ข่าว
"ป้อ ประตูน้ำ"เปิดใจ รัก”พลอยแพรว”มาก

จากกรณีที่ น.ส.นัฏฐิกานต์ หรือพลอยแพรว อัศวมงคลพันธุ์ อายุ 21 ปี นางแบบสาวนิตยสารชื่อดังและผู้เข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2010 ได้เข้าร้องเรียนกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าถูกนายบุญสิทธิ์ หรือป้อ ธรรมโรจน์พินิจ บุตรชายนายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือที่รู้จักกันในนาม “เฮียปอ ประตูน้ำ” ที่เคยคบหาเป็นแฟนกันมาร่วม 2 ปีเศษ ติดตามตัวขู่ฆ่าหลังขอแยกทางเพราะทนถูกทำร้ายร่างกาย โดยทางนางปวีณาได้พาตัวเข้าแจ้งความที่สน.พญาไท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 21 มิ.ย.นายบุญสิทธิ์ ธรรมโรจน์พินิจหรือ “ป้อ ประตูน้ำ” ลูกชายของ “ปอ ประตูน้ำ”แถลงข่าวเปิดใจที่โรงแรมพีเจ ย่านประตูน้ำ ว่า ตั้งแต่เริ่มคบกัน ก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของตนเอง เมื่อประมาณปี 2553 ตลอดเวลาที่คบหากันมาก็มีปากเสียงกันตามปกติ ยอมรับว่ารักน้องพลอยมาก เวลาทะเลาะมีปากเสียงกัน เค้ามักจะหนีออกจากบ้าน ซึ่งก็ได้ออกตามหาทุกครั้งที่เค้าหายออกไป ส่วนเรื่องที่น้องบอกว่าถูกกักขังไม่ให้ไปเรียนหนังสือนั้น ไม่เป็นความจริงเลย ตนไม่เคยปิดกั้นเรื่องการศึกษาของน้องแต่อย่างใด นอกจากนี้เรื่องที่น้องบอกว่าพาลูกน้องไปตามหาตัวเค้านั้น อยากบอกว่าเมื่อแฟนหายออกตัวไปก็ต้องออกตามหาเป็นธรรมดา ยิ่งในงานที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ซึ่งกว้างใหญ่มากคนเป็นพันจึงต้องนำเพื่อนสนิทที่รู้จักน้องออกตามหา และไปกันเพียง 5 คนเท่านั้น จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร

นายบุญสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับรูปที่น้องพลอย นำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าตนทำร้ายนั้นเป็นรูปเก่า ที่เกิดขึ้นหลายปีแล้ว ตนไม่เข้าใจว่าทำไม น้องแพรวถึงบอกตำรวจว่าตนทำร้ายเมื่อเดือนที่แล้ว และที่ผ่านมากว่า 3 ปี ที่คบกัน น้องพลอยค่อนข้างเป็นคนที่เรียกร้องความสนใจ มีหลายครั้งที่ตนเองกลับบ้านดึก น้องก็ได้เรียกร้องความสนใจ เช่นออกไปยืนริมระเบียง พร้อมส่งข้อความหาตนว่าถ้าไม่รีบกลับมาจะกระโดดลงไป รวมไปถึงการกรีดข้อมือตัวเองหลายครั้ง ซึ่งมีครั้งที่รุนแรงที่สุด เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเดินทางไปเกาหลี 1 วัน ตนทะเลาะกับน้อง น้องได้กรีดข้อมือตนเองอย่างแรง ตนต้องรีบพาไปหาหมอ เย็บไปถึง 10 เข็ม ตนเองยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายอะไรน้องพลอย100%

“ผมพร้อมที่จะให้อภัยและยังรักน้องพลอยอยู่ อยากจบปัญหาทุกอย่างและขอยืนยันว่ายังรักและมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันเสมอ แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมน้องแพรวต้องให้ร้ายตนเอง และแจ้งความดำเนินคดีกันถึงขนาดนี้ เชื่อที่เปลี่ยนไปเพราะการคบเพื่อน เมื่อข่าวออกมาแบบนี้ ตนเองไม่รู้จะไปมองหน้าใครได้ สังคมตราหน้าว่าตนเองเป็นคนโรคจิตและโหดร้าย ซึ่งถ้าข่าวเป็นจริง ตนพร้อมที่จะยอมรับ แต่ถ้าไม่เป็นจริง ผมก็อยากที่จะขอความเป็นธรรม อยากให้สังคมยอมรับ ว่าตนเองไม่ได้เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงแบบนั้น อย่างไรก็ตามเรื่องคดีมอบหมายให้ทางทนายความเป็นผู้ดำเนินการทุกอย่าง และพร้อมที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนภายในอาทิตย์หน้า ซึ่งตนเองอยากจะบอกว่า รู้สึกจิตใจแย่มาก ที่ต้องมีคดีกับคนที่รักตลอด 3 ปีที่ผ่านมา” นายบุญสิทธิ์ กล่าว.

‘แม่ลอน’ ไล่หลวงปู่เณรคำ เบี้ยวสร้างวัดป่าขันติธรรม

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ คุณแม่ลอน มนัส อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ประมาณ 15 ไร่ ที่มอบให้ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เพื่อให้ดำเนินการสร้างวัด กล่าวว่า จากกรณีที่พระรูปหนึ่งที่อ้างว่าเป็นประชาสัมพันธ์ของวัดป่าขันติธรรมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หลวงปู่เณรคำจะไม่ยอมตั้งวัดป่าขันติธรรมให้เป็นวัดที่ถูกต้อง โดยเมื่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองเสร็จแล้วจะยุบวัดป่าขันติธรรมนั้น ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในตอนแรกที่ตนมอบที่ดินตรงจุดนั้นให้กับหลวงปู่เณรคำ เนื่องจากต้องการให้มีการจัดสร้างวัดอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งหลวงปู่เณรคำเอง ก็ตกลงที่จะดำเนินการตามที่ตนต้องการ

จนกระทั่งระยะเวลาผ่านไปนานร่วม 10 ปี ก็ยังไม่มีการดำเนินการสร้างวัดแต่อย่างใด มีเพียงแค่การยื่นเรื่องเสนอกับทางกรมการศาสนา เพื่อขอสร้างวัด เพื่อขอใบอนุญาตตั้งวัด จนกระทั่งใบอนุญาตได้หมดอายุ ตามกำหนดเวลา 5 ปี ก็ยังไม่สามารถดำเนินการสร้างวัดได้สำเร็จ ตนได้ไปสอบถามข้อเท็จจริงกับทางหลวงปู่เณรคำอีกครั้ง แต่กลับได้คำตอบว่า จะไม่มีการสร้างวัด แต่จะสร้างเป็นวิหารหลวง โดยหลวงปู่เณรคำ แจ้งว่า หากสร้างเป็นวัดขึ้นมา ก็จะต้องมีการตรวจสอบรายได้เงินบริจาคต่าง ๆ จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

คุณแม่ลอน กล่าวต่อว่า จุดมุ่งหมายของตน ตั้งแต่แรกในการมอบที่ดินให้กับหลวงปู่เณรคำนั้น เนื่องจากหลวงปู่เณรคำถูกชาวบ้านชุมนุมขับไล่ให้ออกไปจากป่าช้าของชาวบ้าน ทำให้ต้องหาที่อยู่ใหม่ ตนจึงได้มอบที่ดินของตน ประมาณ 15 ไร่ ให้สร้างวัด ตนต้องการที่จะทำบุญโดยการสร้างวัดที่สมบูรณ์แบบ เพราะตนก็มีอายุ 68 ปี แล้ว แต่หลวงปู่เณรคำไม่ทำตามสัญญา ตนจึงจะดำเนินการสร้างวัดเอง ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่เริ่มแรก ซึ่งในช่วงแรกที่ตนรู้จักกับหลวงปู่เณรคำ ท่านเป็นพระที่ดีมาก ไม่มีเรื่องราวเสียหาย จนกระทั่งผ่านมา 2 - 3 ปี ให้หลัง พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป โดยไม่ยอมมาจำพรรษาที่วัด แต่จะกลับมาวัดเฉพาะช่วงที่มีการจัดงานที่วัดเท่านั้น ซึ่งหลังจากเสร็จงาน หลวงปู่เณรคำก็จะนำเอาเงินไปด้วย และเดินทางไปทำกิจนิมนต์ต่อ แต่ตนก็ไม่ทราบว่า หลวงปู่เณรคำรับกิจนิมนต์ที่ใดบ้าง ทำให้ตนคิดว่า หากหลวงปู่เณรคำ มีกิจนิมนต์มาก ก็ไม่จำเป็น ต้องเข้ามาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ส่วนจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน ที่จะเลือกทางเดินเอง

คุณแม่ลอน กล่าวต่อว่า การที่มีข่าวความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำ ได้ส่งผลกระทบกับจิตใจตนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวบ้านในหมู่บ้านที่ต่อต้านหลวงปู่เณรคำมาโดยตลอด และได้มีการต่อต้านหลวงปู่เณรคำมากกว่าเดิม ชาวบ้านต่างพากันสมน้ำหน้า ในการตัดสินใจของตนกับพวก ที่มอบที่ดินให้หลวงปู่เณรคำ เพื่อสร้างวัด แต่กลับไม่ได้เป็นวัด อย่างที่ใจตนต้องการไว้ ซึ่งก็ไม่เป็นไรหลวงปู่เณรคำทำตัวของท่านเอง อีกทั้งท่านไม่ได้อยู่สังกัดใด พระผู้ใหญ่ก็ปกป้องไม่ได้

หลังจากที่ข่าวคราวของหลวงปู่เณรคำเงียบไปแล้ว ตนก็จะเอาที่ดินที่ตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมคืนมา เพื่อไปขออนุญาตสร้างเป็นวัดที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบ และจะตั้งชื่อวัดใหม่อย่างที่ตนและชาวบ้านทุกคนต้องการ และพระแก้วมรกตจำลอง ก็จะยังประดิษฐานที่แห่งนี้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชน กราบไหว้บูชาต่อไป ส่วนหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโกกับ พระสงฆ์บางรูป โดยเฉพาะพระกฤต นั้น ตนจะไม่ให้อยู่ที่วัดแห่งนี้และไม่ให้เข้ามาบริหารวัดอีกต่อไป เพราะไม่อยากให้เสื่อมเสียไปมากกว่านี้

'ปู' ไหว้พระพรหมทำเนียบ ครบ46 รับเหนื่อยแต่ไม่ท้อ

บรรยากาศวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 46 ปีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า เมื่อเวลา 08.40 น.วันที่ 21 มิ.ย.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในชุดเสื้อสีน้ำเงินลายจุดสีขาว และกระโปรงสีน้ำเงินสด เมื่อไปถึงได้ขึ้นไปสักการะท้าวมหาพรหม บนยอดตึกไทยคู่ฟ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนเดินลงมาสักการะพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายาย ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่อยู่ตั้งเยื้องระหว่างกับตึกไทยคู่ฟ้ากับตึกบัญชาการ

จากนั้นได้เดินเยี่ยมชมซุ้มอาหารที่นำจัดเลี้ยงที่บริเวณถนนข้างตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีซุ้มไก่ย่างเขาสวนกวางของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และซุ้มผลไม้ของนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยอง และซุ้มชา-กาแฟ จากบริษัท ปตท. จำกัด มหาชน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สั่งกาแฟเย็นหวานน้อย 1 แก้ว ก่อนเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าพร้อมกับดูดกาแฟไปด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ท่ามกลางเม็ดฝนโปรยลงมาเล็กน้อย ซึ่ง พ.ต.ท.วทัญญู วัชรผโลทัย หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยนายกฯเป็นผู้เดินกางร่มของสำนักนายกรัฐมนตรีสีน้ำเงินให้ จากนั้นละอองฝนก็หยุดลงทันทีหลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปแล้ว ขณะเดียวกันนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำทีมงานของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรมว.อุตสาหกรรม และนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เข้าอวยพรด้วย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องในวันเกิดอยากเห็นความรักความเมตตา รวมไปถึงความสงบสุข และขอให้มีสติปัญญาในการบริหารบ้านเมืองให้มีการราบรื่น นอกจากนี้ยังขอให้ทุกคนมีความสุข มีแต่รอยยิ้ม มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป วันนี้ยังมีพลังในการทำงานต่อ ทุกอย่างต้องทำอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามสำหรับร่างกายก็ต้องได้รับการพักผ่อน แต่การทำงานทุกอย่างต้องทำอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า งานต่างๆ ทำให้เกิดความท้อถอยบ้างหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ต้องใช้คำว่าเหนื่อยมากกว่า หากถามว่าเหนื่อยหรือเปล่า ต้องเรียนว่าตนมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ยืนยันว่าไม่ท้อ เราจะทำงานอย่างเต็มที่ ที่สำคัญทุกครั้งที่ได้พบปะพี่น้องประชาชนได้รับกำลังใจเป็นอย่างดี ส่วนของขวัญที่อยากได้จากประชาชนคือ อยากเห็นความรักจากคนไทยทุกคน อยากเห็นคนไทยรักกันช่วยเหลือกัน และร่วมกันพัฒนาให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ซึ่งจะนำพาให้ทุกคนมีความสุข เราอยากเห็นความสุขของคนไทย ในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เราจะทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ อย่างสุดกำลังสุดพละกำลัง ตรงนี้ต้องขอขอบคุณ และจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชน ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ และขอบคุณสำหรับโอกาสที่เลือกตนมาในวันนี้