ข่าว
‘ชูวิทย์'รายงานตัว คสช.หน 2 'พระนิติภูมิ' ถูกปล่อยตัวแล้ว

ผู้ถูก คสช.เรียกรายงานตัว ยังคงทยอยมาที่สโมสร ทบ.เทเวศร์ ตลอดทั้งวัน ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมารายงานตัวเป็นครั้งที่ 2 เหตุ คสช. ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ขณะพระนิติภูมิได้ถูกปล่อยตัวกลับไปแล้ว

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีบุคคลเดินทางมารายงานตัวเพิ่มเติมตามคำสั่งของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งหมดจำนวน 45 คน ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก โดยมีบุคคลตามรายชื่อทยอยเดินทางเข้ารายงานตัวต่อ คสช. อย่างต่อเนื่อง อาทิ นพ.สง่า คุณยิ่งยศ แกนนำ นปช. ปราจีนบุรี น.ส.อุบลกาญจน์ อมรสิน ดีเจวิทยุชุมชนเสื้อแดง จ.อุบลราชธานี นายชาญ ไชยะ ดีเจวิทยุชุมชนประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) นายสมชาติ นาคบรรจง เสื้อแดงปทุมธานี และจัดวิทยุชุมชน นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี นายชัชวาล กาญจนะหุต พิธีกรรายการทีวีเสื้อแดง นายไพรัช สร้างถิ่น นายประเทือง ภิญโญ นายชัยมงคล เสน่หา นายกสมาคมศิษย์เก่ารามคำแหง นายประเสริฐ ทองนุ่น อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เดินทางมารายงานตัวเป็นครั้งที่ 2 จากการเชิญเป็นการส่วนตัว เพื่อมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ คสช. จากนั้นได้เดินทางกลับออกจากหอประชุมเพื่อกลับที่พัก

ขณะที่ เมื่อเวลาประมาณ 14.50 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้ปล่อยตัว พระนิติภูมิ หรือ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้บวชเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหารฯ ทั้งนี้ ได้ขึ้นรถยนต์ส่วนตัว เดินทางออกจากหอประชุมกองทัพบกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ถูกปล่อยตัว เจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวไป โดยไม่ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์แต่อย่างใด ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทหารอย่างเข้มงวด.

แฉ “แอลลี่" นัวเนียหนุ่ม แม่สาวงามโพสต์ขอโทษ

ดูเหมือนประเด็นดราม่า เรื่อง ตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2557 จะเงียบๆ ซาๆ ไปบ้างแล้ว ในช่วง1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ ก่อนหน้านี้ ฝ้าย-เวฬุรีย์ ดิษยบุตร ผู้ครองมงกุฏสาวงามประจำปีนี้ ถูกโจมตีจากสื่อสังคมออนไลน์อย่างหนัก ถึงความไม่เหมาะสม ในการได้มาซึ่งตำแหน่ง เพราะมีคนไปขุดคุ้ยสารพัดพฤติกรรม ของเจ้าตัว ทั้งกิริยามารยาท การพูดจา การวางตัว รวมถึงรูปร่าง หน้าตา และอีกหลายๆ ที่มา ผ่านทางรูปถ่าย และโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ซึ่งดูไม่โปร่งใส ออกมาแฉเสียย่อยยับ ไม่สมศักดิ์ศรี ต่อการได้สวมมงกุฏสาวงามตัวแทนจากประเทศไทย เท่ากับ ผู้ที่ได้รองอันดับหนึ่ง อย่าง แอลลี่-พิมบงกช จันทร์แก้ว ที่เตรียมตัวเพื่อการนี้มานาน แถมยังมีแฟนคลับคอยเชียร์ให้กำลังใจจำนวนมาก แต่กลับพลาดตำแหน่งอย่างน่าเสียดาย ขณะที่ผู้ที่ได้รองอันดับที่ 2 อย่าง น้ำเพชร -สุพัณณณิภาร์ กฤษณสุวรรณ ก็ถูกโจมตีเรื่องภาพถ่ายต่างๆ ในท่าทางที่เซ็กซี่ กับผู้ชาย ก่อนหน้าที่จะมาประกวดมิสยูนิเวิร์สฯอีกด้วยเช่นกัน นั่นทำให้ผู้คนในสังคม ที่สนใจติดตามเรื่องนี้ ต่างก็ ยกย่องภาพลักษณ์ ของ แอลลี่ สาวลูกครึ่งแคนาดา ที่มีกิริยา เรียบร้อย สง่างาม เหมาะสมกว่า ฝ้ายและน้ำเพชร เข้าไปใหญ่

ทว่า ล่าสุด ที่เป็นกระแสทอล์ค ออฟ เดอะ อินเตอร์เน็ต ขึ้นมาอีกครั้ง ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ ก็เนื่องด้วย เมื่อคืนที่ผ่านมา อยู่ๆ ก็มี บุคคลที่ใช้ชื่อ สมาชิกหมายเลข 1277222 เข้าไปตั้งกระทู้ผ่านเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ pantip.com โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า "ช็อค ! ภาพหลุดสาวลูกครึ่งหน้าคล้ายแอลลี่ (รอง1 MUT) นัวผู้ชาย"

ทั้งนี้ ผู้ตั้งกระทู้ ได้เปิดเรื่องด้วยการ อัพโหลดภาพ ของ แอลลี่ รองอันดับหนึ่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2557 ที่ใครๆ ก็ว่าเหมาะสม กับการได้ครองมงกุฏมากที่สุด เป็นรูปถ่าย ที่ แอลลี่ กอดกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ในอิริยาบถต่างๆ ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นแฟนหนุ่ม ... โดยเปิดประโยคด้วยข้อความว่า

"สวัสสสสสสดี ! ชาวพันทิพ ไม่มีอะไรมากครับ สืบเนื่องมาจากกระแสนางงามในบ้านเรากำลังเป็นที่ฮือฮามาได้สักพักแล้ว เรียกได้ว่าเกิดกระแสแอนตี้น้องฝ้ายอย่างรุนแรงมาก ทั้งในเรื่องหุ่นบ้าง เส้นบ้าง อีกทั้งน้องน้ำเพชรที่ 3 ก็โดนเรื่องโกงอายุ งานพริตตี้ แต่ทำม๊ายยย น้องแอลลี่ที่2 ไม่ยักจะโดนกับเขาด้วย ด้วยความสงสัย ก็เลยอยากรู้ว่าน้องแอลลี่เขาจะมีอะไรมาให้เราได้ตื่นเต้นบ้าง ก็เลยลองค้นๆๆๆไปเรื่อยๆๆๆดูครับ แล้วภาพเหล่านี้แหละครับ ที่ทำให้ผมต้องตกใจ .......

เอ๊ะๆๆ นี่ยังไม่หมดนะครับ ยังมีอีกเพียบ ขอลงแค่นี้ก่อน ช่วยแก้ตัว เอ้ย!! แสดงความคิดเห็นกันหน่อยนะครับบ แฟนนางงามทั้งหลาย"

อย่างไรก็ตาม ได้มี สมาชิกรายหนึ่ง นำข้อความที่อ้างว่า เป็น สารจาก แม่ของ แอลลี่ ในการชี้แจง ประเด็นเรื่องรูปถ่ายที่เกิดขึ้น ผ่านทางเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Tina Cindy โดยมีใจความระบุว่า

"สวัสดีค่ะ ดิฉันแม่ของแอลลี่ พิมบงกช จันทร์แก้ว นะคะ ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นที่แฟน ๆ นางงามอาจจะสงสัยเกี่ยวกับข่าวและภาพของแอลลี่ที่ถูกเผยแพร่ออกมาในตอนนี้

พอดีได้รับคำแนะนำจากคุณกบว่าถ้ามีอะไรอยากจะพูดก็ยินดีให้ใช้พื้นที่ในบอร์ดนี้ เพื่อจะได้ทำให้เกิดความชัดเจนและคลายข้อสงสัยต่าง ๆ ค่ะ ก็เลยขอถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจตามนี้นะคะ

ตามที่มีภาพแอลลี่กับเพื่อนชายคนหนึ่งออกมาในลักษณะเหมือนกับคู่รัก นั่นคือภาพระหว่างที่น้องอยู่อเมริกาในช่วงประมาณปี 2012 ค่ะ

เด็กผู้ชายในภาพชื่อฟิแล่ม เป็นเพื่อนบ้านในแถบ Eagle Rock ใน LA ที่ครอบครัวอาศัยอยู่ค่ะ คือก็รู้จักเห็นหน้าค่าตากันมานาน ถ้าเป็นคนไทยก็เหมือนคนหมู่บ้านเดียวกันตำบลเดียวกัน ที่จะรู้จักหน้าค่าตากัน เคยพูดจาปราศรัยทักทายกันบ้าง

ทั้งสองคนมาเริ่มสนิทกันตอนที่แอลลี่ย้ายโรงเรียนจาก Private School ไปเรียน Public School ตอนอยู่เกรด 11 ค่ะ เนื่องจากครอบครัวมีปัญหาการเงินในช่วงนั้น แอลลี่เลยอยากช่วย ด้วยการบอกเองเลยว่าไม่มีปัญหาหากต้องไปเรียนโรงเรียนรัฐที่เรียนฟรี ไม่ต้องเสียค่าเทอมแพง ๆ แบบโรงเรียนเอกชน ทำให้ดิฉันย้ายทั้งแอลลี่และแอชลี่ย์น้องสาว ไปเรียนโรงเรียน Eagle Rock ตอนปี 2011 ค่ะ

เด็กละแวกนั้นก็จะเรียนโรงเรียนนี้เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงฟิลแล่มด้วย ซึ่งจะอายุมากกว่าแอลลี่ 1 ปี และเรียนเกรด 12 ในตอนนั้น จากที่ได้คุยกันทีหลัง ฟิแล่มบอกว่าแอบมอง ๆ แอลลี่มานานแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้พูดคุยมากขึ้นตอนมาเรียนโรงเรียนเดียวกัน และพอฟิแล่มเรียนจบ ก็ชวนแอลลี่มาเป็นคู่ในงานพรอมค่ะ

จากจุดนั้นทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้น และฟิแล่มก็ได้มาทำความรู้จักกับทางครอบครัวดิฉัน ดิฉันเห็นว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กดี ไม่เที่ยวเตร่ ขยันทำงาน เลยชวนมาทำงานพิเศษที่ร้านอาหารของดิฉันด้วย ระหว่างทีฟิแล่มเข้าเรียนที่ Pasadena City College แล้ว และแอลลี่เรียนอยู่เกรด 12

ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสองคนนี้อยู่ในสายตามาโดยตลอด บางครั้งดิฉันก็จะให้แอลลี่ชวนฟิแล่มมาเที่ยวที่บ้าน มาทำอาหารกินกัน เล่นเกมกัน เพราะเด็กสองคนนี้นิสัยคล้าย ๆ กัน คือชอบอยู่บ้าน ไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวไหน รูปคู่ที่เหมือนอยู่บ้านกันเท่าที่เห็นและจำได้ก็เป็นรูปที่ถ่ายระหว่างอยู่ที่บ้านดิฉันค่ะ ซึ่งมีคุณยาย น้องสาว พี่สาว (ลูกพี่ลูกน้องที่มาเรียนอเมริกาในช่วงนั้น) เพื่อนคนอื่น ๆ หรือดิฉันอยู่ด้วยเสมอ

คือสนิทกันจนเหมือนกับคนในครอบครัวเลย เพราะทั้งคุณยายของแอลลี่ และตัวดิฉันเอง ไม่มีลูกชายทั้งคู่ คือมีลูกสาวสองคนเหมือนกัน ทำให้เอ็นดูฟิแล่มเหมือนลูกหลาน รวมถึงเพื่อนของแอลลี่ที่สนิท ๆ ด้วย คนที่สนิทที่สุดชื่อมาลิค เป็นเด็กผู้ชายผิวดำ ที่มาเชียร์แอลลี่ตอนประกวดด้วยค่ะ

ตอนแอลลี่จบเกรด 12 ก็ชวนฟิแล่มไปงานพรอมด้วยเหมือนกัน หลังจากนั้นน้องเข้าเรียนที่ PCC ที่เดียวกัน และก็ได้ทำงานพิเศษที่ร้านขายเสื้อผ้าที่เดียวกันค่ะ ความสัมพันธ์ก็เป็นไปแบบช่วยเหลือดูแลกันไป จนกระทั่งถึงตอนที่คอรบครัวตัดสินใจจะพาแอลลี่มาไทยในช่วงกลางปีที่แล้ว เพื่อเตรียมตัวเข้ากระกวด Miss Universe Thailand 2014 ค่ะ และน้องก็รู้ดีว่าจะต้องเสียสละอะไรบ้าง เพื่อจะให้ได้มาซึ่งความฝันที่ตั้งไว้ตั้งแต่เด็ก

ตอนนั้นดิฉันได้คุยกับทั้งสองคนแล้วว่าแอลลี่จะต้องย้ายมาไทย และยังไม่รู้ว่าจะอยู่นานแค่ไหน จะชั่วคราวหรือถาวรก็ยังบอกไม่ได้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะไม่มีโอกาสได้พัฒนาไปไกลกว่านี้ ก็ขอให้เผื่อใจเอาไว้ และคงสถานภาพเพื่อนสนิทที่มีต่อกันไว้เหมือนเดิม เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ใครจะรู้ว่าพอห่างกันไป แต่ละฝ่ายอาจจะได้เจอคนใหม่ ๆ อาจจะมีโอกาสคบคนใหม่ ๆ แทน เพราะฉะนั้นขอให้คงสถานภาพการเป็นเพื่อนกันเอาไว้ก่อนดีที่สุด ถ้าจะกลับมาคบกันอีกในอนาคตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต

ทั้งคู่ก็รับรู้และไม่ได้มีปัญหาอะไรกับจุดนี้ค่ะ เพราะยังไงก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันและมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันมาตลอด และแอลลี่ก็ย้ายมาเมืองไทยในช่วงประมาณเดือนสิงหาคม 2013 ค่ะ ก็มาเต็มที่และเอาจริงกับการเตรียมพร้อมด้านต่าง ๆ สำหรับการเข้าประกวดอย่างเต็มตัว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็เหลือแค่เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม มีคุยไลน์กันบ้างอะไรบ้าง ตามประสาเพื่อนค่ะ

ส่วนเรื่องภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้น ดิฉันไม่เคยเห็นในเฟซบุ๊คหรือไอจีของแอลลี่นะคะ เพราะน้องไม่ค่อยชอบเล่นพวกโซเชี่ยลเท่าไหร่ และไม่เคยอัพภาพพวกนี้ด้วย แต่จะเป็นฟิแล่มที่เป็นคนลงรูปไว้ในเฟซบุ๊คหรือไอจีของตัวเองค่ะ ซึ่งดิฉันก็เป็น friend กับฟิแล่มทั้งในเฟซบุ๊คและไอจีด้วย และเท่าที่จำได้ก็น่าจะเคยเห็นรูปพวกนั้นตอนที่โพสต์ค่ะ แต่ยอมรับตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเข้าใจว่าก็เป็นไปตามประสาวัยรุ่นที่คบกัน

ถ้าถามในเรื่องของความเหมาะสม ก็ยอมารับว่าอาจจะเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมนัก โดยเฉพาะกับวัฒนธรรมไทยที่ค่อนข้างถือเรื่องนี้มากกว่า โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิง อีกอย่างคือทางสังคมแล้วเด็กไทยจะโตช้ากว่าเด็กฝรั่ง เด็กฝรั่งพออายุ 18 เค้าก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะคบใครหรือมีแฟนได้ ส่วนเด็กไทยถ้ายังไม่บรรลุนิติภาวะตอนอายุ 20 ก็อาจจะยังไม่อยากให้มีแฟนกัน หรือมีภาพที่แสดงความใกล้ชิดอะไรแบบนั้น

ตรงนี้ดิฉันก็คงต้องขอโทษแทนน้องด้วยค่ะ ที่ดิฉันอาจจะไม่เข้มงวดเท่าที่ควร และไม่ได้เตือนเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ตั้งแต่แรก ยอมรับว่าดิฉันอาจจะปล่อยให้ตัวเองคุ้นชินกับวัฒนธรรมตะวันตกมากเกินไป จนไมได้คิดว่าเรื่องแบบนี้อาจจะทำให้คนไทยรู้สึกไม่ดีได้ ขอยอมรับผิดและขอโทษจากใจจริงค่ะ

อาจจะเขียนยาวไปหน่อยนะคะ แต่อยากให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้ถึงรายละเอียดทั้งหมดค่ะ เพื่อจะได้ได้พิจารณาดูว่าภาพที่ออกมามีความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมแค่ไหนอย่างไร และยินดีน้อมรับคำตำหนิทั้งหมดค่ะ

สุดท้ายดิฉันและครอบครัวขอขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ มันมีค่ามากสำหรับครอบครัวเรา

ขอบคุณจากใจ

ปนัดดา จันทร์แก้ว"

"ชัชชาติ" ยัวะ”นิพิฏฐ์”ใส่ร้าย โดนทหารจับหน้าซีดเข่าอ่อน

เมื่อ 30 พ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม เปิดเผยหลังได้รับการปล่อยตัวจากการถูกคสช.กักตัวไว้นาน 1 สัปดาห์ว่า น้ำหนักลดลงไป 4 ก.ก. เพราะกินน้อยลงและไม่ได้ออกกำลังกาย

โดยระหว่างที่ถูกกักตัวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ทหารดูแลดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อกลับมาอ่านข่าวและข้อมูลย้อนหลังที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เขียนถึงตนว่า ช่วงถูกควบคุมตัวถึงกับหน้าซีดเข่าอ่อนนั้น ข้องใจมาก เพราะไม่เป็นความจริง

เหตุการณ์จริงคือในช่วงเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาควบคุมตนโดยจับที่แขนนั้น ตนปัดแขน 3-4 ครั้งและยืนยันว่าเดินเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาจูง จึงไม่เข้าใจว่านายนิพิฏฐ์เขียนถึงตนลักษณะนี้ด้วยเจตนาอะไร ต้องการอะไร

วันเดียวกัน นายชัชชาติ ส่งข้อความผ่าน "ไลน์"มายังกลุ่มผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงคมนาคม มีใจความว่า ผมออกมาแล้วเมื่อคืนวานครับ อยู่ 7 วันเต็ม แต่เพิ่งได้โทรศัพท์วันนี้ ก็เรียบร้อยดีครับ ทหารเขาก็ดูแลดี ลำบากแค่ตรงคิดถึงบ้านเท่านั้น

อยู่โน่นเห็นมีคนให้ข่าวว่าผมเขาอ่อน เป็นซุปเปอร์แมนปีกหัก ต้องมีทหารหิ้วปีก ก็ขำดีครับ ผมเดินออกไปเป็นคนแรก ทหารมาจับแขน ผมยังปัดออกบอกว่า ผมเดินเองได้ 3-4 ครั้ง ไม่ได้กลัวอะไร เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เราทำตามหน้าที่ ทหารก็ทำตามหน้าที่ ไม่รู้คนให้ข่าวจะโกหกไปทำไม แต่ผมก็อโหสิให้ครับ

ที่ผ่านมา ขอขอบพระคุณพวกเราทุกๆ คนนะครับ ที่ช่วยสื่อสารข้อมูลของกระทรวงคมนาคม เป็นอย่างดีมากๆ สองปีกว่าที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม เรายืนหยัดอย่างมีศักดิ์ศรี และ พร้อมเดินหน้าต่อเพื่อบริการประชาชนเต็มที่

ที่ผ่านมา ถ้าผมได้ทำอะไรไม่เหมาะสม หรือ พูดอะไรที่ทำให้พวกเราไม่สบายใจ ผมกราบขอโทษพวกเราไว้ ณ ที่นี้นะครับ

ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ และ ความห่วงใย ดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับพวกเราทุกๆ คนครับ