ข่าว
ตึก'วอล์กี ทอล์กี'แดนผู้ดี สะท้อนแดดละลายรถ'จากัวร์'

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. มาร์ติน ลินเซย์ ผู้จัดการบริษัทกระเบื้องชาวอังกฤษ นำรถยนต์ 'จากัวร์ เอ็กซ์เจย์' จอดไว้ใกล้กับตึก '20 เฟนเชิร์ช สตรีท' เมื่อเวลาประมาณ 12:45น. ก่อนไปทำธุระ และเมื่อเขากลับมาที่รถก็พบว่า กระจกมองข้างและชิ้นส่วนหลายชิ้นละลายอย่างเห็นได้ชัดและมีกลิ่นไหม้ด้วย คาดว่าสาเหตุมาจากถูกความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่สะท้อนมาจากด้านโค้งเว้าของอาคารกระจกสูง 37 ชั้นแห่งนี้ หลังเกิดเหตุ นายลินเซย์ระบุว่า บริษัท 'คานารี วาร์ฟ' และ 'แลนด์ ซีเคียวริตี' ผู้ร่วมรับเหมาก่อสร้างตึกวอล์กี ทอล์กี ยอมตกลงจ่ายค่าเสียหายแก่เขาเป็นเงิน 946 ปอนด์ (ราว 47,000 บาท) ทั้งนี้ หลังจากกรณีของนายลินด์เซย์ถูกเปิดเผยออกมา บรรดาเจ้าของรถที่เคยเกิดความเสียหายในลักษณ์เดียวกันก็ออกมาเรียกร้องให้ผู้รับเหมาชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งทางผู้รับเหมาก็ออกแถลงการณ์ร่วมว่า จะหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

มาลาวีขายเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีนำเงินมาเลี้ยงคนจน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองบลันไทเร ประเทศมาลาวี เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลมาลาวี เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มาลาวี จะใช้เงินจำนวน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้จากการขายเครื่องบินเจ็ทประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ มาเลี้ยงคนยากจนและปลูกพืชไร่ เพื่อต่อสู้กับภาวะขาดสารอาหาร หรือทุพโภชนาการ โดยนาซิอองส์ เอ็มโซโวยา โฆษกของกระทรวงการคลังมาลาวี กล่าวว่า มันเป็นการตัดสินใจของรัฐบาล ที่จะนำเงินจากการขายเครื่องบินดังกล่าว มาใช้ซื้อข้าวโพดและถั่วฝักยาวมาปลูก

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร กล่าวว่า ร้อยละ 10 ของประชากร 13 ล้านคนของมาลาวี เผชิญกับภาวการณ์ขาดแคลนอาหารในปีนี้ ประธานาธิบดีหญิง จอยซ์ บันดา ตัดสินใจเมื่อปีที่แล้ว ในการขายเครื่องบินประจำตำแหน่งลำดังกล่าว ซึ่งถูกซื้อโดยบิงกู วา มูธาริกา อดีตประธานาธิบดีที่เธอสืบทอดตำแหน่ง ในราคา 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อังกฤษ อดีตเจ้าอาณานิคม ผู้บริจาครายใหญ่ของมาลาวี ได้ลดความช่วยเหลือต่อมาลาวีลง 3 ล้านปอนด์ หรือ 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากรัฐบาลซื้อเครื่องบินขนาด 14 ที่นั่ง มูธาริกา ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปีที่แล้วด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ปกป้องการซื้อเครื่องบินลำดังกล่าว โดยบอกว่า มันราคาถูก และเป็นดัชนีชี้วัดฐานะทางสังคมของประเทศทางตอนใต้ของแอฟริกาที่ยากจนแห่งนี้

เครื่องบินลำดังกล่าวถูกประมูลโดยบริษัทโบห์น็อกซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด บนเกาะเวอร์จิ้น


ยื่นมือช่วยด.ช.จีนถูกควักลูกตาใส่อิเลกทรอนิก อาย มองเห็นได้

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากฮ่องกง เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ว่า กั๊วะ บิน เด็กชายชาวจีนวัย 6 ขวบที่ถูกหญิงที่เชื่อว่าเป็นป้าแท้ ๆ ของตนควักลูกตาทั้งสองข้าง อาจจะมีโอกาสกลับมามองเห็นได้อีกครั้งสักวันหนึ่ง หลังจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในฮ่องกง แสดงความเอื้ออาทรเด็กน้อยเคราะห์ร้ายรายนี้ ด้วยการยื่นความช่วยเหลือเสนอตัวที่จะใส่ดวงตาอิเลกทรอนิก หรืออิเลกทรอนิก อาย ให้เด็กชายกั๊วะ โดยเดนนิส ลัม ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุ ในฮ่องกง กล่าวว่า คณะของเขาจะจัดเตรียมการรักษาให้น้องกั๊วะ บิน ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เทคโนโลยีในอนาคตอาจสามารถฟื้นฟูให้เด็ก ซึ่งสูญเสียการมองเห็น กลับมามองเห็นได้ถึงร้อยละ 40

เด็กชายกั๊วะ บิน หรือเรียกกันว่า น้องบิน บิน ถูกพบในสภาพเลือดโทรมกลายใกล้บ้านในมณฑลชานสี ทางตอนเหนือของจีนเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากหญิงปริศนาก่อเหตุสะเทือนขวัญล่อหลวงเด็กชายไร้เดียงสาไปควักลูกตาทั้งสองข้าง “เมื่อผมทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกโกรธและอารมณ์เสียมาก ผมต้องถามตัวเองว่าสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ในฐานะที่เป็นจักษุแพทย์ การช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ถือเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเรา” ลัม กล่าว

นายลัมกล่าวเพิ่มเติมว่า เขายังรอเอกสารแสดงความยินยอมจากพ่อแม่ของน้องบิน บิน อยู่ เพื่อที่จะนำน้องเขามายังโรงพยาบาลจักษุของเขาในเมืองเสิ้นเจิ้น ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเด็กชายจะสามารถได้รับดวงตาเทียมทั้งสองข้างได้เร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า

อิเลกทรอนิก อาย จะประกอบด้วยกล้องรับสัญญาณภาพ และส่งสัญญาณไปยังขั้วไฟฟ้าที่ฝังอยู่ใต้ลิ้นของเด็กชาย จากนั้นก็จะส่งสัญญาณไฟไปกระตุ้นสมองให้รับทราบ และสมองก็จะสั่งการทำให้มองเห็นได้อีกครั้ง

ทอร์นาโดถล่มภาคตอ.ญี่ปุ่น เจ็บ 63 บ้านพังร่วมร้อยหลัง

วันที่ 2 ก.ย. เกิดพายุทอร์นาโดพัด หรือ พายุงวงช้าง ถล่มหลายพื้นที่ของเมืองโคชิกายะ ภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ทางเหลือของกรุงโตเกียว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายอีกนับร้อยหลัง

ภาพจากสถานีโทรทัศน์ เอ็นเอชเค ของญี่ปุ่น แสดงให้เห็นบ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนมาก รถยนต์หลายคันพลิกคว่ำ และกระจกอาคารโรงเรียนแห่งหนึ่งแตกเสียหาย นอกจากนี้ยังมีภาพโกดังเก็บของแห่งหนึ่ง ถูกพายุพัดจนชนิดถอนรากถอนโคน จนไปทับอาคารอื่นๆ

โฆษกตำรวจจังหวัดไซตามะเปิดเผยว่า พบผู้บาดเจ็บ 63 รายในเมืองโคชิกายะและพื้นที่รอบๆ รวมถึงมีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย หรือ พังทลายราว 110 หลัง โดยหนึ่งในผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส เนื่องจากกระโหลร้าว ขณะที่บริษัท โตเกียว อิเล็กทรอนิก พาวเวอร์ ซึ่งให้บริการพลังงานไฟฟ้าในจังหวัดนี้ ระบุว่าเกิดไฟฟ้าดับซึ่งความว่ามีสาเหตุจากฟ้าผ่า กระทบประชาชานราว 33,000 ครัวเรือน

ด้านผู้สื่อของสำนักข่าวเอเอฟพีในพื้นที่เกิดเหตุรายงานว่า พบเห็นซากความเสียหายเต็มถนน เสาไฟฟ้าหลายต้นล้มใส่บ้านหลายหลัง ชาวบ้านท้องถิ่นต่างออกมาสำรวจความเสียหายของบ้านตัวเอง โดยถูกทางการสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปภายในบ้าน เนื่องจากกังวลว่าบ้านอาจพังถล่มลงมา