว่า "ศพลอยมาอยู่หน้าบ้านแล้ว ตื่นเมื่อไหร่ให้รีบไปดู" ซึ่งหลังได้ฟังตนและน้องก็ไม่คิดอะไรมาก ก่อนทำภารกิจประจำวันต่อไป กระทั่งได้ยินเสียงพนักงานเก็บขยะของ กทม.ตะโกนเสียงดังเข้ามาในบ้านว่า มีศพลอยคว่ำหน้าอยู่ในคลองหน้าบ้าน ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งมาดู และต้องตกใจรอบสองเมื่อศพดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับชายที่เข้าฝันน้องเมื่อคืนอีกต่างหาก ก่อนจะแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจเป็นคนเมาที่พลัดตกลงไปในน้ำและเสียชีวิต เนื่องจากหลังสอบถามคนในละแวกพบว่า ตามบ้านเรือนที่ติดอยู่รอบคลองมักมีกลุ่มคนมาตั้งวงดื่มสุรากันเป็นประจำ อีกทั้งไม่มีบาดแผลจากการต่อสู้ทำร้ายด้วย ซึ่งจะเร่งประสานตามหาญาติให้มารับศพไปประกอบพิธีตามศาสนาต่อไป.
วาเนสซา เมย์ นักไวโอลินชื่อก้องโลกลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์ ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาหญิงทีมชาติไทยคนแรกที่ได้ไปลุยมหกรรมกีฬา "โอลิมปิก ฤดูหนาว" รอบสุดท้าย ในการแข่งขัน "โซชิเกมส์ 2014" ประเภทสกี ที่ประเทศรัสเซีย เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ถูกสหพันธ์สกีนานาชาติ (เอฟไอเอส) แบนยาว 4 ปี หลังตรวจสอบพบว่า เธอมีส่วนรู้เห็นกับผลการแข่งขันรอบคัดเลือก "โอลิมปิก ฤดูหนาว 2014" ที่ประเทศสโลวีเนีย เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และส่งผลให้เธอสามารถทำคะแนนผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ
วาเนสซา เมย์ นักไวโอลินชื่อก้องโลกลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์ ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาหญิงทีมชาติไทยคนแรกที่ได้ไปลุยมหกรรมกีฬา "โอลิมปิก ฤดูหนาว" รอบสุดท้าย ในการแข่งขัน "โซชิเกมส์ 2014" ประเภทสกี ที่ประเทศรัสเซีย เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ถูกสหพันธ์สกีนานาชาติ (เอฟไอเอส) ลงดาบแบนยาว 4 ปี หลังตรวจสอบพบว่า เธอมีส่วนรู้เห็นกับผลการแข่งขันรอบคัดเลือก "โอลิมปิก ฤดูหนาว 2014" ที่ประเทศสโลวีเนีย เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีข้อกังขามากมายเกี่ยวกับความถูกต้อง และส่งผลให้เธอสามารถทำคะแนนผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ
การแข่งขันรอบคัดเลือกดังกล่าว มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลการแข่งขันที่ระบุว่านักกีฬารายหนึ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 4 ทั้งที่นักกีฬาคนนั้นไม่ได้เข้าร่วมการชิงชัยแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีการแจ้งว่าสภาพอากาศในวันแข่งขัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดแข่งกันได้ แต่การแข่งขันก็ยังคงเกิดขึ้น ฯ ซึ่งหลัง "เอฟไอเอส" ทำการสอบสวนแล้วพบว่า วาเนสซา เมย์ มีส่วนรู้เห็นกับการละเมิดกฏของสหพันธ์สกีนานาชาติ ทำให้เธอถูกแบนห้ามลงแข่งขันสกีเป็นระยะเวลาถึง 4 ปี
นอกเหนือจาก วาเนสซา เมย์ ผู้ตัดสินอีก 5 คนในการแข่งขันที่สโลวีเนีย ได้ถูกลงโทษแบนยาวด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ วาเนสซา เมย์ ลงแข่งรอบคัดเลือกในประเภทสกี "ไจแอนต์ สลาลม" ที่ประเทศสโลวีเนีย โดยหลังจบการแข่งขันสนามนี้ ส่งผลให้เธอทำคะแนนผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายโอลิมปิก ฤดูหนาว 2014 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเธอลงแข่งในนาม "วาเนสซา วรรณกร" โดยใช้นามสกุลคุณพ่อแท้ ๆ ของเธอที่เป็นคนไทย สำหรับการชิงชัยที่โซชิเกมส์ เธอได้อันดับที่ 67 ในการแข่งขันสกี "ไจแอนต์ สลาลม".
ดาราตลกแห่ร่วมงานแต่ง "ซุปเปอร์แคระ" ยกขันหมากขอสาวรุ่นลูกแต่งงาน บรรยากาศครึกครื้น
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยยงค์ ไพรสนธิ์ อายุ 42 ปี ตลกชื่อดัง คณะซุปเปอร์แคระ ได้แห่ขันหมากมาสู่ขอ นางสาวอรพินทร์ อุ่นกาศ หรือ น้องออม อายุ 18 ปี ที่บ้านเลขที่ 74/3 หมู่ที่ 4 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยมีกลุ่มดาราตลกคนแคระและเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าว อาทิเช่น ตลกคณะหยิกหยอกหยอย ท้าวดักแด้ไทยเลนด์ ซุปเปอร์แคระ อ.วัติ บุรีรัมย์ กระรอกดาราฉาย ทีมงานม๊กจ๊ก และทีมงานตลกอีกมากมาย เข้าร่วมงานกันอย่างครึกครื้น ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้คนในชุมชนเป็นจำนวนมาก โดยเพื่อเจ้าบ่าวได้นำรถเข็นที่ใช้ในการก่อสร้างมาให้เจ้าบ่าวยืนรำตลอดทาง อีกทั้งชาวบ้านได้นำเชือก-โซ่ มาทำเป็นประตูเงิน ประตูทองทั้งนี้เจ้าบ่าวได้เตรียมสินสอดเป็นเงินสด 1 แสนบาท และทองหนัก 2 บาท ท่ามกลางความดีใจของแขกที่ร่วมงาน ต่างแห่เข้ามาขอผูกข้อไม้ข้อมือพร้อมกับอวยพรให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวทั้งสองคนให้มีความสุขพร้อมถ่ายภาพหมู่กันอย่างสนุกสนาน
ด้านเจ้าบ่าวเคระ เปิดเผยว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตนได้ไปร่วมงานบวชจนพบรักกับน้องออม และคบหาดูใจกันมา ก่อนตัดสินใจขอแต่งงาน เพื่อจะขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับน้องออม ทั้งเจ้าสาวเองก็ไม่เคยคิดรังเกียจว่าจะเป็นคนตัวสูงหรือตัวเตี้ย ชอบที่ตนเป็นคนจริงใจและดุแลสม่ำเสมอ..